“บางทีต้วนหลิงเทียนั่นนก็แค่ออกจากบ้านเชวียไห่ชวนพร้อมพวกมัน ก่อนจะแยกกันไป ?”
“ตางฟางเหยียนเหนียนผู้นั้น ได้ข่าวว่ามันกลัวเมียที่เข้มงวด จนถึงตอนนี้ก็พึ่งจะเข้าสนามรบจอมราชันเทพแค่ครั้งเดียว มันจะเข้าไปพร้อมภรรยา…หรือภรรยาจะปล่อยให้มันไปคนเดียว ?”
ชายวัยกลางคนที่บ่นพึมพาอยู่ตอนนี้ไม่ใช้ใครที่ไหน มันคือรองประมุขนิกายมังกรสวรรค์ เซวียหมิงจื่อ
หลังได้รับข้อความจำกคนที่มันสั่งให้ไปเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหวละแวกบ้านเชวียไห่ชวน มันก็ส่งข้อความกลับไปว่า “เจ้าลอบติดตามพวกมันไว้ แล้วจับตาดูต้วนหลิงเทียนให้ดี ว่าจะแยกกับพวกมันระหว่างทางหรือไม่”
ตอนนี้เซวียหมิงจื่อยังคิดว่า เรื่องราวอาจไม่ได้เลวร้าย และมันอาจโชคดี
อินจจา หลังจากรออยู่สักพัก พอได้รับข้อความที่แจ้งมาอีกรอบ สีหนามินก็เปลื่ยนไปทันที่
นั่นี้เป็นเพราะเชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียนไม่ได้แยกไปไหน ทั้งคู่ยังเดินทางข้ามแนวเทือกเขาต่าง ๆไปทางเข้าระนาบศึกจักรพรรดิ กระทั่งยังเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิไปด้วยกัน…
3 คนเดินทางไปด้วยกันไม่ห่าง!
ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองคนั่นนก็เป็นอาวุโสมังกรขาว
“พวกมันคิดประกบติดต้วนหลิงเทียนตลอดเวลาเลยรึไร ? ใช้คิดจะเข้าไปสนามรบจอมราชันเทพด้วยกัน หรือไม่ ?”
เซวียหมิงจื่อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็เร่งส่งข้อความออกไปอีกครั้ง
และตอนนี้ คนที่มันส่งข้อความไปหาก็ไม่ใช้คนของนิกายมังกรสวรรค์ แต่เป็นสหายที่มันติดต่อขอซื้อนักรบเดนตายให้เพราะสิทธิ์ในการควบคุมนักรบเดนตายยังอยู่ในมือของอีกฝ่าย ไม่ได้อยู่ในมือของมัน
สำหรับสหายของมันคนนี้ มันเชื่อใจมาก เพราะผ่านการร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมาแล้วหลายครั้ง อีกฝ่ายเคยช่วยชีวิตมันไว้นับครั้งไม่ถ้วน และมันเองก็เช่นกัน
“ข้าได้รับข้อความเจ้าแล้ว ไม่ต้องกังวลไป ข้าสั่งให้พวกมันลอบจับตาดูอยู่ไกล ๆ…ตอนนี้พวกมันล้วนจดจำรูปร่างหน้าตาต้วนหลิงเทียนได้ขึ้นใจแล้ว แม้จะไม่มีโอกาสได้ลงมือแต่ก็ไม่ได้เสียหายอะไรหรอก แถมไม่แน่เผลอ ๆ อาจสบโอกาสเหมาะก็ได้”
อีกฝ่ายก็ตอบข้อความกลับมาทันที่
“เอาล่ะ”
ถึงแม้เซวียหมิงจื่อจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายเพียงกล่าวปลอบใจตัวเองแต่มันก็สงบสติอารมณ์ลงได้ “เจ้าสั่งให้พวกมันเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพด้วยเลยเถอะ…อีกสัก 2 วันหลังจากนี้แล้วกัน”
“และสั่งพวกมันว่า หลังเข้าสนามรบจอมราชันเทพแล้ว ก็มิต้องไปไหนไกล ให้วน ๆ อยู่ใกล้ ๆ ทางออกสักพักแล้วก็กลับออกมาเสีย…ไม่ต้องออกไปไหนไกล จะได้ไม่เสี่ยงถูกคนของนิกายมหาเอกะฆ่าเอา”
เซวียหมิงจื่อไม่อาจไม่ห่วง มันกลัวว่านักรบเดนตายขอบเขตจอมราชันเทพทั้ง 2 จะถูกคนของนิกายมหาเอกะฆ่าเอาหลังเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ
ถึงแม้พลังฝีมือของนักรบเดนตายทั้ง 2 จะด้อยกว่ามันมาก แต่มันก็จ่ายราคาเพื่อซื้อชีวิตอีกฝ่ายให้เป็นเบี้ยใช้แล้วทิ้งไม่น้อย
จริงอยู่ที่มันไม่ใส่ใจวว่าทั้งสองคนจะตกตาย หรือไม่
แต่ปัญหาคือหากจะตายก็ต้องจัดการต้วนหลิงเทียนให้ได้ก่อน!
“เข้าใจแล้ว”
อีกฝ่ายก็ตอบข้อความกลับมาเร็วไว “ข้าจะให้นักรบเดนรายขอบเขตราชาเทพอีก 3 คนเข้าสนามรบราชาเทพเช่นกัน จะได้ไม่มีพิรุธอะไร”
“นอกจากนั้น ข้าจะสั่งนักรบเดนตายขอบเขตจอมราชันเทพทั้ง 2 ไว้ หากพวกมันพบเจอต้วนหลิงเทียนอยู่ลาพัง และสบโอกาสลงมือก็สามารถลงมือได้เลย”
“แน่นอนว่าข้าจะกาชับพวกมันให้ดี ว่าหากไม่มี่นใจว่าจะลงมือสำเร็จได้แน่ ๆ ไม่อาจลงมือได้โดยเด็ดขาด”
พอได้ยินข้อความตอบกลับของอีกฝ่าย เซวียหมิงจื่อก็ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งก “ข้าโล่งใจนัก ที่มีเจ้าช่วยจัดการเรื่องทั้งหมดให้”
“คราวนี้ต้องขอบคุณเจ้ายิ่ง”
เซวียหมิงจื่อกล่าวคำขอบคุณ
“เจ้ากับข้าพวกเราเจออะไรมาเท่าไหร่แล้วยังจะมาขอบคุณข้าทำอะไร”
อีกฝ่ายตอบข้อความกลับมาเคล้าเสียงหัวเราะ “น่าเสียดายที่คนที่เจ้าอยากฆ่าให้ตาย มันอยู่แต่ในนิกายมังกรสวรรค์ …หากมันออกมาดานนอกก ข้าจะไปฆ่ามันให้เจ้าด้วยมือข้าเอง”
เซวียหมิงจื่อได้ยินข้อความดังกล่าว ก็ยิ้มแห้ง “หากมันออกไปข้างนอกินกาย ข้าจะลาบากเจ้าทาเพื่อ ขาลงมือเอง ไม่ก็ส่งคนไปฆ่ามันก็จบแล้ว…”
…
“พี่เหยียนเหนียนิทานรู้จัก 2 คนเมือครูที่ยืนอยู่เยื้อง ๆ กับชั้นวางลูกแก้ววิญญาณหรือไม่ ?”
หลังมาถึงทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวถามตงฟางเหยียนเหนียน
เมื่อครูตอนเดินทางมาที่นี่ เขาก็สังเกตเห็นว่ามีผู้คนมากมายที่มองมาทางเขาด้วยความสนใจ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจอะไร เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้ตัวเขาไม่ได้ต่างอะไรจาก ‘คนดัง’ ของนิกายมังกรสวรรค์
อย่างไรก็ตามใกล้ ๆ ทางเข้า เขาพบว่ามี 2 คนที่แลดูแปลกแยกจากคนอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด ไม่คล้ายคนของนิกายมังกรสวรรค์
แถมทั้งคู่ไม่เพียงมองเขาเท่านั้น ยังมองเชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียนอีกด้วย
ชายหนุ่มหนึ่งในนน ยังหันไปถามชายวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกล คล้ายจะถามข้อมูลของตงฟางเหยียนเหนียนและเชวียไห่ชวน
“2 คนั่นนน่ะเหรอ ? เสี่ยวเทียนเจ้าเองก็น่าจะรู้จักนะ”
ตงฟางเหยียนเหนียนยิ้มกล่าว “เจ้ายังจาเรื่อง ๆ ที่เกิดขึ้นเมือ 2 ปีก่อนตอนที่ข้าพึ่งกลับมาได้รึเปล่า ?”
“เรื่องแปลกเมื่อ 2 ปีก่อน ?”
ได้ยินคำถามของตงฟางเหยียนเหนียน ต้วนหลิงเทียนก็นิ่งคิดไปครูหนึ่ง ก่อนสองตาจะเป็นประกายขึ้นมา “พี่เหยียนเหนียนท่านจะบอกว่า…2 คนเมือคู่รักคือจอมราชันเทพขั้นกลางคนหนึ่งที่ท่านโดนให้ไปรับตัวและพาไปส่ง กับอีกคนที่เข้าร่วมนิกายตามมาติด ๆ ใช้หรือไม่ ?”
“ใช้ เป็นพวกมันเอง”
ตงฟางเหยียนเหนียนพยักหน้า “พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จะว่าไปพวกมันก็เข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์เราในฐานะสาวกมาสักพักแล้ว แต่พวกมันเข้าสู่ระนาบศึกจักรพรรดิที่ไรก็ไม่ได้เข้าสนามรบจอมราชันเทพเลย เพียงไปเดิน ๆ ในเมืองมหาเอกะกับเดินดูของในเมืองสันติเท่านั้น”
“หลายคนยังสงสัยวว่าพวกัมนอาจจะเกิดกลัวขึ้นมาก็เลยไม่กล้าเข้าสนามรบจอมราชันเทพเสียที่”
พอตงฟางเหยียนเหนียนกล่าวถึงจุดนี้ คิ้วก็ขดย่นี้เป็นปมหลวม “เจ้าเหยียนเจ๋อนั่น ข้ายังจาได้เลยว่าวันั้นนมันบอกเองว่ามีความแค้นกับคนของนิกายมหาเอกะ และข้าก็ประทับใจมันไม่น้อย”
“แต่ดูตอนนี้เข้าสิ มันไม่กล้าแม้แต่จะเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพด้วยซ้ำ ให้มันมีความแค้นกับนิกายมหาเอกะแล้วจะอย่างไร ? ในเมือไม่ทาประโยชน์อะไรสักนิด!”
กล่าวถึงประโยคท้าย ตงฟางเหยียนเหนียนก็เผยความรังเกียจชัดเจน
“พี่เหยียนเหนียน แล้วในนิกายเรามีกำหนดไว้หรือไม่ว่าสาวกที่เข้าร่วมนิกายในช่วงศึกจักรพรรดิต้องเข้าสู้อะไรเมื่อไหร่ทานองนี้ ?”
ต้วนหลิงเทียนถาม
“ย่อมมีเป็นธรรมดา”
เชวียไห่ชวันที่อยู่ด้านข้างหลังจากเงียบมาพักหนึ่ง ในที่สุดก็เอ่ยขึ้น “นิกายเรากำหนดไว้แต่แรก ว่าคนที่จะเข้าร่วมนิกายมังกรสวรรค์เพื่อเข้าร่วมศึกจักรพรรดิในฐานะสาวกนั้น หากเป็นขอบเขตราชาเทพ ก็ต้องเข้าสู่สนามรบราชาเทพภายใน 2 ปี”
“และคนที่อยู่ในขอบเขตจอมราชันเทพ ก็ต้องเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพภายในเวลา 5 ปี”
“หากครบกำหนดเวลาแล้วแต่ไม่เข้าไป ก็จะถูกขับออกจากินกายมังกรสวรรค์ทันที่เพราะนิกายมังกรสวรรค์เราไม่คิดต้อนรับคนที่ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าไปยังสนามรบ”
“ในขณะเดียวกัน พวกมันก็ต้องจ่ายหินเทพหรือผู้ลึกเทพจำนวนหนึ่ง เป็นค่าชดใช้ที่พวกมันละเมิดข้อตกลง”
“เพราะก่อนที่พวกมันจะเข้าสู่นิกายมังกรสวรรค์เราในฐานะสาวก พวกมันก็ต้องลงนามในข้อตกลงแต่แรก และในข้อตกลงดังกล่าวก็มีการกำหนดเวลาเข้าสู่สนามรบไว้ชัดเจน…หากพวกมันไม่กล้าเข้าไป ก็เท่ากับละเมิดข้อตกลง เช่นั้นนก็ต้องจ่ายราคา”
ได้ยินข้อกำหนดดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับ อย่างน้อยๆ ทำแบบนี้ก็ไม่มีใครกล้าก่อกวน หรือตีเนียน
และในคราวนี้ เมื่อมีอาวุโสมังกรขาว 2 คนอยู่ข้างกาย ต้วนหลิงเทียนก็แลดสูงบไม่คล้ายรู้สึกกดดันอะไร แม้แต่น้อย ความรู้สึกช่าง
แตกต่างจากตอนที่กำลังจะเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพครั้งแรกลิบลับ
เพราะมีอาวุโสมังกรขาว 2 คนมาด้วยแบบนี้ เขาเชื่อว่าหากไม่เจออาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะที่มามเป็นกลุ่มอย่างน้อย 3-4 คน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทาอันตรายอะไรพวกเขาได้
กระทั่งต่อให้เป็นกลุ่มที่มีอาวุโสปฐพีมากกว่า 3-4 คน แต่ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์เป็นตายจนต้วนหลิงเทียนต้องงัดไพ่ตายทั้งหลายออกมาใช้ล่ะก็ ด้วยมีเชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียนช่วยเสริม เขามั่นใจว่าไม่มีคำว่าแพ้พ่าย กระทั่งอาจเข่นฆ่าพวกมันยกกลุ่มได้ไม่ยาก
แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไว้ใจเชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียนมากพอจะเปิดเผยทุกสิ่ง แต่ถ้ามันเกิดสถานการณ์คับขันขึ้นจริง ๆ เขาก็ได้แต่เลือกจะเชื่อใจอีกฝ่ายเท่านั้น
เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในปัจจุบัน หลังอยู่ ๆ กันมา ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่า 2 คนนี้เชื่อถือได้
แต่เรื่องที่ทั้งคู่จะคิดอย่างไรหลังเห็นเขาเปิดเผยไพ่ตายแล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่แน่ใจเลย…สุดท้ายโลกนี้ ก็มีพี่น้องที่คลานตามกันมามากมายที่ต้องแตกคอกันกระทั่งฆ่ากันตายเพราะคำว่า ‘ผลประโยชน์’ คาเดียว
ถึงแม้เขากับเชวียไห่และตงฟางเหยียนเหนียนจะถือว่ามีสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ก็ไม่สนิทสนมถึงขั้นพี่นองค์ลานตามกันมาแน่นอน
“ไปกันเถอะ”
ครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่จำเป็นต้องลงทะเบียนรับป้ายประจำตัวอะไรทั้งสิ้น เพราะเขามีป้ายประจำตัวอยู่แล้ว เชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียนก็เช่นกัน เช่นั้นนทั้ง 3 จึงไม่ต้องทำอะไรอีก สามารถเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพได้ทันที่
หลังเห็นทั้ง 3 คนมาถึงทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพ และหายเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพไปพร้อม ๆ กันต่อหน้าต่อตา เหล่าผู้คน
ของนิกายมังกรสวรรค์ที่อยู่ละแวกทางเข้าสนามรบจอมราชันเทพ ก็เร่งส่งข้อความไปแจ้งเรื่องราวทันที่
ครูต่อมา คนของนิกายมังกรสวรรค์ที่อยู่ภายในเมืองมังกรสวรรค์ ก็ได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนได้เข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพอีกครั้ง และการเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพครั้งนี้ยังมีอาวุโสมังกรขาว 2 คนไปด้วย
“ต้วนหลิงเทียน อาวุโสเชวียไห่ชวน พร้อมด้วยอาวุโสตงฟางเหยียนเหนียนเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพด้วยกันเช่นนี้…ทั้ง 3 ใช้คิดก่อการใหญ่อันใดหรือไม่ ?”
“นั่นสิ ต่อให้เป็นอาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะ หากมันเดินทางเพียงลาพังหรือมากันแค่ 2 คน ข้าเกรงว่าเมื่อพบเจอทั้ง 3 ไม่พ้นต้องตายอนาถแน่!”
“ต้วนหลิงเทียน เงียบหายไป 2 ปี ตอนนี้ได้ปรากฏตัวทั้งเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพอีกครั้ง…ใช้คิดตั้งใจแข่งขันกับซีเหม็นหลงเซี่ยงหรือไม่ ?”
…
เหล่าศิษย์นิกายมังกรสวรรค์ตื่นเต้นคึกัคกันก หลังจากรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพพร้อมด้วยอาวุโสมังกรขาว 2 คน และทุกคนเชื่อว่าทั้ง 3 ต้องสร้างผลงานอันยิ่งใหญ่แน่นอน!
อย่างไรก็ตาม พอข่าวเรื่องราวัดงกล่าวแพร่ไปถึงนิกายมหาเอกะ พอคนของนิกายมหาเอกะกล่าวกันปากต่อปาก เรื่องราวกเปลื่ยนไปดั่งหนังคนละม้วน
“ต้วนหลิงเทียนั่นน หลังเงียบหายไป 2 ปีแต่วันนี้กลับปรากฏตัวขึ้นและเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพพร้อมอาวุโสมังกรขาว 2 คนรึ? สิ่งนี้ใช้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ซีเหม็นหลงเซี่ยงเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพเมื่อครึ่งปีก่อน และใช้เวลาแค่ 4 เดือนก็ฆ่าจอมราชันเทพขั้นต่ำของนิกายมังกรสวรรค์ไป 4 คน หรือไม่ ? เจ้าต้วนหลิงเทียนอะไรนั่น มั่นคงมิได้กลัวถูกซีเหม็นหลงเซี่ยงของพวกเราฆ่าตาย ถึงขั้นต้องพาอาวุโสมังกรขาว 2 คนไปคุ้มกันหรอกนะ ?”
“ตอนแรกข้าก็ไม่ทันคิดเรื่องนี้…แต่พอเจ้าพูดออกมา ข้ารู้สึกว่ามันมโอกาสเปนไปได้สูงที่เดียว!”
“เหอะ ๆ หากเป็นอย่างที่เจ้าว่าจริง ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นที่แท้ก็เป็นชนชั้นมุสิกขลาดเขลาดี ๆ นี่เอง…ครั้งล่าสุดทั้ง ๆ ที่มันถึงทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพแต่มันยังกล้าเข้าไปคนเดียว แต่ตอนนี้กลับปอดแหกไม่กล้าแล้ว ?”
“บางทีอาจเข้าทานอง ลูกวัวแรกเกิดไม่กลัวเสือ! พอลูกัววันน่เติบขึ้นหลังเห็นการปะทะกันของ 2 อาวุโสฝ่ายในนิกายมหาเอกะเราในตอนั้นน มันก็คงเกิดเงาในใจและหวาดกลัว จนไม่กล้าเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพเพียงลาพังอีก!!”
“พวกินกายมังกรสวรรค์มันชอบยุกต์วนหลิงเทียนขึ้นมาเปรียบเทียบกับศิษย์พี่ซีเหม็นหลงเซี่ยงของพวกเราเสมอ…แต่ตอนนี้ดูเหมือนมนจักไม่มีอะไรเทียบศิษย์พี่ซีเหม็นหลงเซี่ยงได้เลย”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว หากเป็นศิษย์พี่ซีเหม็นหลงเซี่ยงของพวกเรา ไม่มีทางกลัวตายจนถึงขั้นขอให้อาวุโสปฐพี 2 คนติดตามไปคุ้มกันในสนามรบจอมราชันเทพหรอก”
…
ทางฝั่งนิกายมหาเอกะตอนนี้ พากันกล่าวด้อยค่าต้วนหลิงเทียนกันสนุกปาก ราวกับกอบกุม ‘ด้ามจับ’ ของต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้แล้ว
(*เหน็จุดอ่อน,ธาตุแท้)
และพอคำพูดด้อยค่าดังกล่าวล่วงรู้ไปถึงนิกายมังกรสวรรค์ คนของนิกายมังกรสวรรค์ก็เริ่มเปิดสงครามน้าลายกับคนของนิกายมหาเอกะกลางเมืองสันติทันที่“คนที่ฆ่าราชาเทพนับร้อยของนิกายมหาเอกะ รวมถึงพึ่งจะทะลวงผ่านขอบเขตจอมราชันเทพขั้นต่ำได้ไม่ทันไร ก็บุกเดียวเข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพ จนสามารถประพฤติตัวเป็นนกขมิ้นจ้องจับจั๊กจั่นได้สำเร็จ พวกเจ้าคิดว่าไม่อาจเทียบซีเหม็นหลงเซี่ยงได้ ? น่าขันนัก! ไร้สาระสิ้นดี่!”
“ยังมีผู้ใดไม่รู้ว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนของพวกเราสนิทกับอาวุโสมังกรขาวทั้ง 2 อีกบ้าง ในเมือทั้งคู่สนิทกัน หรือจะเข้าไป ‘เดินเล่น’ ในสนามรบจอมราชันเทพด้วยกันไม่ได้ ? มีกฏห้ามหรือไม่ ?”
“ใช้แล้ว! ข้าว่าบางทีตอนนี้พลังฝีมือศิษย์พี่ต้วนไม่พ้นต้องเทียบเหล่าอาวุโสมังกรขาวได้แล้วเป็นแน่ ด้วยเหตุนี้อาวุโสมังกรขาวทั้ง 2 จึงยินดีไปกับศิษย์พี่ต้วน!”
“ข้าแนะนำ ว่าพวกเจ้าไปเตือนเหล่าจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะพวกเจ้าให้ดีเถอะ…ศิษย์พี่ต้วนกับสหายไป ‘เดินเล่น’ ครั้งนี้ ไม่แน่อาจย่าเหยียบมดแมลงกระจอกโดยไม่ตั้งใจ! เพราะถ้ามดแมลงกระจอกพวกนั้น โชคร้ายพบเจอพวกศิษย์พี่ต้วนทั้ง 3 เข้าล่ะก็ ข้าบอกเลย…โดนเหยียบตัวแตกแน่! และต่อให้คิดหนีก็หนี้ไม่พ้นหรอก!!”