หูอี้หยวนลงมืออย่างอาจหาญแสงพลังสาดส่องปานสายรุ้ง บุกเข่นฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะอย่างดุดัน!
ส่วนด้านศิษย์นิกายมังกรสวรรค์คนอื่นๆนั้น กลับเลือกที่จะปิดกั้นศิษย์นิกายมหาเอกะไม่ให้หนีแทนที่จะเข้าไปสู้พัวพันอย่างหักโหม เรียกว่าแบ่งรับแบ่งสู้เพื่อรักษาการปิดล้อมเป็นหลัก สิ่งนี้ทำให้ศิษย์นิกายมหาเอกะยิ่งสิ้นหวังกว่าเดิม
ล้อกันเล่นหรือไร!
ด้วยมีต้วนหลิงเทียนร่วมลงมือด้วยแบบนี้ แถมยังระบุสิ่งที่ต้องการแต่แรก พวกมันไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอะไรแล้ว สุดท้ายสิ่งของจากศิษย์นิกายมหาเอกะที่ตายตก ก็ต้องนำมาแบ่งเท่าๆกันอยู่ดี
เช่นนั้นไฉนพวกมันต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับคนที่กำลังสู้ตายเพราะจนตรอกด้วย?
ท่านหูอี้หยวนมีพลังฝีมือกล้าแข็ง ย่อมกล้าเข่นฆ่าผู้อื่นอย่างดุดัน แต่พวกเราทำเช่นนั้นไม่ได้
ด้วยเหตุนี้ ฉากต่อมาจึงเป็นต้วนหลิงเทียนไล่ฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะจนครบ 12 คนอย่างรวดเร็ว และหลังได้ป้ายประจำตัวที่ต้องการครบแล้ว เขาก็ยังช่วยเข่นฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะไปอีกหลายคน
สุดท้ายศิษย์นิกายมหาเอกะที่เหลือไม่กี่คน ก็ถูกศิษย์นิกายมหาเอกะกลุ้มรุมสังหารจนตกตายหมดสิ้น
“ให้ตายเถอะ นี่นับเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของนิกายมังกรสวรรค์เราจริงๆ ศิษย์นิกายมหาเอกะ 36 คน ตกตายหมดสิ้น แต่ทางเราไม่มีแม้แต่คนเดียวที่บาดเจ็บ!”
หลังจบการต่อสู้แล้ว เหล่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์คนหนึ่งก็โพล่งออกมาด้วยความคึกคัก
ศิษย์นิกายมังกรสวรรค์คนอื่นๆก็พลอยติดเชื้อมันไปด้วย แต่ละคนเริ่มระเบิดเสียงหัวเราะ ตะโกน “ชัยชนะอันยิย่งใหญ่! ถล่มมารดาศัตรูมันหมดสิ้น” อย่างสุนกสนาน
ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนนั้น หลังจากได้รับป้ายประจำตัว 12 ป้ายที่ต้องการแล้ว เขาก็หันไปพยักหน้ากล่าวกับแม่นาง 7 ด้วยรอยยิ้มบางๆ “แม่นาง 7 ข้าได้สิ่งที่ต้องการครบแล้ว เช่นนั้นขอตัวก่อน”
ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนิทอะไรกับแม่นาง 7 ทว่าเชวียไห่ชวนได้ฝากฝังเขาไว้แล้ว ว่าหากเป็นไปได้ก็ช่วยดูแลแม่นาง 7 ให้หน่อย
ด้วยเชวียไห่ชวนออกปากมาแบบนี้ ถึงเขาจะไม่ได้สนิทกับนาง แต่เขาก็ไม่เฉยเมยกับนางเป็นธรรมดา
“หืม?”
ได้ยินคำลาของต้วนหลิงเทียน แม่นาง 7 อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความสงสัย “ท่าน…ครบที่ว่า หรือท่านคิดจะออกจากสนามรบราชาเทพแล้ว?”
ไม่ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนจะได้กล่าวตอบ หูอี้หยวนหัวหน้าร่วมศิษย์นิกายมังกรสวรรค์กลุ่มนี้ที่ไม่ทราบมาหยุดลอยร่างไม่ห่างแม่นาง 7 ตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าที่ดูแล้วไม่ใช่ตัวดีอันใด “ต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่ว่าเจ้าโม้ไว้ดิบดีหรือไร ว่าหากฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะไม่ครบร้อย เจ้าจะไม่ออกจากสนามรบราชาเทพ?”
“หากเจ้ากลับออกไปโดยที่ไม่ได้ทำตามคำพูด เกรงว่าเจ้าได้เสียหน้าครั้งใหญ่แน่ แถมเจ้าเสียหน้าคนเดียวไม่พอ แต่เจ้าจะพลอยทำให้นิกายมังกรสวรรค์เราเสียหน้าไปด้วย!”
กล่าวถึงจุดนี้ มุมปากหูอี้หยวนก็ยกยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา
“อืม ได้เวลาที่ข้าจะกลับออกไปเสียที”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ากล่าวตอบแม่นาง 7 จากนั้นก็เหลือบมองหูอี้หยวนผ่านๆ แต่คร้านจะสนใจอะไรมัน เลือกจะใช้การเคลื่อนย้ายข้ามมิติหายไปทันที
ยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยต่อหน้าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ทั้งร้อยคน
“ศิษย์น้องหญิงชี…”
ทันใดนั้น หูอี้หยวนก็หันไปกล่าวกับแม่นาง 7 ด้วยใบหน้ารังเกียจ “คนที่ไม่รักษาคำพูดตัวเองเช่นนี้ วันหลังท่านอยู่ให้ห่างมันมากหน่อยเถอะ วันนี้มันกลับคำพูดกับผู้อื่นได้ วันหน้ามันก็ผิดสัญญากับท่านได้เช่นกัน”
แม่นาง 7 เป็นสตรีที่หูอี้หยวนหมายปอง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนอีกฝ่ายจะสนใจชายหนุ่มที่เก่งกาจเหนือกว่ามัน!
สิ่งนี้มันไม่อาจยอมรับ
ในเมื่อมีโอกาสป้ายสีผู้อื่นทั้งที ไฉนมันจึงไม่ทำ?
“ไม่รักษาคำพูด?”
แม่นาง 7 เดิมที่ไม่ได้แยแสหูอี้หยวนมานานแล้ว เหลือบมองหูอี้หยวนผ่านๆ ค่อยกล่าวเสียงเรียบ “เจ้าไม่สงสัยบ้างหรือว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงต้องการป้ายประจำตัวศิษย์นิกายมหาเอกะ 12 ป้าย?”
“ป้าประจำตัวนั่น นอกจากเอาไปแลกแต้มรบแล้ว สำหรับต้วนหลิงเทียนยังเอาไปทำอะไรได้อีก?”
แม่นาง 7 กล่าวถามทิ้งท้ายจบคำ ก็ไม่พูดอะไรกับหูอี้หยวนสืบต่อ และเหินร่างไปต่อทันที ราวกับไม่อยากอยู่ใกล้มัน
ด้านหูอี้หยวนพอได้ยินคำถามของแม่นาง 7 มันนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลูกตาก็หดเล็กลงเร็วไว “เป็นไปไม่ได้! เรื่องพรรค์นั้นมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน!!”
ด้านศิษย์นิกายมังกรสวรรค์คนอื่นเองก็ได้ยินสิ่งที่แม่นาง 7 พูดเช่นกัน บางคนเริ่มขมวดคิ้ว ส่วนบางคนก็ทำตาลุกวาวราวกับตระหนักอะไรได้
“อย่าบอกนะ ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น…ก่อนที่จะได้เจอกับพวกเรา มันเก็บป้ายประจำตัวศิษย์นิกายมหาเอกะได้ 88 ป้ายแล้ว!?”
“เก็บได้ 88 ป้าย…ไม่ได้หมายความว่ามันฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะไป 88 คนแล้วหรือไร!?”
“ตอนนี้มันได้ครบ 100 ป้ายแล้ว? เช่นนั้นก็เลยจะกลับออกจากสนามรบราชาเทพ?”
“ไม่จริงกระมัง นี่มันฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะขอบไป 100 คนแล้วหรือ…เรื่องนี้ข้าแค่คิดก็ขนหัวลุกแล้ว”
…
ในเวลาเดียวกัน บริเวณหน้าทางเข้าสนามรบราชาเทพของเมืองมหาเอกะ เหล่าผู้อาวุโสที่รับหน้าที่เฝ้าดูแล ก็พบว่าลูกแก้ววิญญาณ 30 กว่าเม็ดได้แตกลงในเวลาไล่เลี่ยกัน
“ถูกฆ่าล้างไปอีกกลุ่มแล้ว คราวนี้มี 30 กว่าคน!”
“ยังไม่ทันถึงปีที แต่บัดนี้กลับมีศิษย์ขอบเขตราชาเทพตกตายไปเกือบ 150 คนแล้วเช่นนั้นหรือ?”
“ใช่”
“ข้าได้รับข่าวจากสายเราที่แฝงตัวอยู่ในนิกายมังกรสวรรค์ ถึงแม้พวกมันจะสูญเสีย แต่ยังมีคนตายไม่ถึง 100 คนด้วยซ้ำ…นี่อัตราการตายของนิกายมหาเอกะเรามากกว่านิกายมังกรสวรรค์เกินครึ่งเชียวหรือ?”
“ช้าก่อน ข้าพึ่งได้รับแจ้งมาจากทางนั้น…คนของนิกายมังกรสวรรค์พึ่งจะตายเพิ่ม 20 คน…ตอนนี้พวกมันก็ตายเกินร้อยแล้ว”
…
ด้านนิกายมหาเอกะ พอพบว่ามีศิษย์อีก 30 กว่าคนตกตายพร้อมๆกันในสนามรบราชาเทพ ก็ทำให้บรรยากาศไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่
ส่วนทางด้านนิกายมังกรสวรรค์นั้น พึ่งจะฟื้นจากข่าวการตายของศิษย์ 20 คนไปได้ไม่นานนัก ก็ได้รับทราบว่าด้านนิกายมหาเอกะก็พึ่งจะตายไป 30 กว่าคนจึงไม่ค่อยสลดสักเท่าไหร่
“ฝั่งนั้นพึ่งจะตายไป 30 กว่าคนหรือ แล้วทางพวกเราเล่า?”
หลายคนเชื่อไปตามจิตใต้สำนึก ว่าในเมื่ออีกฝ่ายมีคนตาย 30 กว่าคน เช่นนั้นไม่แน่ว่าคนของพวกมันก็อาจถูกคนของนิกายมหาเอกะฆ่าไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พบพบว่าในช่วงเวลาเดียวกับที่ศิษย์ 30 กว่าคนของนิกายมหาเอกะถูกฆ่า แต่ทางนิกายมังกรสวรรค์ของพวกมันกลับไม่มีใครตายสักคน หลายๆคนก็เริ่มคลี่ยิ้มพึงพอใจออกมา
เพราะจากผลลัพธ์ดังกล่าว ทุกคนย่อมตระหนักได้ทันที ว่าครั้งนี้เป็นการเข่นฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะฝ่ายเดียวของศิษย์นิกายมังกรสวรรค์
เหตุการณ์ดังกล่าวย่อมทำให้หลายๆคนมีความสุขเป็นธรรมดา
ไม่ทันไร เหล่าคนของนิกายมังกรสวรรค์ก็ฟื้นตัวจากความเศร้าที่มีศิษย์นิกายตกตายไป 20 คน
สุดท้ายแล้วจากผลรวม ตอนนี้ศิษย์นิกายมหาเอกะก็ตกตายเยอะกว่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ของพวกมันเกือบครึ่ง
แน่นอนว่าคนที่สามารถยิ้มได้นั้น ก็มีแต่พวกที่ยังไม่มีญาติสนิทมิตรสหายตกตายเท่านั้น ถ้ามีญาติสนิทมิตรสหายของพวกมันตกตายในสนามรบราชาเทพแล้ว แม้จินดีที่อีกฝ่ายตกตายมากกว่าเกือบครึ่ง ก็ยังไม่อาจยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจแบบนี้ได้
“มีคนกลับออกมาอีกแล้ว”
ในปัจจุบันเวลามันก็ผ่านไปเกือบปีแล้วที่ศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้น และมีศิษย์นิกายมังกรสวรรค์หลายคนที่ทำภารกิจขั้นพื้นฐานสำเร็จและกลับออกมาจากสนามรบราชาเทพ
เหล่าศิษย์ขอบเขตราชาเทพ ที่รับทราบถึงสถานการณ์อันโหดร้ายในสนามรบราชาเทพ หลายคนที่สามารถทำภารกิจสำเร็จได้อย่างเฉียดฉิว เมื่อกลับออกมาแล้วก็ไม่ได้อยากจะกลับเข้าไปสู้อีกสักเท่าไหร่ เพราะพวกมันหวงแหนชีวิตตัวเองมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่กลับออกมาจากสนามรบราชาเทพนั้น ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นกลุ่มที่มีจำนวนคนอย่างน้อย 20 คนทั้งนั้น…
มิคาดวันนี้กลับมีผู้ที่กลับออกมาจากสนามรบราชาเทพเพียงคนเดียว
‘ในที่สุดก็ได้ออกมาเสียที’
‘ออกมาครั้งนี้ พยายามทะลวงให้ถึงขอบเขตจอมราชันเทพก่อน จากนั้นค่อยเข้าไปในสนามรบจอมราชันเทพ…ในสนามรบราชาเทพ ต่อให้ฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะไปมากแค่ไหน แต้มรบที่จะได้มันก็ไม่พอยาไส้อยู่ดี หากจะเก็บแต้มรบไปแลกของพวกนั้นในเมืองสันติ มีแต่ต้องฆ่าจอมราชันเทพในสนามรบจอมราชันเทพเท่านั้น’
ต้วนหลิงเทียนกล่าวในใจขณะเดินออกมาจากสนามรบราชาเทพ
ในเวลาเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนที่พึ่งกลับออกมาก็พบว่ามีคนมองมาที่เขา
จากนั้นพอมองไปรอบๆ ต้วนหลิงเทียนก็พบว่าตอนนี้บริเวณหน้าทางเข้าสนามรบราชาเทพ มันไม่ได้คึกคักเหมือนวันแรกๆอีกต่อไป
นอกจากผู้อาวุโสฝ่ายในที่มีหน้าที่เฝ้าดูแลแล้ว ก็มีศิษย์ขอบเขตราชาเทพอยู่แถวนี้ไม่กี่คนเท่านั้น
“นั่นต้วนหลิงเทียนนี่!”
หนึ่งในศิษย์ราชาเทพ จดจำต้วนหลิงเทียนได้
“เจ้านั่นน่ะหรือต้วนหลิงเทียน…เห็นว่ามันเข้าไปเพียงลำพังใช่หรือไม่? มันสามารถรอดกลับออกมาได้จริงๆ?”
“ต้วนหลิงเทียนคนนั้นนับว่าร้ายกาจไม่ใช่น้อย ขอเพียงมันไม่เจอกองร้อยของนิกายมหาเอกะ ก็สมควรเอาตัวรอดได้ไม่ยาก อีกทั้งด้วยความกว้างใหญ่ของสนามรบราชาเทพ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะพบเจอกองร้อยของนิกายมหาเอกะ”
“จริงของเจ้า”
“ไม่ทราบว่าไฉนตอนนี้ต้วนหลิงเทียนถึงออกมา?”
“สมควรฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะได้ไม่น้อยกระมัง…ไม่ทราบว่ามันฆ่าไปกี่คนกันแน่”
“ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนพูดไว้ก่อนหน้าหรือไร ว่าหลังเข้าสู่สนามรบราชาเทพแล้ว หากฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะได้ไม่ครบ 100 คนจะไม่กลับออกมา?”
“หากต้วนหลิงเทียนไม่ลั่นวาจาเช่นนั้นออกมา นิกายมหาเอกะคงไม่ระวังเช่นนี้ และบางทีมันอาจทำได้สำเร็จจริงๆ…อย่างไรก็ตามพอมันพูดออกมาแล้ว ประมุขนิกายมหาเอกะก็เตรียมการรับมือทันที สั่งให้จัดตั้งกลุ่มเพื่อรับมือมันเช่นนั้น แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะทำสำเร็จ”
…
ศิษย์ของนิกายมังกรสวรรค์คุยกันอย่างออกรส
แม้เหล่าอาวุโสของนิกายมังกรสวรรค์ที่รับหน้าที่เฝ้าระวังจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็คิดไม่ต่างจากเหล่าศิษย์
ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนหลังจากที่กลับออกมาแล้ว พอพบว่าแถวนี้ไม่มีคนคุ้นหน้าเขาก็จากไปทันที มุ่งหน้าสู่เมืองสันติอย่างไม่รอช้า
ในระนาบศึกจักรพรรดิ หากคิดจะแลกเปลี่ยนป้ายประจำตัวของอีกฝ่ายเป็นแต้มรบ ก็จำต้องไปจัดการแลกเปลี่ยนที่เมืองสันติ
และคนที่รับผิดชอบในเรื่องแลกเปลี่ยนแต้มรบ ก็เป็นคนจากขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพชั้นแนวหน้าของเขตคฤหาสน์ตงหลิง
“ต้วนหลิงเทียนออกมาแล้ว!?”
“ต้วนหลิงเทียนที่กลับออกมา ก็มุ่งหน้าไปเมืองสันติก่อนใดอื่นเช่นนั้นรึ?”
“ต้วนหลิงเทียนไปเมืองมหาสันติทันทีเช่นนี้ ไม่พ้นต้องเอาป้ายประจำตัวศิษย์นิกายมหาเอกะที่ได้จากสนามรบราชาเทพไปแลกแต้มรบเป็นแน่ สุดท้ายแล้วก็มีแต่ต้องนำไปแลกแต้มรบเท่านั้น ถึงจะถือว่าทำภารกิจขั้นพื้นฐานของนิกายได้สำเร็จ”
“พวกเจ้าว่า ต้วนหลิงเทียนจะแค่ทำภารกิจพื้นฐานสำเร็จ…หรือว่ามันฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะได้มากกว่านั้น?”
“เรื่องนี้ไม่มีใครกล้ารับประกันหรอก”
“เจ้าว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่มันจะฆ่าศิษย์นิกายมหาเอกะได้ครบ 100 คนจริงๆ?”
“นั่นมิน่าจะเป็นไปได้กระมัง?”
“เป็นไปไม่ได้แน่นอน!”
…
เมื่อมีข่าวเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนออกจากสนามรบราชาเทพแล้ว และกำลังมุ่งหน้าไปเมืองสันติ หลายๆคนก็เร่งรุดไปเมืองสันติด้วยความคึกคักทันที หมายชมดูว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป
ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนที่พึ่งเดินทางมาถึงเมืองสันติ ก็ได้รับข้อความหนึ่ง
เป็นข้อความจากตงฟางเหยียนเหนียน อีกฝ่ายถามว่า “เสี่ยวเทียนเจ้าออกมาแล้วรึ?”
“พี่เหยียนเหนียน ไฉนถึงรู้ดีนักเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
ขณะเดียวกัน ตงฟางเหยียนเหนียนที่ทราบข่าวว่าต้วนหลิงเทียนออกมาจากสนามรบราชาเทพแล้ว มันก็เร่งรุดไปยังเมืองสันติเพื่อตามหาต้วนหลิงเทียน “แล้วผลการเก็บเกี่ยวเล่า เป็นเช่นไรบ้าง?”
“ตอนนี้หลายๆคนพูดกันหนาหู ว่าเจ้าไม่มีทางทำตาม ‘คำพูดอหังการ’ ที่เจ้าลั่นไว้กับคนของนิกายมหาเอกะได้”