ตอนที่ 3,828 : สือคงเยว่
  โอสถเทพคลี่คลายชีพจร นับเป็นหนึ่งในโอสถเทพระดับราชาที่หลอมให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดยากยิ่ง กระทั่งอดีตประมุขเฒ่าของนิกายมังกรสวรรค์เอง ยังไม่เคยหลอมมันออกมาได้เลย
  ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียน บอกว่าจะหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดออกมา เรื่องนี้จะไม่ทำให้ผู้คนบังเกิดความสนใจได้อย่างไร
  และเดิมทีต้วนหลิงเทียนก็คิดจะหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดในสถานที่ส่วนตัว
  อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่าเชวียไห่ชวนจะมาหาเขา และบอกว่าประมุขนิกายอยากให้เขาหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดให้นิกาย 50 เม็ด ทั้งให้เขาหลอมมันในที่สาธารณะ…โดยที่ทางนิกายจะเป็นฝ่ายจัดหาสมุนไพรในรายชื่อที่เขาต้องการให้เอง
  อีกทั้งยังมอบคะแนนอุทิศให้เขาถึง 300,000 แต้ม
  คะแนนอุทิศ 300,000 แต้มนั้น ในสายตาของต้วนหลิงเทียนมันไม่ได้มีค่ามากมายอะไรอีกต่อไป
  เอาแค่ ค่าธรรมเนียม ที่เขาจะได้รับหลังหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดให้เหล่าอาวุโสทุกคนที่มาร้องขอนั้น ก็มีค่ามากกว่า 500,000 คะแนนอุทิศแล้ว
  อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังคงถูกล่อลวงอยู่ดี
  เนื่องจากประสิทธิภาพในการรวบรวมสมุนไพรที่เขาต้องการนั้น หากกระทำในนามของนิกายมังกรสวรรค์แล้ว มันก็สูงกว่าประสิทธิภาพของเหล่าอาวุโสทั้งหลายมาก เรียกว่าสมุนไพรที่อีกฝ่ายนำมาเป็นค่าธรรมเนียมในการหลอมยาให้เขา มันดูเล็กน้อยไปเลย
  ‘ไม่คิดจริงๆว่าโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด จะนำผลประโยชน์มาให้ข้ามากมายแบบนี้’
  เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็นึกไม่ถึง
  ส่วนเรื่องการหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดท่ามกลางที่สาธารณะนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ขัดข้องอะไร เพราะสุดท้ายแล้วทักษะการหลอมโอสถของเขาก็ไม่ได้เป็นความลับอะไร จุดที่สำคัญและไม่อาจลอกเลียนแบบได้ก็คือการสัมผัส และสกัดพลังชีวิตที่อยู่ท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินต่างหาก
  สองขั้นตอนที่ว่า เป็นสิ่งที่ยากที่สุดสำหรับปรมาจารย์หลอมโอสถเทพทั่วๆไป แต่มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับต้วนหลิงเทียนที่มีพฤกษาเทพกำเนิดชีพอยู่กับตัว
  ก่อนที่จะมายังนิกายมังกรสวรรค์ เขาก็เคยหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้บ้างแล้ว เพียงแต่ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกเตาเหมือนโอสถเทพระดับราชาและระดับเทพ
  แต่กระนั้น หากมองจากภาพรวมแล้ว กล่าวได้ว่าความสามารถในการหลอมโอสถเทพของต้วนหลิงเทียนก็ไม่เป็นสองรองใครในเขตคฤหาสน์ตงหลิงเลย
  เพราะในเขตคฤหาสน์ตงหลิงแห่งนี้ ไม่มีใครสามารถหลอมโอสถเทพระดับราชาให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้ง่ายๆเหมือนต้วนหลิงเทียน แม้แต่โอสถเทพระดับราชาที่ง่ายต่อการหลอมให้เป็นขั้นสุดยอด ก็ไม่มีใครสามารถหลอมให้เป็นขั้นสุดยอดได้ทุกครั้ง
  บางคนแม้จะหลอมโอสถเทพระดับราชาขั้นสุดยอดออกมาได้ แต่ก็ต้องพึ่งโชคเสียเป็นส่วนใหญ่ และการจะหลอมโอสถเทพระดับราชาให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอด 2 เตาติดๆกันนั้นเป็นเรื่องที่ยากจะพบเห็น
  และแน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะเปิดเผยเรื่องที่เขาสามารถหลอมโอสถเทพระดับจอมราชัน ให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้โดยเด็ดขาด!
  สำหรับไพ่ตายเหล่านี้ การเลือกจะเปิดเผยเฉพาะส่วนที่ผู้คนรับได้จะดีกว่า การงำประกายเอาไว้ย่อมมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ถ้าเปิดเผยออกไปจนหมด เกรงว่าคงจะร้ายมากกว่าดี
  ต้วนหลิงเทียนพยายามรักษาความสมดุลดังกล่าวสุดกำลัง บางครั้งก็ทำให้เขารู้สึกเสมือนเดินอยู่นแผ่นน้ำแข็งบางๆ
  ‘อย่างไรก็ตาม เอาแค่เรื่องที่ข้าสามารถหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้ทุกเตามันแพร่กระจายออกไป…เหล่าขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิง ก็คงไม่อาจนั่งนิ่งได้อีก’
  จุดนี้ต้วนหลิงเทียน ก็มีความคาดหวังประการหนึ่ง
  เขารู้สึกว่าอาศัยพลังฝีมือที่เขาเปิดเผยในการแข่งขันมังกรซ่อนก็น่าจะดึงดูดความสนใจของเหล่าขุมกำลังระดับจักรพรรดิชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงได้แล้ว
  ส่วนเรื่องที่ไฉนตอนนี้พวกมันถึงยังไม่มีใครส่งคนมาทาบทาม เขาคาดเดาว่าบางทีพวกมันอาจจะส่งคนมากันแล้ว แต่พอเกิดเรื่องศึกจักรพรรดิระหว่างนิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะขึ้น พวกมันก็เลือกที่จะรอดูผลลัพธ์กันก่อน
  หากชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์และความเข้าใจเลิศล้ำ สามารถเอาตัวรอดจากการฆ่าฟันในศึกจักรพรรดิได้ ความสำเร็จในภายภาคหน้าย่อมเหนือล้ำกว่า การที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าฟันในศึกจักรพรรดิแน่นอน
  ดังนั้น เหล่าขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าทั้งหลาย ไม่พ้นตอนนี้ต้องกำลังยินดีอยู่เป็นแน่ ที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเข้าร่วมศึกจักรพรรดิ และตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนรอดชีวิตจากศึกจักรพรรดิมาได้ พวกมันก็จะทำการยื่นกิ่งมะกอกให้ต้วนหลิงเทียนทันทีหลังจบศึกจักรพรรดิ
  ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อขุมกำลังใดๆกำลังจะทำศึกจักรพรรดิ ตามประเพณีปฏิบัติของเขตคฤหาสน์ตงหลิงแล้ว ขุมกำลังอื่นๆไม่ได้รับอนุญาติให้ชิงคนจากขุมกำลังนั้นๆในช่วงเวลาทำศึกโดยง่าย
  แน่นอนว่าไม่ได้ห้ามดึงตัวทุกคน แต่ห้ามไม่ให้ดึงตัวคนที่อยู่ในขอบเขตจอมราชันเทพ
  …
  เช้าวันต่อมา ผู้คนมากมายก็ได้มารวมตัวกันในหุบเขาอันเป็นสถานที่พักสำหรับเหล่าศิษย์ฝ่ายใน
  ในบรรดาผู้คนที่มารวมตัวกัน มีชนชั้นอาวุโสมังกรขาวมากมาย กระทั่งเหล่าผู้อาวุโสมังกรดำเองก็มากันไม่น้อย
  “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?!”
  “ไฉนวันนี้ถึงได้มีอาวุโสมังกรขาวมาที่นี่เยอะนักล่ะ? ให้ตายเถอะ แม้แต่ท่านผู้อาวุโสมังกรดำก็มากันด้วย”
  “เดี๋ยวก่อน หากข้าจำไม่ผิดอาวุโสมังกรดำ 2 ท่านนั้นเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพมือดีที่เป็นรองก็แต่ท่านอดีตประมุขเฒ่าของพวกเรามิใช่รึ?”
  …
  เหล่าศิษย์ฝ่ายในหลายคนที่พึ่งออกจากบ้านพักมาสูดอากาศ ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นผู้คนมารวมตัวกันมากหน้าหลายตา
  อย่างไรก็ตาม พอมีคนวงในที่รู้เรื่องราวเล่าให้ฟัง ทุกคนก็ตระหนักได้ทันทีว่าไฉนเหล่าอาวุโสถึงมากันมากมายแบบนี้
  “หา ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…กำลังจะหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดกลางแจ้งรึ!?”
  “โอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด…หนึ่งในโอสถเทพระดับราชาที่นับว่ายากจะหลอมออกมาให้เป็นขั้นสุดยอดนั่นน่ะหรือ? ต้วนหลิงเทียนสามารถหลอมได้จริง? ล้อกันเล่นรึเปล่า?”
  “นั่นสิ…ถึงแม้ตอนที่มันอยู่ในตระกูลจะมีข่าวลือหนาหูว่าสามารถหลอมโอสถเทพระดับเทพขั้นสุดยอดได้ง่ายดายราวกินข้าวดื่มน้ำ แต่โอสถเทพระดับเทพกับโอสถเทพระดับราชามันแตกต่างกันคนละเรื่องเลยนา โดยเฉพาะโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดนั่น ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นโอสถเทพระดับราชาที่ยากจะหลอมให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดยากเย็นที่สุดขนานหนึ่ง!”
  “นั่นสิ ถึงแม้เมื่อวานมันจะควักโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดออกมาขายถึง 10 เม็ด และบอกว่าเป็นคนหลอมออกมาเอง…แต่ใครจะไปรู้ว่ามันใช่หลอมขึ้นเองจริงหรือไม่?”
  “ข้าว่าเรื่องพวกนี้พวกเราไม่ต้องเสียเวลาเดาให้วุ่นวายหรอก…เดี๋ยวตอนมันหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรกลางแจ้ง พวกเรายังไม่รู้อีกหรือว่ามันจะหลอมให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดได้จริงหรือไม่?”
  “จริงของเจ้า เพียงรอดูเดี๋ยวก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า!”
  …
  เมื่อหุบเขาเต็มไปด้วยความคึกคัก เหล่าศิษย์ฝ่ายในทั้งหลายก็เริ่มทยอยกันออกจากบ้านพัก แม้แต่เหล่าอาวุโสฝ่ายในเองก็มาร่วมชมดูความสนุกสนานกันมากมาย
  พอเวลาผ่านไปนานเข้า กระทั่งเหล่าผู้ดูแลฝ่ายในไม่เว้นอาวุโสฝ่ายนอกก็เริ่มมาถึง
  หากไม่ใช่เพราะสถานที่พักของศิษย์ฝ่ายในมีกฏตั้งไว้ เกรงว่าเหล่าผู้ดูแลฝ่ายนอกไม่เว้นศิษย์ฝ่ายนอกต้องพากันมาที่นี่เช่นกัน ผู้คนในหุบเขาคงจะเนืองแน่นกว่านี้
  ในบรรดาผู้ที่มาชมดูเรื่องราวนั้น ก็มีเหล่าปรมาจารย์หลอมโอสถเทพไม่น้อย เพราะไม่ว่าใครก็แคลงใจกันนทั้งนั้น ว่าต้วนหลิงเทียนจะหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้จริงๆหรือ
  “เจ้าต้วนมันหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดได้จริงๆหรือ?”
  ติงเหยียนที่พึ่งจะกลับมาจากการทำภารกิจนอกนิกาย ก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสงสัย
  และในปัจจุบัน ข้างกายติงเหยียนก็ปรากฏร่างสตรีนางหนึ่งที่มาในชุดคลุมสีแดงเพลิง แถมหน้าตายังสะสวยไม่เบา ทว่าหว่างคิ้วกลับฉายชัดถึงความเย่อหยิ่ง
  “ติงเหยียน ต้วนหลิงเทียนที่ว่า…เหมือนจะเป็นเพื่อนเจ้ากระมัง?”
  สตรีคนดังกล่าวเหลือบมองติงเหยียนด้วยหางตา พลางถามเสียงเฉย
  “ใช่”
  ติงเหยียนพยักหน้า ต่อมามุมปากก็ยกยิ้มขื่นขมขึ้น
  สตรีเย่อหยิ่งนางนี้ถูกท่านลุงสือคงของมันบังคับให้ไปทำภารกิจกับมัน ตลอดการเดินทางที่ผ่านมานางไม่แม้แต่จะพูดกับมันสักคำ แต่ไม่คิดเลยว่าเพราะเรื่องของต้วนหลิงเทียน นางถึงจะปริปากถามมันออกมา
  นับว่าเป็นความดีความชอบของต้วนหลิงเทียนหรือไม่?
  คิดถึงจุดนี้ ติงเหยียนก็อดหัวเราะตัวเองไม่ได้
  ก่อนกลับมานิกายมังกรสวรรค์ มันได้ร้องขอต่อท่านลุงสือคงว่าให้ยกเลิกการหมั้นหมายระหว่างมันกับสตรีนางนี้เสีย หาไม่แล้วมันจะไม่ยอมกลับมา
  วันนั้น ท่านลุงสือคงของมันก็ไม่มีทางเลือก และได้แต่รับปากมัน
  หลังจากยกเลิกการหมั้นหมายแล้ว ถึงแม้สตรีนางนี้จะไม่ได้หาเรื่องมันเหมือนที่เคยทำในอดีต แต่ก็มักจะไม่แยแสทั้งดูหมิ่นมันอยู่เสมอ
  จะอย่างไรมันก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง
  ถึงแม้จะไม่อีกฝ่ายจะไม่ใช่คู่หมั้นตัวเองแล้ว แต่การถูกสตรีดูแคลนหยันหยาม ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของมันก็เสมือนถูกท้าทายอย่างมาก
  อันที่จริง เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้หลายปีที่ผ่านมันก้าวหน้าเร็วมาก การดูถูกของสตรีนางนี้ก็มีส่วนไม่น้อย
  “หึ!”
  สตรีชุดแดงแสนงามหรือก็คือ สือคงเยว่ พ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น ก่อนจะเอ่ยคำปรามาสออกมา “นับ่ากาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์โดยแท้ คนที่จะนับติงเหยียนเจ้าเป็นสหายได้ ดูท่าแล้วก็ไม่ใช่ตัวดีอันใดนักหรอก”
  “หลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอด? ไม่ว่าผู้ใดลองคิดดู ก็รู้ว่าแค่วาจาผายลม เรื่องหลอมยากลางแจ้งวันนี้ ข้าคิดว่าคงเป็นเรื่องขายขี้หน้าครั้งใหญ่มากกว่า”
  ฟังจากคำพูดของสือคงเยว่แล้ว เห็นชัดว่านางมีอคติกับติงเหยียน ถึงขั้นคิดว่าคนที่เป็นสหายกับติงเหยียนอย่างต้วนหลิงเทียน ไม่น่าจะมีปัญญาหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดออกมาได้
  อายุไม่ถึง 3,000 ปี เอาแค่มีพลังฝีมือเท่าที่เผยออกมาก็น่าทึ่งแล้ว
  ยังจะมีความสำเร็จในเต๋าโอสถขนาดนั้นเชียว?
  ให้กวาดตามองไปทั่วเขตคฤหาสน์ตงหลิง เกรงว่าคงไม่มี!
  “สือคงเยว่!”
  ใบหน้าติงเหยียนเปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันใด “เจ้าจะดูถูกเหยียดหยามข้าอย่างไรก็ช่าง เพราะตอนนี้ข้ายังสู้เจ้าไม่ได้…แต่กับต้วนหลิงเทียนสหายข้า เจ้าไม่มีคุณสมบัติดูถูก!”
  “ถึงตอนนี้เจ้าจะเป็นราชาเทพขั้นสูง แต่เจ้ากล้าสู้กับต้วนหลิงเทียนหรือไม่เล่า?”
  กล่าวจบ มุมปากติงเหยียนก็ยกยิ้มดูแคลน
  สือคงเยว่เป็นศิษย์มังกรฟ้าของนิกายมังกรสวรรค์ สถานะของอีกฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์ สูงกว่าศิษย์ฝ่ายในเช่นมัน และมีศักดิ์ฐานะเทียบได้กับชนชั้นผู้อาวุโสฝ่ายในเลย
  แน่นอนว่าหากต้วนหลิงเทียนไปทดสอบเป็นศิษย์มังกรฟ้า ก็คงสามารถผ่านได้ทันที
  ศิษย์มังกรฟ้านั้น เป็นดั่งตำแหน่งเกียรติยศที่นิกายมังกรสรรค์มอบให้เหล่าศิษย์ที่มีสามารถ และการประเมินทดสอบเป็นศิษย์มังกรฟ้าก็เลือกจะปรับระดับความยากตามวัย
  ยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ บททดสอบก็จะง่ายขึ้นเท่านั้น
  “เจ้าเองก็น่าจะรู้ ต้วนหลิงเทียนยังอายุน้อยกว่าข้าเสียอีก…แต่เจ้ามันแก่กว่าข้าหลายร้อยปี!”
  ยิ่งกล่าวมุมปากติงเหยียนก็ฉายความดูถูกมากขึ้น
  ได้ยินคำดูแคลนของติงเหยียน ใบหน้าสือคงเยว่ก็จมลงโดยพลัน “ทุกผู้คนล้วนมีโชคเป็นของตัวเอง…ต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นที่มันแข็งกว่าข้าได้ ก็เพราะมันโชคดีกว่าข้าเท่านั้นล่ะ”
  “หากการผจญภัยทั้งหมดที่มันพบเจอมา เป็นข้าสือคงเยว่พบเจอดุจเดียวกัน วันนี้ข้าไม่มีทางด้อยไปกว่ามันหรอก!”
  ขณะกล่าวประโยคท้าย น้ำเสียงสือคงเยว่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองสูงลิบ
  “น่าขันนัก!”
  ติงเหยียนสบถออกมาด้วยสีหน้าเย้ยหยัน ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงถากถางว่า “สือคงเยว่ เจ้ายังกล้าพูดออกมาได้ ไฉนเจ้าไม่พูดถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนดิ้นรนฟันฝ่ามาจากระนาบเทวโลก และไร้ผู้ใดให้พึ่งพิงบ้างเล่า…แต่เจ้าล่ะ ตั้งแต่ยังเล็กก็มีท่านลุงสือคงประคบประหงม ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา ทรัพยากรบ่มเพาะที่เจ้าได้รับใครหาให้? ไหนจะเรื่องหลังจากที่เจ้าเป็นศิษย์มังกรฟ้า และได้สนุกสนานกับการดูแลปฏิบัติไม่ต่างอะไรกับอาวุโสฝ่ายในอีก สิ่งเหล่านี้ต้วนหลิงเทียนเทียบเจ้าได้หรือไม่?”
  “เจ้าจะดูถูกทั้งหัวเราะเยาะข้าติงเหยียนก็ไม่เป็นอะไร ในเมื่อข้าติงเหยียนสู้เจ้าไม่ได้ข้าไม่คิดเถียง”
  “แต่กับต้วนหลิงเทียน ข้าบอกไว้ตรงนี้เลย เจ้าเทียบไม่ได้แม้แต่เล็บเท้าสหายข้าด้วยซ้ำ!”
  “และเรื่องที่เจ้าบอกว่าต้วนหลิงเทียนไม่อาจหลอมโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดออกมาได้นั่น…ข้าคิดว่ามันเหวไหลสิ้นดี! ต้วนหลิงเทียนเป็นใคร ตัวโง่งมที่หาเรื่องขายหน้ารึ? ขออภัย แต่เท่าที่ข้ารู้จักต้วนหลิงเทียนมา เจ้านั่นไม่มีทางเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นแน่!”
  ในอดีตนั้น เมื่อโดนสือคงเยว่ดูถูกเหยียดหยามติงเหยียนก็ได้แต่อดทนทั้งยับยั้งชั่งใจมาโดยตลอด โทสะของมันถูกเก็บสะสมเอาไว้นานแล้ว
  หากสือคงเยว่ยังดูถูกแค่มัน มันสามารถทนได้
  แต่สือคงเยว่ดูถูกสหายมันแบบนี้ มันติงเหยียนไม่คิดทนสืบไป โพล่งระเบิดออกมาหมดสิ้น!