ตอนที่ 3,830 : เกิดมาเพื่อเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ
อดีตประมุขเฒ่าของนิกายมังกรสวรรค์นั้น เป็นดั่ง ‘ตำนาน’ ของนิกายมังกรสวรรค์ในยุคนี้เลยก็ว่าได้ ศิษย์ 9 ใน 10 ของนิกายมังกรสวรรค์เห็นอีกฝ่ายเป็นดั่งแบบอย่าง และส่วนที่เหลือก็นับถือและชื่นชมมันจากใจ
ในสายตาของพวกมัน
ตัวตนระดับนี้ ต่อให้ไม่อาจหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้ แต่ไม่ใช่เพราะไร้ฝีมือ เพียงแต่ขาดเคล็ดลับสำคัญบางอย่างจึงไม่อาจหลอมได้สำเร็จ
ส่วนต้วนหลิงเทียนนั้น ทุกคนคิดว่า 9 ใน 10 สมควรโชคดีได้รับเคล็ดลับในการหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอด ก็เลยสามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้
วันนี้ ตราบใดที่อดีตประมุขเฒ่าสามารถเห็นเคล็ดลับและกลวิธีของต้วนหลิงเทียนล่ะก็ ต้องสามารถนำมาประยุกต์ใช้จนหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้เช่นกัน!
“ไม่แน่เคล็ดลับที่ต้วนหลิงเทียนใช้หลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้ หากอยู่ในมือท่านอดีตประมุขผู้เฒ่า ท่านอาจจะสามารถนำไปปรับใช้กับโอสถเทพระดับราชาชนิดอื่นๆ หรือแม้แต่โอสถเทพระดับจอมราชัน! ถึงตอนนั้นท่านย่อมหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดได้!!”
“หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดหรือ! หากอดีตประมุขผู้เฒ่าทำได้จริงๆ ข้าเกรงว่าความสามารถในการหลอมโอสถเทพของท่านตอนนั้น หากกล่าวว่าเป็นที่ 2 คงไม่มีใครในเขตคฤหาสน์ตงหลิงกล้าพูดว่าเป็นที่ 1!”
“แต่พูดก็พูดเถอะ ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นโชคดียิ่งนัก มันถึงกับล่วงรู้เคล็ดวิธีหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้ ไม่ทราบจริงๆว่ามันไปพบพานมาแต่ที่ใด”
“ใครที่เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ จำต้องจับตาดูการหลอมยาวันนี้ของต้วนหลิงเทียนให้ดี หากเก็บเกี่ยวอันใดได้ นั่นจักเป็นประโยชน์มหาศาล!”
…
เมื่อหันไปมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สายตาทุกคนก็ลุกวาวขึ้นมา แต่ละคนล้วนเผยความคาดหวังทั้งสิ้น บ้างก็กระตือรือร้นอย่างมากเพราะเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพเช่นกัน ส่วนที่ไม่ได้เป็นบางคนก็ถึงกับเริ่มเตรียมบันทึกฉากเรื่องราวลงป้ายหยกเก็บความทรงจำ
‘เคล็ดลับ?’
ถึงแม้เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายมังกรสวรรค์จะกระซิบกระซาบคุยกัน แต่โสตประสาทรับฟังของต้วนหลิงเทียนนั้นยอดเยี่ยมมาก เขาจึงได้ยินมันชัดเจน และนั่นก็ทำให้เขาอดลอบหัวเราะในใจไม่ได้
เกรงว่าคนเหล่านี้คงต้องผิดหวังแล้ว
เคล็ดลับหรือ?
จริงอยู่ที่เขามี
เพียงแต่เคล็ดลับของเขาคงไม่มีใครสามารถลอกเลียนได้
พอดีข้าพเจ้ามีพฤกาษเทพกำเนิดชีพที่ได้จากซากปรักหักพังของระนาบเทพทั้งต้นอยู่ในโลกใบเล็กภายในกาย แล้วพวกท่านสามารถหามันมาปลูกไว้ในโลกใบเล็กของพวกท่านได้หรือไม่?
ตั้งแต่ที่มาถึงระนาบเทพ ต้วนหลิงเทียนก็ได้รู้เรื่องราวต่างๆเพิ่มเติมมากมายที่เขาไม่เคยรู้มาก่อนในอดีต และบางเรื่องวารีเทพชำระโลกาก็ไม่ได้บอกเขา
บางเรื่องวารีเทพชำระโลกาอาจไม่รู้ชัด แต่บางเรื่องก็เป็นเรื่องพื้นฐานจนอาจละเลยไป
และสิ่งหนึ่งที่เขาได้รู้เพิ่มก็คือ ระนาบเทพนั้น มันจะถูกทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพังในเวลาเดียวกันกับที่ผู้แข็งแกร่งที่สุดอันเป็นเจ้าของระนาบเทพนั้นๆถูกฆ่าตาย ต่อมาระนาบเทพดังกล่าวก็จะจมหายไปในห้วงมิติโกลาหล ยากจะมีผู้ใดสามารถล่วงรู้หรือระบุตำแหน่งของมันได้
ยิ่งไปกว่านั้น พฤกษาเทพกำเนิดชีพอันเป็นรากฐานของระนาบเทพนั้น ปกติแล้วหลังจากระนาบเทพพังทลาย ไม่นานนักมันก็จะเริ่มสูญเสียพลัง ก่อนจะพินาศไปด้วย
เหตุผลเดียวที่พฤกษาเทพกำเนิดชีพในซากปรักหักพังที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอนั้นสามารถรอดชีวิตอยู่ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะวารีเทพชำระโลกาคอยหล่อเลี้ยงด้วยพลังของนาง จนทำให้มันสามารถรอดชีวิตมาได้จนพบเจอต้วนหลิงเทียน
หากต้วนหลิงเทียนไม่ได้เข้าสู่ซากปรักหักพังของระนาบเทพในตอนนั้น และนำพฤกษาเทพกำเนิดชีพมาปลูกในโลกใบเล็กภายในกายเขา เกรงว่าคงใช้เวลาอีกไม่นาน พฤกษาเทพกำเนิดชีพก็ต้องเหี่ยวเฉาจนตกตาย หลังจากที่สูบพลังของวารีเทพชำระโลกาจนหมด
วารีเทพชำระโลกาไม่ได้มีพลังอำนาจทุกอย่าง และไม่มีทางหล่อเลี้ยงพฤกษาเทพกำเนิดชีพในซากปรักหักพังของระนาบเทพไปได้ตลอดกาล
“มันจะหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้จริงๆหรือ?”
ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสโดยรอบ รวมถึงเห็นความสงบบนใบหน้าของต้วนหลิงเทียน สือคงเยย่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง
ตัวตนระดับนี้ ยอมลดตัวลงมาผูกมิตรกับติงเหยียนจริงๆ?
อีกฝ่ายตาถั่วหรือไร?
ด้านติงเหยียนที่ลอยร่างห่างสือคงเยว่ไม่ไกล ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย แต่มันก็อดเป็นกังวลไม่ได้ ก็เลยส่งเสียงผ่านพลังไปหาต้วนหลิงเทียน “ต้วนหลิงเทียน หากเจ้ามีเคล็ดลับบางอย่างที่ทำให้เจ้าสามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้จริง ข้าว่าเจ้าซ่อนมันไว้จะดีกว่า…ถึงแม้สิ่งนี้จะดูเห็นแก่ตัวไปบ้าง แต่เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเคล็ดลับให้คนอื่นฟังจนต้องเสียประโยชน์”
“หากท่านอดีตประมุขผู้เฒ่าต้องการเคล็ดลับของเจ้าจริง ก็ให้อีกฝ่ายเสนอบางอย่างเป็นการแลกเปลี่ยนเถอะ”
“ข้าขอกล่าวบอกเจ้าตามตรงเลยแล้วกัน หากเจ้ามีเคล็ดลับที่ว่าจริง นั่นไม่ใช่อะไรที่ประเมินค่าได้เลย”
คำพูดผ่านพลังของติงเหยียนนั้น แม้จะฟังดูเห็นแก่ตัว แต่มันก็กล่าวเตือนเพราะหวังดีกับต้วนหลิงเทียน
ถึงจะไม่อาจเก็บเคล็ดลับดังกล่าวไว้ได้ตลอด แต่การนำมันไปแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ย่อมคุ้มกว่ามาเปิดเผยเปล่าๆ
สำหรับมันแล้ว แม้ฐานะของอดีตประมุขเฒ่าจะยิ่งใหญ่ในนิกายมังกรสวรรค์มาก แต่สุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรจากคนแปลกหน้าสำหรับมันอยู่ดี
อีกอย่างทุกสิ่งที่มันได้รับจากนิกายมังกรสวรรค์ ก็ได้รับจากท่านลุงสือคงที่เป็นดั่งบิดาคนที่สองของมันคนเดียว ไม่เกี่ยวกับใครหน้าไหนในนิกายมังกรสวรรค์ทั้งนั้น มันจึงไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนเสียเปรียบใคร
สิ่งนี้ไม่ถือว่ามันเนรคุณนิกาย แต่แยกแยะผลประโยชน์ให้ชัดเจน
หากเคล็ดลับที่ว่าเป็นของมันๆย่อมยินดีมอบให้ท่านลุงสือคงโดยไม่มีเงื่อนไข แม้ท่านลุงจะนำไปมอบให้นิกายมันก็ไม่ใส่ใจ
แต่เคล็ดลับที่ว่าเป็นของต้วนหลิงเทียน และต้วนหลิงเทียนเป็นสหายของมัน เช่นนั้นมันย่อมบังเกิดความเห็นแก่ตัว ไม่อยากให้ต้วนหลิงเทียนเปิดเผยเคล็ดลับล้ำค่าต่อนิกายโดยไม่ได้รับผลตอบแทน
“เจ้าไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอก”
คำเตือนดังกล่าวของติงเหยียน ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอบอุ่นใจไม่น้อย “ข้ามีเคล็ดลับก็จริง แต่นั่นไม่ใช่อะไรที่ใครจะเรียนรู้มันได้”
“เอ๋? ไม่มีใครสามารถเรียนรู้ได้หรือ?”
ติงเหยียนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกล่าวด้วยความผิดหวัง “เช่นนั้นเคล็ดลับของเจ้า ก็ไม่อาจนำไปแลกผลประโยชน์ใดๆได้น่ะสิ ในเมื่อมันเป็นเคล็ดลับที่ไม่อาจมีผู้ใดเรียนรู้ได้…ข้าว่าวันนี้อดีตประมุขผู้เฒ่ากับอาวุโสรวมถึงเหล่าศิษย์ที่เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพทั้งหลายคงต้องผิดหวังกันแล้วกระมัง”
…
“เจ้าเริ่มหลอมยาเลยเถอะ”
เสียงของอดีตประมุขเฒ่าดังก้องไปทั่วอีกครั้ง และคราวนี้ดูเหมือนจะพูดกับต้วนหลิงเทียน
เห็นได้ชัดว่ามันเองก็ค่อนข้างสนใจการหลอมยากลางแจ้งของต้วนหลิงเทียนมาก
ต้องทราบด้วยว่า หากต้วนหลิงเทียนหลอมยาในสถานที่พัก ด้วยพลังของค่ายกล เช่นนั้นแม้แต่จอมราชันเทพขั้นสูงก็ไม่อาจสอดแนมต้วนหลิงเทียนขณะปรุงยาได้ โดยไม่รบกวนต้วนหลิงเทียน
และถ้าต้วนหลิงเทียนถูกรบกวน ย่อมรู้ได้ทันทีว่าถูกสอดแนม เช่นนั้นก็คงไม่คิดหลอมโอสถเทพต่อแน่นอน
“ได้”
ท้ายที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็คืออดีตประมุขเฒ่าของนิกายมังกรสวรรค์ แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ไหน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายสมควรจับตาดูเรื่องราวอยู่ ต้วนหลิงเทียนก็เลยกล่าวตอบรับออกมาเร็วไว ไม่กล้าละเลย
หลังจากนั้นเขาก็เริ่มต้นหลอมยาต่อหน้าทุกคน
ขั้นตอนการหลอมยาทั้งหมด ดำเนินไปตามปกติ
ยังราบรื่นประหนึ่งเมฆคล้อย ลมเคลื่อน แลดูสบายๆเป็นธรรมชาติ
“ถึงแม้ทักษะต่างๆที่ต้วนหลิงเทียนใช้ในการหลอมยาจะถือว่าดี แต่จากระดับแล้วก็พอๆกับปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับราชาชั้นแนวหน้าเท่านั้น ดูเหมือนความลับในการหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดของต้วนหลิงเทียน จะอยู่ที่การสัมผัส และสกัดพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดิน…”
ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพบางคนกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ
เท่าที่พวกมันดู ทักษะการหลอมโอสถของต้วนหลิงเทียน แม้จะดีและกระทำทุกอย่างได้ละเอียดไม่ผิดพลาดก็จริง แต่ก็เหมือนกับทำตามตำราสอน ไร้สิ่งใดโดดเด่นเป็นพิเศษ พวกมันส่วนส่วนใหญ่ลองถามตัวเองดู ก็ตอบได้ทันทีว่าพวกมันสามารถทำได้เช่นกัน
“กำลังจะเข้าสู่ขั้นตอนการสกัดพลังชีวิตแล้ว”
ไม่นานนักต้นหลิงเทียนก็หลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรถึงขั้นตอนสำคัญ เขาเริ่มแผ่สำนึกเทวะออกไปยังสภาพแวดล้อมโดยรอบ ราวกับกำลังค้นหาพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดิน และนี่นับเป็นครั้งแรกเลยที่ต้วนหลิงเทียนได้หลอมโอสถในนิกายมังกรสวรรค์
ต้องบอกเลยว่านิกายมังกรสวรรค์นั้นสมแล้วที่เป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ ด้วยสายแร่หินเทพมหาศาล ทำให้ปริมาณพลังวิญญาณฟ้าดินในถิ่นที่อยู่ของนิกายมังกรสวรรค์นั้นหนาแน่นบริบูรณ์นัก สุดที่ตระกูลหลิงหูที่ต้วนหลิงเทียนเคยอยู่จะเทียบได้เลย
และที่นี่ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ปะปนในพลังวิญญาณฟ้าดินจำนวนมาก ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดทอดถอนอยู่ในใจไม่ได้ ‘พลังชีวิตที่อยู่ในพลังวิญญาณฟ้าดินของนิกายมังกรสวรรค์ มันมากพอจะให้ข้าหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันทั่วไปให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดโดยไม่ต้องพึ่งพลังชีวิตจากพฤกษาเทพกำเนิดชีพด้วยซ้ำ’
‘ด้วยพลังชีวิตที่มากมายขนาดนี้ คิดจะหลอมโอสถเทพระดับราชาให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอด นับว่ามันมากเกินพอ…’
ถึงแม้ในใจต้วนหลิงเทียนจะเหม่อคิดเรื่องราวไปเรื่อย แต่การเคื่อนไหวของเขาก็ไม่เคยหยุดชะงัก เริ่มสกัดพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ตอนแรกเหล่าปรมาจารย์หลอมโอสถก็ไม่ได้รู้สึกอะไร
แต่เมื่อพวกมันพบว่าพลังชีวิตมหาศาลถูกสกัดและถ่ายทอดลงสู่เตาหลอมโอสถไม่หยุด พวกมันก็ถึงกับตกตะลึง
“บ้าน่า…มากขนาดนี้เชียวหรือ!?”
ลูกตาของอาวุโสมังกรดำ หยวนคังหมิง ถึงกับหดเล็กลงแทบปิด ใบหน้ามันฉายชัดถึงความตกตะลึง
ส่วนอีกด้าน โหวฟาง อาวุโสมังกรดำอีกคน ที่ไม่ยอมลดราวาศอกกับหยวนคังหมิงก่อนหน้านี้ ตอนนี้ก็ถึงกับเหม่อลอยไปคล้ายคนสติหลุด “ได้อย่างไร…เจ้าหนูนั่นมันทำได้อย่างไรกัน? ไฉนมันถึงสกัดพลังชีวิตได้มากมายมหาศาลนัก?!”
“สวรรค์ พลังชีวิตมหาศาลขนาดนี้ ต่อให้เป็นอดีตประมุขผู้เฒ่าก็ไม่อาจสกัดออกมาได้กระมัง?”
“ที่สำคัญ…พวกเจ้าเห็นหรือไม่ วิธีที่ต้วนหลิงเทียนใช้กสัดพลังชีวิต ข้าบอกตามตรงมารดามันช่างทื่อด้านทั้งหยาบกระด้างยิ่ง นับเป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดก็ว่าได้…”
“มันใช้วิธีสกัดพลังชีวิตที่ไม่ได้เรื่องเช่นนั้น แต่ยังสกัดพลังชีวิตได้มากมายมหาศาลขนาดนี้ ราวกับพลังชีวิตทั้งหลายยินดีโผล่ออกมาให้มันสกัด…”
กล่าวถึงจุดนี้โหวฟางก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว
ต้วนหลิงเทียนมีเคล็ดลับอะไรหรือไม่?
เห็นได้ชัดว่าไม่มี!
การจับสัมผัสพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินนั้น ทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเท่านั้น ว่ากันว่ายิ่งบรรลุความเข้าใจในกฏแห่งชีวิตมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งไวต่อสัมผัสพลังชีวิตมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม อดีตประมุขผู้เฒ่าของพวกมัน ด้วยความที่ใช้กฏชีวิตเป็นกฏหลัก ความเข้าใจในกฏแห่งชีวิตย่อมไม่มีทางด้อยกว่าต้วนหลิงเทียนแน่นอน
แต่กระนั้น ความสามารถในการสัมผัสและสกัดพลังชีวิตของอดีตประมุขผู้เฒ่าก็สู้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เลย
ไม่ใช่แค่สู้ไม่ได้ธรรมดา แต่ห่างชั้นกันไม่เห็นฝุ่น…
“เหอๆ…ด้วยพลังชีวิตมากมายมหาศาลขนาดนี้ หากว่ามันยังไม่อาจหลอมโอสถเทพระดับราชาให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้อีก ทักษะในการหลอมโอสถเทพของมันต้องต่ำเตี้ยเรี่ยดินแล้วจริงๆ”
จังหวะนี้ ไม่ว่าจะหยวนคังหมิง โหวฟาง หรือปรมาจารย์หลอมโอสถเทพคนไหนๆ ที่มีความสามารถในการหลอมโอสถล้ำลึก ย่อมบังเกิดความคิดทำนองเดียวกันในใจ
เพราะต่อให้เป็นพวกมันเอง หากสามารถสกัดพลังชีวิตได้มากเหมือนต้วนหลิงเทียนล่ะก็ พวกมันมั่นใจว่าต่อให้หลับตาทั้งใช้มือข้างเดียวก็สามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้แน่ๆ!
เหนือขึ้นไปบนฟ้าสูง เลยหมู่เมฆขึ้นไป ปรากฏร่างชราหนึ่งเหินลอยอยู่อย่างเงียบงัน
หลังเห็นฉากเรื่องราวด้านล่าง มันก็อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ไร้ซึ่งเคล็ดลับอันใดทั้งสิ้น…ดูเหมือน 9 ใน 10 เจ้าหนูนี่จะเกิดมาพร้อมสัมผัสที่ไวต่อพลังชีวิตท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินมากกว่าผู้อื่น”
“ตัวตนเช่นมัน ถือว่าเกิดมาเพื่อเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพตามธรรมชาติ”
“ขอเพียงทักษะการหลอมโอสถของมันถึงเกณฑ์ อย่าว่าแต่หลอมโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดเลย…แม้แต่โอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอด หรือเหนือกว่านั้นมันก็หลอมได้”
…
หลังส่ายหน้าเบาๆไม่กี่ครั้ง พริบตาต่อมาร่างชราก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนยังคิดหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดกลางแจ้งอีกเตาสองเตา มันก็หมดความสนใจที่จะชมดูอีกต่อไป
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนที่กำลังหลอมโอสถอยู่ หลังสกัดพลังชีวิตลงสู่โอสถแล้วเสร็จ เมื่อจบสิ้นกระบวนการหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรแล้ว ตัวโอสถก็พุ่งออกจากเตาก่อนจะลอยขึ้นไปบนฟ้า ไม่นานนักก็อัสนีที่ก่อเกิดจากเมฆหายนะก็ฟาดผ่างมา
โอสถเทพคลี่คลายชีพจรธรรมดาๆ หลังจากผ่านอัสนีสวรรค์ มันก็ถือว่าผ่านขั้นตอนสุดท้ายในการเป็นโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดต่อหน้าต่อตาทุกคน
“เกิดเป็นผู้คนเหมือนกันแท้ๆ แต่ช่างทำให้ผู้อื่นรู้สึกหงุดหงิดนัก…โอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอด มันหลอมออกมาง่ายดายเพียงเท่านี้?”
หยวนคังหมิงได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม ใบหน้าสั่นไหวเบาๆ มองไปให้ดีเหมือนน้ำตาจะไหลเล็กน้อย…