ตอนที่ 3880 5 นักรบเดนตาย

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

“วันเดียว มี 2 จอมราชันเทพขั้นกลางมาเข้าร่วม ?”
ต้วนหลิงเทียนเองก็ประหลาดใจไม่ต่าง
จอมราชันเทพขั้นกลางไม่ใช้หัวผักกาด
ในนิกายมังกรสวรรค์แห่งนี้ ต่อให้เป็นจอมราชันเทพขั้นกลางที่อ่อนแอที่สุด แต่ก็ได้รับตำแหน่งอาวุโสฝ่ายในแล้ว กล่าวได้ว่าหากฝึกปรือมาถึงจุดนี้ได้ ก็ต้องมีพลังสามารถพอตัว
หากพลังสามารถไม่สูงพอไหนเลยจะข้ามผ่านหายนะพันปีมาได้ตลอด ?
ก่อนบรรลุถึงราชาเทพ การฝึกฝนบ่มเพาะก็ไร้แรงกดดันอะไร

ทว่าหลังบรรลุถึงขอบเขตราชาเทพแล้ว ด้วยการคงอยู่ของหายนะพันปี เช่นั้นนการฝึกฝนบ่มเพาะยิ่งมายิ่งกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งมีหลายคนที่เลือกจะไม่ทะลวงไปยังขอบเขตราชาเทพเพื่อใช้ชีวิตอมตะอย่างสบายใจด้วยซ้ำ แต่คนเหล่านี้ก็มีไม่มากนัก
“บางทีพวกัมนอาจไปพบเจอกันในโรงเตี๊ยม จากนั้นก็นัดกันมาเข้าร่วมนิกายเรารึเปล่า ?”
เชวียไห่ชวนกล่าว “หาไม่แล้ว ไฉนมเรื่องบังเอิญพรรค์นี้ได้”
ในปัจจุบัน มันก็ได้ผ่านไปเกือบ 10 ปีแล้วตั้งแต่ศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้น ในเวลา 10 ปี โดยทีแต่ละปีมี 365 วัน เช่นั้นนก็หมายความว่าผ่านไป 3,650 วัน
ตลอด 3,000 กว่าวันที่ผ่านมา ไม่มีแม้แต่จอมราชันเทพขั้นกลางแม้แต่คนเดียวที่มาเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์

ทว่าวันนี้ ภายในวันเดียวกลับมีจอมราชันเทพขั้นกลาง 2 คนมาเข้าร่วม ?
“พวกมันน่าจะรู้จักกัน แต่ไม่ได้มาด้วยกัน คนหนึ่งนามาก่อนส่วนอีกคนตามมาทีหลัง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
ขณะเดียวกัน ตงฟางเหยียนเหนียนที่พึ่งได้รับข้อความจำกหัวหน้า ก็พยักหน้ารับอย่างประจวบเหมาะ “พวกมันสมควรมาด้วยกัน…เพราะคนที่ตามมาภายหลัง ก็เหมือนคนแรกไม่มีผิด ล้วนหน้าเย็นไม่พูดไม่จา”
“ถึงมีคำกล่าวว่า กาเข้าฝูงกา หงส์เข้าฝูงหงส์ …แต่ข้าล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพวกตัวหน้าเย็นไม่นิยมพูดจาเหล่านี้ พวกมันอยู่ด้วยกันได้อย่างไร”
ตงฟางเหยียนเหนียน

“บางทีพวกัมนอาจมีวิธีสื่อสารของตัวเองแบบมองตาก็รู้ใจอะไรทานองนั้น”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะ
“คงอธิบายได้แค่อย่างนั้นแล้วล่ะ”
เชวียไห่ชวนพยักหน้าเห็นด้วย
“เอาล่ะ ๆ ไม่พูดถึงพวกมันแล้ว”
ตงฟางเหยียนเหนียนพลันนึกถึง ‘วัตถุประสงค์’ การมาของมันขึ้นมา ว่ามันจะมาถามต้วนหลิงเทียนกับเชวียไห่ชวน “พวกเจ้ารีบบอกข้าถึง ‘วีรกรรม’ ที่พึ่งก่อไปเมื่อเร็ว ๆ นี้เถอะ”

“เสี่ยวเทียนเจ้าก่อน…ไหนบอกข้าที่ว่าเจ้าดีดลูกคิดรางแก้วเช่นไร ถึงลวงให้กวงเทียนเจิ้งมาลอบสังหารเจ้าจนตัวตายได้ ?”

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะตอบคำถามของตงฟางเหยียนเหนียน
ที่ไหนสักแห่งในนิกายมังกรสวรรค์ ภายในหุบเขาอัน เงียบสงบ อยู่ ๆ ก็มีเสียงตะโกนด้วยโทสะ “2 ตัวโง่งม!”
“ข้าบอกให้พวกมันแยกกันเข้าร่วมนิกาย ไม่ใช้ให้พวกมันแยกกันมาเข้าร่วมนิกายภายในวันเดียวกัน…แต่หวังให้พวกมันทิ้งระยะสกพักค่อยมา”
“แต่พวกมันกลับโง่งมถึงขั้นไม่เข้าใจ แม้จะแยกกันมา แต่ดันมาภายในวันเดียวกันเสียได้!”

“จอมราชันเทพขั้นกลาง 2 คน แถมไม่ว่าผู้ใดก็ ‘หน้าผีดิบ’ ทั้งสิ้น ยังมีใครไม่รู้ว่าพวกมันมาด้วยกันอีก”
(หน้าผีดิบ = หน้าตาไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนคนตาย)
ณ ลานบ้านอัน เงียบสงบในหุบเขา ชายวัยกลางคนชักสีหน้าบิดเบี้ยวตะโกนด่าทอไม่หยุด ดูจากท่าทีแล้วเห็นชัดว่ามันหัวเสียไม่น้อย
“ท่านพ่อ”
ทันใดนั้นเอง สตรีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “พวกมันล้วนี้เป็นนักรบเดนตาย เป็นธรรมดาที่พวกมันจะไม่รู้จักการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เช่นั้นนท่านก็คุยกับผู้สั่งการณ์มันให้ชัดเถอะ เพื่อที่พวกมันจะไม่ได้เผยพิรุธอันใดออกมามาก”
“ข้าก็พึ่งคุยจบไปเมื่อครู”
หลังได้รับการปลอบโยนของสตรี ชายวัยกลางคนก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นแลดูอารมณ์ของมันดีขึ้นมาก

“เป็นการดีที่สุดที่จะไม่สั่งให้นักรบเดนตาย 2 คนั่นนแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน…เพราะตอนนี้ไม่ว่าใครหากเห็นลักษณะของพวกมันก็บอกได้ทันที่ว่าต้องมาด้วยกันี้เป็นแน่ หากพวกมันเสแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกัน จะยิ่งเผยพิรุธมากกว่า”
สตรีดังกล่าวพูดขึ้นมาอีกครั้ง
ได้ยินคำพูดของสตรี ชายวัยกลางคนก็มีสีหน้าโล่งใจ จากนั้นก็พยักหน้ารับพลางกล่าว “พ่อก็พึ่งสั่งทางนั้นไปอย่างที่เจ้าว่า”
“ท่านพ่อ”
ทันใดนั้น สตรีร่างบางคล้ายนึกอะไรขึ้นได้ จึงหันไปมองถามชายวัยกลางคนด้วยท่าทีลังเล “เรื่องนี้ข้าบอกพี่ซ่านไม่ได้จริง ๆ หรือ ?”
“เจ้าจะไปบอกมันทำอะไรเล่า ?”

ชายวัยกลางคนย้อนถาม “หรือมันมีวิธีล่อต้วนหลิงเทียนไปยังสถานที่พักของนักรบเดนตายคู่นั้น…หากมันคิดทำอะไรเช่นั้นนข้าเกรงจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียมากกว่า”
“ในตอนนี้ยิ่งมีคนรู้จักตัวตนนักรบเดนตาย 2 คนั่นนน้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น นี่ไม่ใช้ว่าพ่อไม่เชื่อใจมัน แต่เพราะเรื่องนี้ไม่อาจประมาทได้จริง ๆ”
เอ่ยถึงจุดนี้ ชายวัยกลางคนก็หยุดหายใจครูหนึ่งค่อยกล่าวเสริม “หากเจ้าอยากบอกมันจริง ๆ ก็ไม่ใช้ว่าไม่ได้ แต่ขอให้บอกมันหลังจากที่นักรบเดนตายคู่นั้นฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แล้วเถอะ”
“ถึงกระนั้น ก็ต้องกาชับมันให้ดี ว่าอย่าได้เอาเรื่องนี้ไปพูดกับผู้ใดเด็ดขาดเพราะหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป้พ่อเองก็คงไม่อาจรอดพ้นความตาย”
“และเมื่อพ่อตกตายไปสักคน ฝ่ายศัตรูของพวกเราย่อมไม่คิดปล่อยเจ้าสามีภรรยาไปแน่”

กล่าวถึงจุดนี้ สีหน้าของชายวัยกลางคนก็เคร่งขรึมจริงจังนัก
หน้างามของสตรีก็เปลื่ยนสีไปไม่ต่าง จากนั้นนางก็กล่าวด้วยความระวัง “ขอท่านพ่อโปรดวางใจ กับพี่ซ่านข้าก็จะไม่บอก”
“ในนิกายมังกรสวรรค์เรา เรื่องนี้จะมีข้ากับท่านพ่อเท่านั้นที่รู้”
ได้ยินคำพูดของลูกสาว ชายวัยกลางคนก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นมีุมปากมันก็เผยรอยยิ้มพึงใจ “เป็นเช่นั้นนย่อมประเสริฐ พ่อรู้ว่าลูกสาวพ่อฉลาดที่สุด”
ขณะที่สตรีร่างบางระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก นางก็กล่าวถามบิดาออกมาว่า “ท่านพ่อแล้วนกรบเดนตาย 2 คนั่นนพวกมันสามารถอยู่ได้แต่ในสถานที่พักที่นิกายจัดให้แล้วถ้าต้วนหลิงเทียนไม่ไปที่นั่นเล่า ไม่ใช้ว่าพวกมันก็จะไม่มีโอกาสลงมือหรอก หรือ ?”

“ที่นั่นไม่มีโอกาสจริง ๆ”
ชายวัยกลางคนคลี่ยิ้มมั่นใจ “อย่างไรก็ตาม โอกาสฆ่าต้วนหลิงเทียนจะมีหรือไม่มีนั้น ขึ้นอยู่กับว่าต้วนหลิงเทียนมันจะเข้าหรือไม่เข้าระนาบศึกจักรพรรดิมากกว่า…”
“แต่เท่าที่พ่อรู้มา ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นมีันเข้าออกระนาบศึกจักรพรรดิ 3 ครั้งแล้ว…ตั้งแต่กลับออกมาจากสนามรบราชาเทพ หลังมันบ่มเพาะพลังจนทะลวงด่าน มันก็เข้าไปสนามรบจอมราชันเทพทันที่…”
“หลังจากมันกลับออกมา ครั้งที่ 3 มันก็เข้าไปเพราะไปแลกเปลื่ยนสิ่งของที่ต้องการทั้งหมดเป็นสมุนไพรและทรัพยากรบ่มเพาะทั้งสิ้น พ่อยังสืบได้ว่ามันหยิบยืมแต้มรบมาจากเชวียไห่ชวน”
หากต้วนหลิงเทียนได้ยินคำพูดดังกล่าวของชายวัยกลางคน เขาคงอดประหลาดใจไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเสมือนจับตาดูเขาทุกฝีก้าวอย่างไรอย่างนั้น กระทั่งรู้ด้วยซ้ำว่าเขายืมแต้มรบเชวียไห่ชวนและเข้าไปแลกเปลื่ยนสมุนไพรกับทรัพยากรบ่มเพาะ

“คนเช่นนี้ พ่อไม่เชื่อว่ามันจะไม่เข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิอีก”
“แต่วันใดที่มันพร้อมจะเข้าสนามรบจอมราชันเทพอีกครั้ง วันั้นนจักเป็นวันตายของมัน!”
ฟังจากคำพูดชองชายวัยกลางคน เห็นได้ชัดว่ามันมั่นใจมาก
“แต่ว่า…”
สตรีร่างบางขมวดคิ้วเบา ๆ ถามว่า “ใกล้ ๆ ทางเข้าระนาบศึกจักรพรรดิ ก็มีอาวุโสมังกรทองเฝ้าระวังอยู่ไม่ใช้หรือนอกจากนั้นยังมีอาวุโสมังกรดาที่เฝ้าระวังที่นั่นโดยเฉพาะอีก ด้วยมีทั้งอาวุโสมังกรทองกับอาวุโสมังกรดา แล้วนกรบเดนตายคู่นั้นมีันจะมโอกาสลงมือหรือท่านพ่อ ?”
“ก่อนที่พวกมันจะลงมือพ่อเตรียมคนเบี่ยงเบนความสนใจเอาไว้แล้ว”

ชายวัยกลางคนคลี่ยิ้มพลางกล่าว “ครั้งนี้พ่อมิได้ซื้อแค่นักรบเดนตายขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางแค่ 2 คนเท่านั้น แต่พ่อซื้อนักรบเดนตายขอบเขตราชาเทพมาอีก 3 คน เป็นราชาเทพขั้นกลาง 2 คนและราชาเทพขั้นสูงอีกคน”
“ก่อนที่นักรบเดนตายขอบเขตจอมราชันเทพทั้ง 2 คนจะลงมือพ่อจักให้นักรบเดนตายขอบเขตราชาเทพทั้ง 3 ลงมือเข่นฆ่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ในละแวกนั้น ทั้งยังแยกย้ายกันลงมือตามที่ต่าง ๆเพื่อดึงดูดความสนใจของอาวุโสมังกรทองรวมถึงอาวุโสมังกรดา”
“ตราบใดที่อาวุโสมังกรทองกับอาวุโสมังกรดาถูกพวกมัน 3 คนดึงดูดความสนใจไป เช่นั้นนนักรบเดนตายคู่นั้นย่อมมีเวลามากพอลงมือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียน”
“พอถึงตอนั้นน กว่าอาวุโสมังกรดาจะตอบสนองเรื่องราว และลงมือแก้ไขสถานการณ์ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้ 3 ลมหายใจ…แม้อาวุโสมังกรทองจะแข็งแกร่งกว่า แต่อยย่างไรก็ต้องใช้ 2 ลมหายใจเป็นอย่างต่า”

“และกว่าที่พวกมันจะลงมือจวบจนการลงมือของพวกมันบรรลุถึง ข้าเชื่อว่าอย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้เวลาอีกหนึ่งลมหายใจ”
“เช่นั้นน ขอเพียงนักรบเดนตายขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางคู่นั้นจับตาดูความเคลื่อนไหวต้วนหลิงเทียนให้ดี และเตรียมพร้อมลงมืออยู่เสมอ พวกมันก็มีเวลาฆ่าต้วนหลิงเทียนถึง 3 ลมหายใจ…และด้วยพลังของพวกมัน 2 คน หรือ 3 ลมหายใจยังไม่พอฆ่าต้วนหลิงเทียน ?”

หลังจากตงฟางเหยียนเหนียนกลับไป ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ย้อนกลับไปยังสถานที่พกับ่มเพาะขอบอาวุโสสักการะสือคงอีกต่อไป แต่เลือกจะไปพักยังบ้านลานหลังเดิมในเขตจวนเชวียไห่ชวน
ตอนนี้เขาไม่ใช้คนที่ต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองจากเชวียไห่ชวน หรืออาวุโสสักการะสือคงอีกต่อไป เพราะถึงแม้เขาจะเป็นจอม

ราชันเทพขั้นต่ำ แต่เขาก็เอาตัวรอดภายใต้เงื้อมมือของจอมราชันเทพขั้นกลางที่ใช้พลังสายเลือดต้องห้ามอย่างกวงเทียนเจิ้งได้
ภายในนิกายมังกรสวรรค์แห่งนี้ เว้นเสียแต่อาวุโสฝ่ายใน 2 คนขึ้นไปจะร่วมมือกัน หรือชนชั้นอาวุโสมังกรขาวขึ้นไปออกหน้ำลงมือด้วยตัวเองไม่มีใครสามารถฆ่าเขาได้อีก
สายนิกายหมื่นปีศาจนั้นที่แข็งแกร่งที่สุดนอกจากกวงเทียนเจิ้งก็คือชนชั้นอาวุโสมังกรขาว 2 คน แต่พวกมันไม่มีวันกล้าลงมือเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนกลางนิกายแน่นอน เพราะหากทำอะไรเช่นั้นนก็เสมือนพบเจอทางตัน พวกมันไหนเลยจะกล้าเอาชีวิตตัวเองมีาล้อเล่น
ยกตัวอย่างอาวุโสมังกรขาวคนหนึ่งของสายนิกายหมื่นปีศาจ…หลิวหยิน! คนผู้นี้หากให้มันเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อฆ่าเชวียไห่ชานในนิกายมังกรสวรรค์อาจพอมีความเป็นไปได้อยู่ แต่มันไม่มีทางเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนแน่นอน

เพราะต้วนหลิงเทียนไม่ได้มีความแค้นคว้ามบาดหมางอะไรกับมันเป็นการส่วนตัว
กระทั่งกวงเทียนเจิ้ง หลิวหยิน ยังไม่ได้สนใจความเป็นตายของมันด้วยซ้ำ
แม้แต่หลังจากที่กวงเทียนเจิ้งถูกประหารไปแล้ว ตอนหน่วยุคมกฏบุกไปจับครอบครัวเหล่าศิษย์ทั้งญาติสนิทมิตรสหายของกวงเทียนเจิ้ง แต่ต้นจนจบสายนิกายหมื่นปีศาจไม่มีใครออกหน้าสอดปากเพื่อช่วยเหลือคนของกวงเทียนเจิ้งสักคา
ล้อกันเล่น หรือไร ?!
หากพวกัมนออกหน้าสอดปากร้องขอความเมตตาแทน พวกมันไม่พ้นต้องติดร่างแหไปด้วยแน่!

และต้องทราบด้วยว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังกวงเทียนเจิ้งจริง ๆ หาใช้สายนิกายหมื่นปีศาจของพวกมันไม่ แต่เป็นถึงชนชั้นรองประมุขนิกายอย่างเซวียหมิงจื่อ!
กระทั่งเซวียหมิงจื่อยังไม่อาจออกหน้าช่วยคนของกวงเทียนเจิ้งได้ เช่นั้นนต่อให้พวกัมนออกหน้าก็ไม่เกิดผลลัพธ์อันใด…กับเรื่องสูญเปล่าเช่นนี้ยังมีใครโง่ทา
‘การบ่มเพาะสั่งสมีพลังในขอบเขตจอมราชันเทพมันจะช้าเกินไปแล้ว…แม้จะมีโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดให้ใช้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ข้าจะทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นกลางในเวลาสั้น ๆ’
‘ความยากเย็นในการสั่งสมีพลังตอนนี้ยังมากกว่าช่วงบ่มเพาะจากราชาเทพขั้นสูงถึงจอมราชันเทพขั้นต่ำถึง 10 เท่า!’
ภายในบ้านลานหลังหนึ่งที่อยู่ในเขตจวนเชวียไห่ชวน ต้วนหลิงเทียนที่ลืมตาขึ้นมาจากการบ่มเพาะพลัง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ใบหน้าฉายให้เห็นความจนปัญญาอยู่บ้าง

ถึงแม้เขาจะพอตระหนักได้ถึงเรื่องนี้แต่แรกแล้ว ทว่าหลังจากที่อุตส่าห์หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดมาใช้ เขากลับพบว่าความเร็วในการเพิ่มพูนสั่งสมีพลังเทพในร่าง ไม่ได้รวดเร็วพุ่งพรวดอย่างที่คิด ถึงแม้อันที่จริงแล้วมันจะรวดเร็วจนน่าสยดสยองในสายตาคนอื่นก็ตาม…
‘โอย ในเมือด่านพลังยากทะลวงผ่านในเวลาอันสั้น…เช่นั้นนไปใช้เวลาทำความเข้าใจกฏมิติดีกว่า’
‘มีผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุดทั้งที่ขอแค่นอนหลับข้าก็ทำความเข้าใจกฏมิติได้ไม่ยาก รวมกับลูกแก้วเงาลอยที่บันทึกฉากเรื่องราวของยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญกฏมิติกับกฏอื่น ๆ ที่ซื้อมาจากเมืองสันติ เช่นั้นนความก้าวหน้าในกฏมิติของข้าต้องพุ่งฉลุยแน่…’
พอคิดได้ดังนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ดันทุรังเรื่องบ่มเพาะสั่งสมีพลังถ่ายเดียวอีก เขาเลือกจะแบ่งเวลาในการบ่มเพาะสั่งสมีพลังมาใช้ทำความเข้าใจกฏมิติแทน

และเท่าที่เขาดูจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ดูเหมือนการใช้เวลาไปกับการทำความเข้าใจกฏมิติจะให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่ามากกว่า