ตอนที่ 3878 จอมราชันเทพขั้นกลาง เหยียนเจ๋อ

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ในเขตคฤหาสน์ตงหลิง อาจกล่าวได้ว่า ไม่มีใครไม่รู้เรื่องที่นิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะทา ‘ศึกจักรพรรดิ’ กัน
เป็นธรรมดาว่าหากมีคนที่ไม่รู้จริง ๆ เช่นั้นนหมายความว่าคนผู้นั้นระดับต่ำเกินไป หรือไม่ก็กักตัวฝึกฝนมานาน รวมถึงเหล่าผู้ที่ปลีกวิเวกตัดขาดจากสังคม
ตั้งแต่ที่ศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้น เหล่าศิษย์ขอบเขตราชาเทพก็บาดเจ็บล้มตายกันี้เป็นเบือกระทั่งตัวตนระดับจอมราชันเทพเองก็บาดเจ็บล้มตายไม่น้อย ความสูญเสียเช่นนี้ไม่ว่าจะนิกายมังกรสวรรค์ก็ดี นิกายมหาเอกะก็ดี นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่
เช่นั้นน ทั้ง 2 นิกายจึงเริ่มเปิดรับสมัครสาวกของเขตราชาเทพ รวมถึงจอมราชันเทพ วัตถุประสงค์ในการรับสมัครสาวกดังกล่าว ก็เพื่อให้พวกมันเข้าสู่สนามรบราชาเทพและสนามรบจอมราชันเทพเป็นหลัก จะได้แบ่งเบาแรงกดดันต่อินกาย

อันที่จริง การที่จะสมัครเป็นสาวกของนิกายมังกรสวรรค์รวมถึงนิกายมหาเอกะในชวงเวลาแบบนี้ เป็นอะไรที่อันตรายมาก กล่าวได้ว่าไม่ต่างอะไรจากเดินบนเส้นทาง 9 ตาย 1 รอดเลย
ด้วยเหตุนี้จึงมีคนไม่มากที่คิดจะสมัครเป็นสาวกของนิกายมังกรสวรรค์รวมถึงนิกายมหาเอกะ
ต่างจากการเปิดรับสมัครศิษย์ของทั้ง 2 นิกายมาก
อย่างไรก็ตามดั่งเหรียญที่มีสองด้าน บางคนที่ฝึกฝนบ่มเพาะอย่างสุขสงบมานาน และยากจะหาแรงกดดันเพื่อทะลวงจุดตีบตันในการฝึกปรือนอกจากนั้นหลายคนก็กำลังจะเผชิญกับหายนะในรอบพันปี เช่นั้นนเพื่อแสวงหาความก้าวหน้าแล้ว พวกมันก็มักจะเลือกสมัครเป็นสาวกของนิกายมังกรสวรรค์และนิกายมหาเอกะในชวงเวลาสงคราม เพื่อขัดเกลาตัวเอง

สำหรับตัวตนระดับจอมราชันเทพขั้นสูงของนิกายมังกรสวรรค์กับนิกายมหาเอกะ ศึกจักรพรรดินั้นนับเป็นโอกาสดีในการบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิเทพ
อีกทั้งสำหรับราชาเทพและจอมราชันเทพหลายคน สงครามก็ไม่ใช้ว่าเป็นโอกาสดีในการแสวงหาความก้าวหน้าหรือไร ?
บางคนเกิดมาโดยที่พรสวรรค์กับความเข้าใจไม่สูงนัก
แม้ว่าจะอาศัยความขยันหมั่นเพียรทุ่มเทบ่มเพาะพลังให้ตาย แต่สุดท้ายก็ต้องพบกับจุดตีบตัน ไร้หนทางก้าวหน้า
เมื่อผู้ใดพบพานสถานการณ์ดังกล่าว การเผชิญหน้ากับความเป็นตาย ก็มโอกาสสูงที่จะผลักดันศักยภาพตัวเองให้ก้าวข้ามขีดจำกัด จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการก้าวหน้า เหมือนพบทางออกหลังเอาตัวเข้าสู่จุดอับ
ตัวอย่างในลักษณะนี้ เกิดขึ้นไม่น้อย

ด้วยสาเหตุเดียวกัน จึงมีผู้คนที่มักเดินทางไปยังสถานที่อันตราย ๆ ต่าง ๆไม่เว้นแม้แต่สถานที่ต้องห้ามที่มโอกาสตายสูง บ้างก็นิยมสู้กับสัตว์อสูรที่ทรงพลัง สุดท้ายเพื่อความแข็งแกร่งแล้ว ผู้คนก็คล้ายเสียสติ กลายเป็นตัววิปลาศก็ว่า
เพราะในห้วงวิกฤต มีแค่ตาย หรือรอดเท่านั้น
อย่างไรก็ตามให้เทียบกับสถานที่อันตราย สถานที่ต้องห้ามกับต่อสู้กับตัวตนที่แข็งแกร่งกว่ามากระนาบศึกจักรพรรดินั้นี้เป็นอะไรที่ตอบโจทย์พอสมควร แม้จะมีอันตรายถึงตายเช่นกัน แต่ก็มโอกาสให้ค่อย ๆ ก้าวหน้าเช่นกัน
นอกจากนั้นหากไปสถานที่ต้องห้ามอันใด หากตายไปก็คือตายเปล่า แต่ถ้าตกตายในระนาบศึกจักรพรรดิโดยที่ทำผลงานไว้อย่างน่าชื่นชมก่อนตาย ท่านก็อาจกลายเป็น ‘วีรบุรุษผู้เสียสละ’ ได้ไม่ยาก ถึงตอนั้นนครอบครัวหรือผู้คนที่อยู่เบื้องหลัง ก็จะได้รับการดูแลจากินกายมังกรสวรรค์หรือินกายมหาเอกะแล้ว

และถ้าข้ามผ่านสมรภูมิได้ทั้งยังมีชีวิตก็สามารถแลกเปลื่ยนแต้มรบกับสมบัติทั้งทรัพยากรที่ต้องการได้
ให้เทียบกันแล้ว เหล่าราชาเทพกับจอมราชันเทพที่แสวงหาความก้าวหน้า มักจะเลือกเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์หรือินกายมหาเอกะเพื่อเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิมากกว่า ที่จะไปยังสถานที่อันตราย หรือสถานที่ต้องห้ามเหล่านั้น
และเนื่องจากยิ่งมาสถานการณ์ในสนามรบราชาเทพกับสนามรบจอมราชันเทพก็ยิ่งเดือดขึ้นเรื่อย ๆ ศิษย์ของทั้ง 2 นิกายก็ตกตายกันมากขึ้นทุกขณะ
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนิกายมังกรสวรรค์ก็ดี นิกายมหาเอกะก็ดีย่อมเปิดีกว้างมากขึ้น ขั้นตอนการเข้าร่วมนิกายก็สะดวกกว่าช่วงรับศิษย์มาก

หลังจากศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้น นิกายมังกรสวรรค์ก็ได้ตระเตรียมสถานที่รับสาวกโดยเฉพาะ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ของนิกายมังกรสวรรค์ และยังเป็นกลางอากาศเหนือแนวเทือกเขาทั้ง 9
ที่นั่นี้เป็นเกาะลอยเล็ก ๆ ซึ่งมีค่ายกลป้องกันจัดตั้งไว้อย่างดี มีโต๊ะเก้าอี้ทั้งศาลาจัดวางไว้เป็นทิวแถว นอกจากนั้นยังมีผู้อาวุโสที่รับผิดชอบการรับสมัครสาวก ไม่เว้นทำหน้าที่เฝ้าระวัง
มีอาวุโสมังกรดา 1 คน ผู้รับผิดชอบรองมีอาวุโสมังกรขาว 1 คน และอาวุโสฝ่ายใน 3 คนคอยช่วยเหลือ
นอกจากนั้นแล้วหน้าที่ของผู้อาวุโสเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะรับสมัครสาวกเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์เท่านั้น ยังมีหน้าที่คสบคุมการลาดตระเวนพื้นที่โดยรอบอีกด้วย
กล่าวได้ว่าทำหน้าที่ลาดตระเวนี้เป็นงานหลัก

การรับสมัครคนี้เป็นงานรอง
เนื่องจากช่วงแรก ๆ มักมีคนมาเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ไม่มาก ปกิจึงไม่ค่อยมีผู้อาวุโสเฝ้าประจำมากนัก นอกจากนั้นก็มีผู้อาวุโสมังกรขาวและอาวุโสฝ่ายในอีก 7 คนทำหน้าที่ลาดตระเวน
“รับป้ายนี้แล้วเข้าไปได้ หลังจากเจ้าเข้าไปด้านในแล้วจักมีคนมารอรับเจ้าเอง”
ชายหนุ่มในชุด คลุมสีน้ำเงิน หลังรับป้ายที่อาวุโสฝ่ายในนิกายมังกรสวรรค์มอบให้หลังได้ยินคำพูดดังกล่าว มันก็อดเหลือบมองไปยังถิ่นที่อยู่นิกายมังกรสวรรค์เบื้องหน้าไม่ได้
“ผู้อาวุโส ท่านพาข้าเข้าไปได้หรือไม่ ข้าได้ยินมาว่าค่ายกลป้องกันของนิกายมังกรสวรรค์นั้นทรงพลังมาก แถมยังมีค่ายกลสังหารมากมาย กระทั่งตัวตนระดับจอมราชันเทพหากทะเล่อทะล่าเข้าไปยังไม่รอดเลย”

ชายหนุ่มในชุด คลุมสีน้ำเงินเอ่ยด้วยความหวาดกลัว “ข้าเป็นแค่ราชาเทพขั้นสูงเท่านั้นเองหากข้าเผลอเข้าไป ข้าไม่ตายหยังเขียดีหรือ ?”
ได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม อาวุโสมังกรขาวที่อยู่ไม่ไกล รวมถึงอาวุโสฝ่ายในอีก 2 คนที่เหลืออดหัวเราะออกมาไม่ได้
อาวุโสฝ่ายในที่มอบป้ายให้ชายหนุ่มกล่าวด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ไอ้หนูแล้วเจ้าคิดว่าป้ายที่ข้ามอบให้เจ้ามันมีไว้เพื่ออันใดเล่า เจ้าถือป้ายนี้แล้วก็ไม่ต้องกลัวค่ายกลสังหารือนใดนั่น หลังเข้าไปแล้วเดียวก็เจอคนที่จะรับเจ้าไปยังสถานที่พกับ่มเพาะสำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมศึกจักรพรรดิโดยเฉพาะ”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
ชายหนุ่มในชุด คลุมสีน้ำเงินโล่งใจ จากนั้นก็กล่าวสืบต่อ “ผู้อาวุโส สถานที่พักสำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมศึกจักรพรรดิมีสภาพแวดล้อมดีหรือไม่ ? กล่าวไปด้วยระดับพลังฝึกปรือของข้า ก็น่าจะผ่านการทดสอบเป็นศิษย์ฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ได้ไม่

ยากกระมัง เช่นั้นนข้าไปยังสถานที่พักสำหรับศิษย์ฝ่ายในเลยไม่ได้หรือ ?”
“สถานที่พักสำหรับศิษย์ฝ่ายในนน เจ้าจำเป็นต้องรอดกลับออกมาจากระนาบศึกจักรพรรดิให้ได้เสียก่อน”
อาวุโสฝ่ายในกล่าวเสียงเรียบ “หลังจากศึกจักรพรรดิจบลง เหล่าผู้ที่สมัครเป็นสาวกของนิกายมังกรสวรรค์เรา และรอดชีวิตกลับออกมาจากระนาบศึกจักรพรรดิได้ ตราบใดที่ยินดีเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์เรา นิกายมังกรสวรรค์เราก็จะมอบตำแหน่ง ‘ศิษย์’ ให้ตามความสามารถ จากนั้นก็จะยึดถือเจ้าเป็นดั่งศิษย์คนอื่น ๆ ในนิกาย อ้อหากเจ้าทาผลงานดีจักมีรางวัลพิเศษให้เจ้าอีกด้วย”
“แต่สำหรับเจ้าในตอนนี้ยังเป็นเพียงสาวกเท่านั้น สถานที่ในนิกายมังกรสวรรค์ที่เจ้าจักไปได้ ก็มีแต่สถานที่พักสำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมศึกจักรพรรดิกับทางเข้าระนาบศึกจักรพรรดิเท่านั้น”
“ที่พวกเราทาเช่นนี้ ก็เป็นการป้องกันไม่ให้ผู้ที่คิดุร้ายต่อินกายมังกรสวรรค์ ฉกฉวยโอกาสก่อเรื่องอันใด”

สถานที่พักสำหรับคนที่จะเข้าร่วมศึกจักรพรรดินั้น เป็นสถานที่ๆ ทางนิกายมังกรสวรรค์จัดเตรียมไว้หลังศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นาน และมีเพียงสาวกขอบเขตราชาเทพกับจอมราชันเทพที่คิดเข้าร่วมศึกจักรพรรดิเท่านั้น สามารถพักอาศัยได้ในช่วงทาศึกจักรพรรดิ
และสถานที่ดังกล่าว ก็ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่ตั้งประตูมิติอันนำไปสู่ระนาบศึกจักรพรรดิมากนัก ถูกคั่นไว้ด้วยเขาลูกหนึ่งเท่านั้น
และสาวกขอบเขตราชาเทพกับจอมราชันเทพที่พึ่งเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ ก็สามารถไปไหนมาไหนได้เฉพาะเขตพื้นที่ 2 แห่งนี้เท่านั้น ไม่สามารถเพ่นพ่านไปที่อื่นได้
หากถูกพบว่าออกนอกเขตพื้นที่ๆ กำหนด ก็จะถูกประหารชีวิตทันที่
และผู้ที่เฝ้าระวังเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว ก็คือชนชั้นอาวุโสมังกรทอง!

“เข้าใจแล้ว”
เมื่อชายหนุ่มในชุด คลุมสีน้ำเงินได้ยินคำอธิบายก็ตระหนักเรื่องราวได้ไม่ยาก จากนั้นมีันก็ยิ้มกล่าวออกมาว่า “นิกายมังกรสวรรค์ช่างเป็นนิกายที่ดีจริง ๆ ละเอียดรอบคอบนัก…เช่นนี้แล้วเหล่าผู้ประสงค์ร้ายที่คิดตีชิงตามไฟคงไม่กล้าก่อการอันใด”
“ตีชิงตามไฟ ?”
อาวุโสฝ่ายในแค่นยิ้มเย้ยหยัน “ผู้ใดที่หาญกล้าคิดตีชิงตามไฟอันใด วันนี้ปีหน้าจักเป็นวันครบรอบวันตายของพวกมัน!”
“เอาล่ะเจ้าหนุ่ม เจ้าไปได้แล้ว”
“จาไว้ ป้ายที่ข้ามอบให้เจ้าถือไว้ให้เห็นชัด ๆ เถอะ อย่าได้เก็บเข้าไปในแหวนเด็ดขาด”

“หากเจ้าคิดว่าถือไว้มันรุ่มร่าม เช่นั้นนก็ห้อยไว้ที่เอวก็ได้”
ชายหนุ่มในชุด คลุมสีน้ำเงินเมือได้ฟังคำของอาวุโสฝ่ายใน มันก็ไม่คิดรั้งอยู่สืบไป เหินร่างเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ทันที่
และหลังเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ได้ไม่ทันไร ผู้ดูแลฝ่ายในกออกมารับตัว จากนั้นก็พามันไปยังสถานที่พักสำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมศึกจักรพรรดิทันที่สถานที่พักดังกล่าวก็ห่างจากทางเข้าระนาบศึกจักรพรรดิไม่มาก
‘ระนาบศึกจักรพรรดิหรือข้าได้ยินคาร่าลือมานานแล้ว…หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง หากข้าสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพได้ก่อนศึกจักรพรรดิจบลง ถึงตอนั้นนข้าจะกลายเป็นจอมราชันเทพคนแรกในประวัติศาสตร์ของตระกูลที่มีอายุไม่ถึง 10,000 ปี่’
ในขณะที่ชายหนุ่มติดตามผู้ดูแลฝ่ายในของนิกายมังกรสวรรค์ไปยังที่พัก แววตามนก็สั่นไหว ใบหน้าฉายชัดถึงความคาดหวัง

“เจ้าหนูนั่นช่างเจรจาเสียจริง พอมันไปที่นี่กลายเป็น เงียบเหงาแปลก ๆ”
ด้านนอกกก อาวุโสฝ่ายในคนหนึ่งส่ายหัวไปมาพลางยิ้ม
“จริง…จักว่าไป 2 วันมานี้ก็มีแค่มันคนเดียวที่มาเข้าร่วมนิกายเรา”
อาวุโสมังกรขาวพยักหน้า
ทว่าแทบจะพร้อม ๆ กันกับที่อาวุโสมังกรขาวพยักหน้า อยู่ ๆ ชายชราที่แยกไปนั่งคนเดียวไกล ๆ และห้อยแขวนป้ายอาวุโสมังกรดาไว้ที่เอวก็ลุกขึ้นมายืน
“หืม ?”

เมื่อสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของอาวุโสมังกรดา อาวุโสมังกรขาวกับเหล่าอาวุโสฝ่ายในที่เหลือต่างก็ยืนขึ้นทีละคน ๆ
พริบตาต่อมา ในขณะที่อาวุโสฝ่ายในกำลังงุนงง อาวุโสมังกรขาวก็คล้ายสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงหันไปเงย่อหน้ามองฟ้าไกลตาทิศทางหนึ่ง
ส่วนอาวุโสมังกรดา ได้จับจ้องมองไปที่นั่นแต่แรก
“มีคนมารึ?”
อาวุโสฝ่ายในทั้ง 3 แม้จะหันมองตามไป แต่พวกมันก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเลย
จนเมือเมฆที่ลอยล่องสุดสายตาเริ่มปั่นป่วน ลูกตาพวกมันก็หรี่ลงเล็กน้อย “พวกเราพึ่งจะสังเกตเห็น…เป็นจอมราชันเทพเช่นั้นนรึ?”

“หากเป็นจอมราชันเทพขั้นต่ำ พวกเราสมควรพบตัวมันแต่แรกแล้ว”
“เจ้านั่นไม่น่าจะใช้จอมราชันเทพขั้นต่ำแล้วล่ะ”

ในขณะที่อาวุโสฝ่ายในทั้ง 3 กำลังกระซิบกระซาบคุยกัน อาวุโสมังกรดาชราก็ปริปากกล่าวคาออกมา “มันเป็นจอมราชันเทพขั้นกลาง”
“จอมราชันเทพขั้นกลางหรือ ?”
ได้ยินคำพูดของอาวุโสมังกรดา สีหน้าอาวุโสมังกรขาวเปลื่ยนี้เป็นเคร่งขรึม ส่วนด้านอาวุโสฝ่ายในทั้ง 3 แววตาแต่ละคนกลายเป็นแหลมคม “มีจอมราชันเทพขั้นกลางคิดเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์เรายามนี้หรือ ?”

“เป็นเรื่องดี”
“หลังศึกจักรพรรดิเริ่มต้นขึ้น จวบจนวันนี้ เหมือนจะมีจอมราชันเทพขั้นต่ำแค่ 5 คนกระมังที่สมัครเป็นสาวกินกายมังกรสวรรค์เรา คนแรกเลย…ที่เป็นจอมราชันเทพขั้นกลาง!”

ไม่นานนักแววตาของอาวุโสฝ่ายในทั้ง 3 ก็เผยประกายเรื่องขนวาบหนึ่ง จานั้นร่างที่เหาะตัดฟ้ามาแต่ไกล พริบตาก็ดิ่งลงมาหยุดยืนบนเกาะลอยเล็ก ๆ ปรากฏกายให้ผู้คนเห็นกันชัด ๆ
เป็นชายหนุ่มร่างสูงแลดูกายา มาในชุด คลุมสีดำ ใบหน้าจริงจังขรึมเคร่ง ในมือถือกระบี่เทพขั้นสูงพร้อมฝัก จากลมหายใจที่แผ่ซ่านออกมาทั่วร่างอย่างเป็นธรรมดา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นมือกระบี่ที่ร้ายกาจคนหนึ่ง
หลังชายหนุ่มลงมายยืนบนเกาะลอยแล้ว มันก็มองไปยังผู้อาวุโสมังกรดาท่ามกลางคนทั้ง 6 กล่าวคาออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ข้าอยากเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์ เพราะศึกจักรพรรดิ”

“ยินดีต้อนรับ”
หลังมองสำรวจชายหนุ่มในชุด คลุมดาครูหนึ่ง รอยยิ้มพึงพอใจพลันคลี่กางขึ้นบนใบหน้าเหี่ยวแห้งของอาวุโสมังกรดาชรา ขณะเดียวกันมันก็จัดการเรื่องลงทะเบียนและมอบป้ายให้อีกฝ่ายด้วยตัวเอง
จอมราชันเทพขั้นกลาง ต่อให้มีแผนร้ายอันใด และคิดแทรกซึมเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ในชวงเวลาแบบนี้ แต่มันก็ไม่อาจสร้างคลื่นลมอันใดในนิกายมังกรสวรรค์ได้เลย…
นอกจากนั้น คนลักษณะเช่นชายหนุ่มผู้นี้ ปกติแล้วมักฝึกฝนอย่างสันโดษในสถานที่พักที่ทำงนิกายจัดเตรียมไว้ให้และพวกมันก็มาเพื่อเข้าไปสู้ในระนาบศึกจักรพรรดิโดยเฉพาะ
สุดท้ายแล้วหากมันคิดสร้างปัญหาอะไร ก็มีแต่ตายสถานเดียว

ชายหนุ่มชุด คลุมดาเห็นชัดว่าไม่ใช้คนพูดมาก มันสงวนวาจาราวทองคา แม้อาวุโสมังกรดาจะเอ่ยถามชอุ่มันด้วยตัวเองแต่มันก็กล่าวตอบห้วน ๆ ว่า “เหยียนเจ๋อ”
หลังชายหนุ่มคลุมดารับป้ายไปแล้ว มันก็เหินร่างเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์ทันที่อาวุโสมังกรขาวกับอาวุโสฝ่ายในทั้ง 3 ที่อยู่ไม่ห่างจากอาวุโสมังกรดามากนัก ขณะมองส่งแผ่นหลังของอีกฝ่ายก็อดกล่าวออกมาเบา ๆ ไม่ได้ “ช่างแลดูโดดเดียวแท้ นี่มันมีสหายบางหรือไม่ ?”
“แต่พูดก็พูดเถอะ จากกลิ่นอายพลังของมัน เห็นชัดว่ามันยังขาดอีกไกลกว่าจะบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นสูง…เช่นั้นนหากมันไม่ได้มาเข้าร่วมศึกจักรพรรดิเพราะความก้าวหน้า แล้วมันมาเพื่ออะไรกัน ?”
อาวุโสมังกรขาวเอ่ยถามออกมาด้วยสีหน้าสงสัย

อาวุโสมังกรดาพลันตอบเสียงเรียบ “ผู้คนล้วนมีความต้องการเป็นของตัวเอง จอมราชันเทพขั้นต่ำที่มาก่อนัมนหลายคน ก็มิได้มาเพื่อทะลวงผ่านไปยังจอมราชันเทพขั้นกลางมิใช่รึ”