ตอนที่ 11 หลิวหลงผู้บ้าคลั่ง (3)
หลิวหลงหัวเราะแล้วเอ่ยอีกครั้งว่า “พูดตามตรง เหตุที่ผมอยากให้คุณเข้าทีมเพราะผมไม่สามารถบังคับโยกย้ายคุณมาได้ คุณมีผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลังผมเลยไม่สามารถบังคับคุณได้ มิเช่นนั้น…ตอนนี้คุณคงต้องทำตามที่ผมบอกโดยไม่ต้องหว่านล้อมด้วยคำพูดดีๆ แบบนี้หรอก!”
หลี่ฮ่าวขมวดคิ้วทันที
หลิวหลงกลับมาเผด็จการอีกครั้ง เขาเอ่ยเสียงเยือกเย็นว่า “อาจารย์ของคุณถือว่าเป็นคนมีอำนาจผมจึงบังคับอะไรคุณไม่ได้! เหตุที่พูดแบบนี้เพียงแค่อยากบอกว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย คุณอาจจะเป็นเหยื่อคดีไฟคลอกรายต่อไป!”
ตุบตับๆ
ทันใดนั้นหัวใจก็เต้นแรง
หลี่ฮ่าวตกใจอย่างบอกไม่ถูก ‘หลิวหลง…เกี่ยวข้องกับเงาโลหิตเหรอ?’
“อย่าเพิ่งคิดไปไกล!”
หลิวหลงพูดตัดความคิดฟุ้งซ่านของเขา “คดีไฟคลอกยืดเยื้อมาเนิ่นนานไม่มีทีท่าจะจบลง! ต่อให้จะเป็นฝีมือของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแต่หากพูดตามหลักเหตุผลพวกมันควรหนีออกจากที่นี่ไปตั้งนานแล้ว แต่ฝ่ายนั้นกลับอยู่ในเมืองหยินแห่งนี้มานานสิบปีหรืออาจจะมากกว่านั้น! นี่มันไม่ใช่การฆาตกรรมโดยไม่เจตนา ไม่ใช่การฆาตกรรมเพื่อล้างแค้น แต่เป็นการฆาตกรรมโดยมีเป้าหมาย”
“พวกเขาหรือเขาคนนั้นยังทำภารกิจไม่สำเร็จ อีกฝ่ายยังมีเป้าหมายอื่นอีก เดิมทีผมยังนึกสงสัยว่าใครจะเป็นเป้าหมายคนต่อไป? ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจเป็นคุณ!”
หลี่ฮ่าวกดความรู้สึกกลัวเอาไว้แล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “ทำไมถึงเป็นผม?”
“ทำไมเหรอ?”
หลิวหลงหัวเราะ “มีคนแซ่หลี่เยอะแยะก็จริงแต่ช่วงนี้คนที่ดูดี๊ด๊าเป็นพิเศษดูเหมือนจะมีแค่คุณคนเดียว! แน่นอนว่าคุณมีแนวโน้มจะเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุดแล้ว”
หลี่ฮ่าวแน่นิ่งไปอีกครั้ง ดูเหมือน…หลิวหลงจะรู้เรื่องบทเพลงพื้นบ้านนั้น
“คนพวกนั้นจับจ้องบ้านเก่าแก่ของตระกูลจางเป็นพิเศษเพราะหินทรงมีดของตระกูลจางเหรอ?”
ประโยคนี้ของหลิวหลงเกือบจะทำเอาหลี่ฮ่าวสติหลุด
“ทั้งมีดของตระกูลจางและกระบี่ของตระกูลหลี่ล้วนอยู่ในมือคุณสินะ?”
หลิวหลงหัวเราะอีกครั้ง แต่หลี่ฮ่าวกลับยิ้มไม่ออกมีเพียงความกระอักกระอ่วนใจเท่านั้น
เขาช่างรอบรู้เสียจริงๆ
ดูเหมือนเขาจะรู้ทุกอย่าง แน่นอนอาจเป็นเพราะหลี่ฮ่าวที่รายงานคดีนี้เขาถึงคาดเดาได้ เพียงแต่ระยะเวลาสั้นๆ แค่นี้หลิวหลงถึงขั้นสืบหาข้อมูลได้มากขนาดนี้นี้ นับว่าน่ากลัวมากจริงๆ!”
“เป็นของวิเศษเหรอ?”
หลิวหลงพึมพำอยู่คนเดียว จากนั้นก็ส่ายหน้าทันที “ไม่สำคัญและไม่มีประโยชน์! หากของวิเศษอยู่ในมือคนธรรมดาย่อมไม่มีอิทธิฤทธิ์อะไรมากนักหรอก ของล้ำค่าในสายตาพวกมันกลับไร้ค่าในสายตาผม คุณจะเอาไปหรือไม่ผมไม่สนใจหรอก”
“ในทางกลับกันถ้าคุณเป็นคนเอาไปจะดีกว่า!”
หลิวหลงหัวเราะ “ถ้าเป็นแบบนั้นเป้าหมายต่อไปของพวกมันเป็นคุณแน่นอน! ร้อยเปอร์เซ็นต์! วางแผนมาหลายปีขนาดนี้ไม่ยอมถอนใจง่ายๆ หรอก แม้ว่าจะถูกเพ่งเล็งพวกเขาก็ยิ่งไม่ถอย! ดังนั้นการที่คุณเข้าร่วมกับหน่วยปฏิบัติการไม่ใช่แค่ช่วยผมแต่เป็นการช่วยตัวเองด้วย! เพราะคุณไม่สามารถรับมือกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้แน่”
หลี่ฮ่าวไม่อยากยอมรับในสิ่งที่เขาพูดแต่ก็สับสนในใจไม่น้อย เขากดความรู้สึกกลัดกลุ้มใจไว้แล้วเอ่ยเสียงขรึมว่า “หัวหน้า ในหน่วยปฏิบัติการเหมือนว่าจะมีสายลับ…ของฝ่ายตรงข้าม สาเหตุที่หัวหน้าคุยกับผมมาทั้งหมด….หรือว่า…”
“หึ!”
หลิวหลงแสยะยิ้ม “คุณสงสัยผมเหรอ? มันก็เป็นไปได้แต่ไม่มีความจำเป็นต้องสงสัยผมหรอก ทั้งหมดที่ผมทำคุณคงไม่มีทางเข้าใจแต่วันหน้าคุณต้องเข้าใจมันแน่นอน”
หลี่ฮ่าวพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม “หัวหน้ามีอะไรพูดมาตรงๆ ดีกว่า!”
หลิวหลงเงียบไปอีกครั้ง
ผ่านไปสักพักเขาถึงถอนหายใจเฮือกหนึ่งและกลับสู่สภาวะปกติเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่คำพูดของเขากลับทำให้หลี่ฮ่าวอกสั่นขวัญหาย
“ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ เป็นอย่างที่คุณคิดนั้นแหละ คุณเองก็อยากก้าวเข้าไปเป็นมนุษย์วิเศษใช่ไหมล่ะ! ผมเอง…ก็อยากเช่นกัน อีกนิดเดียวผมก็จะก้าวข้ามขอบเขตนั้นไปได้แล้วแต่น่าเสียดายที่สุดท้ายผมโดนคัดออก!”
“ผมไม่พอใจ ในเมื่อเคยสัมผัสมันแล้วแต่กลับโดนคัดออก แบบนี้จะให้ผมพอใจได้อย่างไร?”
“ความโกลาหลที่เกิดขึ้นภายในหน่วยปฏิบัติการ จริงๆ แล้วส่วนหนึ่งก็เพราะผม เมื่อหลายปีก่อนผมตั้งใจทำงานและซื่อสัตย์ต่อหน่วยปฏิบัติการด้วยใจจริง แต่หลังจากที่ผมโดนคัดออก…ผมก็ไม่พอใจที่จะเป็นคนธรรมดาแบบนี้อีกต่อไป!”
“ผมเลยติดตามข่าวสารและคดีของหน่วยปฏิบัติการน้อยลงมากจนทำให้หน่วยปฏิบัติการโกลาหลวุ่นวายแบบนี้”
ประโยคพวกนี้ยังไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้หลี่ฮ่าวตกใจ
ประโยคต่อไปต่างหากที่ทำให้หลี่ฮ่าวแทบจะอยากหนีไปให้ไกล
“ผมไม่พอใจที่ต้องตกอับ ไม่พอใจที่ต้องหลุดออกจากวงการพลังลี้ลับนั่น…ผมได้เรียนรู้วิธีหนึ่งที่จะทำให้ผมได้กลับไปในขอบเขตนั้นได้! ซึ่งก็คือ…ฆ่าผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติ!”
แววตาของหลิวหลงเยือกเย็นพร้อมแรงอาฆาตที่แผ่ออกมา
“ฆ่า ฆ่าคนที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับตัวเองหรือคนที่มีพลังวิเศษด้านเดียวกับตัวเอง! เพื่อชิงพลังลี้ลับของเขาเข้าสู่ร่างกายตัวเอง หากครั้งเดียวไม่สำเร็จก็ทำสองครั้งจนกว่าพลังลี้ลับนั้นจะกระตุ้นพลังเหนือธรรมชาติในตัวเองออกมา แค่นี้คุณก็จะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนต่อไปแล้ว!”
“ผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติมีน้อยนักและยากมากที่จะฆ่าพวกเขาได้ อีกอย่างอันตรายทุกครั้ง! แต่ผมไม่พอใจที่จะเป็นคนธรรมดาแบบนี้ ตลอดสามปีมานี้พวกเราคอยลอบสังหารผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติมาแล้วหลายคน แต่น่าเสียดาย…พวกเราไม่เคยทำสำเร็จเลย!”
‘พวกเรา?’
เวลานี้หลี่ฮ่าวจิตใจฟุ้งซ่าน
ฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพื่อเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนใหม่ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยและคาดไม่ถึงด้วยว่าหัวหน้าทีมหน่วยปฏิบัติการคนหนึ่ง…จะกล้าหาญขนาดนี้!
หลี่ฮ่าวมีเหงื่อผุดเต็มหน้าผาก
เขารู้แล้วทำไมหลิวหลงถึงอยากให้เขาเข้าทีมและรู้ถึงปัญหาตัวเองแล้ว แต่นั่นสำคัญอะไร จริงๆ แล้วเขาอยากใช้ตนเป็นเหยื่อล่อให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติปรากฏตัวเพื่อตามล่าฆ่าเขาต่างหาก
“เฮือก!”
หลี่ฮ่าวกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ เขาคิดว่าตัวเองใจเด็ดแล้วแต่วันนี้เขาเจอพ่อหนุ่มที่ทั้งบ้าคลั่งและใจกล้ายิ่งกว่าเขาเสียอีก
เสียงหัวเราะของหลิวหลงแฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง “จะกลัวอะไรเล่า? ดังนั้นผมเลยไม่อยากให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลเข้ามาแทรกแซง ถึงแม้จะอันตราย…แต่ก็ต้องเสี่ยงเพื่อให้ได้มันมา! หากไม่เข้าสู่วงการผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้วจะให้อยู่เป็นคนธรรมดาแบบนี้ตลอดไปอย่างนั้นเหรอ?”
“หลี่ฮ่าว คุณเองก็เหมือนกัน หากคุณอยากเข้าสู่ขอบเขตเหนือธรรมชาติ ถึงแม้คุณจะเข้าเป็นผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วแต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจจะโดนคัดออก เพราะผู้พิทักษ์รัตติกาลมีโอกาสให้คุณเพียงครั้งเดียว ดูดพลังวิเศษเข้าตัวเอง แต่พลังลี้ลับในตัวผู้พิทักษ์รัตติกาลมีจำกัด หากไม่สำเร็จในคราเดียวก็จะไม่มีโอกาสครั้งที่สองอีกต่อไป หากคุณเข้าสู่ขอบเขตนี้แล้วแต่โดนคัดออกให้กลับมาเป็นคนธรรมดา คุณจะพอใจเหรอ?”
“หรือว่า…ไม่มีใครทำเสร็จได้ในครั้งเดียวเลยเหรอ?”
หลี่ฮ่าวถามขึ้นประโยคหนึ่ง เขานึกถึงน้ำที่เขาดื่ม ‘พลังงานที่เปล่งแสงเจิดจ้านั่นคือพลังลี้ลับอย่างนั้นเหรอ?’
เหมือนว่าตนจะดื่มไปหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่เห็นกลายเป็นผู้มีพลังวิเศษอะไรเลย หรือว่า…จริงๆ แล้วตนกำลังดูดพลังเข้าสู่ร่างกายแต่ทำไม่เคยสำเร็จหรือเปล่านะ?
“มี!”
หลิวหลงพยักหน้าเล็กน้อย แต่วินาทีต่อมากลับพูดจาเยาะเย้ยว่า “อย่างน้อยในทุกๆ ปีป้อมปราการอันกว้างใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาลจะต้องคัดเลือกคนนับหมื่นเข้าไปเป็นผู้ถูกทดลอง! สุดท้ายผู้ที่ทำสำเร็จมีเพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น! หรือก็คือร้อยกว่าคน ส่วนที่เหลือต่างล้มเหลวกันหมด! หลี่ฮ่าว โควต้าผู้ถูกทดลองอันน้อยนิดของเมืองหยิน แม้คุณจะเป็นผู้ที่ถูกเลือกแต่คุณคิดว่าท่ามกลางคนนับหมื่นคุณจะเป็นหนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้นไหมล่ะ?”
หลี่ฮ่าวตกอยู่ในความเงียบงัน
“ดังนั้นตนควรเป็นที่พึ่งแห่งตน!”
หลิวหลงพูดเสียงขรึม “พึ่งตัวเองในการสังหาร! ใช้วิธีทางโลกเพื่อสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ! สังหารพวกเขาและชิงพลังลี้ลับของพวกเขามา ขอแค่เหมาะสมกับตน หากครั้งเดียวไม่สำเร็จ ครั้งที่สองครั้งที่สามก็ต้องสำเร็จบ้างล่ะ!”
หลี่ฮ่าวสูดหายใจเข้าลึก ในตอนนี้เขามองหลิวหลงที่ไม่ต่างอะไรกับคนบ้า
เพียงเพราะต้องการเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ คนธรรมดาคนหนึ่งถึงขั้นเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้บนเส้นด้ายแห่งความตายถึงขนาดฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ นี่มัน…เหนือความคาดหมายของหลี่ฮ่าวจริงๆ
เขาคิดว่าตนมีความคิดเช่นนั้นก็บ้าคลั่งมากพอแล้ว
แต่คนตรงหน้า ไม่เพียงแต่มีความคิดแบบนี้แต่เห็นได้ชัดว่าเขาเคยทำเรื่องแบบนั้นมาก่อนแล้ว
“หัวหน้า…คิดว่าผมจะล่อให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติปรากฏตัวได้หรือครับ?”
“แน่นอน!”
ในตอนนี้หลิวหลงเองก็เปิดอกพูดอย่างตรงไปตรงมา “คุณอย่ามาปฏิเสธ ครั้งแรกที่เจอคุณ จริงๆ แล้วผมสัมผัสได้ถึงพลังลี้ลับบางอย่าง นั่นแสดงว่าช่วงนี้คุณต้องเคยสัมผัสหรือเข้าใกล้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหรือของวิเศษอย่างแน่นอน คนประเภทแบบคุณ…กับขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติแบบนั้นต้องมีความเกี่ยวพันกันแน่นอน!”
หลี่ฮ่าวไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะกระบี่ดาราพรายและหินทรงมีดหรือเพราะน้ำแช่จี้หยกกระบี่ที่เขาดื่มเข้าไปกันแน่ เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าผู้นี้เห็นอะไรบางอย่างในตัวเขาแต่แรกแล้ว
‘น่ากลัวชะมัด!’
คนธรรมดาในร่างมนุษย์ต่อสู้กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพื่อให้ตนกลายเป็นผู้มีพลังพิเศษ
หลี่ฮ่าวไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นเก่งกาจเพียงใดแต่เขารู้ว่าต้องสุดยอดมากแน่นอน วิธีการสังหารของเงาโลหิตถือว่าน่ากลัวมาก แต่บุคคลคนนี้…ช่างบ้าคลั่งเสียจริง!”
“ไตร่ตรองเอาแล้วกัน ผมยินต้อนรับคุณเสมอ!”
จู่ๆ หลิวหลงก็กระโดดลงจากถังเก็บน้ำสูง จากนั้นก็มีเสียงดังลอยตามมาว่า “อย่าหวังพึ่งอาจารย์ของคุณเลย อาจารย์ของคุณช่วยคุณไม่ได้หรอก แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่มีความสามารถนั้น ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่อยากให้อาจารย์ของคุณหรือลูกศิษย์ของอาจารย์คุณก้าวเข้ามาในขอบเขตลี้ลับนี้หรอก เพราะ…ขัดผลประโยชน์ของพวกเขา!”
หลี่ฮ่าวใจเต้นเล็กน้อย ‘อาจารย์…..ก็ไม่สามารถอย่างนั้นเหรอ”
…………………………………………………