“ต้วนหลิงเทียน”
สือคงเยว่ที่ก้าวออกมา ก็กล่าวรั้งต้วนหลิงเทียนเอาไว้
ส่วนด้านต้วนหลิงเทียน ก็มองไปยังอีกฝ่ายด้วยความงุนงง “แม่นางเป็นใคร ข้ารู้จักท่านด้วยหรือ?”
ถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าเหมือนเคยเห็นสตรีนางนี้ที่ไหนสักแห่ง ทว่านางไม่ได้สะดุดตาเขาเลย จึงนึกไม่ออก
“เจ้า…”
พอสือคงเยว่ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หน้างามของนางก็มืดลงทันที ในขณะเดียวกันชายหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้า 1 ในบุรุษ 2 คนที่เดินตามมาด้านหลังสือคงเยว่ ก็เอ่ยขึ้นทันที “สือคงเยว่ นี่น่ะเหรอคนที่เจ้าอยากช่วย?”
“มันถึงกับบอกว่าไม่รู้จักเจ้า แล้วเจ้ายังจะชักชวนมันมาเข้ากลุ่มของพวกเราอีก?”
กล่าวถึงจุดนี้ชายหนุ่มคลุมฟ้าก็สายหัวไปมา ราวกับเหนื่อใจแทน
“นี่ต้วนหลิงเทียน ไฉนเจ้าถึงเป็นคนไม่รู้คุณคนเล่า?”
ตอนนี้เอง สตรีในชุดสีฟ้าอ่อนที่เดินตามหลังสือคงเยว่มาเช่นกัน ก็ขมวดคิ้วกล่าวว่า “หลังจากสหายข้ารู้ว่าเจ้าตกเป็นเป้าหมายของนิกายมหาเอกะ เจ้าว่าในนิกายมังกรสวรรค์ยังจะมีผู้ใดอยากไปสนามรบราชาเทพกับเจ้าอีกหรือไม่?”
“ทว่าสือคงเยว่กลับเกลี้ยกล่อมพวกเรา 3 คน ว่าให้รับเจ้าเข้ามาในกลุ่มเล็กๆของพวกเราด้วย…สิ่งนี้สำหรับเจ้าแล้วยังต่างอะไรจากการส่งถ่านกลางหิมะกัน?”
(ส่งถ่านกลางหิมะ = ให้ความช่วยเหลือในขณะที่อีกฝ่ายเดือดร้อนถึงที่สุด)
“เจ้าปฏิเสธนางก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าถึงกับต้องบอกว่าไม่รู้จักนางเชียวหรือ!?”
สตรีนางนั้นยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห น้ำเสียงของนางเผยให้เห็นว่าโกรธมากจริงๆ
“หืม? ที่แท้เจ้าคือสือคงเยว่รึ?”
ต้วนหลิงเทียนพึ่งจะตระหนักได้ก็ตอนนี้เอง เขาจึงหันไปมองกล่าวกับสือคงเยว่ด้วยรอยยิ้มกระดากอาย “ขออภัยด้วยแม่นางสือ แต่ข้าจำท่านไม่ได้จริงๆ เพราะดูเหมือนข้าจะไม่เคยเห็นท่านมาก่อน”
“แต่ติงเหยียนได้บอกข้าเรื่องความหวังดีของท่านแล้ว…แต่ก็อย่างที่ข้าฝากติงเหยียนไปบอกท่าน ข้าไม่คิดจะรวมกลุ่มกับผู้ใด”
“สนามรบราชาเทพ ข้าจะเข้าไปคนเดียว”
“สำหรับเรื่องนี้…ข้าเองก็ขอเตือนให้พวกท่านรวมคนกันให้ได้มากหน่อยเป็นดี เพราะไม่พ้นราชาเทพของนิกายมหาเอกะต้องรวมกลุ่มใหญ่เพื่อมาไล่ล่าข้าแน่นอน พวกท่านจะได้ไม่ต้องพบกับความสูญเสียโดยไม่จำเป็น”
ถึงแม้เข้าจะไม่ได้ตอบรับน้ำใจของสือคงเยว่ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ขอบคุณสำหรับความหวังดีของนาง เช่นนั้นจึงเลือกจะกล่าวเตือนสือคงเยว่ก่อนเข้าสนามรบราชาเทพ
กล่าวจบแล้ว เขาก็เดินไปยังทางเข้าสนามรบราชาเทพทันที จากนั้นก็ไปลงทะเบียนเพื่อรับป้ายสนามรบ ซึ่งเป็นป้ายประจำตัวสำหรับผู้ที่จะเข้าสู่สนามรบศึกจักรพรรดิ เมื่อรับป้ายมาแล้วเขาก็ทำการสลักชื่อลงไปทันที
จากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็เลือกจะเผยระดับพลังฝึกฝนในปัจจุบันให้ทุกคนรับรู้
“กลิ่นอายพลังนี่มัน…ราชาเทพขั้นสูง!!”
“อะไรกัน! ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงแล้ว!?”
“สวรรค์! นี่มันจะไม่ทะลวงขั้นพลังเร็วเกินไปหน่อยหรือ!?”
…
เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงแล้ว ยังมีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ พอเปิดเผยพลังฝึกปรือออกมา ก็ไม่แปลกเลยที่หลายคนจะตกใจกัน
ก่อนหน้านี้แม้ทุกคนจะให้ความสนใจกับต้วนหลิงเทียนไม่น้อย แต่ทุกคนก็สนใจแต่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างต้วนหลิงเทียนกับนิกายมหาเอกะเท่านั้น ไม่มีใครทันนึกถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนจะทะลวงด่านพลังแล้วเลย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะรับทราบว่าต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงราชาเทพขั้นสูงแล้ว และรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มพูนกว่าตอนสู้ในการแข่งขันมังกรซ่อนมาก ทว่าหลายๆคนก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนจะรอดพ้นการตามล่าของเหล่าราชาเทพจากนิกายมหาเอกะได้อยู่ดี
“ต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงแล้วแบบนี้…ถ้าตัดสินใจพลังฝีมือที่เผยออกในการแข่งขันมังกรซ่อนรอบชิงชนะเลิศ ข้าเกรงว่าในนิกายมังกรสวรรค์ของพวกเรา คงไร้ตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันเทพคนใดสามารถรับมือต้วนหลิงเทียได้”
“กล่าวได้ว่าหากนิกายมหาเอกะไม่มียอดฝีมือราชาเทพที่พวกเราไม่รู้จักซ่อนไว้…ก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รับมือต้วนหลิงเทียนได้ไหว”
“ให้ตายเถอะ ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อเลยว่าต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพขั้นสูงแล้ว…ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยหากคนของนิกายมหาเอกะคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียน!”
“เหอะๆ ราชาเทพขั้นสูงที่เชี่ยวชาญกฏมิติ ในแง่ความแข็งแกร่งก็รู้ๆกันอยู่ แถมต่อให้สู้ไม่ไหวจริงๆ ขอเพียงคิดหลบหนี…เว้นแต่จะโดนกลุ่มคนหลายสิบที่วางแผนมาดี คงยากที่จะมีใครหยุดต้วนหลิงเทียนไม่ให้ไปได้”
…
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกใจกับระดับพลังบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียน เจ้าตัวก็ได้เข้าสู่สนามรบเป็นที่เรียบร้อย
“ต้วนหลิงเทียน…ทะลวงถึงราชาเทพขั้นสูงแล้วหรือ?”
สือคงเยว่ที่ไม่คิดมาก่อนว่าต้วนหลิงเทียนจะทะลวงถึงราชาเทพขั้นสูงแล้ว พอเห็นต้วนหลิงเทียนเผยระดับพลังบ่มเพาะออกมา นางก็อดโล่งใจไม่ได้ แม้จะไม่รู้ว่าทำไมถึงโล่งใจก็ตามที
“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันถึงได้เย่อหยิ่งนัก ที่แท้มันบรรลุถึงราชาเทพขั้นสูงแล้วนี่เอง”
สตรีที่เดินตามหลังสือคงเยว่เมื่อครู่ บัดนี้ได้มายืนเคียงข้างสือคงเยว่ ย่นคิ้วกล่าวว่า “วัดจากพลังฝีมือที่มันเผยออกมาในการแข่งขันมังกรซ่อน ลองมันทะลวงถึงราชาเทพขั้นสูงแล้วแบบนี้ มันนับว่าร้ายกาจขึ้นมาก…หากกล่าวว่าก่อนหน้ายังพอมีตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันเทพสู้มันได้ล่ะก็ ตอนนี้คงไม่มีใครแล้วล่ะ”
“อืม มันไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับพวกเราจริงๆ”
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีแดงเข้ม ซึ่งเป็นสมาชิกคนสุดท้ายในกลุ่มของสือคงเยว่ที่แต่ต้นจนจบยังไม่ได้พูดอะไร บัดนี้ก็ได้กล่าวคำออกมาเสียงหนัก “ด้วยพลังฝีมือของมันตอนนี้ ข้าเกรงว่าต่อให้พวกเรา 4 คนจะร่วมมือกัน ก็ยังไม่ใช่คู่มือของมันเลย”
“ไม่มีเหตุผลที่มันต้องเข้ากลุ่มพวกเรา”
“ไม่ใช่แค่พวกเราเท่านั้น มันไม่มีเหตุผลให้เข้ากลุ่มของผู้ใดในนิกายมังกรสวรรค์เลย”
“ข้าเกรงว่าคราวนี้นิกายมหาเอกะคงโชคร้ายแล้ว…”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนมันถึงกล้าลั่นวาจาต่อหน้าคนของนิกายมหาเอกะ ว่าจะไม่กลับออกมาจากสนามรบราชาเทพหากไม่ได้ฆ่าคนของนิกายมหาเอกะครบ 100…ด้วยพลังของมันตอนนี้ นับว่าไม่ใช่เรื่องยากจริงๆ”
“อย่างไรก็ตามตอนแรกนิกายมหาเอกะไม่ได้เตรียมพร้อม แต่ตอนนี้ด้านนิกายมหาเอกะคงเตรียมพร้อมรับมือมันเรียบร้อย เช่นนั้นเรื่องจะฆ่าให้ครบ 100 คน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายกระทำอยู่ดี”
“ว่ากันตามตรงต้วนหลิงเทียนไม่น่าเปิดเผยพลังออกมาเลย เพราะข้าเชื่อว่าอีกไม่นานนิกายมหาเอกะก็ต้องล่วงรู้เรื่องนี้ด้วยแน่…ถึงตอนนั้นไม่พ้นต้องปรับเปลี่ยนแผนตามสถานการณ์”
…
ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีแดงเข้มคนนี้ ไม่ใช่ศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ และไม่ใช่ศิษย์มังกรฟ้าแต่อย่างใด ทว่ามันเป็นผู้ดูแลฝ่ายนอกของนิกายมังกรสวรรค์
อย่างไรก็ตาม แม้มันจะเป็นผู้ดูแลฝ่ายนอก แต่พลังฝีมือของมัน ในบรรดาตัวตนใต้ขอบเขตจอมราชันเทพก็นับว่าร้ายกาจจนหาตัวจับยาก หาไม่แล้วสือคงเยว่กับศิษย์มังกรฟ้าคนอื่นคงไม่คิดร่วมมือกับมัน
พลังฝีมือของชายวัยกลางคนผู้นี้ เรียกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์มังกรฟ้าส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ
แต่ที่มันเป็นเพียงผู้ดูแลฝ่ายนอกนั้น เพราะมันมีอายุมากแล้ว อย่างไรก็ตามเพราะอายุที่มากของมัน ทำให้มันผ่านอะไรมาเยอะ มองอะไรๆก็ละเอียดกว่าคนรุ่นเยาว์
ด้านสือคงเยว่ก็ไม่พูดอะไร เพียงมองไปยังทิศทางที่ต้วนหลงเทียนจากไปเงียบๆ เนิ่นนานกว่าจะถอนสายตากลับมา ลึกลงไปในแววตายังเผยประกายแปลกๆยากอธิบาย
…
หลายๆคนที่อยู่ใกล้ๆกับทางเข้าออกสนามรบราชาเทพของเมืองมังกรสวรรค์ หลังจากต้วนหลิงเทียนเปิดเผยพลังออกมา พวกมันก็เร่งส่งข้อความบอกสหายทั้งศิษย์พี่ศิษย์น้องไม่เว้นผู้อาวุโสของพวกมัน ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นราชาเทพขั้นสูงแล้ว
จากนั้นไม่นานนัก เรื่องระดับพลังของต้วนหลิงเทียนก็ล่วงรู้ไปถึงนิกายมหาเอกะ ผ่านสายลับที่นิกายมหาเอกะส่งมาแฝงตัวในนิกายมังกรสวรรค์
จากนั้นนิกายมหาเอกะก็เตรียมมาตรการรับมือทันที
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมันทะลวงถึงราชาเทพขั้นสูงแล้ว พลังฝีมือของในปัจจุบัน กล่าวด่าเป็นอันดับ 1 ใต้ขอบเขตจอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์ก็ไม่เกินเลย…เช่นนั้นขอให้ศิษย์และผู้ดูแลของนิกายมหาเอกะเราทุกคนอย่าได้ประมาทเด็ดขาด!”
ด้วยคำสั่งของประมุขนิกายมหาเอกะ ไม่นานเหล่าผู้อาวุโสก็รีบแจ้งไปยังเหล่าศิษย์รวมถึงผู้ดูแลฝ่ายนอกของนิกายมหาเอกะที่กำลังจะเข้าสู่สนามรบราชาเทพ
อย่างไรก็ตาม มีบางกลุ่มได้เข้าสู่สนามรบราชาเทพไปก่อนที่คำเตือนนี้จะส่งมาถึง…
“หลังจากพวกเจ้าเข้าไปด้านใน เมื่อพบกลุ่มที่เข้าไปก่อน ให้พยายามร่วมมือกัน…จากนั้นก็กล่าวเตือนพวกมันด้วย ว่าระดับพลังบ่มเพาะของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ มิได้เหมือนเดิมแล้ว เช่นนั้นจึงต้องระวังให้มาก!”
“และหลังจากเข้าไปในนั้น ขอให้พวกเจ้าใช้สมองมากกว่ากำลัง แม้จะอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนแค่ไหน ก็อย่าได้ผลีผลามลงมือเด็ดขาด ให้วางแผนและระดมกำลังคนเพื่อปิดล้อมมันให้พร้อม อย่าได้เปิดโอกาสให้มันหลบหนีไปได้!”
“ถึงแม้พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้สมควรแข็งแกร่งมาก แต่อย่างไรเสียมันก็เป็นแค่ราชาเทพขั้นสูงมิใช่จอมราชันเทพ…อาศัยความได้เปรียบเรื่องจำนวนคน พวกเจ้าก็สมควรฆ่ามันได้”
“อีกทั้งหลังจากเข้าไปแล้ว ให้บอกกลุ่มที่เข้าไปก่อนด้วยว่า…ท่านประมุขได้เปลี่ยนค่าหัวของต้วนหลิงเทียนจาก 200,000 แต้ม เป็น 300,000 แต้ม!”
…
เหล่าคนของนิกายมหาเอกะที่กำลังจะเข้าสู่สนามรบราชาเทพ พอได้รับข้อความจากผู้อาวุโส แต่ละคนก็ชะงักเท้าทันที และเริ่มจัดกลุ่มกันใหม่
ดุจเดียวกับนิกายมังกรสวรรค์ ทางเข้าสนามรบราชาเทพของนิกายมหาเอกะ ก็มีคนมารวมตัวกันเพื่อรับคนหรือหากลุ่มเยอะแยะมากมาย
ภายในหุบเขาอันเงียบสงบแห่งหนึ่งของนิกายมหาเอกะ ร่างชราพลันวูบมาปรากฏตัวขึ้นยังน่านฟ้าด้านหน้าบ้านลานหลังเล็กหลังหนึ่ง คนลอยร่างเอามือไพร่หลังกลางหาวรอคอยอย่างสงบ
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ประตูบ้านลานหลังเล็กก็เปิดออก มีร่างสูงหนึ่งก้าวออกมาช้าๆ
เป็นชายหนุ่มที่ให้ความรู้สึกเด็ดเดี่ยวทระนง หน้าตาหล่อเหลา รูปร่างสูงสมส่วน คิ้วคมเข้มปานดาบ สองตาเผยประกายดั่งดวงดารา คนมาในชุดคลุมสีขาวราวหิมะ ยืนตัวตรงดั่งหอก สภาวะร่างประหนึ่งกระบี่คมีท่พร้อมทะยานจ้วงฟ้า
“ศิษย์คารวะท่านอาจารย์”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาว ป้องมือประสานโค้งคำนับชายชราที่ลอยตัวกลางอากาศเบื้องหน้า
ชายชราที่ว่าสวมใส่ชุดคลุมยาวสีเทา ใบหน้าแลดูอ่อนวัยทั้งใจดี อย่างไรก็ตามหลังชายหนุ่มโค้งคารวะจบ สองตาของมันกับเผยประกายแหลมคม เปี่ยมล้นไปด้วยจิตวิญญาณขึ้นมา
“เจ้าเข้าสู่สนามรบราชาเทพคราวนี้ หากสามารถฆ่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้นได้ หลังจากทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว ข้าเชื่อว่าหนทางสู่ขอบเขตจักรพรรดิเทพของเจ้าคงเดินง่ายขึ้นไม่น้อย”
ชายชราค่อยๆเอ่ยปากกล่าวคำอย่างไม่รีบไม่ร้อน “เดิมทีเจ้ารังเกียจที่จะเข้าสู่สนามรบราชาเทพ และสังหารราชาเทพของนิกายมังกรสวรรค์ เนื่องเพราะเจ้าคิดว่าไม่มีผู้ใดต่อกรกับเจ้าได้…ทว่ายามนี้กลับปรากฏต้วนหลิงเทียนขึ้น และมันก็ได้ชื่อว่าอยู่ยงคงกระพันใต้จอมราชันเทพของนิกายมังกรสวรรค์ เช่นนั้นนับว่าพอจะมองมันเป็นคู่ตอสู้ของเจ้าได้แล้ว”
ได้ยินคำพูดของชายชรา คิ้วชายหนุ่มก็เลิกขึ้น จากนั้นสองตาก็ฉายแววคมกริบปานมีดดาบ “เดิมทีข้าไม่คิดจะเข้าไปสนามรบราชาเทพจริงๆ…มิคาดกับมีคนเช่นนี้ปรากฏขึ้น หวังว่ามันคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”
ได้ยินคำพูด ชายชราก็มองลึกไปยังชายหนุ่ม “หากเจ้าไม่แพ้พ่าย ก็ล่าถอยกลับมาเสียไม่ต้องเปลืองตัวไปสู้รบจนเสี่ยงให้ร่างกายอันมีค่าของเจ้าบาดเจ็บ เพราะถึงแม้ศึกจักรพรรดิครั้งนี้ นิกายมหาเอกะเราไม่แน่ว่าจะให้กำเนิดตัวตนขอบเขตจักรพรรดิเทพได้ แต่ขอเพียงเจ้าตั้งใจฝึกฝนบ่มเพาะให้ดี ถึงตอนนั้นต่อให้ไม่มีจักรพรรดิเทพ แต่ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า คิดจะทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพก็มิน่าเป็นปัญหาอันใด”
“ภายในเขตคฤหาสน์ตงหลิง ไร้ตัวตนใดใต้ขอบเขตจอมราชันเทพมีสามารถทำร้ายข้าซีเหมินหลงเซี่ยงได้!”
เสียงของชายหนุ่มชุดขาวดังจบคำ คนก็กลับกลายเป็นแสงกระบี่ จากนั้นคล้ายร่างมันหยุดลงกลางหาวครู่หนึ่ง ทว่าพริบตาเดียว กลับมีร่างมันอีกร่างไปปรากฏตัวยังสถานที่ห่างไกล จากนั้นร่างที่หยุดค้างกลางหาวก่อนหน้า ก็สลายหายไปอย่างอัศจรรย์
ซีเหมินหลงเซี่ยง รุ่นเยาว์อันดับ 1 แห่งนิกายมหาเอกะ มันคือตัวตนที่ได้รับการยอมรับจากทั้งนิกายมหาเอกะว่า ‘อยู่ยงคงกระพันใต้ขอบเขตจอมราชันเทพ’ ตั้งแต่ยังอยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นกลาง!
อย่างไรก็ตาม เวลาได้ล่วงเลยมากว่าพันปีแล้วตั้งแต่วันที่มันเอาชนะราชาเทพทั้งหมดในนิกายมหาเอกะจนได้รับฉายานี้ จนผู้คนจำนวนมากในนิกายมหาเอกะเข้าใจว่า…มันได้ออกจากนิกายมหาเอกะและไปเข้าร่วมกับขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิงเรียบร้อยแล้ว…
นอกจากนั้นพอไม่มีใครออกมาอธิบายข้อเท็จจริงนานเข้า การคาดเดาก็เริ่มกลายเป็นความจริงไปโดยปริยาย