ซัวว!!
ร่างต้วนหลิงเทียนสะท้านไปเบา ๆ คราหนึ่ง จากนั้นพายุพลังมิติอันน่ากลัวก็โหมกระหน้าอยู่รอบกาย พริบตาต่อมาก็ปะทะเข้ากับข่ายดาบสีทองอันน่ากลัวที่ววัดถล่มเข้ามาอย่างแรง
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่พายุพลังมิติปะทะเข้ากับข่ายดาบสีทองนั้นเอง ร่างต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน ปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่ห่างออกจากจุดปะทะไปไกลแล้ว
ปงงง!
ปงงง!!
…
ห่างออกไปไกล ๆ จากจุดที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งปรากฏตัวขึ้น ที่เดิมก่อนหน้านี้คล้ายกลับกลายเป็นมหาสมุทรสีทองเนื่องจากข่ายดาบและพายุมิติได้ปะทะหักล้างกัน พลังสองขุมแตกระเบิดดั่งพลุไฟ สว่างไส่วนาดูชมนัก
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายวัยกลางคนอีกครั้ง จากนั้นก็กล่าวคาออกมาเสียงเรียบ “จอมราชันเทพขั้นกลาง…”
พริบตาต่อมา ร่างเขาก็อันตรธานหายไปอีกครั้ง
“จอมราชันเทพขั้นต่ำ!?”
ขณะเดียวกัน ด้านอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะที่ฉีกระยะไปดูท่าทีอย่างระวัง พอเห็น ‘การลงมือ’ ของต้วนหลิงเทียนมันก็อุทานขึ้นมา สองตายังลุกวาวจ้า และทันใดนั้นเอง พอมันเห็นว่าร่างต้วนหลิงเทียนได้เคลื่อนย้ายข้ามมิติไปอีกครั้ง คนก็พุ่งทะยานออกไปดั่งลาแสงสีทอง ตัดฟ้าไปฉับไว พริบตาก็มาหยุดลงใกล้ ๆ จุดที่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมา
“พวกเราลงมือเลยไหม ?”
ห่างออกไปไกล ๆ ตงฟางเหยียนเหนียนที่ซ่อนตัวอยู่ ได้กล่าวถามเชวียไห่ชวนข้าง ๆ ผ่านพลัง
“ไม่ต้องหรอก”
เชวี่ยไห่ชวนส่ายหัวไปมา “เสี่ยวเทียนแสร้งทำเป็นออนแอเช่นั้น้นต้องมีแผนี้เป็นแน่”
“ทั้งเจ้านั่นก็เป็นแค่อาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะ 9 ใน 10 ยังสู้กวงเทียนเจิ้งที่ลงมือลอบสังหารเสี่ยวเทียนปีก่อื่น ๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกเรารอดูไปก่อนเถอะ”
เชวียไห่ชวนแลดูไม่กังวลอะไรเลย
“ก็จริงของเจ้า”
ตงฟางเหยียนเหนียนเดิมทีพอเห็นต้วนหลิงเทียนเหมือนจะกำลัง ‘หนี’ มันก็เลยคิดลงมือช่วยเหลือโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของเชวียไห่ชวน มันก็พึ่งตระหนักได้
อีกทั้งด้วยระยะทางเพียงเท่านี้ ต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะตกอยู่ในอันตราย มันก็สามารถช่วยเหลือได้ทันเวลาแน่นอน
ขณะเดียวกัน ทางด้านอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะ ชายวัยกลางคนที่กำลังไล่ล่าต้วนหลิงเทียนอยู่นั้น ได้หัวเราะแห้ง ๆ ปานจะเย้ยหยันตัวเอง พลางออกระบวนท่าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอีกรอบ
ซู่มมม!!
ดาบสีทองตัวัดฟนออกไปฉับไวด่งประกายแสง จากนั้นแสงสีทองก็สาดส่องราวตะวันจ้า พุ่งไปปานจะกลืนกินต้วนหลิงเทียนให้หายไปในบัดดล
“ที่แท้ก็แค่จอมราชันเทพขั้นต่ำ”
“ข้าดันระแวงทั้งหวาดกลัวว่ามันจะเป็นอาวุโสมังกรขาวไปเสียได้”
ในขณะที่ชายวัยกลางคนหัวเราะเยาะตัวเองมีันก็อดพึมพาออกมาด้วยความอับอายไม่ได้ เพราะรู้สึกกัอบอายที่ก่อนหน้าเผลอหวาดกลัวจอมราชันเทพขั้นต่ำไป ช่างน่าขาย่อหน้านัก!
“ไอ้หนูจอมราชันเทพขั้นต่ำของนิกายมังกรสวรรค์เช่นเจ้า กล้าเหินร่างกลางหาวอย่างอวดโอ่ไม่ว่าแต่ยังหาญกล้าพาตัวเองมีาอยู่ต่อหน้าข้าอีก เจ้ามันรนหาที่ตายเอย!”
หลังชายวัยกลางคนกล่าวเย้ย มันก็ลงมือซ้ำอีกรอบ
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
แสงดาบนับสิบนับร้อยสายไล่เรียงกันมาด้วยสภาวะอามหิต เสียงแหวกอากาศดังสนั่นชวนสยอง ทั้งหมดเข่นฆ่าไปทางต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย
ชายวัยกลางคนเลือกจะลงมือมาถี่ยิบเช่นนี้ เพียงเพื่อป้องกันไม่ให้ต้วนหลิงเทียนมโอกาสหายใจ ถึงแม้ว่าการทำเช่นนี้จะทำให้สิ้นเปลืองพลังเทพไปมากในเวลาสั้น ๆ อย่างไม่จำเป็น แต่มันรู้สึกว่าพลังเทพที่พร่องไป แค่ใช้โอสถเทพฟื้นฟูเอาก็ได้
ทว่าหากเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายหลบหนี ไม่แน่อีกฝ่ายอาจมโอกาสหนีรอดไปได้จริง ๆ
หากว่าจอมราชันเทพขั้นต่ำสามารถหนีรอดไปใต้จมูกมันได้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีใครเห็น แต่ใจมันก็ไม่อาจยอมรับ กระทั่งยังอับอายขาย่อหน้าเป็นที่สุด
เช่นั้นนมันจึงเลือกจะลงมือเต็มกำลังใช้ออกด้วยกระบวนท่าสังหารแต่แรก ไม่คิดเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายได้ทำอะไร
มันกลัวเหตุเปลื่ยนแปลง!
“จอมราชันเทพขั้นต่ำแล้วอย่างไร ?”
สิ้นคำกล่าวพร้อมโจมตีของชายชรา พายุพลังมิติที่โหมกระหน้ารอบกายต้วนหลิงเทียน อยู่ ๆ ก็ทวีความรุนแรงขึ้น และทันใดนั้นเขาก็ได้ใช้ออกด้วยวิถีควบคุมอย่างแยบคาย ปากยังกล่าวถามออกไปเสียงเรียบ
ควบคุมห้วงมิติ!
ทันใดนั้น ห้วงมิติโดยรอบก็เริ่มบิดพับ! เพียงแต่เหตุการณ์ดังกล่าวมันอุบัติขึ้นในชั่วพริบตายากจะมองเห็น และแม้จะปรากฏ
เพียงเสี้ยวพริบตา แต่ก็ทำให้ข่ายดาบรวมถึงคลื่นดาบนับสิบนับร้อยที่ไล่หลังมาแหลกเป็นเสี่ยง ๆ! แสงพลังสาดสองปกคลุมไปทั่ว!!
ต่อจากนั้น
ฟั่ฟฟฟฟ!
เสียงกระบี่แหวกอากาศฉับไวดงขึ้น กระบี่สีเทาเล่มหนึ่งพุ่งทะยานออกมาปานลาแสง เข่นฆ่าเข้าใส่ชายวัยกลางคนด้วยความเร็วอัศจรรย์
“เป็นไปได้อย่างไร ?!”
สีหน้าชายวัยกลางคนเปลื่ยนไปใหญ่หลวง อาศัยจอมราชันเทพขั้นต่ำตัวกระจ้อย ไฉนถึงรอดการจู่โจมที่มันทุ่มีพลังออกทั้งหมดได้ ?
เมื่อครูเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ถึงแม้ความเข้าใจในกฏมิติของอีกฝ่ายอาจจะเหนือกว่ากฏทองของมัน แต่ก็ไม่น่าจะมีพลังอำนาจเหนือกว่าเช่นนี้ เพราะพลังเทพที่ใช้ขับเคลื่อนกระบวนท่าของอีกฝ่ายยังด้อยกว่ามันขั้นหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม จังหวะนี้มันไม่มีเวลาให้คิดมาก
เพราะอีกฝ่ายก็ได้เปิดฉากจู่โจมสวนกลับแล้ว
“บัดซบ!”
“เจ้าหนูนั่นไม่พ้นต้องใช้พลังภายนอกบางอย่างต้านทานกระบวนท่าของข้า!”
“มันเป็นแค่จอมราชันเทพขั้นต่ำเท่านั้น ต่อให้ความเข้าใจในกฏจะดีกว่าแค่แต่ช่องว่างของด่านพลังก็ไม่ใช้อะไรที่มันจะกลบถมได้”
“วิธีเอาตัวรอดของมันสมควรใช้ได้แค่ครั้งเดียว ไม่น่าจะใช้ได้อีกครั้ง”
ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ คาหนึ่ง จากนั้นห่วงเวลาดุจละอองไฟวาบดับ ร่างชายวัยกลางคนก็ได้พุ่งทะยานสวนเข้าหากระบี่สีเทาแล้ว
มันคิดปะทะกันซึ่ง ๆ หน้าตาต่อตาฟันต่อฟัน!
หนึ่งเลยเป็นเพราะด่านพลังอีกฝ่ายอย่างไรก็แค่จอมราชันเทพขั้นต่ำเท่านั้น และอีกอย่างก็คือกระบี่สีเทาที่พุ่งทะยานมาดั่งลาแสงนี้ เหมือนจะไม่ได้มีพลังอานุภาพมากมายเท่าการโจมตีครั้งแรกของมันด้วยซ้ำ และไม่มีทางที่จะทาลายพลังกระบวนท่าของมันได้อีกรอบเป็นแน่
“ไอ้หนูเจ้ามีพลังภายนอกที่ช่วยป้องกันข้าจนรอดไปครั้งหนึ่งแล้วอย่างไร ? ข้าซัดใส่เจ้าได้ทั้งวันยังได้ เพราะมันหาได้กินพลังเทพของข้าเยอะแยะไม่!”
ชายวัยกลางคนโพล่งค่าเสียงดัง ร่างของมันเรมิสั่นไหว จากนั้นแสงพลังสีทองก็ระเบิดออกมาเจิดจ้า คนคล้ายดาวตกสีทองลัดฟ้ายามคืนค่า เหินเข้าใส่กระบี่สีเทาอย่างไร้ครั่นคร้าม
“ตาย!”
ชายวัยกลางคนที่โจนร่างเข้าใส่แสงกระบี่สีเทา ได้ตวัดดาบฟาดัฟนออกไประรัว ก่อเกิดคลื่นดาบสีทองมากมาย แสงพลังส่องสว่างปานมีตะวันดวงที่สอง จากนั้นห่าคลื่นดาบนับไม่ถ้วนก็โถมเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างมืดฟ้ามัวดิน
พริบตาต่อมา ห่าคลื่นดาบสีทองคล้ายจะกลืนกินแสงกระบี่สีเทา ก่อนจะเข่นฆ่าสืบต่อไปยังร่างชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลัง
ทว่าทันใดนั้นเอง
เสี้ยวพริบตาดั่งฟ้าแลบ
ฟั่ฟฟฟ!
ปรากฏเสียงหอนกระบี่ดังขึ้นอีกครา มองไปพบว่า ร่างต้วนหลิงเทียนที่ไม่ทราบมาปรากฏตวัด้านหลังชายวัยกลางคนเมือไหร่ พลันตวัดกระบีั่ฟนออกไปดั่งประกายแสง
พอแสงกระบีวาบขึ้น ความว่าง เปล่าเริ่มสะเทือนสะท้าน จากนั้นก็อุบัติพายุมิติอันทรงพลังลุกหนึ่ง ก่อนจะควบรวมก่อเกิดกระบี่พลังมีสภาพ เข่นฆ่าเข้าใส่ชายวัยกลางคน
หากเป็นตอนปกติ ชายวัยกลางคนคงสามารถตอบสนองได้ทันท่วงที่และเร่งเร้าพลังต้านทานได้ไม่ยากเย็น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถึงแม้ตัวมันจะสัมผัสได้ชัดเจนถึงกระบี่พลังอันแหลมคมด้านหลัง ถึงขั้นจมูกสูดได้กลิ่นความตาย จนอดหวาดกลัวไปไม่ได้ แต่มันก็ไม่มีเวลามากพอจะหันกลับไปต้านทานการโจมตีด้านหลัง!
มันมีเวลาพอแค่รวมรั้งพลังเทพในร่างที่เหลืออยู่ทั้งหมด ขับเคลื่อนพลังของกฏแห่งทองที่เข้าใจสุดกำลัง สร้างมท่านพลังป้องกันการโจมตีด้านหลัง
วู้มมม!!
วู้มมม!!
…
ทันใดนั้นขณะที่ทั่วร่างชายวัยกลางคนเปล่งแสงพลังสีทองจ้า เงาเลื่อนรางหนึ่งพลันปรากฏขึ้นคปกคลุมร่างชายวัยกลางคนเอาไว้ จากลักษณะและกลิ่นอาย ก็บอกได้ชัดว่าสมควรเป็นอุปกรณ์เทพป้องกันขั้นกลาง
ซู่มมม!!
กระบี่พลังมีสภาพที่เกิดจากการอัดแน่นของพุมิติ พุ่งทะยานไปด้วยสภาวะประหนึ่งมังกรอหังการไม่อาจมีสิ่งใดหยุดยั้งมันได้
ซัววว!!
หนังก็ระบี่ ทะลวงผ่านม่านพลังป้องกันของชายวัยกลางคนได้อย่างง่ายดายราวมันไม่มีอยู่จริง จากนั้นก็ทะลวงฝ่าเงาร่างที่เกิดจากอุปกรณ์เทพป้องกันขั้นกลางของชายชราไปไม่ยากเย็น ก่อนจะพุ่งเสียบเข้ากลางหลังชายวัยกลางคน
พอกระบี่เสียบเข้าร่าง พลังอันแหลมคมปั่นป่วน ก็เริ่มระเบิดไปทั่วร่างมันอย่างน่ากลัว โหมกระหน้าทาลาย กวาดล้าง ทุกอณูพลังในร่างชายวัยกลางคน ขณะเดียวกันกระบี่ที่ปักกลางหลังก็หายไป อุบัติพายุมิติอันน่าพรั่นพรึงปกคลุมทั่วร่างชายชราเอาไว้ในชั่วพริบตา
“ไม่-!!”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังก้องไปทั่วฟ้า มันช่างเสียดแก้วหูบาดใจ ชวนให้เวทนานัก
ยังเป็นเสียงสุดท้ายของชายวัยกลางคน ก่อนที่มันจะตายตก
ซัว!
ร่างสีม่วงพลันปรากฏขึ้น เป็นต้วนหลิงเทียน ที่ปรากฏตวัด้านหลังชายวัยกลางคน และลงกระบี่สังหารเมื่อครู
ตอนนี้เมื่อชายวัยกลางคนตกตายแล้ว ห่าคลื่นดาบสีทองของมันก็สลายตัวไปหมดสิ้น จากนั้น ‘ต้วนหลิงเทียน’ ที่ออกกระบวนท่าจู่โจมออกไปก่อนหน้าแต่ไม่ทันได้ปะทะเข้ากับห่าคลื่นดาบของชายวัยกลางคนดี ก็เหินขึ้นไปในอากาศ ย่าเท้าก้าวเดินกลางหาวไปหาต้วนหลิงเทียนอีกคนอย่างไม่รีบไม่ร้อน
ครูต่อมาก็จมหายเข้าไปในร่างต้วนหลิงเทียนที่พึ่งลงกระบี่สังหารชายวัยกลางคนหน้าตาเฉย
เป็นร่างอวตารกฏมิติของต้วนหลิงเทียนเอง!
เมื่อครูหลังจากใช้วิถีควบคุมออกมาอย่างแยบคายเพื่อทำลายการโจมตีของชายวัยกลางคนแล้ว ขณะที่แสงพลังสาดส่องจนยากที่ใครจะมองเห็น ต้วนหลิงเทียนก็ประหนึ่งจั๊กจั่นลอกคราบ ร่างจริงได้เคลื่อนย้ายข้ามมิติออกไป้ส่วนร่างอวตารกฏมิติรั้งอยู่ที่เดิมและจู่โจมเข้าใส่ชายวัยกลางคนทันที่
หากเป็นสถานการณ์ปกติ ต้วนหลิงเทียน ต้องถูกพบเจอตัวแน่นอน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก่อนหนามินี้เป็นการเข่นฆ่าชิงชัย อีกทั้งชายวัยกลางคนยังประเมินต้วนหลิงเทียนต่าไปแต่แรก สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็เป็นแค่จอมราชันเทพขั้นต่ำเท่านั้น
หาไม่แล้ว ต่อให้ต้วนหลิงเทียนคิดจะลอบสังหารมันเช่นนี้ ก็คงจะไม่ราบรื่นนัก
วูบ!
ต้วนหลิงเทียนใช้พลังดูดรั้งป้ายประจำตัวรวมถึงแหวนพื้นที่ๆ ชายวัยกลางคนเหลือไว้หลังตายตกมาเก็บ
และขณะเดียวกัน ร่างสองร่างก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศห่างไกล ทั้งคู่ได้พุ่งผ่านเมฆหมอกดิ่งลงมาฉับไว พริบตาก็ลุถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน
เป็นเชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียน
ใบหน้าของทั้งคู่ยังฉายให้เห็นถึงความตกตะลึงไม่หาย เห็นได้ชัดว่าพวกมันตกใจกับเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นพอสมควร
“จอมราชันเทพขั้นต่ำ ที่พึ่งจะทะลวงถึงไม่กี่ปี…แต่กลับฆ่าอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะได้ง่ายดายเหมือนฆ่าไก่! ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่า
หากคนของนิกายมหาเอกะมันมาเห็นฉากนี้ พวกมันจะทาหน้าอย่างไรกัน ?”
ตงฟางเหยียนเหนียนมองจ้องต้วนหลิงเทียนอยู่นานสองนาน ค่อยกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “น่าเสียดายที่ลูกแก้วเงาลอยไม่อาจใช้ที่นี่ได้ หาไม่แล้วข้าจะบันทึกฉากเมื่อครูและเอาไปให้คนอื่นดู…”
แม้เชวียไห่ชวนจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนก็เต็มไปด้วยความทั้ง
มันคิดไว้แล้วว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนอาจก้าวหน้ำขึ้น แต่ยังคิดว่าเต็มที่ก็คงได้แค่ส้เสมอกับอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะ
แม้ต้วนหลิงเทียนจะแสร้งทำเป็นออนแอล่อให้คู่ต่อสู้ย่ามใจ แต่มันก็ไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะฆ่าอีกฝ่ายได้ง่าย ๆ
หากทว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น กลับทำให้มันต้องตกใจแล้วจริง ๆ
ต้วนหลิงเทียนใช้ประโยชน์จากการแสแสร้งทำเป็นออนแอได้อย่างยอดเยี่ยม ในชวงเวลาสำคัญ กลับใช้ร่างอวตารกฏมิติดึงความสนใจ ก่อนร่างหลักจะหายตัวไปออกกระบวนท่าสังหาร จนเข่นฆ่าศัตรูได้ในกระบี่เดียว
เชวียไห่ชวนย่อมเห็นกระบวนการทั้งหมดได้อย่างชัดเจน มันไหลลื่นต่อเนื่องปานธารน้าไหล
มันลองถามตัวเองดู้้ก็ตอบได้ว่าไม่อาจทำอะไรให้ราบรื่นเสมือนไร้เรื่องราวเช่นนี้ได้เลย
การลงมือของต้วนหลิงเทียนที่ไหลลื่นดั่งสายน้าไหลนั่น เห็นได้ชัดว่ามันเกิดจากสัญชาตญาณการต่อสู้ที่ผ่านการเคี่ยวกราสู้ศึกมานับครั้งไม่ถ้วน
ไร้สิ่งใดให้ติติง
‘ต่อให้เป็นตัวข้าเอง หากพบว่าสามารถต้านทานการโจมตีได้สบาย ๆ และไม่ได้แผ่สำนึกเทวะออกไปเพื่อระวังตัวตลอดเวลา จนไม่ทันเห็นการหายตัวไปของร่างหลัก…เมื่อพบเจอการโจมตีกะทันหันจากเบื้องหลังเช่นั้นน ต่อให้ไม่ตายก็ต้องมีเจ็บหนักกันบ้าง’
เชวียไห่ชวนลองคิดว่าหากเมื่อครูมันตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับอาวุโสฝ่ายในของนิกายมหาเอกะแล้วจะเป็นอย่างไรมีันก็ได้ข้อสรุปดังกล่าว
“เข้ามาครั้งนี้ นับว่าข้าโชคดีกว่าครั้งที่แล้วจริง ๆ”
ต้วนหลิงเทียนโยนป้ายประจำตัว แหวนพื้นที่และดาบเทพขั้นสูงในมือเล่นราวชั่งน้ำหนัก จากนั้นใบหน้าก็คลี่ยิ้มออกมาบาง ๆ
ตามข้อตกลงที่เขาได้ทาไว้กับเชวียไห่ชวนและตงฟางเหยียนเหนียน แต้มรบที่ได้จากป้ายประจำตัวของศัตรูนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน แต่สินสงครามอย่างแหวนพื้นที่กับอุปกกรณ์เทพ ผู้ใดที่มีส่วนร่วมในการลงมือมากที่สุดจะได้รีบไป!