ตอนที่ 3850 พบแม่นาง 7 อีกครั้ง

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ตั้งแต่ที่รู้ว่าผู้คนของนิกายมหาเอกะตกตายไปนับสิบๆ ทว่าฝั่งนิกายมังกรสวรรค์ของพวกมันไม่มีใครตกตายสักคน เหล่าคนของนิกายมังกรสวรรค์ที่อยู่บริเวณทางเข้าสนามรบราชาเทพ ก็เผยท่าทีปลอดโปล่งโล่งใจนัก
  นิกายมหาเอกะของพวกเจ้า ห้าวมาท้าพวกข้านิกายมังกรสวรรค์ทำศึกจักรพรรดิไม่ใช่หรือ?
  ตอนนี้ใช้เสียใจแล้วหรือไม่?
  อย่างไรก็ตาม วันนี้อยู่ดีๆลูกแก้ววิญญาณ 30 กว่าลูกที่ตั้งอยู่บนชั้นวางใกล้ๆทางเข้าสนามรบราชาเทพของเมืองมังกรสวรรค์ กลับแตกลงพร้อมๆกัน ทำให้สีหน้าผู้อาวุโสไม่เว้นเหล่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ที่อยู่ใกล้ๆเปลี่ยนไปทันที หลายคนยังรู้สึกเสมือนหนังศีรษะกลายเป็นด้านชา
  “เกิดอะไรขึ้นกัน?!”
  ถึงแม้อาวุโสฝ่ายในที่ปฏิบัติหน้าที่หลายคน ไม่อยากยอมรับว่าเรื่องราวเบื้องหน้าเป็นความจริงและไม่อาจแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป แต่พวกมันก็รู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่อาจปิดซ่อนเอาไว้ได้
  เช่นนั้น ในเวลาไม่นานเหล่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ที่แต่เดิมยังกล่าวคำเย้ยเยาะศิษย์นิกายมหาเอกะ ก็ชักสีหน้าเคร่งเครียดทันที
  “อะไรกัน กลุ่ม 30 คน…ถูกฆ่าตายหมดเลยหรือ?”
  “ด้านนิกายมหาเอกะเล่า! พวกมันมีคนตายกี่คน?”
  …
  คำถามดังกล่าวกลายเป็นจุดสนใจของเหล่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ทันที
  อย่างไรก็ตาม พอพวกมันได้รับทราบข่าวจากเมืองมหาเอกะ พวกมันก็พบว่าในช่วงเวลาที่กลุ่มศิษย์ 30 กว่าคนของนิกายมังกรสวรรค์ตายตก ไม่มีใครในนิกายมหาเอกะตกตายเลยแม้แต่คนเดียว
  กระทั่งหลายวันก่อนหน้านี้ นิกายมหาเอกะก็ไม่มีใครตาย
  จังหวะนี้คนของนิกายมังกรสวรรค์กลายเงียบงันดั่งคนตาย
  แต่ไม่นานนัก ก็มีบางคนอดกระซิบถามสหายข้างๆออกมาไม่ได้ “พวกมัน…หรือว่าจะไปพบเจอเข้ากับซีเหมินหลงเซี่ยงของนิกายมหาเอกะ?”
  “กลุ่มนั่นมันมี 30 กว่าคน…แถมหัวหน้ากลุ่มยังเป็นหวังเฟิง แถมหวังเฟิงผู้นั้นกล่าวได้ว่าเป็นราชาเทพที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆในนิกายมังกรสวรรค์ของพวกเราแล้ว หากไม่นับต้วนหลิงเทียน”
  “หาศัยซีเหมินหลงเซี่ยงแค่คนเดียว ไม่น่าจะฆ่าพวกมันได้กระมัง?”
  “บางทีซีเหมินหลงเซี่ยงอาจพบเจอกลุ่มคนของนิกายมหาเอกะ…จากนั้นก็ร่วมมือกันจัดการกลุ่มของหวังเฟิง…”
  “สมควรเป็นเช่นนั้น”
  …
  ข่าวดังกล่าว ย่อมสร้างผลกระทบต่อนิกายมังกรสวรรค์ไม่น้อย
  ครู่ต่อมา ก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องกลุ่มศิษย์นิกายมหาเอกะ 2 กลุ่มถูกฆ่าจนหมด โดยที่คนของนิกายมังกรสวรรค์ไม่ได้รับความสูญเสียอีกเลย
  ต่างจากนิกายมังกรสวรรค์ที่คล้ายมีเมฆหมอกแห่งความเศร้าปกคลุม ด้านนิกายมหาเอกะที่เดิมทีเต็มไปด้วยความอึมครึมและความเศร้าโศก พอรับทราบว่ากลุ่ม 30 กว่าคนของนิกายมังกรสวรรค์ถูกฆ่าตายโดยที่ศิษย์นิกายมหาเอกะไม่มีใครเป็นอะไร ความเศร้าโศกดังกล่าวก็คล้ายเมฆหมอกที่ถูกสายลมพัดพาหายไปทันที
  “ต้องเป็นฝีมือของศิษย์พี่ซีเหมินหลงเซี่ยงแน่!”
  “เฮอะ! เจ้าพวกนิกายมังกรสวรรค์ก่อนหน้านี้เอาแต่เยาะเย้ยพวกเรากันสนุกปาก ตอนนี้ยังกล้าพูดอีกหรือไม่?”
  “เหอะๆ พวกนิกายมังกรสวรรค์นั่น พวกมันคิดจริงๆหรือว่ามีแต่คนของพวกมันที่ฆ่าล้างคนของพวกเราอยู่ฝ่ายเดียวได้ ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า นิกายมหาเอกะของพวกเราก็มีคนที่ทำเช่นนั้นได้เหมือนกัน!”
  “ฮ่าๆๆๆ…ครั้งนี้ข้ารู้สึกสะใจยิ่ง!”
  “เพื่อเป็นการฉลองที่คนของนิกายมหาเอกะเราฆ่าล้างกลุ่ม 30 กว่าคนของนิกายมังกรสวรรค์ได้โดยไม่มีการสูญเสีย ข้าผู้เฒ่าจักเข้าไปลุยในสนามรบจอมราชันเทพเช่นกัน จากนั้นข้าผู้เฒ่าจักฆ่าจอมราชันเทพของพวกนิกายมังกรสวรรค์สักหลายๆคน!”
  …
  เมื่อผลงานอันดุร้ายในสนามรบราชาเทพล่วงรู้มาถึงหูเหล่าจอมรมาชันเทพของนิกายมหาเอกะ หลายคนก็บังเกิดความคึกคักอักโขนัก เลือดทั่วกายคล้ายเดือดพล่าน บังเกิดความฮึกเหิมอยากเข้าไปสู้ขึ้นมาทันที
  จากนั้นจอมราชันเทพอันทรงพลังหลายคนในนิกายมหาเอกะ ก็เริ่มพากันเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพทีละคนๆ
  เห็นฉากดังกล่าวผู้อาวุโสที่รับหน้าที่เฝ้าทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพ ก็อดส่ายหน้าพลางถอนหายใจไม่ได้ “ข้าเกรงว่าอีกไม่นาน คงต้องมีจอมราชันเทพตกตายกันบ้าง…”
  “สนามรบจอมราชันเทพกำลังจะเดือดเช่นนี้…อีกไม่นานด้านสนามรบกึ่งจักรพรรดิก็ไม่พ้นต้องระอุ!”
  …
  ต้วนหลิงเทียน ย่อมไม่รู้เรื่องราวอะไรเลย
  ตอนนี้เขายังคงเตร็ดเตร่ไปทั่วสนามรบราชาเทพ เพื่อตามหาเหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะ
  ‘เกือบจะถึงครึ่งทางแล้ว…’
  บนท้องฟ้าเหนือพื้นที่ราบทุ่งหญ้า ต้วนหลิงเทียนที่มองป้ายประจำตัวศิษย์นิกายมหาเอกะในแหวนพื้นที่ ก็ได้แต่กล่าวในใจอย่างทอดถอน
  อันที่จริงหลังอยู่ในสนามรบราชาเทพมานานแต่ไม่พบเจอผู้ใดเลย ต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความเบื่อหน่ายเช่นกัน อยากกลับออกไปเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศบ้างแล้ว
  อนิจจาพอนึกถึงคำพูดที่เขาลั่นไว้ในตำหนักโอสถเทพของเมืองสันติ เขาก็ล้มเลิกความคิดดังกล่าว
  เพื่อไม่ให้วาจาของเขาย้อนกลับมาตบหน้าตัวเอง เขาจำต้องฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะให้ครบ 100 คนเสียก่อน ค่อยกลับออกไปด้านนอก
  ไม่กี่เดือนต่อมา โชคของต้วนหลิงเทียนก็เหมือนจะเริ่มกลับมาใช้การได้อีกครั้ง เพราะเขาได้พบกลุ่มคนของนิกายมหาเอกะถึง 3 กลุ่ม แถมหนึ่งในนั้นก็มีคนมากกว่า 30 คน
  ในบรรดา 3 กลุ่มที่ว่า 2 กลุ่มที่มีจำนวนคนไม่มาก ต้วนหลิงเทียนได้ใช้พลังอันแข็งแกร่งบดขยี้พวกมันโดยตรง
  ส่วนกลุ่มใหญ่นั้น เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายบบังเกิดความคิดหลบหนี ต้วนหลิงเทียนจึงทำทีเป็นสู้พลางถอย ยังแสร้งทำตัวอ่อนแอ จากนั้นก็ฉกฉวยโอกาสฆ่าคนมากกว่า 10 คนในกระบวนเดียว จากนั้นก็ไล่ฆ่าคนที่เหลือจนหมด
  ทั้ง 3 กลุ่ม ทำให้ต้วนหลิงเทียนเก็บป้ายประจำตัวได้เพิ่ม 50 กว่าป้าย…
  ‘เหลืออีกแค่ 12 ป้ายเท่านั้น…’
  หลังจากนับป้ายประจำตัวของศิษย์นิกายมหาเอกะดู เขาก็พว่าบัดนี้เขาเก็บสะสมได้ 88 ป้ายแล้ว เหลืออีกแค่ 12 ป้ายเท่านั้น เขาก็จะเก็บป้ายได้ครบ 100 ป้าย
  ถึงตอนนั้น เขาก็จะได้กลับออกไปเสียที
  ‘หาต่อไป…’
  หลังจากออกตระเวนค้นหาเหล่าศิษย์นิกายมหาเอกะไปอีกครึ่งเดือน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็จับสัมผัสถึงคลื่นพลังผันผวนที่อยู่ห่างไกลได้ แถมจากคลื่นพลังแล้วดูเหมือนจะเป็นการสู้รบขนาดใหญ่ ‘หืม? ด้านนั้นมีคนกำลังสู้กัน…แถมจะไม่ใช่น้อยๆเลย’
  ในสนามรบราชาเทพ ไม่ว่าใครก็ตามที่สู้กัน ก็มีแค่คนของนิกายมหาเอกะกับนิกายมังกรสวรรค์เท่านั้น
  ร่างต้วนหลิงเทียนวูบหายไปยังทิศทางดังกล่าวทันที
  ไม่นานนัก เหนือน่านฟ้ายอดเขาแห่งหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ามีกลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์จำนวนมาก กำลังล้อมฆ่ากลุ่มศิษย์นิกายมหาเอกะที่มีจำนวน 30 กว่าคน
  และเห็นได้ชัดว่าทั้ง 2 กลุ่มพึ่งจะปะทะกันได้ไม่นาน เพราะยังไม่มีใครตาย
  อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนคนที่มากกว่าของนิกายมังกรสวรรค์ คนนิกายมหาเอกะ 30 กว่าคนที่ว่าก็ได้รับบาดเจ็บกันทั้งหมด และมี 10 กว่าคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
  ‘แม่นาง 7 รึ?’
  ไม่นานนักต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นคนคุ้นหน้าในบรรดากลุ่มคนของนิกายมังกรสวรรค์ เป็นแม่นาง 7 ที่เข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนกับเขาในอดีต
  ส่วนคนอื่นๆนั้นก็มีหลายคนที่เข้าร่วมการแข่งขันมังกรซ่อนด้วย แต่เขาไม่ได้รู้จัก
  ในการแข่งขันมังกรซ่อน บางทีเขาอาจได้ยินคนเอ่ยชื่อพวกมันมาแล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนที่ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ก็ลืมเลือนไปหมดสิ้น
  ฟั่ฟฟฟ!!
  แสงกระบี่สีทองหนึ่งพุ่งตัดอากาศไปฉับไว และพร้อมๆกันกับที่ได้ยินเสียงกระบี่ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็เห็นศิษย์นิกายมังกรสวรรค์คนหนึ่งที่เดิมทีไม่ได้ลงมืออะไรมากนัก ได้ออกกระบวนท่าสังหารศิษย์นิกายมหาเอกะคนหนึ่งได้ในพริบตา!
  คนที่ลงมือเป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองผู้หนึ่ง แถมเท่าที่ต้วนหลิงเทียนดู มันเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดากลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์อีกด้วย
  พลังฝีมือของมัน เกรงว่าแม่นาง 7 อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้
  ‘ศิษย์มังกรฟ้าเช่นนั้นรึ?’
  ต้วนหลิงเทียนที่มองไปยังบริเวณเอวของอีกฝ่าย มองปราดเดียวก็พบว่า 1 ในป้ายที่มันห้อยแขวนอยู่ มีมังกรสีฟ้าที่สลักขึ้นจากหยก
  และนั่นก็คือป้ายประจำตัวของศิษย์มังกรฟ้า
  ป้ายประจำตัวดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนเคยเห็นมาก่อนแล้ว เพราะที่เอวของสือคงเยว่ก็ห้อยป้ายลักษณะเดียวกันนี้เอาไว้
  ‘ที่แท้เป็นศิษย์มังกรฟ้า มิน่าถึงได้แลดูร้ายกาจกว่าคนอื่น…’
  ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
  ‘ตอนนี้ข้าขาดป้ายศิษย์นิกายมหาเอกะอีกแค่ 12 ป้ายเท่านั้น เช่นนั้นก็เข้าไปร่วมฆ่าสัก 12 คนเถอะ…ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้พวกมัน’
  ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจว่าถึงเขาไม่ลงมือ แต่กลุ่มศิษย์ 30 กว่าคนของนิกายมหาเอกะกลุ่มนี้ก็ไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้ไปได้
  เช่นนั้นการลงมือของเขา ก็ไม่ต่างอะไรจากเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย ต่างจากการลงมือช่วยเหลือที่ไม่ต่างส่งถ่านกลางหิมะให้ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนั้น
  ส่งถ่านกลางหิมะ เขาสามารถเรียกสินสงครามได้มากตามใจชอบ และคนเหล่านั้นก็ไม่คิดคัดค้านอะไร
  แต่การลงมือที่ไม่จำเป็นเหมือนเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลายนั้น เรื่องราวย่อมแตกต่างกัน
  แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะโผล่ไปเข่นฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะดื้อๆ เขายังเลือกจะกล่าวบอกให้รู้ก่อน
  อย่างน้อยๆก็ให้ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้รู้ว่ามีเขามาร่วมฆ่าด้วย
  หาไม่แล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับเข้าไปแย่งฆ่าชิงของเลย
  ซัว!
  ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปปรากฏตัวใกล้ๆแม่นาง 7
  แน่นอนว่ายังห่างออกมาจากตัวนางพอสมควร
  เพราะพื้นที่มิติด้านหน้าได้ถูกหลายๆคนในกลุ่มคนนิกายมังกรสวรรค์ 100 คนเบื้องหน้าที่เก่งกฏมิติใช้พลังรบกวนอยู่ เขาจึงไม่อาจใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปโผล่ด้านในได้โดยตรง จึงทำได้แค่เคลื่อนย้ายข้ามมิติไปโผล่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
  และการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน ก็ดึงดูดความสนใจของหลายๆคน
  “ต้วนหลิงเทียน?”
  แม่นาง 7 เองก็สังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้แม่นาง 7 “แม่นาง 7 พวกเราพบกันอีกแล้ว”
  “อืม ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ด้วย”
  แม่นาง 7 คลี่ยิ้มบางๆ
  ทันใดนั้นเอง ศิษย์มังกรฟ้าในชุดคลุมสีทองหรือก็คือ หูอี้หยวน ซึ่งเป็นหัวหน้ากองร่วมกับแม่นาง 7 หลังสังหารศิษย์นิกายมหาเอกะได้อีกคน มันก็หยุดมือและหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาระวังทันที
  ที่มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดังกล่าว เพราะแม่นาง 7 ได้ส่งยิ้มที่มันไม่เคยได้รับให้ต้วนหลิงเทียน!
  อีกอย่างก็คือ การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะออกมาแย่งสินสงครามกับพวกมัน
  “ต้วนหลิงเทียน?”
  “เจ้านั่นคือต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?!”
  …
  ขณะเดียวกัน ด้านศิษย์นิกายมหาเอกะเดิมทีก็ตกเป็นรองอยู่แล้ว และหลายๆคนที่บาดเจ็บอยู่ พอเห็นว่าทางฝั่งนิกายมังกรสวรรค์มีต้วนหลิงเทียนโผล่มาอีกคน สีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง
  กล่าวได้ว่าศิษย์นิกายมหาเอกะหลายคน ได้หมดกำลังใจจะสู้ และบังเกิดความสิ้นหวังจับใจ
  “ข้าต้องการป้ายประจำตัวศิษย์นิกายมหาเอกะ 12 ป้าย”
  ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียน ก็กล่าวประกาศออกมาเสียงดัง
  คนที่ลงมือเป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองผู้หนึ่ง แถมเท่าที่ต้วนหลิงเทียนดู มันเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดากลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์อีกด้วย
  พลังฝีมือของมัน เกรงว่าแม่นาง 7 อาจไม่ใช่คู่ต่อสู้
  ‘ศิษย์มังกรฟ้าเช่นนั้นรึ?’
  ต้วนหลิงเทียนที่มองไปยังบริเวณเอวของอีกฝ่าย มองปราดเดียวก็พบว่า 1 ในป้ายที่มันห้อยแขวนอยู่ มีมังกรสีฟ้าที่สลักขึ้นจากหยก
  และนั่นก็คือป้ายประจำตัวของศิษย์มังกรฟ้า
  ป้ายประจำตัวดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนเคยเห็นมาก่อนแล้ว เพราะที่เอวของสือคงเยว่ก็ห้อยป้ายลักษณะเดียวกันนี้เอาไว้
  ‘ที่แท้เป็นศิษย์มังกรฟ้า มิน่าถึงได้แลดูร้ายกาจกว่าคนอื่น…’
  ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
  ‘ตอนนี้ข้าขาดป้ายศิษย์นิกายมหาเอกะอีกแค่ 12 ป้ายเท่านั้น เช่นนั้นก็เข้าไปร่วมฆ่าสัก 12 คนเถอะ…ส่วนที่เหลือก็ปล่อยให้พวกมัน’
  ต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจว่าถึงเขาไม่ลงมือ แต่กลุ่มศิษย์ 30 กว่าคนของนิกายมหาเอกะกลุ่มนี้ก็ไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้ไปได้
  เช่นนั้นการลงมือของเขา ก็ไม่ต่างอะไรจากเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลาย ต่างจากการลงมือช่วยเหลือที่ไม่ต่างส่งถ่านกลางหิมะให้ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนั้น
  ส่งถ่านกลางหิมะ เขาสามารถเรียกสินสงครามได้มากตามใจชอบ และคนเหล่านั้นก็ไม่คิดคัดค้านอะไร
  แต่การลงมือที่ไม่จำเป็นเหมือนเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลายนั้น เรื่องราวย่อมแตกต่างกัน
  แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะโผล่ไปเข่นฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะดื้อๆ เขายังเลือกจะกล่าวบอกให้รู้ก่อน
  อย่างน้อยๆก็ให้ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้รู้ว่ามีเขามาร่วมฆ่าด้วย
  หาไม่แล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับเข้าไปแย่งฆ่าชิงของเลย
  ซัว!
  ต้วนหลิงเทียนเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปปรากฏตัวใกล้ๆแม่นาง 7
  แน่นอนว่ายังห่างออกมาจากตัวนางพอสมควร
  เพราะพื้นที่มิติด้านหน้าได้ถูกหลายๆคนในกลุ่มคนนิกายมังกรสวรรค์ 100 คนเบื้องหน้าที่เก่งกฏมิติใช้พลังรบกวนอยู่ เขาจึงไม่อาจใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติไปโผล่ด้านในได้โดยตรง จึงทำได้แค่เคลื่อนย้ายข้ามมิติไปโผล่ใกล้ที่สุดเท่าที่จะทำได้เท่านั้น
  และการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน ก็ดึงดูดความสนใจของหลายๆคน
  “ต้วนหลิงเทียน?”
  แม่นาง 7 เองก็สังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
  ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้แม่นาง 7 “แม่นาง 7 พวกเราพบกันอีกแล้ว”
  “อืม ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ด้วย”
  แม่นาง 7 คลี่ยิ้มบางๆ
  ทันใดนั้นเอง ศิษย์มังกรฟ้าในชุดคลุมสีทองหรือก็คือ หูอี้หยวน ซึ่งเป็นหัวหน้ากองร่วมกับแม่นาง 7 หลังสังหารศิษย์นิกายมหาเอกะได้อีกคน มันก็หยุดมือและหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาระวังทันที
  ที่มันมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดังกล่าว เพราะแม่นาง 7 ได้ส่งยิ้มที่มันไม่เคยได้รับให้ต้วนหลิงเทียน!
  อีกอย่างก็คือ การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะออกมาแย่งสินสงครามกับพวกมัน
  “ต้วนหลิงเทียน?”
  “เจ้านั่นคือต้วนหลิงเทียนเช่นนั้นหรือ?!”
  …
  ขณะเดียวกัน ด้านศิษย์นิกายมหาเอกะเดิมทีก็ตกเป็นรองอยู่แล้ว และหลายๆคนที่บาดเจ็บอยู่ พอเห็นว่าทางฝั่งนิกายมังกรสวรรค์มีต้วนหลิงเทียนโผล่มาอีกคน สีหน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง
  กล่าวได้ว่าศิษย์นิกายมหาเอกะหลายคน ได้หมดกำลังใจจะสู้ และบังเกิดความสิ้นหวังจับใจ
  “ข้าต้องการป้ายประจำตัวศิษย์นิกายมหาเอกะ 12 ป้าย”
  ทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียน ก็กล่าวประกาศออกมาเสียงดัง
  และไม่รอให้กลุ่มศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ทันได้ตอบคำ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวเสริมออกมาว่า “แน่นอนว่า 12 ป้ายที่ว่า ข้าจะเป็นคนฆ่าพวกมันเอาเอง…ส่วนคนที่พวกเจ้าฆ่าไปแล้วข้าจะไม่ยุ่ง”
  “สำหรับแหวนพื้นที่กับอุปกรณ์เทพขั้นสูงของพวกมัน ข้าไม่สนใจ…ข้าต้องการแค่ป้ายพวกมันอย่างเดียว”
  พอกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอให้ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ทันได้ตอบอะไรอีกครั้ง ร่างเขาวูบไปปานภูตพราย พริบตาก็บรรลุถึงเบื้องหน้าศิษย์นิกายมหาเอกะคนหนึ่ง
  และศิษย์นิกายมหาเอกะคนนั้นก็ตกตายภายใต้คมกระบี่ของต้วนหลิงเทียน โดยที่ไม่ทันได้ตอบสนองเรื่องราวอะไร
  หลังมันตายป้ายที่เอวก็ถูกต้วนหลิงเทียนเก็บไปทันที
  จากนั้นร่างต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง และศิษย์นิกายมหาเอกะอีกคน 2 ที่อยู่ไม่ไกลมากนัก ก็เจริญรอยตามสหายร่วมนิกายในพริบตา ไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้ใดๆ
  พริบตาเดียว ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับป้ายประจำตัวของศิษย์นิกายมหาเอกะมา 3 ป้ายแล้ว
  สำหรับแหวนพื้นที่กับอุปกรณ์เทพขั้นสูงของทั้ง 3 ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เก็บมา
  “พวกเจ้าจะมัวยืนดูอะไร ฆ่าพวกมันให้หมด!”
  ด้านหูอี้หยวนก็ดึงสติกลับมาได้ จากนั้นก็ตะโกนสั่งออกมาด้วยใบหน้าอัปลักษณ์ ขณะเดียวกันร่างมันก็แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่สีทอง พุ่งไปฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะเบื้องหน้าอย่างเกรี้ยวกราด
  ถึงแม้ว่าหูอี้หยวนจะไม่พอใจกับคำพูดของต้วนหลิงเทียน
  อย่างไรก็ตามมันรู้ดีว่าสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนร้องขอไม่ได้มากเกินไป อย่างน้อยๆศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ในกลุ่มก็คงไม่มีใครคัดค้าน เพราะไม่มีใครคิดขัดแย้งกับต้วนหลิงเทียนเพราะเรื่องนี้
  เช่นนั้นถึงมันจะอารมณ์เสียแค่ไหน ก็ไม่อาจพูดออกมาได้
  จึงได้แต่กระตุ้นคนอื่นให้รีบฆ่าคนของนิกายมหาเอกะไวๆ
  เพราะตราบใดที่คนในกลุ่มสามารถฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะได้เร็วก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะลงมือ เช่นนั้นต้วนหลิงเทียนก็ไม่มีโอกาสได้รับป้ายประจำตัวของศิษย์นิกายมหาเอกะที่สมควรเป็นของพวกมันแต่แรก! เพราะสุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็พึ่งพูดเองว่าจะเอาแต่ป้ายของคนที่ฆ่าได้เท่านั้น!!