ตอนที่ 5 ปลาเน่าหนึ่งตัวเหม็นทั้งข้อง (1)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 5 ปลาเน่าหนึ่งตัวเหม็นทั้งข้อง (1)

หกโมงเย็น

ถึงเวลาเลิกงานของกองตรวจการณ์ หลี่ฮ่าวมิใช่สมาชิกหน่วยปฏิบัติการชั้นแนวหน้าย่อมเลิกงานตรงเวลาอยู่แล้ว

ในเวลาปกติหลี่ฮ่าวคงจะกลับไปนานแล้ว

แต่ในวันนี้หลี่ฮ่าวกลับไม่ได้รีบร้อน

ณ ห้องทำงานของหัวหน้า

หวังเจี๋ยปรายตามองหลี่ฮ่าวแล้วกล่าวเสียงต่ำ “คุณบอกว่าอยากไปดูที่บ้านจางหย่วนเหรอ?”

“ครับ”

“คุณเป็นเพื่อนร่วมชั้นนของเขา คดีนี้อาจเป็นคดีฆาตกรรม คุณไปดูก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ แต่ค่อนข้างจะยุ่งยากมากทีเดียวที่คนในห้องเก็บแฟ้มคดีจะทำเรื่องขอปืนกลับบ้าน”

ใช่แล้วหลี่ฮ่าวมาทำเรื่องขอพกปืน

ต้องให้หวังเจี๋ยอนุญาตเขาถึงสามารถพกปืนกลับบ้านได้

ถึงแม้ว่าเงาโลหิตจะแปลกประหลาดจนปืนอาจช่วยอะไรไม่ได้ แต่ตอนนี้เงาโลหิตก็ไม่ได้ปรากฏตัวเสียหน่อย ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วสิ่งที่เขาควรจะต้องระวังน่าจะเป็นคนเสียมากกว่า

และถ้าหากว่าเป็นคนปืนย่อมต้องสร้างความเสียหายให้ได้มากกว่า

“หัวหน้าครับ ไม่ได้ขอเอากลับบ้านแต่ใช้ในคดีครับ!”

หลี่ฮ่าวแย้งน้อย ๆ

หวังเจี๋ยระบายยิ้ม การเอากลับบ้านและไปใช้ในคดี ถือเป็นคนละเรื่องกัน สมแล้วที่เจ้าเด็กนี่เป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยกู่ย่วนประจำเมืองหยิน แค่พลิกคำพูดนิดเดียวก็เปลี่ยนเรื่องเป็นอีกแบบได้

“ห้องเก็บแฟ้มคดีของเรา ไม่ใช่หน่วยปฏิบัติการ”

หวังเจี๋ยสายหน้า หลี่ฮ่าวผิดหวังเล็กน้อย

ตอนนี้เขายังไม่มีวิธีดีๆ ที่จะใช้รับมือเงาโลหิต แต่เพราะรู้เรื่องอีกฝ่ายไม่มาก แต่หากมีปืนในมือ อย่างไรเสียก็พอจะทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้นไม่น้อย

“คดีขอจางหย่วนตอนนี้ยังแค่ประสานกับหน่วยปฏิบัติการ ไม่ได้ถูกตั้งเป็นคดีอย่างเป็นทางการ คุณไม่สามารถจะยื่นเรื่องขอพกปืนเพื่อใช้ในคดีนี้ได้”

หวังเจี๋ยครุ่นคิดขณะพูด เขากล่าวต่ออย่างรวดเร็ว “เอาแบบนี้แล้วกัน ช่วงนี้ที่มหาวิทยาลัยกู่ย่วนประจำเมืองหยินจะลงพื้นที่ออกสำรวจ หน่วยตรวจการณ์จะส่งคนส่วนหนึ่งไปคุ้มครอง คุณกรอกข้อมูลเพื่อทำเรื่องขอเข้าร่วม พอเป็นแบบนี้จะเท่ากับว่าคุณมีภารกิจ เมื่อทำหน้าที่เป็นผู้คุ้มกันก็มีสิทธิ์พกปืน”

หลี่ฮ่าวนิ่งไปพร้อมเหนื่อยหน่ายใจน้อยๆ

พูดวนไปวนมา สุดท้ายจู่ๆ ก็มีภารกิจนี้งอกขึ้นมาเป็นภาระเขาแล้ว?

เมื่อตอนบ่ายเขาเพิ่งปฏิเสธเฉินน่าที่พูดถึงเรื่องนี้ไปหมาดๆ

คราวนี้ได้ยินมาว่าที่มหาวิทยาลัยกู่ย่วนประจำเมืองหยินได้อาจารย์ของตนเป็นหัวหน้านำคณะ พอเป็นแบบนี้แล้วหากเขารับภารกิจนี้ก็จะต้องเจออาจารย์อีกแล้วไม่ใช่เหรอ?

หวังเจี๋ยเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบไม่พูดจาก็ถอนหายใจแล้วกล่าว “เป็นอะไรไป? กลัวโดนศาสตราจารย์หยวนด่าเหรอ? ได้ยินมาว่าตอนคุณลาออก มีเรื่องผิดใจกับศาสตราจารย์หยวน เสี่ยวฮ่าวเอ้ย ในเมื่อคุณเข้ากองตรวจการณ์ ผมว่าคุณควรจะหาโอกาสปรับความเข้าใจ ยังไงเสียเขาก็เป็นอาจารย์ของคุณ”

“หากว่าศาสตราจารย์หยวนสนับสนุนคุณละก็ อนาคตในกองตรวจการณ์ของคุณก็จะรุ่งโรจน์ แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าศาสตราจารย์หยวนไม่ชอบคุณ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีอิทธิพลเหนือกองตรวจการณ์ แต่คนอื่นเองก็ต้องชั่งใจว่าพวกเขาควรจะผิดใจกับศาสตราจารย์หยวนเพียงเพราะคุณที่เป็นแค่ผู้ตรวจการณ์ระดับสามคนหนึ่งไหม”

นับว่าหวังเจี๋ยเอาใจใส่เขามากทีเดียว ถึงจะไม่รู้แน่ชัดแต่ได้ยินมาว่าการที่หลี่ฮ่าวลาออกทำให้อาจารย์ของเขาไม่ค่อยพอใจนัก

ถึงอีกฝ่ายอาจจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลื่อนขั้นของกองตรวจการณ์ แต่ว่ากองตรวจการณ์ของเมืองหยินก็ต้องไว้หน้าเขาบ้างไม่มากก็น้อย

“ถ้าคุณอยากพกปืน นี่คือวิธีที่ดีที่สุดแถมยังสามารถช่วยคลี่คลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับศาสตราจารย์หยวนได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”

เหตุที่เขาโน้มน้าวอีกฝ่ายเพราะเขาเองก็ชื่นชอบชายหนุ่มตรงหน้า

ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็ได้ยินชายหนุ่มกล่าวพลางพยักหน้า “ตกลงครับ!”

ทว่าคำพูดที่กำลังจะผ่านออกทางปากกลับไปหยุดอยู่ที่ลำคอ!

หวังเจี๋ยมองหลี่ฮ่าวด้วยใบหน้าประหลาดใจ ไหนบอกว่าถึงเจ้าเด็กนี่จะจิตใจดีแต่หัวรั้นนักไม่ใช่เหรอ?

ทำไมวันนี้ถึงได้ตอบตกลงรวดเร็วแบบนี้?

หลี่ฮ่าวยิ้มซื่อๆ แฝงความระอาใจอยู่หน่อยๆ “หัวหน้าครับ ข่าวที่เขาลือๆ กันไม่ใช่เรื่องจริง ความสัมพันธ์ของผมกับอาจารย์ไม่ได้แย่ขนาดที่เขาลือกัน ตอนผมลาออก อาจารย์ไม่พอใจมากก็จริง แต่หนึ่งปีผ่านไปแล้วเขาคงจะหายโกรธไปนานแล้ว เมื่อหลายวันก่อนยังกำชับกับผม ให้ผมตั้งใจทำงานอยู่ที่กองตรวจการณ์”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ดีแล้ว!”

หวังเจี๋ยพยักหน้าบอกว่าเขาพอใจอย่างมาก ถึงจะไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ แต่หลี่ฮ่าวถือว่าเป็นคนซื่อสัตย์ คงจะไม่ถึงขั้นปั้นน้ำเป็นตัว

“ถ้าอย่างนั้นคุณกรอกข้อมูลหน่อย เดี๋ยวหลังจากนี้คุณยังต้องออกไปลาดตระเวนและต้องไปกับหน่วยปฏิบัติการเพื่อทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้คณะออกสำรวจของมหาวิทยาลัยกูย่วนประจำเมืองหยิน”

หลี่ฮ่าวรับเอกสารมาแล้วกวาดตาอ่าน วันที่คณะออกสำรวจของมหาวิทยาลัยกู่ย่วนจะออกเดินทางถูกกำหนดเอาไว้ตอนสิ้นเดือน

ไม่ได้ระบุวันที่ชัดเจน เพียงแต่บอกให้คนติดตามรอคำสั่งอีกทีก็เท่านั้น

นี่ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลรั่วไหล เพราะมหาวิทยาลัยกู่ย่วนนั้นถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยระดับสูง คนในมหาวิทยาลัยย่อมมีค่าหัว หนำซ้ำหัวหน้านำคณะออกสำรวจของมหาวิทยาลัยกู่ย่วนในครั้งนี้ยังเป็นอาจารย์ของตนอีก เกรงว่าภารกิจครั้งนี้คงจะไม่ง่ายนัก

ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเงาโลหิตหรือไม่

อาจารย์ออกหน้าก็น่าจะมีผู้พิทักษ์รัตติกาลติดตามมาในคณะด้วย หากว่าเงาโลหิตแผลงฤทธิ์ตอนนั้น บางทีอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้

ความคิดโผล่แวบขึ้นมาในหัว แล้วหลี่ฮ่าวก็กรอกข้อมูลงในเอกสารเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว

“ไปที่คลังอาวุธเพื่อจัดเตรียมอาวุธเถอะ!”

หวังเจี๋ยเก็บใบสมัครไป

หลี่ฮ่าวยังไม่ออกไปจากห้อง เขาลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยังลองถามหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง “หัวหน้าครับ คดีของจางหย่วนมีข้อพิรุธเล็กน้อย คุณว่ามันจะเกี่ยวกับพลังพิเศษอะไรไหม? กองตรวจการณ์ของเราจะแก้ไขปัญหาได้ไหม?”

“หืม?”

หวังเจี๋ยมองหลี่ฮ่าวอย่างรวดเร็ว แววตาวูบไหวน้อย ๆ ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ไปได้ยินอะไรมา?”

“ปะ…เปล่าครับ”

หลี่ฮ่าวเก้อเขินน้อยๆ เหมือนข่มใจไม่ไหวแต่ก็ยังพูดด้วยท่าทางประดักประเดิดไม่เป็นธรรมชาติ “ผมกังวลว่าหน่วยปฏิบัติการจะแหวกหญ้าให้งูตื่น หรือเกิดเรื่องคาดคิดไม่ถึง ผมได้ยินมาว่าเหมือนที่กองตรวจการณ์เราจะมีแผนกอื่นอีก?”

“พอเถอะน่า!”

หวังเจี๋ยขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ระวังปากด้วย! ผมรู้ว่าคุณอาจจะได้ยินข่าวลืออะไรมา แต่ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเราควรจะพูดถึง! อีกอย่างเลิกคิดเรื่องพวกนี้ได้แล้ว พูดตามตรงหากไปถึงขั้นนั้นขึ้นมาจริง ๆ เรื่องจะยุ่งยากกว่าเดิม! ทุกครั้งที่ฝั่งนั้นส่งคนมามีเรื่องวุ่นวายก็ตามมาเป็นพะเรอเกวียน!”

เขาไม่อยากจะพูดมากและไม่ยินยอมจะพูดเรื่องของผู้พิทักษ์รัตติกาล

เพราะการมาถึงของคนพวกนั้นไม่ใช่เรื่องดี

ทันทีที่ไปเกี่ยวกับผู้พิทักษ์รัตติกาลก็จะเกิดความยุ่งยากอย่างยิ่ง อีกทั้งการมาถึงของฝ่ายตรงข้ามมักจะนำพาเอาความยุ่งยากใหญ่หลวงตามมา

ดังนั้นหากไม่อับหนสิ้นหนทางจริงๆ เขาก็ไม่อยากจะไปข้องแวะกับผู้พิทักษ์รัตติกาล

เกรงว่าหน่วยปฏิบัติการเองก็คงจะไม่ใคร่จะไปวุ่นวายกับฝ่ายตรงข้ามเช่นกัน

แน่นอนว่าหากถึงตอนที่ไร้หนทางจริงๆ พอถึงตอนนั้นไม่ว่ากองตรวจการณ์จะต้องการหรือไม่ พวกผู้พิทักษ์รัตติกาลย่อมปรากฏตัวอยู่ดี

……………………………………………………………………….