ตอนที่ 3,829 : อดีตประมุขผู้เฒ่า
“ติงเหยียน!!”
สือคงเยว่หันขวับไปจับจ้องติงเหยียนทันใด สองตางามดั่งสารทฤดูของนางยามนี้ยังฉายชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอันเยียบเย็น “หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่า บิดาเจ้าเป็นสหายของบิดาข้า อาศัยคำพูดที่เจ้ากล้าดูถูกข้าเมื่อครู่ ก็มากเกินพอให้ข้าฆ่าเจ้าหลายรอบแล้ว!”
“กฏนิกายที่ห้ามศิษย์ฆ่าฟันกันเอง ไร้ประโยชน์สำหรับข้า!”
“เรื่องนี้เจ้าสมควรรู้ดีกระมัง?”
ยิ่งกล่าวดวงตาของสือคงเยว่ก็ยิ่งเย็นชา ยังให้ความรู้สึกแหลมคมปานมีดดาบ
“ข้ารู้”
ติงเหยียนเอ่ยคำเสียงเฉย “สือคงเยว่หากเจ้าอยากฆ่าข้าก็ลงมือของเจ้าเถอะ…ข้าติงเหยียนยินดีรับตาไม่กระพริบ”
“เพราะข้าเป็นหนี้ท่านลุงสือคงมากมายนัก หากเจ้าที่เป็นลูกสาวท่านลุงสือคงฆ่าข้าเสีย ข้าก็ถือได้ว่าใช้ชีวิตของข้าตอบแทนบุญคุณ ไม่ติดค้างกันอีก”
ติงเหยียนที่ทำท่าราวกับ ‘หมูตายไม่กลัวน้ำร้อน’ ทำให้สือคงเยว่มีโมโหจนหน้าอกกระเพื่อมยังยุบๆพองๆเหมือนเครื่องสูบลม ทั่วร่างเริ่มปรากฏไอพลังเทพเอ่อล้นออกมา เพียงแต่กลับถูกระงับเอาไว้ไม่ปลดปล่อย
“ติงเหยียน ศึกจักรพรรดิที่จะเกิดขึ้นในอีก 4 ปีหลังจากนี้ แม้ท่านพ่อจะให้ข้าไปกับเจ้า แต่ไม่มีทางที่ข้าจะไปกับเจ้าแน่…เพราะวันนี้เจ้าทำให้ข้ามีโมโหนัก!”
สือคงเยว่เอ่ยคำเสียงเย็น “และต่อให้ข้าสือคงเยว่เห็นเจ้ากำลังจะถูกฆ่าในสนามรบ ข้าก็ไม่มีวันสอดมือไปช่วยเจ้า!”
อย่างไรก็ตาม หลังได้ยินวาจาไร้ไมตรีของสือคงเยว่ ติงเหยียนกลับหัวเราะร่า “เหอะๆ เจ้าคิดว่าข้าอยากอยู่กับเจ้าในศึกจักรพรรดิที่จะเกิดขึ้นในอีก 4 ปีหลังจากนี้มากหรือ?”
“ต่อให้ท่านลุงสือคงจะสั่งมา ข้าก็จะเป็นฝ่ายปฏิเสธเอง!”
“ส่วนเรื่องที่ข้าติงเหยียนจะอยู่หรือตายในศึกจักรพรรดิ ล้วนเป็นเรื่องของข้าติงเหยียน ไม่ต้องให้เจ้ามาสอด…ถึงข้าติงเหยียนจะต้องตาย ก็คงโทษที่พลังฝีมือตัวเองอ่อนด้อยเกินไปและโชคร้ายเกินไปเท่านั้น”
เมื่อเห็นติงเหยียนไม่แยแส ใบหน้างามหมดจดของสือคงเยว่ยิ่งมาก็ยิ่งปั้นยาก แต่สุดท้ายนางก็เลิกสนใจติงเหยียน และหันไปกวาดตามองเหล่าศิษย์ฝ่ายในที่มารวมตัวกันด้านหน้าบ้านลานแห่งหนึ่ง
บ้านลานดังกล่าว ยังเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของทุกคนที่มาที่นี่
เพราะมันเป็นบ้านลานที่ต้วนหลิงเทียนใช้พักฝึกฝน
“ปรมาจารย์ต้วน ได้เวลาออกมาแล้วกระมัง”
ทันใดนั้นเอง 1 ใน 2 อาวุโสมังกรดำที่เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ พลันตะโกนออกมาเสียงดัง
อาวุโสมังกรดำคนนี้ มาในชุดคลุมยาวสีฟ้า ใบหน้าแลดูอ่อนวัยคล้ายทารก และมันก็เป็นอาวุโสมังกรดำเพียงหนึ่งเดียวของนิกายมังกรสวรรค์ที่มาจากระนาบเทวโลก
อาจกล่าวได้ว่า มันก็เป็นเหมือนต้วนหลิงเทียน ที่ไม่ได้มีภูมิลำเนาอยู่ในระนาบเทพ
ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนนำโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดออกมา 10 เม็ดเมื่อวาน และบอกว่าหลอมมันขึ้นมาเอง กระทั่งยังบอกว่าจะหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดกลางแจ้งให้ทุกคนเห็นกันชัดๆ
อาวุโสมังกรดำคนนี้ ที่เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพคนนี้ก็บังเกิดความประทับใจในความกล้าหาญของต้วนหลิงเทียนแล้ว
นอกจากนั้น พอได้รู้ว่าต้วนหลิงเทียนมาจากระนาบเทวโลกเหมือนกัน มันก็ยิ่งถูกใจต้วนหลิงเทียนมากขึ้น และไม่ถือว่าต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่อ่อนอาวุโสกว่าแต่อย่างใด เช่นนั้นจึงเรียกหาต้วนหลิงเทียนอย่างให้เกียรติว่าปรมาจารย์ต้วน
สำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะไม่อาจโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดออกมาได้นั้น แม้ในสายตาคนอื่นๆจะมีความเป็นไปได้อยู่บ้าง แต่สำหรับมันไม่มีทางเลย
เพราะถ้าต้วนหลิงเทียนไม่อาจหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้จริงๆ ไฉนถึงมาประกาศบอกว่าจะหลอมกลางแจ้งให้ทุกคนเห็น?
ส่วนเรื่องที่ประมุขนิกายมังกรสวรรค์ฝากเชวียให้ชวนมาขอให้ต้วนหลิงเทียนหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดกลางแจ้งนั้น มีแค่ไม่กี่คนในนิกายมังกรสวรรค์ที่รู้
อย่างน้อยๆเหล่าผู้คนที่มารวมตัวกันวันนี้ก็ไม่มีใครทราบ
ภายในบ้านลาน ต้วนหลิงเทียนก็นั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่บนเตียง กำลังบ่มเพาะพลังอยู่
พอได้ยินเสียงจากด้านนอก เขาก็ลืมตาขึ้นทันที “เช้าแล้วหรือ?”
เมื่อวานหลังเชวียไห่ชวนส่งข้อความมาบอกเรื่องคำร้องขอของประมุขนิกายมังกรสวรรค์ เขาก็ได้ตอบเชวียไห่ชวนไปว่า หลอมยาตามคำสั่งนิกายไม่มีปัญหา แต่เรื่องหลอมยากลางแจ้งนั้น คงไม่อาจหลอมมันได้ทุกเตา และจะสาธิตแค่ไม่กี่เตาเท่านั้น เพราะเขาไม่อยากจะเสียเวลาบ่มเพาะสักเท่าไหร่
ไม่คิดว่าวันนี้ เชวียไห่ชวนจะยังไม่ทันมาเรียกเขา แต่เขากลับถูกเสียงคนอื่นปลุกเสียก่อน
“พี่ไห่ชวน ท่านลืมแล้วหรือว่าวันนี้ข้าจะหลอมยากลางแจ้ง?”
ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความไปถามเชวียไห่ชวนด้วยความสงสัย
“หืม?”
ด้านเชวียไห่ชวนก็อึ้งไปครู่หนึ่ง “เช้าแล้วรึ? บ้าจริง ข้าขอให้เหยียนเหนียนมันปลุกข้าด้วย เผื่อข้าเดินพลังเพลิน…ไม่คิดเลยว่ามันจะลืมเสียอย่างนั้น!”
“เจ้านั่น ไว้ใจไม่ได้จริงๆ!”
ได้ยินข้อความที่เต็มไปด้วยคำพร่ำบ่นของเชวียไห่ชวน ต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับกระพริบตาปริบๆ ท่านยังว่าผู้อื่นไม่น่าเชื่อถืออีก ข้าเองก็บอกให้ท่านมาเรียกเช่นกันไม่ใช่รึไง?
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ลุกออกจากเตียงและเตรียมจะออกไปด้านนอก ทว่าไม่ทันได้ออกไปก็พอดีกับมีข้อความจากตงฟางเหยียนเนียนส่งมาเสียก่อน “เสี่ยวเทียนขอต้องขอโทษเจ้าด้วย…พอดีข้าช่วยพี่สะใภ้เจ้าเดินพลังย่อยฤทธิ์ยาเพื่อรักษาชีพจรสวรรค์จนลืมเวลา ทำให้ข้าลืมเรื่องปลุกไห่ชวนไปเสียฉิบ”
ได้ยินข้อความอธิบายดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวไปมาอย่างอดไม่ได้ เพราะนี่นับเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องจริงๆ
เห็นได้ชัดว่า เชวียไห่ชวนน่าจะส่งข้อความไปบ่นตงฟางเหยียนเหนียนที่ลืมปลุก และไม่พ้นต้องพาดพิงมาถึงเขา หาไม่แล้วตงฟางเหยียนเหนียนคงไม่ส่งข้อความมาขอโทษเขาแบบนี้
หลังส่งข้อควสามตอบตงฟางเหยียนเหนียนไม่กี่คำ ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากบ้าน ก่อนจะเหินร่างขึ้นไปในอากาศ
“คนมากันเยอะขนาดนี้เชียว?”
เขากวาดตามองไปรอบๆด้วยความสนใจ และพบว่ามีผู้คนมารวมตัวกันหนาตา มองไปยังเสมือนเมฆดำทะมึนปิดผ้าคลุมตะวัน
“นั่นน่ะหรือต้วนหลิงเทียน?”
“อายุกระดูกนับว่าน้อยจริงๆ”
“เห็นว่ามันยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปีเลย”
“อายุไม่ถึง 3,000 ปี ด้วยพลังฝีมือของมันก็นับเป็นอัจฉริยะในบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์อีกทีแล้ว…แต่นี่มันยังสามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้อีก สัตว์ประหลาดชัดๆ!”
…
ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมา เขาก็กลายเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของทุกคนทันที หลายคนที่พึ่งจะเคยเห็นหน้าค่าตาต้วนหลิงเทียนเป็นครั้งแรก ก็อดถอนหายใจไม่ได้
“ปรมาจารย์ต้วน”
ขณะเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นชายชราหน้าเด็กในชุดคลุมยาวสีฟ้าปานนักพรตคนหนึ่ง กำลังเหินร่างเข้ามาหา ใบหน้าอีกฝ่ายยังเต็มไปด้วยรอยยิ้มใจดี
ต้วนหลิงเทียนมองอีกฝ่ายปราดเดียว ก็สามารถระบุฐานะของอีกฝ่ายได้จากป้ายที่ห้อยแขวนไว้บริเวณเอวทันที
อาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์!
“ปรมาจารย์ต้วน ข้าคืออาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์ หยวนคังหมิง”
ชายชราพอเหินร่างมาถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน มันก็กล่าวแนะนำตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“คารวะอาวุโสหยวน”
ต้วนหลิงเทียนก็เร่งประสานมือกล่าวคำทักทายชายชราหน้าเด็กทันที เพราะนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเคยได้ยินชื่อของอีกฝ่าย เพราะครั้งก่อนหน้าที่เขาคุยกับเชวียไห่ชวน เชวียไห่ชวนก็ได้กล่าวถึงชายชราคนนี้เช่นกัน
และเหตุผลที่เชวียไห่ชวนพูดถึงชายชราคนนี้ ก็เพราะอีกฝ่ายไม่ใช่ชนพื้นเมืองของระนาบเทพ แต่มาจากระนาบเทวโลกดุจเดียวกับเขา
นอกจากนั้น เขายังจำได้ ว่าวันนั้นเชวียไห่ชวนก็ได้บอกเขาแล้ว ว่าชายขราคนนี้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสเทพระดับจอมราชัน แถมยังเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันที่เก่งกาจคนหนึ่งในนิกายมังกรสวรรค์ นอกจากอดีตประมุขเฒ่า
“ปรมาจารย์ต้วน”
หลังจากนั้นไม่นานนัก ก็มีอาวุโสมังกรดำอีกคนเหินร่างเข้ามาทักทายต้วนหลิงเทียน
อีกฝ่ายเป็นชายชรามาในชุดคลุมสีเทาอ่อน รูปร่างปานกลางไม่อ้วนไม่ผอม แลดูเหมือนชายชราธรรมดาๆ
อย่างไรก็ตาม ไม่ทันที่ชายชราผู้มาใหม่จะได้กล่าวแนะนำตัวเอง หยวนคังหมิง ก็ได้กล่าวแนะนำอีกฝ่ายให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักก่อน “ต้วนหลิงเทียน เจ้าไม่ต้องไปสนใจแพะชราไม่ยอมตาย โหวฟาง ผู้นี้มากนักหรอก เจ้านี่พลังฝีมือก็สู้ข้าไม่ได้ แถมทักษะการหลอมยาของมันก็อ่อนด้อยกว่าข้าอีก แค่ตัวไร้สำคัญเท่านั้นแหล่ะ”
“ผายลมสุนัขมารดาเจ้า!”
แทบจะพร้อมกันกับที่หยวนคังหมิงกล่าวจบคำ ชายชราในชุดคลุมสีเทาอ่อนหรือ โหวฟาง ก็โพล่งคำออกมาอย่างไม่พอใจ “หยวนคังหมิง ผู้เฒ่าคนนี้สู้เจ้าไม่ได้ตั้งแต่เมื่อใด? ยังบอกว่าทักษะหลอมยาผู้เฒ่าอ่อนด้อยกว่าเจ้า? นี่เจ้าละเมออยู่หรือ ยังมีหน้าพูดออกมาได้!”
พอเห็นชายชรา 2 คนทำท่าราวกับตีฝีปากกัน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ยิ้มแหยๆ “ท่านผู้เฒ่าทั้ง 2 ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ พวกท่านใจเย็นกันก่อนดีหรือไม่?”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมา 2 ชราก็เงียบลงทันที สุดท้ายก็เป็นหยวนคังหมิงเอ่ยคำออกมาก่อน “วันนี้ข้าจักไว้หน้าแพะชราไม่ยอมตายเจ้าเพราะเห็นแก่ปรมาจารย์ต้วนสักครั้ง…ข้าไม่สนใจเจ้าก็ได้”
ด้าน โหวฟาง ก็ไม่เต็มใจจะตกเป็นรอง “เป็นข้าที่ไม่อยากแยแสเจ้าเพราะเห็นแก่หน้าปรมาจารย์ต้วนมากกว่า”
“ท่านผู้เฒ่าทั้ง 2…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “ไม่ว่าพวกท่านคนไหนเป็นฝ่ายไม่สนใจอีกคนท่านค่อยกลับไปตกลงกันทีหลังดีหรือไม่ ตอนนี้ให้ข้าหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดให้ทุกคนดูสัก 3 เตาก่อน”
พอต้วนหลิงเทียนพูดถึงเรื่องหลอมยาออกมา แม้ชายชราทั้ง 2 จะไม่ต่อปากต่อคำกันแล้ว ทว่าก็เอาแต่จ้องหน้ากันไม่หยุด
ต้วนหลิงเทียนเห็นฉากดังกล่าวก็รู้สึกระอาอยู่บ้าง
ผู้เฒ่า 2 คนนี้เป็นผู้อาวุโสมังกรดำของนิกายมังกรสวรรค์แน่หรือ…เป็นตัวตนระดับจอมราชันเทพขั้นสูงจริงๆ?
ไฉนเหมือนอันธพาลเฒ่า 2 คน?
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หยวนคังหมิง อีกฝ่ายมีลักษณะปานนักพรตเต๋าฐานะสูงส่ง แต่มิคาดกลับด่าคนเก่งกว่ามนุษย์ป้า ไม่ได้เข้ากับท่วงท่าลักษณะแม้แต่นิดเดียว
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงไม่แยแสหนึ่งปานจะดังขึ้นจากทุกทิศทาง “แพะเฒ่าทั้ง 2 เจ้าล้วนไสหัวไปเสีย อย่าได้รบกวนเวลาหลอมยาของต้วนหลิงเทียน!”
“หากพวกเจ้ายังกัดกันไม่เลิก ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสละเวลาไปประลองชี้แนะกับพวกเจ้าทีละคน…หรือต่อให้พวกเจ้าจักมัดรวมกันมาข้าก็ไม่เกี่ยง!”
เสียงไม่แยแสนี้ แม้ฟังดูเหมือนคนจะชรามากแล้ว แต่กับเปี่ยมล้นไปด้วยพลังนัก
หลังจากได้ยินเสียงดังกล่าวหยวนคังหมิงกับโหวฟางที่จ้องกันราวกับปลากัดเมื่อคู่ ก็กลับมาชักสีหน้าท่าทีเคร่งขรึม ขณะเดียวกันก็เอ่ยคำเสียงเบา “อดีตประมุขเฒ่า ข้าไม่รบกวนท่านหรอก”
“อดีตประมุขเฒ่าใจเย็นก่อน”
พอทั้งสองกล่าวคำออกมา ก็ทำให้ผู้คนโดยรอบตกตะลึงกันยกใหญ่ “หรือเสียงกล่าวเมื่อครู่ จักเป็นเสียงของ อดีตประมุขผู้เฒ่า”
ในนิกายมังกรสวรรค์นั้น ฐานะของอดีตประมุขไม่ต่างอะไรจากอาวุโสมังกรทองเลย แถมยังกล่าวกันหนาหูว่า อดีตประมุขเฒ่าคนนี้มีความสำเร็จในเต๋าโอสถไม่ใช่ชั่ว ถึงขั้นมีขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าในเขตคฤหาสน์ตงหลิงมากมายยื่นกิ่งมะกอกให้ ทว่าอีกฝ่ายก็ปฏิเสธไม่ไปไหน เลือกจะรั้งอยู่ช่วยเหลือนิกายมังกรสวรรค์
และสำหรับเหล่าศิษย์ในนิกายมังกรสวรรค์แห่งนี้ อดีตประมุขเฒ่าไม่ต่างอะไรจากมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหางเลย เพราะมีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้พบเจอตัวมัน
ด้วยเหตุนี้แม้มันจะกล่าวผสานพลังให้ดังกึกก้องไปทั่ว แต่ก็มีแค่หยวนคังหมิงกับโหวฟางที่เป็นผู้อาวุโสมังกรดำและเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพเท่านั้น ที่ระบุได้ว่าเป็นเสียงมัน
“อดีตประมุขผู้เฒ่า?”
ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เพราะไม่คิดเลยว่าอดีตประมุขเฒ่าของนิกายมังกรสวรรค์คนนั้นจะสนใจดูเขาหลอมยาด้วย
‘อดีตประมุขเฒ่าคนนี้ มาสอดแนมข้าหรือ…ใช่คิดขโมยเคล็ดลับในการหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดของข้ารึเปล่า?’
ยังดีที่อีกฝ่ายไม่ล่วงรู้ความคิดในหัวของต้วนหลิงเทียนตอนนี้
หาไม่แล้ว อีกฝ่ายคงปรากฏตัวออกมาและตีเขาทันที
ในปัจจุบัน เหล่าผู้ที่มารอชมต้วนหลิงเทียนหลอมยากลางแจ้ง ก็เริ่มซุบซิบคุยกันดังระงม “มิคิดเลยว่าท่านอดีตประมุขผู้เฒ่าจักสนใจดูต้วนหลิงเทียนหลอมยาด้วย? ดูเหมือนท่านเองก็สนใจทักษะการหลอมโอสถเทพของต้วนหลิงเทียนไม่น้อย”
“เจ้าว่า…หลังจากท่านอดีตประมุขผู้เฒ่าชมดูการหลอมยาของต้วนหลิงเทียนแล้ว ท่านจักลอกเลียนเคล็ดลับของต้วนหลิงเทียน จนนำไปหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้เองหรือไม่?”
“ข้าคิดว่าเรื่องนั้นอาจจะเป็นไปได้ เพราะที่ต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้นั้น ไม่แน่ว่าอาจใช้เคล็ดลับอะไรบางอย่าง เพราะข้าไม่เชื่อว่าทักษะการหลอมโอสถของต้วนหลิงเทียนจะเหนือกว่าท่านอดีตประมุขผู้เฒ่า สมควรต้องมีวิธีการเฉพาะเป็นแน่ และท่านอดีตประมุขผู้เฒ่าที่ชมดูอยู่ก็คงมองออกได้ทันที และสามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้แน่นอน!”
“จริงของเจ้า เพราะข้าเองก็ทำใจเชื่อไม่ลงจริงๆ ว่าทักษะการหลอมโอสถของต้วนหลิงเทียนจะเหนือกว่าท่านอดีตประมุขผู้เฒ่า”
…