ตอนที่ 3892 หนึ่งปีต่อมา

WSSTH – สงครามจักรพรรดิทะยานสวรรค์

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้สึกว่าเขาไม่ควรได้รับส่วนแบ่งอย่างดอกพรหมราตรีเปล่า ๆ แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจต้านทานการรบเร้าโน้มน้าวของเชวียไห่ชวน สุดท้ายก็ได้แต่รับดอกพรหมราตรีมา
เพียงแต่ในใจคิดว่า หลังจากหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันได้แล้ว เขาจะแบ่งให้เชวียไห่ชวนและตงฟางเหยียนเหนียนมากหน่อย
ดอกพรหมราตรีนั้นมีหลายกลีบ และการหลอมยา 2-3 เตา ปกติแล้วก็ใช้กลีบดอกพรหมราตรีแค่กลีบเดียวเท่านั้น ทำให้หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันได้หลายเม็ด
และโอสถเทพระดับจอมราชันที่เขาตั้งใจจะหลอมนั้น มันช่วงการส่งเสริมการบ่มเพาะของตัวตนในระดับจอมราชันเทพมาก
ถึงแม้การส่งมอบโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดที่ต้องใช้ดอกพรหมราตรีเป็นวัตถุดิบหลักให้พวกเชวียไห่ชวนจะแลดูไม่เหมาะ

แต่โอสถเทพระดับจอมราชันขนานที่ว่า ต่อให้ไม่ใช้ขั้นสุดยอด แต่ก็ยังช่วยส่งเสรีระดับบพลังฝึกปรือให้จอมราชันเทพมากอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น หากเขาไม่จำเป็นต้องหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอด เขาก็สามารถหลอมมันได้ 2-3 เตาพร้อม ๆ กัน
แตกต่างจากการหลอมให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอด
โอสถเทพนั้น ระดับเทพธรรมดาหรือราชาเทพ การจะหลอมให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอดมันง่ายดายสำหรับเขามาก จะสามารถหลอมพร้อม ๆ กันหลายเตาก็ไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเป็นโอสถเทพระดับจอมราชันล่ะก็ การจะหลอมมันให้ออกมาเป็นขั้นสุดยอด เขาจำเป็นต้องใช้สมาธิอย่างมาก ไม่อาจหลอมพร้อมกันได้หลายเตา ทำได้แค่หลอมครั้งละ 1 เตาเท่านั้น
แต่ถ้าหลอมโอสถเทพระดับจอมราชันธรรมดา ๆ เขาก็สามารถหลอมได้หลายเตาพร้อมกัน

โอสถเทพระดับจอมราชัน การหลอมออกมาแต่ละครั้งนั้น ระดับที่ได้ก็ไม่ตายตัว หากตั้งใจกลั่นทีละเตา ประสิทธิภาพย่อมสูงกว่าหลายเตาเป็นธรรมดา
“เช่นั้นนข้าจะรับมันไป…และหลังจากกลับไปแล้ว ข้าจะหลอมโอสถเทพหยวนหมิงให้พี่ท่านคนละ 6 เม็ด”
หลังจากรับดอกพรหมราตรีมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ยิ้มกล่าวกับพวกเชวียไห่ชวน
ทันทีที่เขาพูดจบคา พวกเชวียไห่ชวนก็อึ้งไปครูหนึ่ง จากนั้นก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตายาเกรง “เสี่ยวเทียน…นี่เจ้าหลอมโอสถเทพหยวนหมิงได้แล้วเหรอ ?”
“นี่เจ้า…ไม่ใช้ว่าหลอมได้แค่โอสถเทพระดับราชาหรือไร ?”
จังหวะนี้ ทั้งคู่อดตกตะลึงไปไม่ได้

ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ใช้ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ แต่พวกมันก็รู้ว่าโอสถเทพขนานไหนหลอมยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอสถเทพหยวนหมิงที่สามารถส่งเสรีระดับบพลังฝึกปรือขอบเขตจอมราชันเทพได้ พวกมันย่อมรู้ดี
อันที่จริงพวกมันก็อยากหาซื้อโอสถเทพหยวนหมิงสักเม็ดสองเม็ดผ่านช่องทางต่าง ๆแต่กลับหาไม่ได้เลย
แต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพอปริปากกล่าวคา ก็บอกว่าจะให้พวกมันคนละ 6 เม็ด ?
โอสถเทพหยวนหมิงนั้น แต่ละคนสามารถใช้ได้ 3 เม็ดเท่านั้น และเมิดที่ 4 จะไร้ผลใด ๆ สืบไป
การที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่าจะมอบให้พวกมันคนละ 6 เม็ด เท่ากับว่าคิดถึงคนในครอบครัวของพวกมันด้วย

“เสี่ยวเทียน ข้าต้องขอขอบคุณเจ้าในนามพี่สะใภ้ของเจ้าแล้ว”
สายตาที่ตงฟางเหยียนเหนียนใช้มองเผยความตื่นเต้นอยู่บ้าง และมันมไม่คิดปฏิเสธอะไรทั้งนั้น เพราะโอสถเทพหยวนหมิงสำคัญสำหรับมันและภรรยาจริง ๆ
ไม่แน่มนอาจจะสามารถทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันเทพขั้นสูงด้วยซ้ำหากใช้โอสถเทพหยวนหมิงครบ 3 เม็ด
ส่วนภรรยาของมัน แม้จะยังห่างจากการทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นสูง แต่ถ้าได้ใช้โอสถเทพหยวนหมิง ก็สมควรใกล้ทะลวงถึงจอมราชันเทพขั้นสูงเป็นอย่างมาก
“เสี่ยวเทียน ขอบคุณเจ้า”
เชวียไห่ชวนเองก็ไม่ได้ปฏิเสธเหมือนกับตงฟางเหยียนเหนียน กระทั่งยังตื่นเต้นยินดีที่จะได้รับโอสถเทพหยวนหมิงเป็นที่สุดเพราะ

สิ่งนี้ช่วยลด ระยะเวลาในการบุกฝ่าไปยังจอมราชันเทพขั้นสูงของมันอย่างมากจริง ๆ
ถึงแม้ว่าด้วยพรสวรรค์ของมัน จะบุกฝ่าไปยังจอมราชันเทพขั้นสูงได้แน่นอน แต่ก็ต้องใช้เวลามากพอสมควร
“พี่ไห่ชวนพี่เหยียนเหนียน ไหนเลยต้องเกรงใจข้าด้วย พวกท่านมอบดอกพรหมราตรีให้ข้า เช่นั้นนข้าหลอมโอสถเทพหยวนหมิงให้พวกท่าน ก็นับเป็นเรื่องปกติ”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มพลางกล่าว “หากพวกท่านบอกว่าไม่มีความดีไม่รับความชอบ ข้าคงไม่กล้ารับดอกพรหมราตรีนี้มา”
ดอกพรหมราตรีมีทั้งสิ้น 9 กลีบ
ต้วนหลิงเทียนได้คำนวณแล้ว ว่าด้วยความสามารถในการชักนำพลังชีวิตของเขา ๆ สามารถหลอมโอสถหยวนหมิงได้อย่างน้อย 3 เตาโดยใช้กลีบดอกพรหมราตรีแค่กลีบเดียว

และถ้าหากประสบผลสำเร็จเกินกว่าที่คาดหวัง เผลอ ๆ อาจจะได้ 4-5 เตา
แต่กระนั้นต่อให้เขาหลอมได้น้อยที่สุดีหรือกี่เตากลีบละ 3 เตา แต่เขาก็ใช้เพียง 4 กลับเท่านั้นเพื่อหลอมโอสถเทพหยวนหมิง 12 เม็ดให้เชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียน
และโอสถเทพหยวนหมิง ดอกพรหมราตรีเป็นสมุนไพรหลักที่ต้องใช้ แม้จะใช้ไม่มากแต่ก็คือส่วนที่สำคัญที่สุด ส่วนสมุนไพรอื่น ๆ นั้นไม่ได้หายากอะไร สามารถซื้อหาได้ตามร้านสมุนไพรทั่ว ๆ ไป
“เจ้าพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก”
ตงฟางเหยียนเหนียนส่ายหัวไปมา “เสี่ยวเทียน เจ้ามองมูลค่าของโอสถเทพหยวนหมิงจากวันถุดิบสมุนไพรไม่ได้ เพราะต่อให้พวกเราจะเอาดอกพรหมราตรีทั้งดอกไปให้ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพคนอื่น อย่าว่าแต่พวกมันจะหลอมยาให้พวกเรา 12 เม็ดเลย หากได้แค่ 2 เม็ดก็ถือว่าดีถมเถแล้ว”

“กล่าวได้ว่าหากไม่มีอะไรผิดพลาด ดอกพรหมราตรีหนึ่งดอก พวกเราเต็มที่ก็หาแลกโอสถเทพหยวนหมิงได้ 2 เม็ดเท่านั้น”
“นอกจากนั้น ข้าได้ยินมาว่าการหลอมโอสถเทพหยวนหมิงต้องใช้ความสามารถด้านการสกัดพลังชีวิตรวมถึงความสามารถในการควบคุมีพลังชีวิตสูงลิบลิ่ว…แม้แต่อดีตประมุขผู้เฒ่าของนิกายมังกรสวรรค์เรา เคยได้ดอกพรหมราตรีมา แต่หลังจากพยายามหลอมโอสถเทพหยวนหมิงดูแล้ว กลับไม่ได้ยาสักเม็ด”
“ด้วยเหตุนี้ มูลค่าของโอสถเทพหยวนหมิงจึงสูงลิบลิ่ว สูงกว่าโอสถเทพระดับจอมราชันที่ส่งเสริมพลังฝึกปรืออื่น ๆ มาก เรียกว่าแพงเป็นอันดับต้น ๆ ของโอสถเทพระดับจอมราชันก็ไม่ผิด”

ต้วนหลิงเทียนเองก็ทราบดีว่าโอสถเทพหยวนหมิงนั้นหลอมยากขนาดไหน และมันเป็นอย่างที่ตงฟางเหยียนเหนียนกล่าวไว้ไม่มีผิด และในเขตคฤหาสน์ตงหลิงนี้อย่าว่าแต่ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพ

ระดับจอมราชันเลย ต่อให้เป็นปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิ ก็ไม่มีใครกล้ารับประกันว่าจะหลอมโอสถเทพหยวนหมิงได้สำเร็จ
เพราะโอสถเทพหยวนหมิง เป็น 1 ในโอสถเทพระดับจอมราชันไม่กี่ขนาน ที่จำเป็นต้องใช้พลังชีวิตมหาศาลแม้จะไม่ได้เป็นขั้นสุดยอด ยังต้องใช้พลังชีวิตมากกว่าใช้หลอมโอสถเทพระดับจอมราชันขั้นสุดยอดขนานอื่น ๆ ด้วยซ้ำ
ยากันกที่จะมีใครหลอมัมนออกมาได้
หากทว่าต้วนหลิงเทียนยังคงมั่นใจว่าหลอมได้ง่าย ๆ
ท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถในการสัมผัสและสกัดพลังชีวิตที่อยู่ท่ามกลางพลังวิญญาณฟ้าดินของเขา ก็ไม่ใช้อะไรที่ปรมาจารย์หลอมโอสถเทพทั่ว ๆ ไปจะเทียบเทียมได้

ไม่ต้องกล่าวถึงปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับจักรพรรดิด้วยซ้ำ กระทั่งปรมาจารย์หลอมโอสถเทพระดับอริยะก็ต้องแหงนหน้ามองเขาในเรื่องนี้!
เพราะโลกใบเล็กภายในกายเขา มีพฤกษาเทพกำเนิดชีพปลูกเอาไว้
“เสี่ยวเทียน”
หลังเชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียนมองหน้ากันอยู่นานสองนาน ในที่สุดเชวียไห่ชวนก็หันมากล่าวกับเขาว่า “แต้มรบที่พวกเรา 3 คนหาได้จากการฆ่าพวกจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะจนถึงตอนนี้…เดิมทีตกลงกันไว้ว่าพวกเราจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน…อย่างไรก็ตาม ข้ากับเหยียนเหนียนคุยกันแล้ว และพวกเรารู้สึกว่าไม่อาจเอาเปรียบเจ้าได้ เช่นั้นนแต้มรบทั้งหมดที่ได้มารอบนี้ พวกเราจะให้เจ้าทั้งหมดไม่คิดแบ่งมาอีก”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ย่นคิ้วทันที่แต่ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร ตงฟางเหยียนเหนียนก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน

“เสี่ยวเทียน สำหรับพวกเราแต้มรบส่วนที่พวกเราจะได้ มันไม่อาจเทียบได้กับโอสถเทพหยวนหมิงเลย”
“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าหากเจ้าเอาโอสถเทพหยวนหมิงไปขอแลกเปลื่ยนกับแต้มรบสักเม็ด ข้าเชื่อว่ามีผู้อาวุโสบางคนยินดีจ่ายแต้มรบที่มากกว่าที่พวกเราหาได้ เพื่อแลกกับโอสถเทพหยวนหมิงแค่เม็ดเดียวด้วยซ้ำ”
ตงฟางเหยียนเหนียนกล่าว
ข้อดีอีกประการของการทำสึกศึกรพรรดิก็คือการใช้แต้มรบแทน ‘สกุลเงิน’ ทำให้ผู้คนสามารถทาธุรกรรมต่าง ๆได้สะดวกันก
มีหลายคนที่ไม่รู้จะเอาแต้มรบที่มีไปทำอะไร
และบางคนก็ต้องตาพึงใจสิ่งของมาก ๆ ในเมืองสันติ แต่ไร้แต้มรบให้จับจ่าย

เช่นั้นนแล้ว ฝ่ายหลังสามาถขอให้คนแรกซื้อสิ่งของให้มันโดยใช้แต้มรบ จากนั้นฝ่ายหลังก็พยายามหาสิ่งอื่นมาจ่ายฝ่ายแรกเพื่อทดแทน สุดแล้วแต่จะตกลงกัน
“พี่ไห่ชวน พี่เหยียนเหนียน เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงเท่านี้พวกท่านไม่ต้องสนใจหรอก”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มเหยเกพลางกล่าว
“พวกเราไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร”
เชวียไห่ชวนส่ายหัวไปมา ค่อยพูดว่า “มันเป็นเรื่องของหลักการหากเจ้าไม่ตกลง พวกเราสองคนไม่มีใครกล้ารับโอสถเทพหยวนหมิงถึง 6 เม็ดหรอก เพราะสิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจากพวกเราเอาเปรียบเจ้าเลย”
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจเอาชนะการยืนกรานของเชวียไห่ชวนและตงฟางเหยียนเหนียนได้ แต่เขาก็ได้ยืนกรานกลับไปเช่นกัน

ว่าแต้มรบที่จะได้มาเพราะเข่นฆ่าจอมราชันเทพของนิกายมหาเอกะหลังจากนี้ ต้องถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กันเหมือนเดิม!
เพราะต้วนหลิงเทียนกลัวทั้งคู่จะเอาแค่ช่วยเข้าหาแต้มรบมากกว่านี้…

หลังจากนั้น ต้วนหลิงเทียน เชวียไห่ชวน และตงฟางเหยียนเหนียนก็ได้ตะลอนไปทั่วสนามรบจอมราชันเทพกว่า 6 เดือน และไม่มีใครคิดจะกลับออกมา หากยังอยู่ในนไม่ครบปี
6 เดือนหลัง ไม่ได้โชคดีเหมือนครั้งปีแรก เพราะทั้ง 3 ได้พบเจอแต่จอมราชันเทพขั้นต่ำของนิกายมหาเอกะเพิ่มแค่ 4 คนเท่านั้น และต้วนหลิงเทียนก็เป็นคนจัดการพวกมันทั้งหมด

กล่าวได้ว่าจนถึงบัดนี้ ทั้ง 3 ได้เข้าสู่สนามรบจอมราชันเทพครบปีแล้ว สามารถฆ่าผู้อาวุโสปฐพีของนิกายมหาเอกะได้ 2 คน อาวุโสฝ่ายใน 1 คน จากนั้นก็มีจอมราชันเทพขั้นต่ำอีก 4 คน
อย่างไรก็ตามในสายตาของต้วนหลิงเทียน ผลงานเพียงเท่านี้ก็ไม่ได้ทำให้เขาพึงพอใจสักเท่าไหร่ กลับกันด้านนัิกายมหาเอกะแทบจะถูกพลิกคว่ำ!
ผู้อาวุโสปฐพี 2 คนตายตก!
ต้องทราบด้วยว่าก่อนหน้านี้ นิกายมหาเอกะสูญเสียผู้อาวุโสปฐพีไปแค่คนเดียวเท่านั้น และคน ๆ นั้นก็คือคนที่ตกตายด้วยน้ามือเชวียไห่ชวน อาวุโสมังกรขาวของนิกายมังกรสวรรค์
แต่คราวนี้ กลับมีอาวุโสปฐพี 2 คนตกตาย!

ทำให้ความสูญเสียในสนามรบจอมราชันเทพ นิกายมหาเอกะไม่ได้สูญเสียน้อยกว่านิกายมังกรสวรรค์อีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นเสียหายใหญ่หลวง ถึงขั้นไม่เห็นทางกู้คืนด้วยซ้ำ
และเมื่อต้วนหลิงเทียนกับพวกเชวียไห่ชวนมาถึงเมืองสันติด้วยกัน และนาป้ายประจำตัวออกมาเพื่อแลกเปลื่ยนแต้มรบ ทุกคนจึงได้รู้ว่าอาวุโสปฐพี 2 คนที่ตกตายไปเมื่อปีก่อน ที่แท้ตกตายด้วยน้ามือต้วนหลิงเทียนกับพวก!
“มิน่าแปลกใจเลยที่ไฉนอาวุโสปฐพีที่ไปด้วยกัน 2 คนของพวกเราจะตกตาย…ที่แท้ไปพบเจอเข้ากับเชวียไห่ชวนและตงฟางเหยียนเหนียนจนเอาชีวิตไม่รอด”
“พลังฝีมือของอาวุโสมังกรขาว 2 คนั่นนมิว่าคนใดก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้อาวุโสหวงอวิ๋นเฟิง…สำหรับอาวุโสชาหมิงเจี๋ยที่พึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาวุโสปฐพี นับว่าอ่อนด้อยกว่าพวกมันมาก”
“เฮ่อทั้งคู่ช่างโชคร้ายเสียจริง”


หลังจากได้รับทราบ ‘ความจริง’ แล้ว สีหน้าของคนของนิกายมหาเอกะก็แลดูไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แต่พวกมันก็เร่งส่งข่าวกลับไปนิกายทันที่
กลับกัน ด้านนัิกายมังกรสวรรค์เรียกว่ายินดีปรีดานัก
แน่นอนว่ายังมีบางคนที่ไม่ได้ยินดีหรือแม้กระทั่งยิ้มแย้มีอะไร
ท่ามกลางฝูงชน ชายหนุ่มอันมีใบหน้าเฉยเมยที่ยืนอยู่ตรงนั้น กำลังมองต้วนหลิงเทียนที่กำลังแลกเปลื่ยนแต้มรบกับป้ายประจำตัวไกล ๆ ด้วยสายตาเย็นชา อย่างไรก็ตามพอเหลือบไปเห็นเชวียไห่ชวนกับตงฟางเหยียนเหนียนที่ยืนข้าง ๆ ต้วนหลิงเทียน แววตาของมันก็เปลื่ยนี้เป็นความหวาดกลัวทันที่
ถ้าตงฟางเหยียนเหนียนหันมาเห็นมัน ย่อมจดจำได้ทันทีแน่

เพราะคน ๆ นี้ก็คือจอมราชันเทพขั้นกลางนามว่า เหยียนเจ๋อที่มันพาไปส่งยังที่พักสำหรับผู้มาเข้าร่วมศึกจักรพรรดิโดยเฉพาะเมื่อ 3 ปีก่อน
“เป้าหมายมีอาวุโสมังกรขาว 2 คนประกบข้างกาย ออกไปแล้วเฝ้ารอโอกาสหน้า”
เหยียนเจ๋อส่งข้อความไปหาสหายของมัน ชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาไร้อารมณ์ปานผีดิบซึ่งเป็นจอมราชันเทพขั้นกลางดุจเดียวกัน และหลังจากคนหลังได้รับทราบข้อความมันกออกจากเมืองมังกรสวรรค์ของระนาบศึกจักรพรรดิและกลับไปยังที่พักในนิกายมังกรสวรรค์ทันที่
ด้านเหยียนเจ๋อก็ค่อย ๆ ละสายตาออกจากพวกต้วนหลิงเทียน และออกจากเมืองสันติเงียบ ๆ
ทั้งหมดนี้ไม่ต้องกล่าวถึงต้วนหลิงเทียนที่กำลังแลกเปลื่ยนแต้มรบ กระทั่งเชวียไห่ชวนและตงฟางเหยียนเหนียนก็ไม่ได้สังเกตเห็น

หลังจากเหยียนเจ๋อและสหายของมันกลับออกไปได้ไม่นาน รองประมุขนิกายมังกรสวรรค์เซวียหมิงจื่อก็ได้รับการติดต่อจากสหายว่า “หมิงจื่อพวกมันยังไม่มีโอกาสลงมือเพราะในระนาบศึกจักรพรรดิ เป้าหมายมีผู้อาวุโสมังกรขาวไปไหนมาไหนข้างกายไม่ห่าง”