ตอนที่ 3862 ได้รับคำสั่ง

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

มีคำผิดบ้างประปรายโดยเฉพาะสระ-ำ เดี๋ยวมาแก้ให้ทีหลังเน้อ หรือลองโหลดของอีกเจ้าได้คะ

ร่างต้วนหลิงเทียนจากไปแล้ว บ้านว่างไร้ร่องรอยผู้คน กระทั่งค่ายกลป้องกันทั้งหมดของบ้านพักสำหรับศิษย์ฝ่ายในยังถูกปิดใช้งานทุกอย่างจุดนี้ทำให้กวงเทียนเจิ้งบังเกิดความรู้อนใจไม่น้อย
และไม่เพียงแต่ร้อนใจ กวงเทียนเจิ้งบังเกิดความสิ้นหวังทั้งหดหู่จับใจ
การวางแผนลวงต้วนหลิงเทียนไปฆ่านอกินกายมังกรสวรรค์โดยใช้ติงเหยียนั้นน สำหรับมันแล้วนี่คือฟางเสน่สุดท้ายในการรักษาชีวิตของมัน เพราะตราบใดที่มันจัดการแก้ปัญหาต้วนหลิงเทียนได้ในครั้งนี้ มันก็ไม่จำเป็นต้องเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป
มันยังวางแผนไว้ว่าขอเพียงศิษย์คนโตของมัน เมิ่งซาน ยืนยันได้ว่าต้วนหลิงเทียนที่ออกไปเป็นร่างจริง ไม่ใช้ร่างอวตำรแห่งกฏ มันก็จะเร่งรุดเดินทางออกจากินกายมังกรสวรรค์เพื่อไปสมทบ เพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายทันที่

ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนสูงมาก กระทั่งไล่ ๆ กับจอมราชันเทพขั้นต่ำทั่วไปแล้ว หากเป็นร่างจริงของต้วนหลิงเทียน มันเกรงว่าอาศัยเมิ่งซานคนเดียวอาจฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้
“ไม่ใช้ร่างจริง”
พอเมิ่งซานส่งข้อความกลับมารายงานว่าต้วนหลิงเทียนที่ออกจากินกายมังกรสวรรค์ไปไม่ใช้ร่างจริง กวงเทียนเจิ้งก็ตระหนักได้โดยพลัน ว่าสถานการณ์ที่มันไม่อยากเห็นได้เกิดขึ้นแล้ว ต้วนหลิงเทียนที่ออกไปพร้อมติงเหยียนไม่ใช้ร่างจริง แต่เป็นร่างอวตำรกฏ
ความระมัดระวังของต้วนหลิงเทียนทำให้มันรู้สึกทดท้อจนปัญญา และมันก็รู้อีกด้วยว่าต่อไปคิดจะล่อลวงต้วนหลิงเทียนให้ออกนอกินกายมังกรสวรรค์ คงยากเย็นกว่าให้คนธรรมดาปีนป่ายขึ้นสวรรค์
เช่นั้นนหลังดิ้นรนหาหนทางอยู่สักพัก มันก็ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด ว่าจะใช้ตัวเองต่างกระสุนสังหาร บุกไปฆ่าร่างจริงของต้วนหลิงเทียนคำที่พักศิษย์ฝ่ายในเพื่อจบปัญหาทั้งหมด!

มีแต่ทำเช่นั้นน ถึงจะช่วยครอบครัวของมันให้รอดพ้นหายนะไปได้!
หาไม่แล้ว ไม่เพียงแต่มันเท่านั้นที่ต้องตาย ทั้งโคตรยังต้องร่วมกลบฝังไปพร้อมมัน!
“มันไปที่ใดกันแน่”
สีหน้ากวงเทียนเจิ้งบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก สุดท้ายก็ได้แต่รายงานเรื่องราวให้เซวียหมิงจื่อรับทราบ
หลังจากเซวียหมิงจื่อรู้เรื่องทั้งหมดจากกวงเทียนเจิ้ง มันก็ส่งคนไปสืบหาที่อยู่ต้วนหลิงเทียนทันที่
ราว ๆ 1 เค่อต่อมา เซวียหมิงจื่อก็ส่งข้อความกลับมาหากวงเทียนเจิ้งอีกครั้ง“ต้วนหลิงเทียนั่นน หลังัมนออกจากสถานที่พักของศิษย์ฝ่ายใน มันมิได้เข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ”

“แต่มันไปพักอาศัยังบ้านของอาวุโสมังกรขาว เชวียไห่ชวน”
“ข้าคิดว่า…แผนการของเจ้าทำให้มันตระหนักถึงวิกฤตการณ์ หาไม่แล้วมั่นคงไม่ระวังตัวแจเช่นนี้”
“หึ! ครั้งก่อนข้ากล่าวเป็นนัยว่าให้เจ้าไปลงมือฆ่ามันด้วยตัวเองแล้วแท้ ๆ แต่เจ้ากลับเลือกจะใช้แผนลวงัมนออกไปฆ่ามาตอนนี้เป็นเช่นไรเล่า เจ้าทำพังหมดสิ้น!”
ข้อความสุดท้ายของเซวียหมิงจื่อยังเป็นการตำหนิกวงเทียนเจิ้งอย่างแรง
ด้านกวงเทียนเจิ้งพอได้ยินคำตำหนิ มันก็ไม่พอใจเป็นธรรมดาสีหน้ายังเปลื่ยนี้เป็นบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก…เพราะก่อนหน้านี้มันก็ได้เล่าแผนให้เซวียหมิงจื่อฟังแล้วรอบหนึ่ง
แต่ตอนั้นนไม่เห็นเซวียหมิงจื่อจะพูดอะไรสักคำ

มาวันนี้พอแผนพังไม่เป็นทำกลับโทษมันเสียอย่างนั้น!
เป็นธรรมดาว่าให้มันไม่พอใจมากแค่ไหน มันก็ไม่กล้าเผยให้เซวียหมิงจื่อรับรู้ เลือกจะส่งข้อความกลับไป“ข้าจะไปฆ่ามันเอง! แต่ข้าหวังว่าท่านจะช่วยข้าบางเรื่อง”
“ล่อเสือออกจากถ้า ให้เชวียไห่ชวนั่นนัมนออกจากบ้านเสีย”
“เรื่องนี้ไม่มีผู้ใดในสายนิกายหมื่นปีศาจของข้าที่ทำได้ มีแต่ท่านเท่านั้น”
สายนิกายหมื่นปีศาจในนิกายมังกรสวรรค์นั้น คนที่มอำนาจสูงสุดทั้ง 2 ก็เป็นแค่อาวุโสมังกรขาวเท่านั้น ด้วยสถานะเทียบเท่ากับเชวียไห่ชวน ทั้งคู่ไหนเลยจะมีปัญญาออกคำสั่งให้เชวียไห่ชวนทำตามได้

ถึงแม้อาวุโสมังกรขาวทั้ง 2 จะมีสหายเป็นอาวุโสมังกรดำอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามถึงอาวุโสมังกรดำที่ว่าจะสามารถออกคำสั่งให้เชวียไห่ชวนได้ก็จริง ทว่าเชวียไห่ชวันที่ล่วงรู้ว่าอาวุโสมังกรดำเหล่านั้นี้เป็นสหายกับอาวุโสมังกรขาวของนิกายหมื่นปีศาจ ย่อมปฏิเสธไม่ทำตามคำสั่งแน่นอน ถึงขั้นทันทีที่ได้รับคำสั่งก็จะล่วงรู้ได้โดยพลันว่ามเรื่องไม่ชอบมาพำกล
ถึงตอนั้นนไม่พ้นต้องพาต้วนหลิงเทียนมาอยู่ข้างกาย เพื่อคุ้มครองต้วนหลิงเทียนอย่างจริงจัง การจะฆ่าต้วนหลิงเทียนก็ยากขึ้นไปอีก
“เข้าใจแล้ว”
เซวียหมิงจื่อตอบข้อความกลับไปเสียงเฉย จากนั้นก็เลิกสนใจกวงเทียนเจิ้ง
ในเวลานี้ กวงเทียนเจิ้ง ก็ไม่ได้ร้อนรนและวิตกกังวลอีกต่อไป เพราะมันรู้ดีว่าเซวียหมิงจื่อต้องหาโอกาสให้มันฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แน่ สุดท้ายแล้วเซวี้ยหมิงจื่อก็ต้องการกำจัดต้วนหลิงเทียนเช่นกัน

‘กลับไปรอข่าว…ตอนนี้หวังเพียงต้วนหลิงเทียนผู้นั้นจะไม่ทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพในเร็ววัน หาไม่แล้วพอถึงตอนั้นนข้าคงไม่มีปัญญาฆ่ามันอีกต่อไป’
กวงเทียนเจิ้งลอบกล่าวในใจ ‘พอถึงตอนั้นนคนที่จะปวดหัวก็คือรองประมุขเซวีย’
ในความคิดของกวงเทียนเจิ้งขอเพียังมีนไม่ออกจากินกายมังกรสวรรค์ ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะมีพลังไม่ด้อยไปกว่ามัน กระทั่งมากพอฆ่ามันแล้ว แต่ก็คงไม่อาจฆ่ามันได้โดยง่าย นับว่ามันก็ยังปลอดภัยดีอยู่
เว้นเสียแต่ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนจะเหนือกว่ารองประมุขเซวีย
แน่นอนว่ารองประมุขเซวียอาจจะเลือกจบปัญหาด้วยการส่งมันไปให้ต้วนหลิงเทียนฆ่า เพื่อระงับความแค้นคว้ามเกลียดชังของต้วนหลิงเทียน

อย่างไรก็ตาม มันก็มีคิดไว้แล้วว่าถึงตอนั้นนจะทำอย่างไร
พอถึงตอนั้นนเข้าจริง ๆ มันจะบอกต้วนหลิงเทียนว่าเซวียหมิงจื่อเปืนคนที่ข่มขู่ต้วนหลิงเทียน เรื่องที่จะส่งคนไปฆ่าหลิงหูเหรินเจี๋ย ผู้นำตระกูลหลิงหู!
จากนสัยของต้วนหลิงเทียนที่มันรู้มาร่วมถึงมิตรภาพระหว่างต้วนหลิงเทียนกับหลิงหูเหรินเจี๋ยมันไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะเลิกรำเรื่องนี้ง่าย ๆ
ถึงตอนั้นน เซวียหมิงจื่อกับต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องปะทะกันเอง เช่นั้นนก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่เซวียหมิงจื่อจะขายมันให้ต้วนหลิงเทียน เพื่อระงับความบาดหมางอีกต่อไป
‘บางที่ข้าควรคิดได้เช่นนี้ตั้งแต่แรก…ในเมือทั้ง 2 ฝ่ายต้องตายกันไปข้าง เช่นั้นนไฉนข้าไม่สู้เพื่อหาทางรอดเล่า ?’

วินาทีนี้ นับว่ากวงเทียนเจิ้งปล่อยวางเรื่องราวได้สมบูรณ์ บุังเกิดความโล่งใจที่ยากจะพานพบมานาน
ก่อนหน้านี้มันคิดแต่ว่าตัวเองหลังเหลือเพียงหนทางตายถ่ายเดียว แต่พอพบว่ายังมีทางรอดอยู่สายหนึ่ง ความรู้สึกที่เสมือนติดอยู่ในนรกแต่กลับได้ขึ้นสวรรค์เช่นนี้ ทำให้มันเลิกหวาดกลัวอีกต่อไป
และทั้งหมดที่ว่ามา เซวียหมิงจื่อไม่ได้ล่วงรู้แม้แต่นิดเดียว
หากมันรู้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะเลือกฆ่ากวงเทียนเจิ้ง เพื่อไม่ให้เกิดความบาดหมางกับต้วนหลิงเทียนตั้งแต่แรก

วันเวลาผันผ่านไปว่องไวด่งม้าขาวควบทะยานผ่านทุ่ง

พริบตำเดียว ก็ล่วงเลยไป 2 ปีแล้ว
ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาระดับพลังในร่างต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มพูนสูงขึ้น จนใกล้จะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพอยู่รอมร่อถึงขั้นที่เขาย่าเหยียบธรณีประตูสู่ขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว
พลังเทพในร่างยังเริ่มส่อสัญญาณถึงความเปลื่ยนแปลงเชิงคุณภาพ
อย่างไรก็ตามความแตกต่างระหว่างทะลวงผ่านกับยังไม่ทะลวงผ่าน ยังคงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร
‘ตอนนี้ไม่ใช้ปัญหาเรื่องอิ่มตัวหรือติดจุดรอคอยอีกต่อไป…เพราะในอดีตข้าได้ใช้โอสถเทพทะลวงราชันไปแล้ว เช่นั้นนหมายความว่าจุดรอคอยที่จะทะลวงสู่ด่านพลังจอมราชันเทพของข้าไม่มีอีกต่อไป’

‘ในปัจจุบันสาเหตุที่ข้ายังไม่อาจทะลวงไปถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้ ก็มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น…พลังเทพในร่างข้ายังไม่สูงพอ! สิ่งนี้เกิดจากข้าใช้โอสถเทพมามากเกินไป จนร่างกายด้อยาและไม่อาจใช้โอสถเทพเพื่อเพิ่มีพลังในร่างให้มากพอจะถึงเกณฑ์ทะลวงผ่านขั้นพลังไปได้…มีแต่ต้องสั่งสมีพลังเอาเองเท่านั้น’
ภายในจวนหลังใหญ่ของเชวียไห่ชวน ต้วนหลิงเทียนที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ในห้องหับของบ้านลำนอิสระหลังหนึ่ง กำลังครุ่นคิดจนคิ้วย่นี้เป็นปม
ครืนนน!
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังพร่ำบ่นในใจ ห้วงมิติเบื้องหน้ากบังเกิดความผันผวน จากนั้นร่างต้วนหลิงเทียนอีกคนก็ถูกควบสร้างขึ้นมา
ต้วนหลิงเทียนที่ว่า ก็คือร่างอวตำรกฏมิติที่ต้วนหลิงเทียนได้ควบแน่นพลังสร้างขึ้นอีกครั้ง

ด้วยมีประสบการณ์ควบแน่นพลังสร้างร่างอวตำรกฏมาแล้ว เช่นั้นนเวลาที่ใช้ก็ไม่ถึงครึ่งของก่อนหน้าด้วยซ้ำ และยังใช้เวลาควบรวมีพลังสร้างร่างอวตำรกฏได้ในเวลาสั้น ๆ
‘สองปีที่ผ่านมา…ข้ากลับบ่มเพาะพลังได้อย่างสงบสุขไร้เรื่องราวถึงขนาดนี้เชียว ?’
‘เจ้ากวงเทียนเจิ้งนั่นก็ไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย…ยังมีรองประมุขเซวียนั่นอีก ไฉนไม่ลงมือเคลื่อนไหว ?’
คิดถึงจุดนี้ ลูกตำต้วนหลิงเทียนก็หรี่ลง ‘นี่พวกมันไม่กลัวว่าข้าจะทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพกันบ้างหรือไร ?’
‘พวกมันน่าจะรู้ดีว่าหากข้าทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำได้ พลังรบของข้าก็ไม่น่าจะด้อยไปกว่าชนชั้นอาวุโสฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์…ถึงตอนั้นนมีแต่อาวุโสมังกรขาวทั้ง 2 ของสายนิกายหมื่นปีศาจ กับรองประมุขเซวียเท่านั้นที่มีกำลังพอจะฆ่าข้าได้’

‘แต่พวกมันไม่ลงมือเคลื่อนไหวเช่นนี้ก็ดี อย่างน้อย ๆ ก็มีเวลาให้ข้าก้าวหน้า’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“เสี่ยวเทียน”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย พลันมีเสียงเชวียไห่ชวนดังขึ้นในใจ“ข้าพึ่งได้รับคำสั่งจากอาวุโสมังกรดำมาข้ากับอาวุโสมังกรขาวอีกหลายคนจำต้องเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ นิกายมังกรสวรรค์ของพวกเราพึ่งจะสูญเสียอาวุโสมังกรขาวไปอีกคน”
“ยิ่งไปกว่านั้นอาวุโสมังกรขาวที่ตาย ก็เป็นสหายที่ดีกับคนในสายนิกายหมอกเร้นลับของเรา”
“อาวุโสมังกรดำที่สั่งการณ์ลงมาให้พวกเราเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ ก็เป็นสหายที่ดีกับสายนิกายหมอกเร้นลับเราเช่นกัน”

“และอาวุโสมังกรดำคนนี้ยังสนิทกับรองประมุขอีกคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับรองประมุขเซวีย เช่นั้นนจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เซวียหมิงจื่อจะใช้ให้มันออกคำสั่งดังกล่าว เพื่อล่อเสือออกจากถ้า”
เชวียไห่ชวนกล่าวเล่าความเป็นมาของเรื่องราวยงอธิบายโดยละเอียดเพื่อขจัดข้อสงสัยให้ต้วนหลิงเทียน
“มีอาวุโสมังกรขาวตกตายอีกคน หรือ ?”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลื่ยนไปเช่นกัน เพราะนี่นับเป็นอาวุโสมังกรขาวคนที่ 2 ของนิกายมังกรสวรรค์แล้วที่ตกตาย ส่วนทางด้านนัิกายมหาเอกะนั้นยังไม่มีอาวุโสที่มีพลังระดับอาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสวรรค์ตกตายเลยสักคน
ที่ตายไป ก็แค่จอมราชันเทพขั้นกลางทั่ว ๆ ไปเท่านั้น

ให้เทียบกับสนามรบราชาเทพแล้ว สถานการณ์ในสนามรบจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะนับว่าดีกว่านิกายมังกรสวรรค์มาก! ความสูญเสียของนิกายมังกรสวรรค์หนักหนากว่าเยอะ!!
“ทางสายนิกายหมอกเร้นลับเองก็หวังให้ข้าเข้าไปเช่นกัน…เช่นั้นนข้าจึงไม่อาจปฏิเสธได้”
เชวียไห่ชวนกล่าว
“แล้วพี่ไห่ชานเล่า ?”
ต้วนหลิงเทียนนึกถึงเชวียไห่ชานขึ้นมา
“เมื่อ 2 เดือนก่อนพี่ใหญ่ข้าทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพได้สำเร็จ ตอนนี้กำลังควบรวมปรับด่านพลังอยู่…และนี่เป็นเหตุผลที่ทั้งหมดให้ข้าเข้าใป หาไม่แล้วทุกคนรู้ดีว่าข้าไม่อาจเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิได้”

เชวียไห่ชวนกล่าว
“พี่ใหญ่ไห่ชานทะลวงถึงขอบเขตราชาเทพแล้วรึ?”
สองตำต้วนหลิงเทียนี้เป็นประกาย จากนั้นก็เอ่ยถามไปว่า“เช่นั้นนพี่ไห่ชวนคิดจะพำพี่ใหญ่ไห่ชานเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิพร้อมกันกระมัง ?”
“ไม่ผิด”
เชวียไห่ชวนพยักหน้าตอบคำ“หลังเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ ถึงแม้พี่ใหญ่ข้าจะไม่เข้าสู่สนามรบราชาเทพ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะถูกหลิวหยินจากสายนิกายหมื่นปีศาจลงมือทำอะไร”
“เพราะในเมืองมังกรสวรรค์เราที่อยู่ในระนาบศึกจักรพรรดิ มีตัวตนระดับอาวุโสมังกรทองเฝ้าดูแลความเรียบร้อยอยู่ หากหลิวหยินคิดลงมือเคลื่อนไหวอันใด มันไม่พ้นต้องตายก่อนจะทำอะไรพี่ใหญ่ข้าได้”

ฟังจากคำพูดของเชวียไห่ชวน เห็นได้ชัดว่าเชวียไห่ชวนเชื่อมั่นในพลังของอาวุโสมังกรทองที่เฝ้าระวังอยู่ในเมืองมังกรสวรรค์ของระนาบศึกจักรพรรดิมาก
“พี่ไห่ชวน อาวุโสมังกรทองที่ท่านกล่าว…จะไม่ถูกหลิวหยินติดสินบนแน่นะ”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถาม
“เรื่องนั้นไม่มีทางหรอก”
เชวียไห่ชวนกล่าวด้วยนำ้เสียงมี่นใจ“ในนิกายมังกรสวรรค์เรา ผู้อาวุโสมังกรทองทุกคนให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของนิกายเหนือสิ่งอื่นใด…นอกจากนั้นอาวุโสมังกรทองทุกคนไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับรองประมุขเซวีย หรือค้นของสายนิกายหมื่นปีศาจเป็นพิเศษ”

“และในสายตำของอาวุโสมังกรทองทั้งหลาย คุณค่าของข้ายังเหนือกว่าหลิวหยินมากมายนัก”
“หากไม่ใช้ข่ำอาจมเรื่องทำนองติดสำนองจนทำเป็นหลับตำข้างหนึ่ง…แต่พอมันเกี่ยวข้องกับข้า ไม่มีใครปล่อยให้หลิวหยินลงมือได้สำเร็จแน่นอน”
กล่าวถึงจุดนี้ความมั่นใจในน้ำเสียงของเชวียไห่ชวนั้นนเรยกว่าพุ่งสูงถึงขีดสุด
“เช่นั้นน…พี่ไห่ชวนก็ไม่ได้กังวลเรื่องพี่ใหญ่ไห่ชาน แต่เป็นข้า ?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ใช้”

เชวียไห่ชวนกล่าวตอบ“ข้าก็เลยจะบอกเจ้าว่า เดียวเจ้าเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิพร้อมกับข้าและพี่ใหญ่ไห่ชานเถอะ ไปพักอยู่ในเมืองมังกรสวรรค์สักพัก”