ถึงแม้ว่าตอนนี้นิกายมังกรสวรรค์จะเปิดรับคน แต่ก็ไม่ได้ไร้สมอง อีกทั้งท้ายที่สุดแล้วก็ไม่มีใครกลัวคนที่คิดจะเข้ามาสร้างปัญหา
ตอนที่จอมราชันเทพขั้นต่ำ 2-3 คนแรกมาสมัครเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ ทางนิกายมังกรสวรรค์ก็ได้ส่งอาวุโสฝ่ายในไปพาพวกมันเข้าที่พักที่เตรียมไว้ให้คนที่จะมาเข้าร่วมศึกจักรพรรดิโดยเฉพาะ
เรียกว่าปริะกบติด พาไปส่งถึงที่
ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ใครมโอกาสไปเพ่นพ่านวุ่นวายนอกสถานที่พักที่จัดเตรียมไว้ให้
สำหรับสถานที่พักที่ตระเตรียมไว้ให้นั้น ก็มีตัวตนระดับอาวุโสมังกรทองเฝ้าดูแลอยู่ และใครก็ตามที่กล้าสร้างปัญหาก็จะถูกอาวุโสมังกรทองจัดการทันที่

ตัวอย่างก็เช่น ‘เหยียนเจ๋อ’ ที่พึ่งเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์เมื่อครูถึงแม้จะไม่รู้ว่าจอมราชันเทพขั้นกลางเช่นมันมเป้าหมายอะไรกันแน่ แต่พอผ่านประตูเข้ามา ป้ายที่มันถือมาก็จะส่งสัญญาณออกไปทันที่จากนั้นก็มีอาวุโสมังกรขาวปรากฏตัวขึ้นเพื่อนาพามันไปส่งยังสถานที่พกับ่มเพาะสำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมศึกจักรพรรดิโดยเฉพาะทันที่
บังเอิญนัก
ผู้ที่ได้รับคำสั่งให้นำพาเหยียนเจ๋อไปเข้าที่พัก็กไม่ใช้ใครที่ไหน เป็นตงฟางเหยียนเหนียนั่นนเอง
ตงฟางเหยียนเหนียนพึ่งกลับมาจากด้านนอกกกได้ไม่ทันไร มันที่กำลังจะไปหาเชวียไห่ชวนกับต้วนหลิงเทียนเพื่อฟังวีรกรรมที่ต้วนหลิงเทียนกับเชวียไห่ชวนพึ่งก่อขึ้นดันโดนใช้ให้มารับคนเสียก่อน
ถึงแม้ตงฟางเหยียนเหนียนจะออกไปด้านนอกกกนาน แต่มันก็ได้ยินมาไม่น้อยว่าเกิดอะไรขึ้นในนิกายบาง

อย่างเชวียไห่ชวนั้นน มันก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายได้ฆ่าอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะไปคนหน่งหลังเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพได้ไม่นาน ทั้งยังเป็นคนแรกและคนเดียวของนิกายมังกรสวรรค์ที่ฆ่าตัวตนระดับอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะได้ตั้งแต่ศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้น!
ส่วนอีกเรื่องก็คือต้วนหลิงเทียน ถูกอาวุโสฝ่ายในกวงเทียนเจิ้งลอบสังหารกลางนิกาย และในตอนั้นนต้วนหลิงเทียนก็อยู่เพียงลาพัง ทว่าสุดท้ายกลับสามารถเอาชีวิตรอดจากการจู่โจม 3กระบวนท่าของกวงเทียนเจิ้งมาได้
และเหตุผลที่ไฉนี้เป็นแบบนั้น เพราะต้วนหลิงเทียนได้ทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว แม้จะเป็นแค่จอมราชันเทพขั้นต่ำ แต่ความแข็งแกร่งกสูงจนไล่เลี่ยกับจอมราชันเทพขั้นกลางทั่วไป
‘ข้าออกไปได้ไม่ทันไร กลับเกิดเรื่องใหญ่โตในนิกายไม่น้อยเชียว เสี่ยวเทียนบรรลุถึงจอมราชันเทพแล้ว แถมไห่ชวันที่เข้าสนามรบจอมราชันเทพครั้งแรก ก็ฆ่าอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะได้อีก!’

ตงฟางเหยียนเหนียนกลับมาครั้งนี้ เรียกว่าพอเข้าสู่นิกาย มันก็คิดจะไปหาเชวียไห่ชวนกับต้วนหลิงเทียน เพื่อให้ทั้งคู่เล่ารายละเอียดของเรื่องราวให้ฟังกับหู
เพราะก่อนที่มันจะเดินทางกลับนิกายนั้น มันที่ส่งข้อความกลับมาเพื่อถามทั้งคู่ แต่พอดีทั้งคู่ดันเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิกันหมด ก็เลยไม่รู้รายละเอียด
อย่างไรก็ตามก่อนที่มันจะกลับมาถึง มันกลับได้รับข้อความแจ้งเรื่องใหม่เพิ่มเสียอย่างนั้น!
‘ให้ตายเถอะ ครั้งแรกที่เสี่ยวเทียนเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ กลับสังหารอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะไป 2 คน…ยิ่งไปกว่านั้นอาวุโสฝ่ายในทั้งคู่ที่ว่ายังเข่นฆ่ากันเอง สุดท้ายก็บาดเจ็บหนักจนทำให้เสี่ยวเทียนได้ประโยชน์ไปเต็ม ๆ’
‘ไฉนข้าตงฟางเหยียนเหนียน ถึงไม่โชคดีแบบนี้บ้างเล่า…’

พอคิดถึงตอนที่มันเข้าสนามรบจอมราชันเทพครั้งแรกในอดีต มันทำได้แค่ฆ่าจอมราชันเทพขั้นต่ำของนิกายมหาเอกะคนเดียวเท่านั้น ใจมันก็เลยรู้สึกยากยอมรับอยู่บ้าง
ไฉนโชคของมันถึงได้ย่าแย่นักล่ะ ?
ยิ่งไปกว่านั้นจอมราชันเทพขั้นต่ำของนิกายมหาเอกะที่ว่าเดิมทีอีกฝ่ายก็มาพร้อมภรรยาเหมือนมน แต่พออีกฝ่ายตาย ภรรยาของอีกฝ่ายก็ร่าร้องแทบขาดใจ ภรรยาของมันก็เลยบังเกิดความสงสาร สุดท้ายก็บอกให้มันปล่อยนางไป…
“สวัสดี ข้าเรียกว่าตั้งฟางเหยียนเหนียนี้เป็นอาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสวรรค์”
ตงฟางเหยียนเหนียนที่กลับมาถึงนิกายได้ไม่ทันไร มันก็ได้รับข้อความจำกหัวหน้าของมันที่เป็นอาวุโสมังกรดา และข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาก็คือให้มันพาสาวกคนใหม่ไปส่งยังสถานที่พักสำหรับคนที่เข้ามาเพื่อศึกจักรพรรดิโดยเฉพาะ

เหตุผลที่ไฉนมันโดนหัวหน้าใช้งาน เพราะมันกำลังส่งข้อความคุยไปรายงานอีกฝ่ายว่าพึ่งกลับมาพอดี และพอหัวหนามินได้รับแจ้งจากอาวุโสมังกรดาด้านนอกกกว่าต้องการอาวุโสมังกรขาวไปรับคน หัวหนามินก็เลยใช้ให้มันที่กำลังคุยด้วยแถมอยู่ใกล้ ๆ ไปทำหน้าที่เสียอย่างนั้น…
ด้านตงฟางเหยียนเหนียนก็เห็นว่าเป็นเรื่องแค่นี้ จึงไม่ได้บ่ายเบี่ยงอะไร
ได้ยินคาทักทายที่เป็นมิตรของตงฟางเหยียนเหนียน ชายหนุ่มมาดขรึมในชุด คลุมสีดำก็เหลือบมองไปยังป้ายที่เอวของตงฟางเหยียนเหนียน
พอเห็นสัญลักษณ์มังกรขาวที่สลักไว้บนป้าย ลูกตามนหรี่ลงเล็กน้อย แต่ไม่นานก็กลับมาปกติ
จากนั้นมีันก็กล่าวคาออกมาเสียงเฉย “เหยียนเจ๋อ”

“เอาล่ะ ข้าจะพาเจ้าไปยังสถานที่พกับ่มเพาะของเจ้า ตามข้ามา”
ตงฟางเหยียนเหนียนไม่ได้ถือสาท่าที่เฉยเมยของอีกฝ่าย เพราะในฐานะจอมราชันเทพขั้นกลาง อีกฝ่ายจะถือดีในตัวเองก็ไม่แปลกอะไร และหลังจากสังเกตท่าทีของอีกฝ่าย มันก็พบว่าอีกฝ่ายไม่แน่ว่าจะหยิ่ง แต่อาจเป็นพวกไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ก็เป็นได้
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบคาอะไร แต่เมื่อตงฟางเหยียนเหนียนเหินร่างนำไป มันก็ตามมาติด ๆ
ระหว่างทาง ตงฟางเหยียนเหนียนก็ยิ้มถามอีกฝ่ายว่า “พี่น้องเหยียนเจ๋อข้ารู้สึกได้ว่าท่านยังห่างจากขอบเขตจอมราชันเทพขั้นสูงอีกไกล…ไฉนถึงเลือกจะเข้าร่วมนิกายเราเพื่อเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิเล่า ? คิดขัดเกลาตัวเองเฉย ๆ รึ?”
ได้ยินคำถามของตงฟางเหยียนเหนียน เหยียนเจ๋อไม่ได้รีบตอบ จนเมือตงฟางเหยียนเหนียนเรมิขมวดคิ้ว และรู้สึกว่าจอมราชันเทพขั้นกลางคนนี้จะหยิ่งเกินไปแล้ว อีกฝ่ายก็กล่าวตอบออกมาอย่างไม่

รีบไม่ร้อน น้ำเสียงยังคงเฉยเมยเหมือนเดิม “เพื่อฆ่าคนของนิกายมหาเอกะ”
“โอ้ พี่น้องเหยียนเจ๋อมีความแค้นกับนิกายมหาเอกะรึ!?”
สองตาตงฟางเหยียนเหนียนี้เป็นประกายขึ้นมาทันที่
เดิมทีมันยังสงสัยเล็กน้อย ว่าจอมราชันเทพขั้นกลางผู้นี้ถ้าไม่ได้มาเพื่อหาแรงกดดันในการทำลายจุดตีบตัน เช่นั้นนตอนเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิ อีกฝ่ายก็ไม่แน่ว่าจะมาเพื่อสู้กับคนของนิกายมหาเอกะ แต่อาจลอบกัดคนของนิกายมังกรสวรรค์ก็เป็นได้!
ตอนนี้พอได้ยินว่าอีกฝ่ายมีาเพื่อฆ่าคนของนิกายมหาเอกะโดยเฉพาะ ตงฟางเหยียนเหนียนจึงพอได้โล่งใจไปเปราะหนึ่ง
ถึงแม้ตงฟางเหยียนเหนียนจะเป็นเพียงอาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสวรรค์ แต่มันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของนิกายมังกร

สวรรค์ จึงห่วงเป็นอย่างยิ่งว่านิกายมังกรสวรรค์จะเจริญรุ่งเรื่องมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในศึกจักรพรรดิครั้งนี้ มันเองก็ได้ตระเตรียมความพร้อมมาไม่น้อย และคิดว่าหากมันฆ่าจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะได้คนหนึ่ง ก็เหมือนกับลดแรงกดดันจากศัตรูให้จอมราชันเทพคนอื่น ๆ ในนิกายได้อีกหนึ่งคน
“ใช้”
เหยียนเจ๋อพยักหน้า
พอรู้ว่าเหยียนเจ๋อมีความแค้นกับนิกายมหาเอกะ แม้เหยียนเจ๋อจะไม่ค่อยพูดและตอบคำถามห้วน ๆ แต่ตงฟางเหยียนเหนียนก็ไม่ถือสา ไม่ได้มีอคติอะไรอีก
“เฒ่าหลัน ข้ากลับมายังไม่ทันถึงบ้านิทานก็ขอให้ข้าออกไปรับคนแล้ว นี่จะใช้งานข้าหนักเกินไปรึเปล่า…”

ในสถานที่พกับ่มเพาะสำหรับสาวกที่เข้าร่วมนิกายเพื่อศึกจักรพรรดิโดยเฉพาะ นอกจากอาวุโสมังกรทองแล้วก็มีตัวตนระดับอาวุโสมังกรดาเฝ้าดูแลความเรียบร้อยอยู่ และทำหน้าที่ดูแลที่นี่โดยเฉพาะ ส่วนอาวุโสมังกรทองที่ว่านั้นไม่เพียงแต่จะดูแลที่นี่แต่ยังดูแลทางเข้าออกระนาบศึกจักรพรรดิอีกด้วย
และอาวุโสมังกรดาที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยที่พัก ก็ไม่ใช้ใครที่ไหนอีกฝ่ายเป็นหัวหน้าของตงฟางเหยียนเหนียนเอง
และตอนที่ต้วนหลิงเทียนเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ในปีนั้น อาวุโสมังกรดาคนนี้ก็คือผู้ที่รับผิดชอบดูแลการแข่งขันมังกรซ่อน และหน้าที่ของมันในนิกายมังกรสวรรค์ก็เป็นดั่งผู้จัดการฝ่ายบุคคลเช่นกัน
“ก็ไม่ใช้เพราะข้ากำลังคุยกับเจ้าอยู่รึไง แล้วเจ้าที่พึ่งกลับมากอยู่ใกล้ ๆ พอดี ข้าก็เสมือนใช้คนได้เหมาะสมแล้วมิใช่รึ?”

หัลนอวี่ชานส่าย่อหน้าไปมาเบา ๆ ค่อยยิ้มกล่าวว่า “เจ้าหนูหากเจ้าจะโทษผู้ใด ก็โทษที่กับข้าแล้วอยู่แถวนั้นพอดีเถอะ”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ตงฟางเหยียนเหนียนได้แต่เบ้ปากมองบน จากนั้นก็หันไปมองชายหนุ่มด้านหลังเล็กน้อย ค่อยหันกลับมาคุยกับอาวุโสมังกรดาว่า “อาวุโสหลัน คนข้าก็พามาส่งแล้ว เช่นั้นนข้าไปก่อนล่ะ”
พอกล่าวจบคา ไม่ทันที่หัลนอวี่ชานจะทันได้ตอบอะไร ตงฟางเหยียนเหนียนก็หันไปยิ้มกล่าวกับชายหนุ่มว่า “พี่น้องเหยียนเจ๋อข้าหวังว่าจะได้ยินข่าวเจ้าฆ่าจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะในเร็ววัน”
จากนั้นภายใต้สายตาไม่แยแสของเหยียนเจ๋อตงฟางเหยียนเหนียนก็เหินร่างจากไปตัวปลิว
หลังออกจากสถานที่พักสำหรับสาวกที่เข้าร่วมนิกายเพื่อศึกจักรพรรดิโดยเฉพาะ ตงฟางเหยียนเหนียนก็มุ่งหน้าไปยังบ้านของเช

วียไห่ชวนโดยตรง เพราะตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็อยู่ที่นั่น ก็เท่ากับมันจะได้พบเจอคน 2 คนที่มันอยากเจอพร้อม ๆ กัน
แน่นอนว่าในระหว่างนี้ ตงฟางเหยียนเหนียนก็ไม่ลืมส่งข้อความไปแจ้งภรรยาก่อน “ที่รัก…ข้ากลับมาถึงนิกายแล้ว หากว้างเจ้าก็ตามมาหาไห่ชวนกับเสี่ยวเทียนพร้อมข้าได้เลย”
ตงฟางเหยียนเหนียนพยายามเน้น คำว่า ‘เสี่ยวเทียน’ เป็นพิเศษ
และเป็นธรรมดาว่าภรรยาของมัน โอวหยางเสวี่ยลี่ ก็ตอบกลับมาเสียงใส “อื้ม รู้แล้ว อย่ารังแกเสี่ยวเทียนล่ะ ท่านคงไม่ลืมกระมังว่าที่ชีพจรสวรรค์ข้าฟื้นได้ในเวลาอันสั้นี้เป็นเพราะอะไร…”
ได้ยินคำพูดเสียงใสของภรรยา ตงฟางเหยียนเหนียนแทบจะร้องไห้

ถึงแม้ว่าจะซาบซึ้งตื้นตันในโอสถเทพคลี่คลายชีพจรขั้นสุดยอดที่ต้วนหลิงเทียนหลอม แต่ไม่ใช้ว่ามันควักคะแนนอุทิศออกไปจ่าย หรือไร ? ไม่เกรงใจคะแนนอุทิศของมันบ้างหรือ ?
แน่นอนว่าตั้งฟางเหยียนเหนียนไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับภรรยา

เมื่อตงฟางเหยียนเหนียนมาถึง ต้วนหลิงเทียนกับเชวียไห่ชวนก็รออยู่ในลานด้านหน้าเรียบร้อย เพราะตงฟางเหยียนเหนียนได้ส่งข้อความมาแจ้งก่อนหน้านี้แล้ว
“ไฉนช้านักุเลา ? หรือกี่ลับมาถึงก็ต้องไปรายงานตัวกับพี่สะใภ้ก่อน ?”
พอเห็นตงฟางเหยียนเหนียนมาถึง เชวียไห่ชวนก็กล่าวแซวออกมาทันที่

‘หืม ?’
ต้วนหลิงเทียนยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง หยีตามองตงฟางเหยียนเหนียนด้วยสายตาแปลก ๆ เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าตั้งฟางเหยียนเหนียนจะเป็นพวก ‘กลัวเมีย’ ด้วย
“เสี่ยวเทียนอย่าได้ฟังเรื่องเหลวไหล”
ตงฟางเหยียนเหนียนหันไปถลงตามองเชวียไห่ชวนเล็กน้อย ค่อยหันมายิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้ามาดมั่น “บ้านข้าน่ะบุรุษเป็นใหญ่ดั่งช้างเท้าหน้า สตรีเป็นรองดั่งช้างเท้าหลัง หากข้าพูดว่าไปซ้ายภรรยาข้าก็ไม่กล้าไปขวา…”
ถึงแม้ตงฟางเหยียนเหนียนจะกล่าวออกมาแบบนั้น แต่พอเห็นสายตาแปลก ๆ ที่มองมาของต้วนหลิงเทียน ตงฟางเหยียนเหนียนก็ตระหนักได้ทันที่ว่าภาพพจน์มันไม่เหลือแล้ว

เห็นแบบนี้ตงฟางเหยียนเหนียนก็ได้แต่หดหู่อยู่ในใจ ทว่าภายนอกยังปั้นหน้าเข้ม “รายงงรายงานอะไรที่ไหนักน! ข้าพึ่งจะกลับมาถึงไม่ทันไร ก็โดนเฒ่าหลันใช้ให้ไปรับคนแล้ว…!!”
เชวียไห่ชวนยิ้ม “อ้อเจ้าพึ่งกลับมาถึงก็โดนอาวุโสหลันใช้ให้ไปทำงานเลย หรือ ? ว่าแต่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่อาวุโสหลันใช้อาวุโสมังกรขาวเช่นเจ้าไปรับคน ?”
“ตั้งแต่วันนี้นี่ล่ะ!”
ตงฟางเหยียนเหนียนกล่าวโอดครวญออกมาด้วยท่าทางขุ่น เคือง “ข้าพึ่งกลับมาถึงนิกาย และกำลังรายงานให้เฒ่าหลันรู้ว่าข้ากลับมาแล้ว…แต่ใครจะไปคิดว่าเฒ่าหลันก็ได้รับข้อความขอคนจากอาวุโสมังกรดาด้านนอกกกพอดี ข้าที่กำลังคุยอยู่ทั้งยังอยู่ใกล้ ๆ ประตูก็เลยซวยอย่างไรเล่า”
“หืม ? ให้เจ้าไปรับด้วยตัวเองเชียว ?”

ได้ฟังดังนั้นรอยยิ้มหยอกเย้าของเชวียไห่ชวนก็ค่อย ๆ หายไป ถูกแทนที่ด้วยความสงสัย “เจ้าจะบอกว่า…คนที่เจ้าไปรับเป็นจอมราชันเทพขั้นกลางรึ?”
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ลองอาวุโสหลันส่งตัวตนระดับอาวุโสมังกรขาวไปรับ หมายความว่าคนที่ต้องไปรับเป็นจอมราชันเทพขั้นกลาง!
ตั้งแต่ที่ศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้นั้นน แต่ไหนแต่ไรการส่งคนไปรับสาวกที่เข้าร่วมนิกายเพื่อมาสู้ศึกจักรพรรดิโดยเฉพาะ หากเป็นจอมราชันเทพขั้นต่ำ ก็จะส่งอาวุโสฝ่ายในไป มีแต่จอมราชันเทพขั้นกลางมาเอง ถึงจะส่งตัวตนระดับอาวุโสมังกรขาวออกไปรับ
“มีจอมราชันเทพขั้นกลางมาขอเข้าร่วมนิกาย หรือ ?”
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็อดถามไม่ได้
“ใช้ เป็นจอมราชันเทพขั้นกลาง”

ตงฟางเหยียนเหนียนพยักหน้า “เจ้านั่นแลดูเป็นคน เงียบ ๆ ไม่ชอบพูดจา ไม่รู้ว่าหยิ่งหรือพูดไม่เก่งกันแน่ แต่ในเมือมันมีความแค้นกับนิกายมหาเอกะ ต่อให้หยิ่งกว่านี้ข้าก็ไม่ถือหรอก…”
“หืม ?”
อย่างไรก็ตามตงฟางเหยียนเหนียนพึ่งจะกล่าวไม่ทันจบคาดี มันก็คล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่างใบหน้าพลันชะงักค้างไปทันที่
“เกิดอะไรขึ้น ?”
เชวียไห่ชวนกับต้วนหลิงเทียนที่สังเกตเห็นท่าทีผิดปกติของตงฟางเหยียนเหนียนก็อดถามออกมาไม่ได้
ตงฟางเหยียนที่กลับมารู้สึกตัว ก็หันมามองกล่าวกับทั้งสองว่า “ข้าพึ่งได้รับข้อความจำกเฒ่าหลัน…หลังจากคนที่ข้าบอกว่าไม่ค่อยพูด พึ่งมีจอมราชันเทพขั้นกลางอีกคนที่มาขอเข้าร่วมนิกายเรา”

ตั้งแต่ศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้นจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีจอมราชันเทพขั้นกลางมาเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์มาก่อนเลย
แต่วันนี้ ภายในวันเดียวกลับมีจอมราชันเทพขั้นกลางมาขอเข้าร่วมติด ๆ กัน 2 คน ?