พอจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนคนปัจจุบันเปิดปากกล่าวคาทานองเต็มใจส่งมอบพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนคืนกลับแต่โดยดี ดวงตาของเหล่าจักรพรรดิอมตะทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังฟงชิงหยางก็ลุกวาวขึ้นมาทันใด
ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของพวกมันช่างทรงพลังอำนาจเหนือชั้นนัก!
แม้แต่วิหารเฟิงฮ่าวก็ยังยอมลงให้!
อย่างไรก็ตาม ฉากเรื่องราวต่อมาก็ทำให้พวกมันต้องตกตะลึงจนลูกตาแทบถลนออกเบ้า
เพราะพวกมันเห็นว่า จักรพรรดิสวรรค์คปัจจุบันั้นน อยู่ ๆ ร่างของมันก็นิ่งค้างไปราวถูกแช่แข็ง ลูกตาหรี่ลงเร็วไว ต่อมาคนก็เริ่มตั่วสั่นระริกราวเจ้าเข้า
ฉากเรื่องราวพิกลดังกล่าว ย่อมดึงดูดความสนใจของผู้คนี้เป็นธรรมดา
และพริบตาต่อมา ท่ามกลางสายตาของทุกคน จักรพรรดิสวรรค์คนปัจจุบัน แต่เดิมที่มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคน อยู่ ๆ เรือนผมสีดำของมันก็เริ่มเปลื่ยนี้เป็นสีเทา จากนั้นก็กลายเป็นสีขาว
ร่างที่เดิมแข็งแรงดี ก็คล้ายลูกบอลรั่วลม เหี่ยวแฟบไปชวนสยอง
ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ชายวัยกลางคนที่แลดูแข็งแรงดี ก็แปรเปลื่ยนไปเป็นชายชราผ่ายผอมหนังหุ้มกระดูก!
และยังไม่จบเพียงเท่านั้น
ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของผู้คน หลังจากที่ร่างของชรายิ่งมายิ่งแก่หง่อมนั้น มันเรมิเน่าเปื่อยผุพัง จากนั้นเนื้อตัวของมันก็เริ่มยุ่ยสลายหาย หายไปกับสายลมปานเถ้าธุลีต้องลม
ทุกคน ณ ที่นี้สัมผัสได้ชัดเจน ว่ามีความผันผวนของห้วงเวลาอันเก่าแก่โบราณกาจายออกมาจากจุดที่เคยมีร่างคนก่อนหน้า
ฉากดังกล่าวมันพิสดารจนหลายคนไม่อาจทำความเข้าใจได้
วินาทีตอมา ทุกสายตาก็หันกลับมามองจ้องฟงชิงหยางอย่างพร้อมเพรียง
นอกเหนือจากความเคารพเลื่อมใส จนไม่ต่างอะไรจากการบูชาของเมิ่งหลัวกับผู้เฒ่าหั่วแล้ว สายตาคนอื่นที่เหลือนั้นฉายชัดถึงความหวาดหวั่นพรั่นกลัว
“สวรรค์ …นี่มันเกิดขึ้นได้อย่างไรกัน!?”
“สามารถทำให้ตัวตนที่มีอายุขัยยาวนานตราบชั่วฟ้าดินสลาย กลับกลายเป็นชายชราในพริบตา ก่อนจะผุกร่อนสลายหายไปตาม
กาลเวลา…นี่คือพลังอำนาจของกฏแห่งเวลาหรือ ? แต่กฏเวลามีพลังสามารถเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน!?”
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง มิใช่ว่าเก่งกาจกฏทาลายล้างที่สุดีหรือไร!?”
…
จังหวะนี้เหล่าคนของวิหารเฟิงฮ่าวที่รอดูท่าที่ได้แต่ส่งเสียงผ่านพลังถามไถ่กันระงม พวกมันยังได้ยินน้ำเสียงที่สั่นกลัวของกันและกันได้ชัดเจน
ฟงชิงหยาง กลับกลายเป็นน่ากลัวเหนือจินตนาการตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
หากกล่าวว่า ก่อนหน้านี้พวกมันยังสงสัยกลวิธีสังหารด้วยสายตาของฟงชิงหยางอยู่ล่ะก็…
บัดนี้พวกมันไม่สงสัยเรื่องนั้นสืบไป
เพราะฉากเรื่องราวที่พึ่งอุบัติขึ้นต่อหน้าต่อตาพวกมัน แปลกประหลาดทั้งน่ากลัวยิ่งกว่าการฆ่าคนด้วยสายตาเสียอีก!
“ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ฟง…”
ในขณะที่สีหน้าของจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนเปลื่ยนไป และมันคิดจะพูดอะไรบางอย่างมันก็พบว่าร่างกายของมันได้ถูกพลังอำนาจที่มองไม่เห็นขุมหนึ่งปกคลุมเอาไว้ จากนั้นมีันที่พยายามเร่งเร้าพลังเซียนอมตะในร่างขึ้นต่อต้าน ก็พบว่าไม่เกิดประโยชน์อันใด
ในตอนนี้มั่นคงเหลือแต่ความรู้สึกตื่นกลัวเท่านั้น และมันก็ไม่อาจควบคุมร่างกายของตัวเองได้แม้แต่นิดเดียว
จากนั้นมีันก็พบว่า ทุกสายตาที่อยู่ด้านหลังฟงชิงหยางกำลังมองไปยังด้านหลังของมันด้วยความสยดสยอง
มันเองก็อยากจะหันหลับไปมองเหมือนกัน แต่เพราะพลังที่ห่อหุ้มไปทั่วร่าง ทำให้มันไม่อาจหันหลับไปได้เลย
อย่าว่าแต่ก้มลงมอง กระทั่งปลายนิ้วยังไม่อาจกระดิกกระเดี้ยว!
ในสายตาของมัน เห็นก็แต่ฟงชิงหยางที่ลอยร่างกลางอากาศเบื้องหน้าด้วยท่าทีสงบไร้แยแสเท่านั้น แต่ต้นจนจบคนไม่ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใด ๆ
“หืม ?”
ทว่าทันใดนั้นเอง มีนพบว่ามันกลับมาควบคุมร่างกายตัวเองได้อีกครั้ง จากนั้นมีันก็เร่งหันกลับไปมองด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
และมองไปปราดเดียวมันก็พบว่า กลุ่มคนของวิหารเฟิงฮ่าวที่พึ่งออกมาจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ได้กลายเป็นคนชรากันไปหมดสิ้น แถมทุกคนยังแก่ตัวมากขึ้นทุกขณะ
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา ร่างชราทั้งหลายก็เริ่มเจริญรอยตามคนที่วิหารเฟิงฮ่าวส่งมาดำรงตำแหน่งจักรพรรดิสวรรค์ไป…
“เมิ่งหลัว ผู้เฒ่าหั่ว เจ้าพาคนอื่น ๆ กลับไปจัดการเรื่องราวในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เสีย ข้ามีหนี้ที่ต้องไปทวง และหลังจากจัดการเรื่องราวทั้งหมดแล้วเสร็จ ข้าจะกลับมา”
ฟงชิงหยางหันไปกล่าวสั่งเมิ่งหลัวกับผู้เฒ่าหั่ว
และในขณะที่เมิ่งหลัวกับผู้เฒ่าหั่วกำลังมองฟงชิงหยางด้วยสายตาคลังไคล้ ขานรับคำสั่งด้วยความเคารพนั้น ฟงชิงหยางก็หันไปมองกล่าวกับจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนเสียงเบา “พาข้าไปยังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักของเจ้าเสีย”
พอได้ยินคำพูดของฟงชิงหยาง จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็่อนจะตอบว่า “ได้” ออกมาทัน
ในน้ำเสียงยังเต็มไปด้วยความกลัว และตัวคนก็สั่นระริกปานลูกนกตกน้า
“ตอนนี้ที่นี่สมควรมีค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนแล้วกระมัง ?”
ฟงชิงหยางเอ่ยถามเสียงเรียบ
“มี”
“นำไป”
…
จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน นาพาฟงชิงหยางไปยังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนผ่านค่ายกลเคลื่อนย้าย จากนั้นก็พาฟงชิงห
ยางไปใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเฉพาะในวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน เพื่อไปยังระนาบอิสระอันเป็นที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก
“จักรพรรดิสวรรค์ฟง หากท่านจ้าววิหารหลักลวงรู้ว่าข้าพาท่านมาที่นี่ ท่านจ้าววิหารหลักไม่มีวันละเว้นข้าแน่…หลังจากนี้ ข้าไม่อาจไปกับท่านได้แล้ว”
จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนกล่าวออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“อืม”
ฟงชิงหยางพยักหน้าเบา ๆ “หากเจ้าอยากไปก็ไปของเจ้า”
ได้ยินคาอนุญาตของฟงชิงหยาง จ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนก็บังเกิดความโล่งใจนัก จากนั้นมีันก็เตรียมตัวจากไปทันที่
อย่างไรก็ตาม มันพึ่งขึ้นไปยืนบนค่ายกลเคลื่อนย้าย และกำลังจะเปิดใช้ค่ายกลนั้น…
ปงงง!!
บังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นปานขุนเขาถล่ม!
เป็นฝ่ามือมีสภาพมึหมาหนึ่งถล่มลงจากฟากฟ้า ป่นี้ปร่างจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียนที่ยืนอยู่บนค่ายกลเคลื่อนย้ายจนแหลกเหลวในชั่วพริบตา
“หวู่หงชิง”
ฟงชิงหยางมองไปยังร่างที่ไม่ทราบปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ลอยล่องกลางอากาศไม่ไกล พลางกล่าวคาด้วยน้ำเสียงเฉยเมยถึงที่สุด “ข้าไม่คิดเลยว่าจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักที่แลดสูง่างามเป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คนมากมายเช่นเจ้า ที่แท้ก็อามหิตถึงเพียงนี้”
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางล้อข้าเล่นแล้ว…”
หวู่หงชิงคลี่ยิ้มบาง ๆ “สำหรับคนทรยศเช่นนี้ ถึงแม้ข้าจักไม่ฆ่ามัน แต่หอคุมกฏของวิหารเฟิงฮ่าวเราก็ไม่มีวันปล่อยมันไปแน่”
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง…กลับมาจากนรกอสุราครานี้ ข้าคิดว่าพลังฝีมือท่านคงก้าวหน้ามิใช่น่อยกระมัง ?”
คำถามดังกล่าวของหวู่หงชิง ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าคิดถามฟงชิงหยางตรง ๆ ว่ามั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองตอนนี้มากแล้วใช้หรือไม่ ถึงไม่คิดซ่อนตัวอยู่ในนรกอสุราสืบต่อ
“ฆ่าเจ้า เหมือนฆ่าสุนัข”
ฟงชิงหยางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงเฉยชา จากนั้นร่างพลันสั่นไหวเบา ๆ คราหนึ่ง ความว่าง เปล่าทั่วอาณาบริเวณโดยรอบก็คล้ายผนึกแข็ง แม้แต่ร่างหวู่หงชิงที่ลอยล่องไม่ไกลก็ไม่ต่าง
เมื่อฟงชิงหยางค่อย ๆ ย่าเท้าเหยียบอากาศเดินมาถึงเบื้องหน้าหวู่หงชิงอย่างไม่รีบไม่ร้อนและโบกมือเบา ๆ ลูกตาหวู่หงชิงก็หรี่ลงแทบปิด ปริปากกล่าวคาออกมาว่า “จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ท่านนับว่าซ่อนได้ลึกยิ่ง!”
“ที่แท้ความสำเร็จในกฏเวลาของท่าน ไม่เพียงไม่ด้อยกว่ากฏทาลายล้าง แต่ยังก้าวข้ามไปแล้ว!”
ขณะกล่าวถึงท้ายประโยค น้ำเสียงของหวู่หงชิงก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวจับใจ
“สายตาเจ้ายังนับว่าใช้การได้อยู่ เช่นั้นนต่อไปเจ้าก็อยู่ที่นี่เถอะ…”
ในขณะที่ฟงชิงหยางกล่าวค่าเสียงเฉย มือขวาก็ยกขึ้นฟาดตบไปยังความว่าง เปล่า ทำให้ความว่าง เปล่าผนึกแข็งอีกครั้ง หวู่หงชิงก็หวนกลับมานิ่งค้าง ไม่แม้แต่จะปริปากกล่าววาจาใดได้อีกรอบ
จากนั้นฟงชิงหยางก็โบกมือตามอำเภอใจอีกครั้ง ปรากฏใบมีดแสงสีเทาหนึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างหวู่หงชิง ก่อนจะทาลายร่างหวู่หงชิงทิ้งไม่เหลือซาก
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ร่างหวู่หงชิงถูกทาลาย หากสังเกตให้ดีจะพบวว่าร่างของมันได้แตกเป็นเสี่ยงปานแก้วกระจก แถมยังไร้โลหิตแม้แต่หยาดหยด
นั่นเพราะร่างนี้ เป็นเพียงร่างอวตารแห่งกฏของหวู่หงชิงเท่านั้น
“ในอดีตเจ้า หวู่หงชิง ร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อฆ่าต้วนหลิงเทียนศิษย์ข้า!”
ร่างฟงชิงหยางสั่นไหวเบา ๆ จากนั้นคนก็พุ่งขึ้นไปหยุดลงบนฟ้าสูง เสียงกล่าวไร้แยแสพลันดังขึ้น แม้เสียงจะไม่ได้ดังอะไรมากมาย แต่ก็กระจายไปทั่วทุกแห่งหนของวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก
“วันนี้ข้าที่มาเยือนวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเจ้าถึงหน้าประตูจักทาลายทุกสิ่งที่นี่ให้ราบ!”
พอเสียงกล่าวของฟงชิงหยางดังจบคา พลังอันน่าสะพรั่งกลัวขุมหนังก็ปะทุออกมาจากร่าง ก่อเกิดเป็นแสงกระบี่นับหมื่นพัน พวกมันแยกย้ายกลางฟ้าราวพลุไฟแตกระเบิด จากนั้นก็พุ่งถล่มไปทั่วทุกแห่งหนของระนาบอิสระที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาจาหลัก!
ครูต่อมา ทุกชีวิตในวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก็กตกตายหมดสิ้น ไม่ว่าจะคน หรือสัตว์อมตะ…
ในเวลาแค่ไม่กี่อึดใจ ระนาบอิสระอันเป็นสถานที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักแห่งนี้ ก็ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตใด ๆ อีกเป็นคนที่ 2 นอกจากฟงชิงหยาง
แน่นอนว่าไม่ได้รวมถึงร่างอวตารแห่งกฏ
ซัว!
ร่างอวตารแห่งกฏของหวู่หงชิงปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าฟงชิงหยาง และตอนนี้ใบหน้าของมันยังแลดูอัปลักษณ์ปั้นยากันก “ฟงชิงหยาง เจ้าคิดจะจองล้างจองผลาญวิหารเฟิงฮ่าวของข้าจนถึงที่สุดเช่นั้นนรึ!?”
“ถึงแม้ตอนนี้พลังของข้าจักสู้เจ้าไม่ได้ แต่อีก 300 ปี ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทวโลกกับระนาบเทพจักเปิดออก ถึงตอนั้นนข้าจักเรียกท่านบรรพบุรุษของวิหารเฟิงฮ่าวมาฆ่าเจ้า!”
“วิหารเฟิงฮ่าวของข้า ต่อให้เป็นระนาบเทพ ก็ยังเป็นขุมกำลังระดับจักรพรรดิเทพ!”
“ไม่ต้องพูดเรื่องที่ตอนนี้เจ้ายังเป็นแค่ราชาเทพขั้นสูง ต่อให้เจ้าจักสักมารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพ แต่เมื่อท่านบรรพบุรุษของวิหารเฟิงฮ่าวข้ามาถึง เจ้าก็ไม่มีวันรอดพ้นความตาย!”
เสียงหวู่หงชิงเย็นชาปานจะแช่ผู้คนให้เป็นน้าแข็ง
“เจ้ายังพูดเองว่า อีก 300 ปีต่อมา…”
ฟงชิงหยางคลี่ยิ้มเฉยเมย “เช่นั้นนเจ้ารู้ได้อย่างไร ว่าอีก 300 ปีหลังจากนี้ ข้าจักไม่อาจฆ่าจักรพรรดิเทพได้ ?”
“เจ้ามันเสียสติไปแล้ว!”
ก่อนที่ร่างอวตารแห่งกฏของหวู่หงชิงจะถูกฟงชิงหยางทาลาย มันก็เหลือเวลาเพียงสบถคาสั้น ๆ ดังกล่าวออกมาเท่านั้น
หลังจากทาลายร่างอวตารกฏทั้ง 2 ของหวู่หงชิงแล้ว ฟงชิงหยางก็จากไป…
“เสี่ยวเทียน ในอดีตเจ้าเกือบตายที่นี่…วันนี้ถือว่าอาจารย์ช่วยเจ้าระบายแค้นเล็ก ๆ น้อย ๆ เถอะ”
“วันหนึ่งอาจารย์จักหาร่างจริงของหวู่หงชิงให้พบ และฆ่ามันให้ตาย!”
…
ณ ล่างจี้เทียน
ริมขอบผาของเข้าสู่งตระหง่านลูกหนึ่ง หวู่หงชิงยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวอัปลักษณ์เกินทนดู“ฟงชิงหยางมันทะลวงถึงราชาเทพขั้นสูงได้แล้วจริง ๆ…”
“ด้วยพลังฝีมือของมันในตอนนี้ แม้ร่างจริงข้าจักอยู่ต่อหนามิน แต่มันก็เข่นฆ่าข้าได้ง่ายดาย…ไม่ต่างตัดหญ้าฆ่าไก่ด้วยซ้ำ”
“ข้าไม่ใช้คู่ต่อสู้ของมันอีกต่อไป”
“ข้ายังไม่เต็มใจเฝ้ารอถึง 300 ปี่”
“ตอนนี้ดูเหมือนจะทำได้แค่ขอความช่วยเหลือจากหมี่ซวน…เรื่องที่หมี่ซวนทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแล้วส ฟงชิงหยางยังไม่น่าจะล่วงรู้ หาไม่แล้วมั่นคงไม่ลงมือใหญ่โตถึงเพียงนี้ทั้ง ๆ ที่ยังอยู่ในขอบเขตราชาเทพขั้นสูง”
หลังครุ่นคิดอยู่ครูหนึ่ง หวู่หงชิงก็กัดฟังและมุ่งหน้าไปยังโลกแห่งความตาย
ขณะเดียวกัน ในมือมันก็ปรากฏลูกแก้ววิญญาณขึ้นมาลูกหนึ่ง เป็นลูกแก้ววิญญาณของหมี่ซวน คนของเผาภูตที่มันกำลังจะเข้าไปตามหาตัวในโลกแห่งความตาย
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันหมี่ซวนไม่ใช้เผ่าภูตธรรมดา ๆ อีกต่อไปแล้ว
กระทั่งเผ่าภูตยังถูกมันกวาดล้างไปหมดสิ้น
เรียกได้ว่าตอนนี้มันคือเผ่าภูตเพียงตนเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในโลก
‘ในตอนั้นน หมี่ซวนผิดพลาดครั้งใหญ่จนเสียทำให้ฟงชิงหยางกับศิษย์อย่างต้วนหลิงเทียนหลุดมือไป มันจึงอาฆาตแค้นศิษย์อาจารย์คู่นี้มาโดยตลอด…คราวนี้เมื่อมโอกาสลงมือกับฟงชิงหยาง ด้วยนิสัยของมันย่อมไม่พลาดแน่’
‘…หลายปีที่ผ่านมา ด่านพลังข้ายังย่าอยู่กับที่’
‘แต่หมี่ซวนผู้นั้น จากราชาเทพขั้นกลาง ก็ได้ทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพเข้าไปแล้ว…กระทั่งฟงชิงหยางยังทะลวงขั้นพลังได้ถึง 2 ขั้น จากราชาเทพขั้นกลายเป็นราชาเทพขั้นสูง…’
ยิ่งหวู่หงชิงคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ในใจมันก็ยิ่งบังเกิดความขมขื่นมากขึ้นเท่านั้น