ตอนที่ 6 เจ้าเสือดำ (1)
‘เราถูกจับตามองเข้าแล้ว!’
ตรงประตูหน้าหมู่บ้าน หลี่ฮ่าวหยุดรถจักรยานลงแล้วค่อยๆ เข็นเข้ามา
“หลี่ฮ่าวกลับมาแล้วเหรอ”
“ผู้ตรวจการณ์หลี่ฮ่าว ถ้าคืนนี้มีเวลาก็ไปดื่มที่บ้านฉันสักแก้วไหม?
“……”
ภายในหมู่บ้าน เหล่าผู้พักอาศัยที่กำลังนั่งตากลมทยอยเอ่ยทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น
ผู้ตรวจการณ์ระดับสาม ในกองตรวจการณ์เขาอาจเป็นแค่พนักงานตัวน้อยๆ คนหนึ่ง ทว่าในหมู่บ้านเขากลับนำพาความปลอดภัยและสร้างความยำเกรงให้พวกเขาไม่น้อย ถึงแม้หลี่ฮ่าวจะดูบอบบางแลดูไม่น่าเกรงขามเลยก็ตามที
“ครับ กลับมาแล้วครับ”
หลี่ฮ่าวคลี่ยิ้มแล้วขานตอบกลับไป
หมู่บ้านฉี่หมิงเป็นหมู่บ้านเก่าแก่แห่งหนึ่งที่เก่าทรุดโทรมอยู่บ้าง ตระกูลหลี่อยู่ที่นี่มานานมากแล้ว นับตั้งแต่หลี่ฮ่าวจำความได้หลี่ฮ่าวก็ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่หมู่บ้านฉี่หมิงแห่งนี้แล้ว
หมู่บ้านมีขนาดไม่ใหญ่นัก ที่นี่มีคอนโดทั้งหมดหกตึก หลี่ฮ่าวอาศัยอยู่ตึกด้านในสุด ตึกที่ 6 ห้อง 302
ระหว่างทางหลี่ฮ่าวไม่ได้ขี่รถ เขาเข็นจักรยานเดินอ้อมถนนผุพังเพราะถนนภายในหมู่บ้านไม่ได้รับการซ่อมแซมมานานแล้ว หากขี่จักรยานร่างกายคงโคลงเคลงไปมาไม่เบาเลยทีเดียว
มีเสียงพูดคุยดังจอกแจกดังตามหลังเขามารำไร
“หลี่ฮ่าวเด็กคนนี้ก็ดีอยู่หรอก เพียงแต่ไม่มีผู้ใหญ่ดูแลเลยน่าเป็นห่วงมากจริงๆ ดูสิไม่ง่ายเลยกว่าจะสอบติดมหาวิทยาลัยกู่ย่วนแต่ก็ต้องลาออกแล้วไปเป็นผู้ตรวจการณ์แทน น่าเสียดายจริงๆ!”
“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ได้ กองตรวจการณ์ดีจะตายไป การงานมั่นคงด้วย”
“เรื่องการงานมั่นคงก็ไม่ผิดหรอก แต่หากจบจากกู่ย่วน ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องหาเงินได้เยอะ อย่างไรเสียก็มีอนาคตดีกว่าทำงานในกองตรวจการณ์มากโข”
“……”
เสียงพูดคุยไม่ถือว่าเบาเลย อีกอย่างคำพูดเช่นนี้ความจริงถูกพูดซ้ำไม่รู้กี่ครั้งแล้ว
ตลอดหนึ่งปีมานี้หลี่ฮ่าวมักได้ยินบทสนทนาเช่นนี้เสมอ
หลี่ฮ่าวไม่ได้สนใจอะไรและไม่อธิบายอะไรให้พวกเขาฟังด้วย เพราะเขาคิดว่าไม่มีความจำเป็นนั้น
เขากำลังขบคิดเรื่องเมื่อครู่และครุ่นคิดว่าต่อจากนี้ตนจะรับมือเช่นไร
ปืนในอ้อมอก ถึงแม้จะนำพาความรู้สึกปลอดภัยมาให้แต่กลับไม่ได้ปลอดภัยขนาดนั้น
‘เรายังขาดความรู้เรื่องพลังลี้ลับ อีกอย่างตัวเราเองก็มีความสามารถในการต่อสู้จำกัด หากไม่มีปืนก็เป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น’
หลี่ฮ่าวเคยเรียนพวกศิลปะป้องกันตัวมาบ้าง ไม่เพียงแค่ตามที่กองตรวจการณ์ต้องการ ความจริงในกู่ย่วนเองเขาก็เคยเรียนมาสองปีเช่นกัน
อาจารย์หยวนซั่วของเขาไม่เพียงแต่เป็นนักวิชาการคนหนึ่ง ในขณะเดียวกันยังนับว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้คนหนึ่งเลยด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเหตุที่หยวนซั่วเป็นศิลปะการต่อสู้ ไม่ใช่เพื่อใช้ทะเลาะกับคนอื่นแต่เพื่อออกกำลังกายและปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมทุกรูปแบบมากกว่าเดิม
หากว่าตามที่อาจารย์กล่าว อย่างน้อยๆ หากพบเจออันตรายก็วิ่งหนีได้ไวกว่า
ความจริงทุกครั้งที่ศาสตราจารย์ของกู่ย่วนต้องออกต่างเมืองมักมีโอกาสเกิดอันตรายได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นหลี่ฮ่าวเลยพอเป็นอยู่บ้างย่อมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว ทว่าหากเทียบกับเหล่าผู้ตรวจการณ์คนอื่นๆ ความจริงก็ถือว่าฝีมือแค่งั้นๆ
‘สถานะผู้ตรวจการณ์อาจจะไม่ได้ดูน่าเกรงขามอย่างที่เราคิด และก็ไม่รู้ว่าจะปิดบังไปได้นานแค่ไหน’
ขณะที่คิด ฉับพลันใต้ฝ่าเท้าก็ปรากฏเงาดำพาดผ่านอย่างรวดเร็ว
หลี่ฮ่าวยกเท้าขึ้นหมายจะเตะสักทีตามสัญชาตญาณ แต่เขาก็ชักขากลับในทันที
เบื้องหน้าลูกสุนัขสีดำก็ชะงักฝีเท้าเช่นกัน มันไม่ได้เห่าหอนใดๆ ทว่ากลับมองหลี่ฮ่าวด้วยท่าทีน่าสงสารราวกับรอคอยอะไรบางอย่างอยู่
หลี่ฮ่าวคลี่ยิ้มแล้วจัดการจอดรถจักรยานให้เรียบร้อย
“เจ้าเสือดำ เหมือนว่าจะเร็วขึ้นกว่าเดิมแล้วนะ”
ชื่อเสือดำอาจจะดูไม่เหมาะกับลูกสุนัขผอมกะหร่องตัวนี้สักเท่าไร แต่หลี่ฮ่าวก็ยังเลือกตั้งชื่อที่ดูแข็งแกร่งให้กับมัน
หลี่ฮ่าวไม่ได้เป็นคนเลี้ยงสุนัขตัวนี้ ไม่รู้ว่าเป็นสุนัขเร่ร่อนที่ไหนโผล่มาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้เช่นกัน
ก่อนหน้านี้หลี่ฮ่าวใช้ชีวิตคนเดียว หากเหลือกับข้าวจะเททิ้งก็เสียดาย เห็นสุนัขตัวนี้น่าสงสารเลยให้อาหารมันบ้างเป็นครั้งคราว หลายเดือนมานี้เจ้าสุนัขตัวนี้เลยรับหลี่ฮ่าวเป็นเจ้าของและตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นสุนัขเร่ร่อนอีกต่อไป หากไม่มีธุระอะไรมันก็จะมาฟุบตรงปากทางเข้าตึกหกรอหลี่ฮ่าวเลิกงาน
คนอื่นๆ ในตึกหกรู้ว่ามันเป็นลูกสุนัขที่หลี่ฮ่าวเลี้ยงไว้ ถึงแม้บางคนจะกลัวแต่ในเมื่อเป็นลูกสุนัขที่ผู้ตรวจการณ์ระดับสามเลี้ยงเลยไม่มีใครกล้าไล่มันไปไหน
ปกติเจ้าเสือดำไม่เห่าหอนอะไร เพื่อนบ้านละแวกนั้นเลยค่อยๆ คุ้นชินกันไปเอง
หลี่ฮ่าวย่อตัวลงลูบหัวเจ้าลูกสุนัขสีดำตัวนี้
ใช้ชีวิตมาอย่างโดดเดี่ยว ความจริงพอนานวันเข้าเขาก็รู้สึกเหงาไม่น้อย อีกทั้งยังมีเรื่องมากมายอัดอั้นอยู่ในใจ ความจริงมีสุนัขสักตัวเป็นคู่หูก็ไม่เลวเหมือนกัน
น่าเสียดายที่หลี่ฮ่าวยุ่งมากและไม่มีเวลาดูแลมันเท่าไร อย่างมากกลางคืนจะกลับมาให้อาหารมันบ้าง ส่วนช่วงกลางวันก็จะไม่ลืมทิ้งอาหารสุนัขไว้ให้ แต่หากวันใดลืมเจ้าเสือดำก็ต้องไปหาอาหารกินเอง
“โฮ่ง!”
ลูกสุนัขตัวดำเห่าเสียงเบาทีหนึ่ง
“เดี๋ยวเอาให้แกกินแล้วกัน”
หลี่ฮ่าวระบายยิ้มอ่อนโยนออกมาจากใจจริง อย่างน้อยเขาก็ยิ้มจากใจจริงมากกว่าตอนอยู่ที่กองตรวจการณ์แล้วกัน
เขาลุกขึ้นแล้วเดินมุ่งหน้าขึ้นตึกไป
ตึกและบันไดล้วนเก่าทรุดโทรมไปหมด หรือแม้แต่ที่จับราวบันไดยังขึ้นสนิมเลย
ตึกมีทั้งหมดหกชั้น บัดนี้คนครึ่งตึกได้ย้ายออกไปแล้ว
ส่วนที่เหลือก็มีเพียงคนเฒ่าชราที่อยู่ดูแลตนยามบั้นปลายชีวิต หลี่ฮ่าวไม่ได้ย้ายออกและไม่มีเงินไปซื้อห้องชุดใหม่พวกนั้นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่เป็นสถานที่ที่เขาอยู่มาตลอด หลังจากพ่อแม่จากไปเขาก็ไม่เคยคิดย้ายออกไปไหน
เจ้าเสือดำเดินตามหลี่ฮ่าวขึ้นตึกไปด้วยท่าทีกระตือรือร้น
ห้อง 302
พอเปิดประตูออก ในห้องมืดสนิทแม้กระทั่งผ้าม่านก็ปิดมิดชิด
ขนาดห้องไม่ใหญ่ราวๆ หกสิบตารางเมตร
หลี่ฮ่าวเปิดประตูห้องไว้แต่เจ้าเสือดำกลับหมอบรอหลี่ฮ่าวเอาอาหารมาให้มันอยู่หน้าประตูโดยไม่คิดเดินเข้ามา วันนี้หลี่ฮ่าวไม่มีกะจิตกะใจทำอาหารเลยสักนิด
เขาวุ่นหาอาหารสุนัขที่ไม่รู้ว่าหมดอายุหรือยังออกมาพร้อมหยิบจานใส่อาหารของเจ้าเสือดำมาด้วยแล้วเทลงไปไม่น้อย จากนั้นก็เอาจานออกไปวางไว้ด้านนอก
“โฮ่ง!”
เสือดำสะบัดหางไปมาแหงนหน้ามองหลี่ฮ่าวราวกับกำลังพูดอะไรอยู่
“ไม่ได้ซื้อกับข้าวมา วันนี้กินแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน”
หลี่ฮ่าวอธิบายไปประโยคหนึ่ง ถึงแม้จะไม่เข้าใจความหมายของมันแต่ไม่เป็นไร บางทีเสือดำอาจจะรังเกียจอาหารสุนัขที่ใกล้หมดอายุนี่แล้วก็ได้
“มีให้แกกินก็ไม่เลวเลย อย่ารังเกียจไปเลย อีกไม่กี่วันแกอาจจะไม่มีกินด้วยซ้ำ ถึงตอนนั้นแกต้องไปหากินเองแล้วล่ะ”
หลี่ฮ่าวย่อตัวนั่งยองแล้วมองเจ้าเสือดำที่กินมันเข้าไปอย่างไม่เต็มใจนักพร้อมผุดรอยยิ้มขึ้นมา
เขาหยิบปืน Vortex รุ่นที่ 3 ออกมาพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบจี้หยกกระบี่ที่ห้อยอยู่บนคอออกมา
หลี่ฮ่าวเล่นจี้หยกอยู่พักหนึ่งพลางตกอยู่ในห้วงความคิด
จี้หยกนี้เกี่ยวพันกับพลังลี้ลับไหมนะ?
แปดตระกูลที่อยู่ในบทเพลงพื้นบ้านเกี่ยวข้องกับพลังลี้ลับไหมนะ?
แต่ผ่านมาหลายปีแล้ว เขาไม่เคยเห็นจี้หยกมีพลังวิเศษอะไรเลยสักนิด ส่วนเรื่องหยดเลือดเพื่อให้ยอมรับเจ้านายอะไรทำนองนั้น ไม่รู้ว่าตอนเด็กๆ หลี่ฮ่าวบาดเจ็บไปกี่ครั้งแล้ว กระทั่งเขาเคยเอาเลือดย้อมจี้หยกด้วยซ้ำแต่กลับไม่เห็นมีปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นสักอย่าง
“กระบี่ดาราพราย!”
หลี่ฮ่าวเอ่ยพึมพำขึ้นมา เป้าหมายของเงาโลหิตเป็นเจ้านี่หรือเปล่านะ?
“โฮ่ง!”
เวลานี้เจ้าเสือดำที่กำลังกินอาหารสุนัขอยู่เมื่อครู่กลับหยุดชะงักในทันที จากนั้นก็เห่าใส่จี้หยกนั้น
หลี่ฮ่าวหันหน้ามามองเจ้าเสือดำ
เจ้าเสือดำจ้องจี้หยกพลางส่ายหางดุกดิกไปมาหมายจะกระโจนเข้าใส่แต่ก็เหมือนดูจะหวาดกลัวไม่กล้าพุ่งเข้ามาหา มันเพียงแค่รักษาระยะห่างแล้วเบิกตากว้างจับจ้องจี้หยกนั้นไม่วางตา
หลี่ฮ่าวมองมันพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย
……………………………………………………….