ตอนที่ 5 ปลาเน่าหนึ่งตัวเหม็นทั้งข้อง (3)
จากการตรวจสอบของหลี่ฮ่าว เขาพบว่าระยะเวลาในการปรากฏตัวของเงาโลหิตจะไม่ยาวนานนัก ทุกครั้งที่ปรากฏตัวก็จะหายไปอย่างรวดเร็ว ระยะเวลาที่อยู่ด้านนอกนั้นแสนสั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้ทำไมถึงรู้ตำแหน่งแน่ชัดของพวกเขาได้กันนะ?
หรือแปลว่าที่จริงแล้วยังมีคนที่ลอบสังเกตการณ์ก่อนแล้วรอคอยให้เงาโลหิตโผล่ออกมาเพื่อฆ่าคนอย่างนั้นเหรอ?
ข้อสันนิษฐานเช่นนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปได้
ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ตรวจการณ์มืออาชีพแต่หลี่ฮ่าวก็ยังพอจะมีความสามารถในการสืบสวนทั่วไปอยู่บ้าง
‘ตอนนี้ยังไม่เจออะไรเป็นการชั่วคราวหรือว่าเงาโลหิตสามารถรู้ตำแหน่งของพวกเราได้เลย? จะเกี่ยวข้องกับกระบี่ดาราพรายที่เรามีหรือเปล่า? เขาหาพวกเราเจอโดยผ่านทางของพวกนี้หรือเปล่า?’
รถจักรยานค่อยๆ เคลื่อนตัวไปช้าๆ หลี่ฮ่าววางปืน VORTEX รุ่นที่สามไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านใน เขาไม่ได้จดกระดุม เหมือนกำลังตากลมแต่ที่จริงแล้วเพื่อจะหยิบปืนออกมาให้ได้เร็วที่สุด
และหลี่ฮ่าวก็ยังไม่พบปัญหาอะไรเหมือนอย่างเคย
แต่ตอนที่หลี่ฮ่าวกำลังปั่นจักรยานลงเนิน ในวินาทีที่รถจักรยานกำลังจะไถลลงมา ในใจเขาก็กระตุกวูบ
ในขณะที่จักรยานกำลังไถลลงมาอย่างรวดเร็วนั้น แววตาของเขาเหลือบไปเห็นรถสีดำคันเล็กกำลังขับมาในเลนตรงข้าม มันทั้งธรรมดาทั่วไปไม่ต่างอะไรไปจากรถที่สัญจรไปมาแม้แต่น้อย
‘เมืองหยิน 7219!’
ใจเขาเต้นระรัวมีบางอย่างผิดปกติ
เขาเพิ่งเห็นรถคันนี้ไป ถึงแม้ว่าจะมีรถประเภทนี้อยู่บนถนนเป็นจำนวนมาก เพียงแต่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ธรรมดาที่สุดแบบนี้ สักสิบคันก็จะมีถึงเก้าคันที่เป็นประเภทนี้แต่หลี่ฮ่าวจำป้ายทะเบียนรถได้!
หลี่ฮ่าวเป็นบุคคลที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยกู่ย่วนประจำเมืองหยินได้ย่อมต้องมีจุดที่พิเศษกว่าคนอื่น
ความจำอันดีเลิศถือเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี
ถ้าหากว่าไม่มีข้อดีแม้สักนิด เขาก็คงไม่เข้าตาศาสตราจารย์หยวนซั่วผู้นั้นได้อย่างรวดเร็วจนได้กลายมาเป็นลูกศิษย์ของเขา
‘มีอะไรผิดปกติแล้วแฮะ รถคันนี้ไปทางเดียวกับเรา เราขับรถออกจะช้า รถคันนี้นำหน้าไปแล้วน่าจะประมาณเจ็ดนาที!’
เจ็ดนาทีด้วยความเร็วในการขับรถ ถ้าขับไปข้างหน้าเรื่อยๆ ด้านหน้าเป็นถนนเพียงเลนเดียว ไม่ได้มีจุดจอดรถที่เหมาะสมด้วยซ้ำ
ถ้าอีกฝ่ายขับวกกลับมาเพื่อทำธุระหรือส่งคน
จะขับกลับมาทำธุระ หรือส่งคนก็ไม่น่าจะกลับมาได้ไวขนาดนี้
ตอนนี้อีกฝ่ายขับวกกลับมาจนสวนทางกับหลี่ฮ่าว นั่นแปลว่ารถคันนี้ขับนำหน้าเขาไปไม่นานก็ขับวกกลับมาอีกครั้ง
ใบหน้าหลี่ฮ่าวยังคงไม่เปลี่ยนสีแต่ในใจเขาสั่นไหวอย่างยิ่งยวด
‘ก่อนหน้านี้ไม่เคยมาก่อนเลย วันนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนสะกดรอยตามเหรอเนี่ย?’
‘ทำไมกันนะ?’
แล้วหลี่ฮ่าวก็นึกถึงความเป็นไปได้ข้อหนึ่งอย่างรวดเร็วนั่นก็คือคดีที่เขาและหวังเจี๋ยกำลังสืบอาจจะรั่วไหลแล้ว!
‘ในกองตรวจการณ์มีไส้ศึก!’
‘แล้วอาจจะอยู่ในหน่วยตรวจการณ์ด้วย!’
นี่คือความคิดแรกของหลี่ฮ่าว ในใจก็พลันหนักอึ้ง ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นแค่เหตุบังเอิญ อีกฝ่ายวกรถกลับมาจริงๆ ก็เท่านั้นทว่าหลี่ฮ่าวไม่กล้ามองเป็นแค่เหตุบังเอิญเท่านั้น
เหตุบังเอิญใดก็ตามแต่ ล้วนต้องมองเป็นการเตรียมตัวล่วงหน้าทั้งสิ้น
‘หัวหน้าหวังไปที่หน่วยตรวจการณ์ ไปบอกพวกเขาเรื่องคดีไฟคลอก ถ้าหากว่าหน่วยตรวจการณ์รู้ว่าเราเป็นคนรื้อคดีนี้ขึ้นมาก็อาจจะเพ่งเล็งตัวเราก็ได้! ถ้าหากหน่วยตรวจการณ์มีข้อข้องใจก็คงจะมาถามเราตรงๆ ไม่มีความจำเป็นต้องมาสะกดรอยตามกัน นั่นเพราะถ้าดูตามเนื้อผ้าแล้ว ที่เราสนใจคดีนี้มากเป็นพิเศษแค่เพราะว่าเป็นคดีของเพื่อนร่วมชั้นของตนก็เท่านั้น’
“แล้วยังมีก่อนหน้านี้ ทุกคนที่บอกว่าตัวเองมองเห็นเงาโลหิตจะโดนจับได้อย่างรวดเร็ว เอาเข้าจริงเราเองคิดมานานแล้วว่าพวกเงาโลหิตหรือไม่ก็ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีสายอยู่ในกองตรวจการณ์!”
หลี่ฮ่าวเคยเห็นเอกสารคดีพวกนี้มาก่อน คนที่แจ้งความว่าเห็นเงาโลหิตก็จะตายหรือไม่ก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
และแน่นอนว่าหากไม่ได้ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับเรื่องนี้นั่นก็ยากจะเจอข้อเท็จจริงนี้
ผู้ตรวจการณ์จำนวนมากเมื่อได้รับคดีนี้มาก็ดูแค่ผ่านๆ ตา เก็บข้อมูลไปส่งๆ ไม่แม้แต่จะกลับไปตามสืบต่อเพราะพวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
แต่ก็มีคนสังเกตเห็นเข้าจนได้
นี่หมายถึงอะไร?
แปลว่าในกองตรวจการณ์จะต้องมีคนให้ความสนใจกับเรื่องนี้เป็นพิเศษแน่ ทุกครั้งที่มีคนแจ้งความเรื่องก็จะลอดเข้าหูผู้อื่นอย่างรวดเร็ว
‘ตอนนี้เราโดนจับตามองแล้วสินะ?’
‘หรือเป็นเพราะเราเองเล่าเรื่องคดีไฟคลอก คนพวกนี้ก็เลยแน่ใจว่าเรามองเห็นเงาโลหิต นี่โดนจับได้โดยไม่ได้ตั้งใจสินะ?”
‘ตอนที่จางหย่วนตายเมื่อปีที่แล้วเราก็ไม่กล้าพูดว่าเห็นเงาโลหิต หากคนพวกนี้เข้าใจล่ะก็ มีความเป็นไปได้อย่างมากเลยว่าพวกเขาน่าจะคิดว่าเรารู้โดยบังเอิญมากกว่า ไม่ใช่เป็นเพราะเราสามารถมองเห็นเงาโลหิต มิฉะนั้นเมื่อปีที่แล้วเราก็น่าจะแจ้งความไปแล้ว!’
ในวินาทีสั้นๆ หลี่ฮ่าวคิดอะไรไปได้มากมาย วิเคราะห์อะไรได้มากมายเช่นกัน
ตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นผู้ตรวจการณ์ระดับสามผู้หนึ่ง แถมยังเป็นผู้ตรวจการณ์ที่เพิ่งจะเจอปัญหาของคดีไฟคลอก หลี่ฮ่าวเดาว่าต่อให้มีคนรู้เห็นเป็นใจกับเงาโลหิตก็คงจะไม่ลงมือทำร้ายเขาเอาในเวลานี้ การสังหารเขาจะเป็นการยืนยันว่าคดีไฟคลอกนี้มีปัญหาหรืออาจจะถึงขั้นสร้างปัญหาที่ใหญ่โตกว่าเดิม
“ชักจะน่าสนใจมากขึ้นไปทุกทีแล้ว!”
หลี่ฮ่าวคิดในใจ แต่ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย เหมือนไม่สังเกตเห็นความผิดปกติใดๆ และยังคงขับรถจักรยานต่อไป
แต่รถคันที่เขาจับตาดูก็หายไปอย่างรวดเร็ว
หยิน7219
ในรถคันเล็กที่เพิ่งจะสวนทางกับหลี่ฮ่าว นอกจากชายวัยกลางคนที่เป็นคนขับรถแล้ว ที่นั่งด้านข้างยังมีหญิงสาววัยกลางคนที่ดูแล้วเป็นคนธรรมดาๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ด้วย
เป็นเหมือนหญิงวัยกลางคนธรรมดาทั่วไปไม่ได้พิเศษอะไร
“ไม่เห็นเจออะไรเลย”
เมื่อขับทิ้งห่างจากหลี่ฮ่าว รถก็ชะลอตัวลงแล้วหญิงวัยกลางคนผู้นั้นก็กล่าวเสียงต่ำ
แต่เหมือนชายคนขับจะไม่ได้ยิน
ผ่านไปครู่หนึ่งคนขับรถกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “น่าจะเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้น ที่เขาสนใจคดีนี้มากเพราะการตายของจางหย่วน ก็หมอนั่นเป็นเพื่อนสนิทเขานี่นา”
หญิงคนเดิมผงกศีรษะน้อยๆ
แล้วรถก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
ผ่านไปครู่หนึ่งจู่ๆ คนขับรถก็กล่าวว่า “อย่าตัดความเป็นไปได้ข้ออื่นล่ะ จับตาดูเขาต่อ คอยดูไกลๆ ก็พอแล้วช่วงนี้ต้องระวังสักหน่อย พวกตัวน่ารำคาญอาจจะมาที่เมืองหยินแล้ว”
“รับทราบ!”
หญิงผู้นั้นผงกศีรษะ หล่อนรู้ว่าคนที่ชายคนขับรถพูดถึงคือใคร แต่เจ้าพวกนั้นก็น่ารำคาญจริงๆ นั่นแหละ
แล้วบรรยากาศในรถก็ตกอยู่ในความเงียบงันเหมือนเดิม
…………………………………………………………………………