เซวียจินนั้นเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของเซวียหมิงจื่อ รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ อีกทั้งมันยังเป็นเด็กกำพร้าที่เซวียหมิงจื่อเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเล็ก ยังใช้แซ่เซวียตามเซวียหมิงจื่อ
ส่วนทางด้านหวงถิงนั้น มันก็เป็นศิษย์ของเหอจ้าวหมิง รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์อีกคน
ทั้งคู่นับว่าเป็นศิษย์ฝ่ายในอันดับต้นๆก็ว่าได้ แม้จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าต้วนหลิงเทียนกับหัวเทียนตู้ แต่ก็ด้อยกว่ากันไม่มากนัก
เดิมทีหวงถิงก็หงุดหงิดหลังโดนต้วนหลิงเทียนดูถูก และตั้งแง่กับต้วนหลิงเทียน
อย่างไรก็ตาม พอได้ยินคำยุแยงตะแคงรั่วจากเซวียจิน มันก็เลิกมีโมโหสืบไป
มันหวงถิง ใช่คนที่จะถูกหลอกใช้ให้เป็นมือปืนตั้งแต่ตอนไหน
“เจ้า? ตัดชุดแต่งงานให้ข้า?”
ได้ยินคำพูดของหวงถิง เซวียจินก็หัวเราะร่า “หวงถิง เจ้าพูดเหมือนกับเจ้ามีปัญญาสู้ต้วนหลิงเทียนได้อย่างไรอย่างนั้น ในสายตาข้า เจ้า หวงถิง เกรงว่าหากประมือกับต้วนหลิงเทียนคงรับไม่ได้แม้กระบวนท่าเดียว!”
กล่าวจบคำ รอยยิ้มบนใบหน้าเซวียจิน ก็ยิ่งฉีกกว้างเผยความเย้ยหยันมากขึ้น
“เจ้า…”
ในขณะที่สีหน้าของหวงถิงเปลี่ยนเป็นอึมครึมคล้ายจะพูดอะไรออกมา แต่มันก็ถูกขัดคำเสียก่อน
คนที่ขัดจังหวะมันก็คือต้วนหลิงเทียน
เพราะตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนได้หันกลับมามองเซวียจิน พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เจ้าเซวียจินกระมัง หรือเจ้าคิดว่าตัวเองมีปัญญารับมือข้าได้สักท่า?”
เดิมทีต้วนหลิงเทียนก็คร้านจะสนใจหรือสอดปากเข้ามายุ่งขณะหวงถิงมีปากเสียงกับเซวียจิน
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเซวียจินมีจิตคิดเล่นงานเขา เขาย่อมไม่อาจเพิกเฉยเป็นธรรมดา
นอกจากนั้น เมื่อไม่นานมานี้ เขายังได้รับข้อความจากหลิงหูเหรินเจี๋ย อีกฝ่ายแจ้งเตือนมาว่า หลังจากลองสืบประวัติเซวียหมิงจื่อรองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ดูแล้ว อีกฝ่ายนั้นเป็นคนที่ตามใจลูกสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของมันมาก ขอเพียงลูกสาวคนเดียวของมันคิดเล่นงานต้วนหลิงเทียน เซวียหมิงจื่อย่อมไม่อยู่เฉยแน่นอน
ตั้งแต่ได้รับแจ้งจากหลิงหูเหรินเจี๋ย ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะระวังเซวียหมิงจื่อมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยึดถืออีกฝ่ายเป็นศัตรู
และตอนนี้เห็นชัดว่าที่เซวียจินพยายามหาทางเล่นงานเขา ก็เพราะเหตุผลเดียวกัน
ในเมื่อเขากระทั่งยึดถือเซวียหมิงจื่อเป็นศัตรูไปแล้ว เขาจะกังวลอะไรกับอีแค่ศิษย์ของอีกฝ่าย?
หวงถิงที่เดิมทีก็ไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเมื่อถูกต้วนหลิงเทียนพูดแทรก แต่พอได้ยินคำพูดที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยกับเซวียจินโทสะของมันก็สลายไปหมดสิ้น ใบหน้ายังเริ่มคลี่ยิ้มร่า
ทันใดนั้น มันก็รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้แลดูขัดตาอีกต่อไป
ขณะเดียวกันหวงถิงก็ไม่ลืมหันไปมองเซวียจินพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “เซวียจิน เจ้าไม่คิดลองดูหน่อยหรือ ว่าเจ้าจะมีปัญญาเอาตัวรอดใต้เงื้อมมือต้ว…แฮ่ม ศิษย์น้องต้วนได้กี่กระบวนท่า?”
จังหวะนี้กระทั่งคำที่หวงถิงใช้เรียกหาต้วนหลิงเทียนยังเปลี่ยนไป
ด้านเซวียจินก็เลิกสนใจคำพูดของหวงถิง เพียงหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาไม่พอใจ กล่าวคำเสียงเย็น “ต้วนหลิงเทียน พลังฝีมือของเจ้าร้ายกาจมาก และข้ายอมรับว่าไม่ใช่คู่มือของเจ้า…”
“แต่เรื่องที่เจ้าจะเอาชนะข้าได้ในกระบวนท่าเดียว ข้าเกรงว่านั่นคงเป็นไปไม่ได้”
สีหน้าของเซวียจินแลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
“เช่นนั้นมาเดิมพันกันสัก 10,000 คะแนนอุทิศไหมเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเซวียจินอย่างไร้แยแส เอ่ยคำเสียงเรียบ “ตราบใดที่เจ้าสามารถรอดพ้นหนึ่งกระบวนท่าของข้าได้โดยไม่แพ้พ่าย ข้าจะให้คะแนนอุทิศ 10,000 แต้มกับเจ้า”
“แต่ถ้าข้าเอาชนะเจ้าได้ในกระบวนท่าเดียว เจ้าก็จ่ายคะแนนอุทิศให้ข้า 10,000 แต้ม”
“เจ้ากล้าหรือไม่เล่า?”
กล่าวถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็จ้องตาเซวียจินเขม็ง
10,000 คะแนนอุทิศ!
สิ้นคำพูดของต้วนหลิงเทียน ผู้ชมโดยรอบก็ฮือฮากันทันที
คะแนนอุทิศ 10,000 แต้ม ถือเป็นจำนวนมหาศาลสำหรับพวกมัน
“เจ้าพูดจริง?”
ด้านเซวียจินแม้จะไม่สบอารมณ์ที่โดนต้วนหลิงเทียนดูถูก แต่มันก็อดไม่ได้ที่จะถูกคะแนนอุทิศ 10,000 แต้มล่อลวง เพราะนั่นไม่ใช่อะไรที่เล็กน้อยเลยทีเดียว
แม้แต่ตัวมันเองที่อยู่นิกายมังกรสวรรค์มาหลายปี แต่ก็สะสมคะแนนอุทิศได้แค่ 20,000 กว่าแต้มเท่านั้น
และนั่นเป็นเพราะมันมีบิดาบุญธรรมเป็นถึง รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์แล้วอีกด้วย
“ข้าย่อมพูดจริง”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยเสียงเรียบ
“หากว่าข้าจำไม่ผิด…”
เซวียจินเริ่มสงบลง “เจ้า ต้วนหลิงเทียน พึ่งจะเข้าร่วมนิกายมาไม่กี่เดือนมิใช่หรือไร เช่นนั้นคะแนนอุทิศ 10,000 แต้ม เจ้ามีหรือ?”
“อ้อ ข้าเคยได้ยินมาว่าเจ้าสนิทสนมกับอาวุโสเชวียไห่ชวนไม่น้อย หากเจ้าคิดหยิบยืมผู้อื่นก็คงไม่มีปัญหา แต่สุดท้ายเมื่อยืมก็ต้องใช้คืนอยู่ดี”
กล่าวถึงจุดนี้ เซวียจินก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาราวกับมองผีหิวโหยยากจนข้นแค้น
“ไม่ใช่แค่คะแนนอุทิศ 10,000 แต้มรึไง?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยคำเสียงเรียบ “เพียงเท่านี้ข้าไม่จำเป็นต้องยืมใคร”
แทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ ก็มีศิษย์ฝ่ายในที่ชมดูเรื่องราวแต่แรกบางคนเอ่ยเตือนเซวียจิน “ศิษย์พี่เซวียจิน ต้วนหลิงเทียนพึ่งรับภารกิจหาโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดที่อาวุโส จูเฟยอวี่ ออกไว้มาทำ ทั้งยังส่งภารกิจเรียบร้อยแล้ว”
แทบจะยืนยันข้อเท็จจริงในวาจาของศิษย์ฝ่ายในคนนี้ก็ไม่ปาน เพราะหลังมันกล่าวจบคำไม่ทันไร ก็ปรากฏร่างหนึ่งวูบเข้ามาในตำหนักกิจการฝ่ายในปานภูตผี
“มีคนทำภารกิจหาโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดของข้าเสร็จแล้วหรือ?”
“อา! มิผิดแน่ เป็นโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดจริงๆ เป็นผู้ใดที่ทำภารกิจสำเร็จกัน?”
ชายวัยกลางคนที่พึ่งปรากฏกายเบื้องหน้าโต๊ะรับภารกิจของอาวุโสตำหหนักกิจการที่พึ่งส่งคำแนนภารกิจให้ต้วนหลิงเทียน ก็นำโอสถเทพคลี่คลายชีพจรออกมา พลางยืนให้ชายวัยกลางคนดังกล่าว ขณะที่อีกฝ่ายถาม
“อาวุโสจูเฟยอวี่”
อาวุโสตำหนักกิจการเมื่อส่งเม็ดยาให้อีกฝ่ายแล้ว ก็กล่าวตอบคำถามออกไปโดยพลัน ยังหันไปมองต้วนหลิงเทียนพร้อมๆกัน “ผู้ที่ส่งภารกิจของท่านก็คือ ต้วนหลิงเทียน”
“ต้วนหลิงเทียน?”
ทันใดนั้น ลูกตาจูเฟยอวี่ก็มองผ่านฝูงชน จนในที่สุดก็ตกลงบนร่างต้วนหลิงเทียน สองตายยังฉายแววร้อนแรงขึ้นมา “ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินมาว่าตอนเจ้าอยู่ในตระกูลหลิงหู เจ้าสามารถหลอมโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดได้ตามอำเภอใจ..หรือว่ากระทั่งโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดเม็ดนี้ ก็เป็นเจ้าหลอมเอง?”
ทันทีที่จูเฟยอวี่ปรากฏตัว ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นป้ายประจำตัวของผู้อาวุโสมังกรขาวที่อีกฝ่าห้อยแขวนไว้ที่เอวแต่แรก เช่นนั้นพอได้ยินคำถามอีกฝ่าย เขาจึงพยักหน้าตอบคำด้วยรอยยิ้ม “ไม่ผิด”
ได้ยินยอมรับของต้วนหลิงเทียน สองตาจูเฟยอวี่ก็ลุกวาวขึ้นมาทันที “ต้วนหลิงเทียน ไม่ทราบเจ้ายังมีโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดหลงเหลืออีกหรือไม่…หากว่าเจ้ายังมีโปรดมอบให้ข้าสักเม็ดสองเม็ดเถอะ ข้าจะให้เจ้าเม็ดละ 10,000 คะแนนอุทิศเหมือนเดิม”
ทันใดนั้นทุกสายตาก็หันไปหยุดมองต้วนหลิงเทียน
สายตาของผู้คนทั้งหลายเต็มไปด้วยความอยากรู้
ว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถนำโอสถเทพคลี่คลายชีพจรออกมาได้อีกไหม?
“ข้ายังพอมีเหลืออยู่บบ้าง”
ท่ามลางสายตาของผู้คน ต้วนหลิงเทียนก็ตอบคำด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็สะบัดมือเรียกขวดโอสถหยกหนึ่งออกจากแหวนพื้นที่ ก่อนจะเปิดจุกแล้วเทเม็ดยากลมๆออกมา 9 เม็ด ก่อนจะใช้พลังเทพหยิบยก 2 ในนั้น ส่งมอบไปให้จูเฟยอวี่
พร้อมๆกันกับที่ส่งเม็ดยาไป ต้วนหลิงเทียนก็ส่งป้ายประจำตัวของเขาไปให้จูเฟยอี่ด้วยพร้อมๆกัน
“เจ้ามีเยอะแบบนี้ เช่นนั้นข้าขอเพิ่มอีกเม็ดเป็น 3 เม็ดเถอะ เดี๋ยวข้าจะโอนคะแนนอุทิศ 30,000 แต้มให้เจ้า”
เดิมทีจูเฟยอวี่ก็ถามออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก ในใจรู้สึกว่าแค่ต้วนหลิงเทียนมีโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดสักเม็ดก็ยอดมากแล้ว
แต่ใครจะไปรู้ อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็สร้างความประหลาดใจครั้งใหญ่ให้มันเสียอย่างนั้น อีกฝ่ายถึงกับเทโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดออกมาให้เห็นถึง 9 เม็ดหน้าตาเฉย!
จังหวะนี้ เมื่อนึกถึงชีพจรสวรรค์ที่บาดเจ็บของลูกชาย มันได้แต่กัดฟันกล่าวขอซื้อโอสถเทพคลี่คลายชีพจรเพิ่มอีกเม็ดนอกจาก 2 เม็ดที่พูดไปส่งๆ…และอาศัยโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด 4 เม็ด ชีพจรสวรรค์ที่บาดเจ็บของลูกชายมันต้องหายทันก่อนที่ศึกจักรพรรดิ จะเริ่มต้นขึ้นแน่นอน
อันที่จริง 3 เม็ดก็พอแล้ว แต่มันเลือกจะเอาไปเผื่อเพื่อความปลอดภัย
“ไม่มีปัญหา”
ได้ยินคำเรียกร้องของจูเฟยอวี่ ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ปฏิเสธเป็นธรรมชาติ เพราะนี่นับเป็นโอกาสอันดีที่เขาจะหาคะแนนอุทิศ ในเมื่ออาวุโสจูเฟยอวี่คนนี้อยากซื้อโอสถเทพคลี่คลายชีพจนขั้นสุดยอด ส่วนเขาก็อยากขาย แถมอีกฝ่ายยังเสนอราคา ‘ประเสริฐ’ อีก หากพลาดก็เสียดายแย่แล้ว
โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด 3 เม็ด ได้คะแนนอุทิศอีกตั้ง 30,000 แต้ม!
เรียกว่า คะแนนอุทิศในป้ายประจำตัวของต้วนหลิงเทียน มันพุ่งจาก 10,000 แต้มเป็น 40,000 แต้มทันที!
“ต้วนหลิงเทียน ข้ายังมีงานต้องทำ เช่นนั้นต้องขอตัวไปก่อน…วันหน้าหากเจ้าเจอปัญหาใดในนิกายมังกรสวรรค์ เจ้าสามารถมาหาข้าได้เลย หากว่าเป็นเรื่องที่ข้าจูเฟยอวี่ช่วยได้ ข้าไม่มีอิดออดแน่ ทั้งต่อให้ไม่มีเรื่องใด ข้าก็ยินดีต้อนรับเจ้าทุกเมื่อ”
จูเฟยอวี่นั้น ด้วยความรีบร้อนจะนำโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดทั้ง 4 เม็ดไปให้ลูกชาย เช่นนั้นมันก็เลยกล่าวคำลาต้วนหลิงเทียน แล้วรีบแจ้นหายไปด้วยความดีใจทันที
หลังจากจูเฟยอวี่จากไปแล้ว ฉากเรื่องราวโดยรอบก็ยังคงเงียบงันไปพักหนึ่ง
โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด 10 เม็ด!
ใครจะไปรู้ ว่าต้วนหลิงเทียนจะมีโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดเก็บไว้ถึง 10 เม็ด!
ต่อให้ขาย 4 เม็ดให้จูเฟยอวี่ไปแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีก 6 เม็ด!
“ให้ตายเถอะ…เจ้านั่นมันหลอมเองจริงๆเหรอ!?”
“สวรรค์ช่วย! ตอนข้าได้ยินมาว่ามันสามารถหลอมโอสถระดับเทพขั้นสุดยอดได้เหมือนกินข้าวดื่มน้ำ ข้าก็อึ้งแทบตายแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะหลอมได้กระทั่งโอสถเทพระดับราชาขั้นสุด นี่เรื่องจริงหรือ?”
“ข้ารู้มาว่า ต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับราชาที่เก่งกาจที่สุด ก็ไม่แน่ว่าจะหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรธรรมดาๆได้ ไม่ต้องกล่าวถึงโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดเลย…เพราะโอสถเทพคลี่คลายชีพจรนั่น เหมือนจะหลอมให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดยากที่สุดในบรรดาโอสถเทพระดับราชาแล้ว”
“ไฉนข้ารู้สึกว่า พรสรรค์ในศาสตร์การหลอมโอสถของต้วนหลิงเทียน มันเก่งกาจเหนือล้ำกว่าพรสวรรค์ในการฝึกฝนบ่มเพาะอีกล่ะ?”
“นี่มันหลอมเองจริงๆหรือ ไฉนข้ารู้สึกว่ามันยากจะเชื่อนักล่ะ หากบอกว่าอาจารย์ที่สอนมันหลอมยาหลอมให้ข้าจึงเชื่อ…แต่หากบอกว่ามันหลอมออกมาเอง ข้าทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ มันยังอายุไม่ถึง 3,000 ปีเลยไม่ใช่รึไง?”
…
ต้วนหลิงเทียนที่ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี เอาแค่ระดับพลังฝึกปรือกับความเข้าใจในกฏมิติ ก็ทำให้ทุกคนตกใจแทบตายแล้ว
เช่นนั้นพวกมันย่อมยากจะเชื่อได้ลงคอ ว่าต้วนหลิงเทียนจะสามารถเอาดีได้ถึง 2 ทางแบบนี้ แถมเต๋าโอสถของอีกฝ่ายยังแลดูจะเหนือล้ำกว่าเต๋าแห่งยุทธ์เสียอีก
“ถึงแม้โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดนั่นจะไม่ใช่มันที่หลอมขึ้นมา แต่เป็นอาจารย์ของมัน แต่ความสำเร็จในเต๋าโอสถของอาจารย์มันก็นับว่าสูงไม่ใช่ชั่ว…พวกเจ้าอย่าได้ลืมไปว่าอดีตประมุขเฒ่าของพวกเรายังหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดไม่ได้เลย”
ท่ามกลางสายตาสนอกสนใจของทุกคน ต้วนหลิงเทียนที่รับป้ายประจำตัวมาแล้วก็ โบกไปโบกมาพลางกล่าวกับเซวียจินว่า “พวกเรามาเดิมพันกันสัก 40,000 คะแนนอุทิศเลยเป็นไร?”
เซวียจินที่ได้ยินคำท้าดังกล่าว สองตาก็หดเล็กลงเร็วไว
จากนั้นมันก็มองลึกไปทางต้วนหลิงเทียนครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหลังจากไปโดยไม่พูดไม่จา
“ฮ่าๆๆๆ..เซวียจิน เจ้ากลัวรึไง ปอดแหก!!”
พอเห็นเซวียจินหนีไปดื้อๆแบบนี้ หวงถิงก็หัวเราะเยาะออกมาดังร่าด้วยความถูกใจ ยังกล่าวถากถางอย่างสนุกสนาน
“หวงถิง หากเจ้าเก่งนัก เช่นนั้นไปลงนามในสัญญาประลองเป็นตายกับข้าเถอะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าสู้กับข้าเองว่าอย่างไร?”
เซวียจินที่โดนกล่าวถากถางไม่เพียงหยุดเดิน แต่ยังหันมามองท้าหวงถิง ด้านหวงถิงก็ยกยิ้มดูแคลนกล่าวสวนไปว่า “เซวียจิน เจ้าก็ดีแต่ข่มข้าเพราะเจ้าแก่กว่าข้าหลายพันปีหรอก…ตอนเจ้าอายุเท่าข้า เจ้ามีปัญญาสู้ข้าได้ไหมเล่า?”
“หึ!!”
เมื่อเห็นว่าเซวียจินพ่รลมสบถออกมาอีกคำ แล้วก็จากไปหน้าตาเฉย ต้วนหลิงเทียนก็ยืนกระพริบตาปริบๆ
อะไรกัน?
คะแนนอุทิศอีก 40,000 แต้มที่น่าจะได้จากการเดิมพันของเขาล่ะ อดแล้วหรือ?