ได้ยินคำ ‘ชี้แนะ’ ของเชวียไห่ชวน ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่คลี่ยิ้มแห้ง ๆ กล่าวตอบไปว่า“พี่ไห่ชวนข้าก็แค่พดไปเรื่อยท่านอย่าคิดจริงจัง…รอบนี้ข้ารู้แล้วว่าตัวเองโชคดีแค่ไหน หลังไปพบเจอมากับตัว”
กับอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะนั้น ต้วนหลิงเทียนเชื่อว่าหากอีกฝ่ายเลือกจะสู้กับเขาให้ตายกันไปข้าง เขามโอกาสที่จะฆ่าอีกฝ่ายได้สูง
แต่ถ้าอีกฝ่ายคิดจะหลบหนี เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถรั้งอีกฝ่ายไว้ได้
ในเมือเปืนเช่นนี้ เขาก็หวังว่าจะไม่พบเจอตัวตนระดับนั้น หาไม่แล้วก็มีแค่ 2 ทางเลือกคือหาทางหลบหนี หรือไม่ก็เผยไพ่ตายเพื่อฆ่าอีกฝ่ายให้ได้
อย่างไรก็ตาม ผลที่ตามมาจากการเปิดเผยไพ่ตาย ก็เสี่ยงที่จะชักนำหายนะมาสู่เขาเช่นกัน
ถึงแม้เขาจะกล่าวอ้างได้ว่าอีกฝ่ายกุเรื่องใส่ความเขา…เพราะสุดท้ายเรื่องราวใดๆ ที่เกิดขึ้นในสนามรบทั้ง 3 แห่งของระนาบศึกจักรพรรดิ ก็ไม่อาจใช้การสาบานต่อโลหิตมารหัวใจเพื่อพิสูจน์ได้
สุดท้ายเขาก็เปิดเผยไพ่ตายในระนาบศึกจักรพรรดิ ไม่ใช้ดินแดนดาราพิศวง
กระทั่งหากมีคนรอดตายมาพูด เขาก็สามารถกล่าวคำสาบานต่อโลหิตมารหัวใจต่อหน้าผู้คนได้ว่าไม่เคยเผยไพ่ตายใด ๆ ในระนาบศึกจักรพรรดิ
ถึงแม้สนามรบต่าง ๆในระนาบศึกจักรพรรดิ จะถูกปกคลุมไปด้วยพลังอาคมที่เกิดจากค่ายกลของผู้แข็งแกร่งที่สุด แต่มันก็ถือว่าถูก็แยกออกจากตัวผู้แข็งแกร่งที่สุดโดยสิ้นเชิง เว้นเสียแต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดจะทิ้งจิตเทพไว้ในค่ายกลแต่แรก หาไม่แล้วก็ไม่มีทางล่วงรู้เรื่องราวใด ๆ ภายในนนได้
หากบอกว่าในระนาบศึกอริยะ กับระนาบศึกผู้แข็งแกร่งที่สุด ผู้แข็งแกร่งที่สุดได้ทิ้งจิตเทพเอาไว้ภายในนนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ ต้วนหลิงเทียนเชื่อ
ทว่ากับระนาบศึกจักรพรรดินั้น ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดไม่น่าจะสนใจทำอะไร แบบนั้น
แต่ทั้งหมดแน่นอนว่าคือการค้าดเดาของต้วนหลิงเทียน
เขาเองก็ไม่ได้มั่นใจสิบส่วนเต็ม
ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดจะเปิดเผยไพ่ตายให้อาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะเห็น กระทั่งไม่อยากพบเจออาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะในสนามรบจอมราชันเทพด้วยซ้ำ
ครั้งนี้เหตุผลที่เขาเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพในระนาบศึกจักรพรรดิ เพราะเขาเองก็พึ่งทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำ
และมั่นใจว่าสามารถเอาตัวรอดได้ แถมในเมืองสันติก็มีสิ่งของที่เขาต้องใช้แต้มรบแลกเปลื่ยนมากมาย
ในอดีต ตอนได้รับสิ่งของจากเทพซ่อนของจกรพรรดิเทพฉินหวู่นั้น เขาก็ได้รับทรัพยากรมากมาย และทั้งหมดเป็นของขอบเขตจอมราชันเทพ
อย่างไรก็ตาม มีแค่บางส่วนที่เขาสามารถใช้มันได้ในปัจจุบัน
ทรัพยากรส่วนใหญ่ มันจะมีประโยชน์ตอนด่านพลังบรรลุถึงจอมราชันเทพขั้นกลางกับขั้นสูง
ด้วยเหตุผล 2 ข้อดังกล่าว เขาก็เลยเข้าไปเปิดหูเปิดตำในสนามรบจอมราชันเทพ
กระทั่งหลังจากเข้าไปแล้ว เขาก็เตรียมใจแบกรับความเสี่ยงที่จะได้พบเจอตัวตนระดับอาวุโสปฐพีด้วยซ้ายิ่งการเดินทางช่วงแรก ๆ นั้น
เขาก็ระวังตัวแจไม่ได้เดินทางอย่างอุกอาจ แน่นอนว่าเขาก็มีเตรียมใจรับความเสี่ยงไว้เช่นกัน
ไม่อาจไม่พูดว่าคราวนี้เขาโชคดีที่ไม่พบเจอตัวตนระดับอาวุโสปฐพี
นอกจากนั้นเขาก็คิดไว้แล้วว่าหากพบเจออาวุโสปฐพีขึ้นมาจริง ๆ จะทำอย่างไร เขาเชื่อว่าหากใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลื่ยน วิถีควบคุม มรรคำกระบี่มิติ เต็มที่ก็น่าจะแค่สสีกับอาวุโสปฐพี
ทว่าหากเขาใช้ร่างอวตำรกฏมิติ ร่างอวตำรต้นไม้เทพสนหลิว รวมถึงให้หวงเอ้อปรากฏตัวออกมาเลา ?
ต้องทราบด้วยว่า ในปัจจุบันพลังของหวงเอ้อเพียงลำพัง ได้ก้าวหน้ำขึ้นมาเป็นอย่างมาก
กระทั่งในปัจจุบัน นางยังไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาด้วยซ้ำ
หากใช้ทั้งหมด การจะฆ่าอาวุโสปฐพีไม่น่าจะมีปัญหา
แน่นอนว่ายังมี ‘ความเสี่ยง’ อยู่บ้าง เพราะถ้าอีกฝ่ายเปิดตูดหนีขึ้นมา เขาก็ไม่แน่ว่าจะตามทัน
‘ครั้งนี้จะว่าไปก็โชคดีจริง ๆ…รอบหน้าไม่เสี่ยงจะดีกว่า ถึงแม้ต่อให้เรื่องราวถูกเปิดเผยออกไป้ก็อาจไม่มีใครวู่วามทำอะไรได้นอกจากสงสัย แต่ไม่ให้เกิดเรื่องเช่นั้นนจะดีที่สุด’
‘เรื่องนี้ก็เหมือื่น ๆ กับที่ข้าไม่อยากเป็ิดเผยว่าสามารถหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดได้แล้ว’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
“เสี่ยวเทียน”
เชวียไห่ชวนย่อมไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนกำลังคิดอะไรเอ่ยู่ แต่มันที่ได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนมีของที่ต้องใช้แต้มรบแลกให้ได้โดยเร็วที่สุด หลังครุ่นคิดอยู่ครูหนึ่งมันก็ตัดสินใจพูดออกมาตรง“ครั้งก่อนตอนเข้าสนามรบจอมราชันเทพ ข้าก็ได้แต้มรบมาร่วมทั้งสิ้น 8,000 แต้ม ข้าเองก็พึ่งจะใช้ไปไม่กี่ร้อยแต้ม และไม่มีอะไรที่ข้าต้องการเป็นพิเศษ จึงยังมีเหลืออยู่ 7,000 กว่าแต้ม”
“เช่นั้นนหากเจ้ามีความจำเป็นต้องใช้มัน ข้าให้เจ้ายืมแต้มรบ 7,000 แต้มก่อนก็ได้”
“แต้มรบ 7,000 แต้มก็ถือเป็นครั้งหนึ่งของ 14,000 แต้มที่เจ้าต้องการแล้ว มันน่าจะพอให้เจ้าใช้แลกของที่เจ้าต้องการโดยด่วนได้กระมัง”
เชวียไห่ชวนกล่าว
ทันทีที่เชวียไห่ชวนกล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็ส่ำยหัวไปมาเร็วไว“พี่ไห่ชวน แต้มรบที่ข้าต้องการข้าหาเองดีกว่าท่านเก็บไว้ใช้เถอะ ข้าไม่อยากเอาเปรียบท่าน”
เชวียไห่ชวนก็ส่ำยหัวไปมาเหมือนกัน“เอาเปรียบอะไรของเจ้ากัน ข้าบอกแล้วไม่ใช้หรือข้าไม่รู้ว่าจะแลกอะไร เพราะไม่มีอะไรที่ข้าต้องการเป็นพิเศษ ที่สำคัญข้าบอกว่าให้เจ้ายืม ไม่ได้ให้เจ้าไปเลย”
“เจ้าต้องจ่ายคืนด้วย”
“อะไร ? หรือนี่เจ้าคิดว่าข้าจะให้เจ้าไปเลย แล้วไม่ต้องคืน ?”
“อีกทั้งหากข้าไม่ให้เจ้ายืม เกิดเจ้ารีบร้อนอยากได้มันจนวิ่งโร่เข้าไปในสนามรบจอมราชันเทพอีก…ครั้งนี้เจ้าอาจโชคดี แต่ครั้งต่อไปผู้ใดจะรู้กันเล่า”
กล่าวถึงจุดนี้สีหน้าเชวียไห่ชวนก็เปลื่ยนี้เป็นจริงจัง แววตายังเผยความเป็นห่วง
ต้วนหลิงเทียนสัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนสายหนึ่งแล่นวาบในใจ อย่างไรก็ตามเขาเลือกจะกล่าวปฏิเสธเชวียไห่ชวน
ทว่าเชวียไห่ชวนกลับตื๊อไม่เลิก หมายจะให้เขายืมแต้มรบไปใช้ก่อนไม่เลิก ซึ่งจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง สุดท้ายเขาก็ไม่อาจทนลูกตื๊อได้ไหว ก็เลยยืมแต้มรบเชวียไห่ชวนมาใช้ก่อน 6,000 แต้ม
แต้มรบนั้น หากเป็นคนในนิกายเดียวกัน สามารถเอาป้ายประจำตัวมาแต่ะกันแล้วถ่ายโอนได้เลย
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนยังเป็นราชาเทพอยู่ ป้ายประจำตัวของเขาที่ไปลงทะเบียนตอนอยู่ในขอบเขตราเทพนั้น อันที่จริงแตมีรบมันก็ยังไม่ได้ถูกใช้ไปจนหมด หากจะนำกลับมากสามารถเอาป้ายเก่าไปโอนฝากคนอื่นไว้ก่อน จากนั้นค่อยโอนมาป้ายใหม่ก็ไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น
หนึ่งคือมันแลดูวุ่นวาย สองก็คือแต้มรบที่เหลืออยู่ในป้ายเก่ามันเป็นแค่เศษ ๆ ไม่เท่าไหร่ เขาก็ไม่คิดว่าจะต้องเสียเวลาถ่ายโอนอะไรให้มันเสียเวลา
กระทั่งในตอนนี้ เขาก็ยังไม่เห็นว่าจะจำเป็นต้องใช้แต้มรบไม่กี่แต้มเหล่านั้นเลย
“เอาล่ะมีแต้มรบแล้ว เจ้าก็รีบไปแลกของที่เจ้าต้องใช้มาก่อนเถอะ…ส่วนของที่เหลือเอาไว้เจ้าปิดด่านบ่มเพาะจนพลังฝีมือก้าวหน้าแล้ว ค่อยเข้าไปหาในสนามรบจอมราชันเทพอีกที่”
หลังเชวียไห่ชวนโอนแต้มรบให้ต้วนหลิงเทียนแล้ว มันก็ยิ้มกล่าวกับต้วนหลิงเทียนว่า“ครั้งหน้าหากเจ้าต้องการเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ เจ้ากอย่าลืมบอกข้าด้วย ข้าจะไปกับเจ้าเอง”
“ข้าเชื่อว่า ถึงวันที่เจ้าคิดจะเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพอีกครั้ง พลังของเจ้าน่าจะไม่ด้อยไปกว่าอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะแล้ว”
เชวียไห่ชวนกล่าวถึงท้ายประโยค ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตำซับขึ้นอยู่บ้าง“ข้ายังจดจำได้ไม่ลืม ครั้งแรกที่ข้าเจอเจ้า ในตอนั้นนระดับพลังเจ้ามีเท่าไหร่กัน กระทั่งตอนเข้านิกายมังกรสวรรค์ ระดับพลังเจ้ายังไม่ใช้ราชาเทพขั้นสูงด้วยซ้ำ”
“และตั้งแต่ตอนั้นนถึงตอนนี้ ข้าก็ยังคงเป็นอาวุโสมังกรขาว ด่านพลังรั้งอยู่ในขอบเขตจอมราชันเทพขั้นกลางมาโดยตลอด กลับกันเจ้ากลับมีพลังสามารถพอจะต่อกรกับจอมราชันเทพขั้นกลางได้แล้ว”
ได้ยินคำกล่าวทอดถอนใจของเชวียไห่ชวน ต้วนหลิงเทียนอดคลี่ยิ้มกล่าวแซวไม่ได้“ใช้…ไม่แน่นะพี่ไห่ชวน อีกไม่นานข้าอาจจะไล่ตามท่านได้ทัน ถึงตอนั้นนข้าจะได้เป็นอาวุโสมังกรขาวที่อายุน้อยที่สุดเหมือนท่านด้วย”
“เสี่ยวเทียน ข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้ามันร้ายขนาดนี้”
เชวียไห่ชวันที่ได้ยินคำแซว ก็ได้แต่ส่ำย่อหน้าไปมาอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากนั้น สองตามนก็หรี่ลงมองถามต้วนหลิงเทียนเสียงหนัก“เสี่ยวเทียน ครั้งก่อนที่เจ้าถูกลอบสังหาร กระทั่งส่งผลให้กวงเทียนเจิ้งถูกประหารนั่น…ที่แท้เป็นเจ้าตั้งใจให้เป็นเช่นั้นนกระมัง ?”
เชวียไห่ชวนพึ่งจะออกจากสนามรบจอมราชันเทพมาเมื่อเดือนก่อน
ทันทีที่ออกมาก็ได้รับทราบข่าวเรื่องต้วนหลิงเทียนถูกกวงเทียนเจิ้งอาวุโสฝ่ายในลอบสังหารกลางนิกาย วันั้นนมันยังอดเหงื่อตกแทนต้วนหลิงเทียนไม่ได้ ด้วยไม่คิดเลยว่าทั้ง ๆ ที่ต้วนหลิงเทียนไปอาศัยอยู่ในบ้านของอาวุโสสักการะสือคงแล้ว แต่ยังเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม พอมันคิดไปคิดมามันรู้สึกว่าปกติต้วนหลิงเทียนไม่ใช้คนเลินเล่ออะไรเช่นั้นน
บวกกับความจริงที่ว่าต้วนหลิงเทียนทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้ว มันเรมิคาดเดาว่า เรื่องทั้งหมดอาจเป็นแผนของต้วนหลิงเทียนที่ตั้งใจขุดหลุมดักกวงเทียนเจิ้งโดยเฉพาะ
“ใช้ เป็นข้าตั้งใจ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า“หากไม่ใช้เพราะข้าทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำได้แล้ว และมั่นใจว่าข้าเอาอยู่ ข้าคงไม่กล้าออกจากบ้านอาวุโสสักการะสือคงเพียงลำพังแบบนั้น”
“แต่ก็นะ สุดท้ายเรื่องราวกจบลงด้วยดี ตอนนี้กวงเทียนเจิ้งก็ตายไปแล้ว”
วาจำประโยคท้าย ขณะกล่าวสองตำต้วนหลิงเทียนก็ฉายแววเยียบเย็นขึ้นมา
กวงเทียนเจิ้งนั่น มันแทบจะฆ่าเขาในตระกูลหลิงหูได้แล้วด้วยซ้ำหากไม่ใช้เพราะวันั้นนหลิงหูเหรินเจี๋ยเปิดใช้ค่ายกลของตระกูลได้ทัน ไม่แน่เขาอาจตายไปแล้ว
ศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันเช่นนี้ หากเขามโอกาสก็ไม่คิดปล่อยให้มันมีชีวิตสืบไป
“ข้าไม่ได้จะบอกว่าเจ้าหุนหันพลันแล่นอะไรหรอก”
เชวียไห่ชวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม“ครั้งนี้เจ้าวางแผนฆ่ากวงเทียนเจิ้งได้ นับว่าเป็นการตัดปัญหาไปส่วนหนึ่ง…”
“แต่…”
ทันใดนั้น สีหน้าเชวียไห่ชวนก็เปลื่ยนี้เป็นจริงจังทันที่“หลังจากนี้ ต่อไปเจ้าห้ามทำอะไรเช่นั้นนอีก”
“คราวนี้ท่านประมุขเลือกจะสั่งประหารล้างตระกลูกวงเทียนเจิ้ง ซึ่งถือว่าช่วยเจ้าตัดรากถอนโคน…อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกคนที่ไม่ถูกประหาร”
“คน ๆ นั้น ข้าคงไม่ต้องบอกเจ้ากระมังว่าเป็นใคร”
เชวียไห่ชวนกล่าวคำเสียงหนัก
“และเหตุผลเดียวที่มันไม่ถูกประหารไปด้วย เพราะพ่อตาของมันคือเซวียหมิงจื่อ”
“ครั้งนี้กวงเทียนเจิ้งมันถึงขั้นแลกด้วยชีวิตเพื่อลอบฆ่าเจ้ากลางนิกาย สิบในสิบล้วนไม่ใช้ความตั้งใจของมันคนเดียวแน่…สายนิกายหมื่นปีศาจกับสายนิกายหมอกเร้นลับเขม่นกันมาหลายปีดีดักแล้ว ข้าจึงรู้จักกวงเทียนเจิ้งดี เจ้านั่นแม้ไม่ใช้คนที่กลัวตายหากต้องสู้ แต่มันไม่ใช้คนที่จะล้อเล่นกับชีวิตตัวเองแน่”
“และสายเลือดินกายหมื่นปีศาจในนิกายมังกรสวรรค์ ก็ไม่มีอำนาจมากพอจะบีบให้มันยอมตายเพื่อฆ่าเจ้า…”
“มีแค่คนเดียวเท่านั้น ที่สามารถบีบคั้นมันให้ยอมตายได้”
“เซวียหมิงจื่อ”
ได้ยินสิ่งที่เชวียไห่ชวนพูด สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลื่ยนี้เป็นจริงจังเช่นกัน เพราะที่เขาคิดไว้ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากมาย เขารู้แค่กวงเทียนเจิ้งนั่นัมนอยากฆ่าเขาให้ตาย เพราะถ้ามันฆ่าเขาไม่ได้สุดท้ายมันก็ต้องตายเอง
ท้ายที่สุดแล้ว กวงเทียนเจิ้งย่อมรู้ดี ว่าเมื่อเขาเติบโตก้าวหนามินก็จะไม่มีปัญญาทำอะไรกับเขาได้อีกต่อไป มีแนวโน้มสูงที่เขาจะฆ่าล้างโคตรัมนอีกด้วย
แต่บัดนี้ พอได้ยินคำเตือนของเชวียไห่ชวน เขาพลันตระหนักได้ว่ากวงเทียนเจิ้งัมนอยากให้เขาตายถึงขั้นต้องสละชีวิตลงมือกับเขากลางนิกายจริง ๆ หรือ ?
“เรื่องของร้องประมุขนิกายเซวียหมิงจื่อข้าเองก็ไม่รู้ละเอียดมากนัก แต่ข้าได้ยินวีรกรรมสมัยยังเยาว์ของมันมาบ้าง…คน ๆ นี้มีพรสวรรค์กับความเข้าใจจะไม่ได้สูงส่งมาก แต่นับว่าเฉลียวฉลาดไม่เบา”
“คราวนี้กวงเทียนเจิ้งลงมือฆ่าเจ้าไม่สำเร็จ ข้าเชื่อว่ามันไม่คิดเลิกรำง่าย ๆ แน่นอน”
“ต่อให้เจ้าจะยังอยู่ในเขตนิกาย แต่เจ้าต้องระวังให้มาก”
เชวียไห่ชวนกล่าว
แม้ต้วนหลิงเทียนจะพยักหน้ารับรู้ แต่ก็แค่ขอไปที่เท่านั้น ในใจเขารู้สึกว่าต่อให้เซวียหมิงจื่ออยากจะฆ่าเขาจริง แต่มันก็คงหาคนมาฆ่าเขาได้ไม่ง่ายนัก อย่างน้อย ๆ ก็ต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่
สุดท้ายเหตุผลเดียวที่อีกฝ่ายสามารถบีบให้กวงเทียนเจิ้งทุบหม้อจมเรือได้นั้น เพราะเดิมทีกวงเทียนเจิ้งกับเขาเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้อยู่แล้ว เช่นั้นนกวงเทียนเจิ้งอาจเลือกสละชีวิตเพื่อฆ่าเขาให้ตายเพื่อเห็นแก่คนข้างหลัง
แต่คนอื่น ๆ เล่า ใครมันจะยอมตายเพื่อฆ่าเขาง่าย ๆ ?
ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก เอาแค่อาวุโสมังกรขาวทั้ง 2 ในสายนิกายหมื่นปีศาจ ไม่มีใครเลือกจะยอมตายเพื่อฆ่าเขากลางนิกายแน่นอน
เพราะเขาไม่ได้มีความแค้นคว้ามบาดหมางกับทั้งคู่ลึกซึ้งแต่อย่างใด