ตอนที่ 12 ตัดสินใจ (1)
บนถังเก็บน้ำสูง
หลิวหลงเดินจากไปทิ้งหลี่ฮ่าวไว้เพียงลำพัง
“เหยื่อ…”
หลี่ฮ่าวพึมพำเบาๆ เขาเข้าใจความต้องการของหลิวหลงอย่างถ่องแท้แล้ว
‘เจ้าหมอนี่ดูผิวเผินเหมือนเป็นคนหยาบกระด้าง แต่ความจริงแล้วเขาคือปรมาจารย์แห่งความพิถีพิถัน จากทั้งหมดที่เขาพูดมาเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนใจเด็ดและตรงไปตรงมามากทีเดียว’
ไม่เพียงเท่านั้น อีกอย่างถึงแม้หลิวหลงจะพูดจากำกวม แต่ในคำพูดกลับสื่อความหมายไว้อย่างชัดเจน
คนอย่างหลิวหลงไม่ใช่คนที่จะถีบหัวส่งคนที่หมดประโยชน์แล้ว เขาเป็นคนให้ความสำคัญกับพวกพ้องเสมอ!
‘ใช่!’
จุดนี้สังเกตได้จากตอนหลิวหลงพูดว่าเขาไม่ต้องการสืบว่าใครคือหนอนบ่อนไส้ในหน่วยปฏิบัติการ เพียงประโยคเดียวแต่จริงๆ แล้วหลิวหลงกลับกำลังแสดงจุดยืนของตัวเอง
ผมทำร้ายพวกที่ทรยศผมไม่ลง
ถ้าหลี่ฮ่าวคุณยินดีที่จะช่วยผม ผมจะไม่ลืมบุญคุณครั้งนี้อย่างแน่นอน
นี่ต่างหากที่เรียกว่ายอดฝีมือตัวจริง!
สื่อสารที่ไร้เสียงและไม่ได้พูดออกมาโดยตรง แต่หากไตร่ตรองดูก็จะเข้าใจได้ในทันที เพียงเพราะคำว่ามิตรภาพ แม้แต่คนทรยศ หลิวหลงยังไม่อยากต่อกรด้วยเลย เช่นนั้นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น
“ให้ความสำคัญกับมิตรภาพขนาดนั้นเชียวเหรอ?”
หลี่ฮ่าวคิดในใจ เขาไม่อยากเชื่อและไม่กล้าคิดว่ามันจะเป็นความจริง
คนกลุ่มนี้ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ
คำพูดพวกนั้นของหลิวหลง เขาใช้กลยุทธ์มากมาย ทั้งวางมาดตบตา ใช้แผนหลอกล่ออีกฝ่าย ขมขู่ให้เสียขวัญและใช้เหตุผลได้อย่างชาญฉลาด…เพียงบทสนทนาไม่กี่ประโยค แต่ก็ไม่อาจรู้ว่าหลิวหลงใช้เซลล์สมองไปมากเท่าไหร่ในการกลั่นกรองคำพูดพวกนั้น
“สังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพื่อชิงพลังลี้ลับที่เข้ากับร่างกายตนได้ ครั้งแรกไม่สำเร็จ ก็ลองครั้งที่สอง ครั้งที่สาม…เพียงเท่านี้ก็จะกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนใหม่อย่างนั้นเหรอ?”
จู่ๆ หลี่ฮ่าวก็รู้สึกท้อใจ
ดูเหมือนว่าโลกของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคงไม่ได้สงบสุขอย่างที่คิด
แม้แต่คนธรรมดาอย่างหลิวหลงยังคิดที่จะสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเลย แล้วผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้วยกันเองล่ะจะขนาดไหน?
‘อาจจะดุเดือดกว่า!’
‘มิน่าล่ะพวกที่มีพลังเหนือธรรมชาติถึงไม่ชอบทำตัวเป็นจุดสนใจ ไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน คงเพื่อหลบหลีกปัญหาที่จู่ๆ อาจโผล่มาโดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยสินะ’
“ดูเหมือนหลิวหลงจะบอกอะไรกับเราเยอะมาก แต่จริงๆ แล้วกลับเป็นข้อมูลเบื้องต้นเท่านั้น เขาไม่ได้พูดรายละเอียดอะไรมากนัก ถ้าเราไม่เข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการเขาคงไม่มีวันบอกรายละเอียดกับเราแน่”
‘เช่นแนวทางการฝึกฝนพลังของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ วิธีดูดพลัง พลังแข็งแกร่งและอ่อนแอที่แท้จริง ประเภทของพลัง…’
สิ่งพวกนี้หลิวหลงไม่เอ่ยถึงเลยแม้แต่น้อย
“อีกอย่างเรามีพลังลี้ลับในตัวจริงหรือเปล่า? หรือว่าเขาแค่พูดลอยๆ เพื่อให้เราร้อนตัวแล้วยอมรับว่าเราเอาหินของตระกูลจางไปจริงๆ?”
หลี่ฮ่าวสงสัยเพราะโอกาสเป็นไปได้สูงมาก
สิ่งหนึ่งที่หลิวหลงไม่รู้ก็คือหลี่ฮ่าวสามารถมองเห็นพลังลี้ลับนั้นได้ นี่ไม่ใช่ความสามารถที่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งจะมีได้เลย
พลังแสงดารามีความเป็นไปได้ที่จะเป็นพลังลี้ลับ
แต่หลี่ฮ่าวสามารถมองเห็นได้ว่าเขาไม่มีพลังวนเวียนเหนือร่างกาย ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะเป็นเงาโลหิตหรือคนของเงาโลหิตไม่มีทางอยู่เฉยแน่นอน
‘หลิวหลงกำลังหลอกตน!’
แต่หลี่ฮ่าวกลับมองเห็นอะไรบางอย่างบนตัวหลิวหลง เจ้าหมอนั่นมีพลังแสงดาราแผ่ออกมาจางๆ ซึ่งจางมากๆ นั่นอาจจะเป็นพลังลี้ลับก็ได้
“หลิวหลงเคยสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ อีกทั้งยังเคยดูดพลังลี้ลับของพวกเขามา เพียงแต่อาจจะไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ พลังลี้ลับจึงยังแฝงอยู่ภายในร่างกายเขา ถ้าเป็นแบบนั้นจริงแสดงว่าหลิวหลงเองก็มีโอกาสเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติน่ะสิ”
ใช่ เขาสามารถมองเห็นจริงๆ
เหมือนดั่งพวกเงาโลหิต!
มนุษย์ธรรมดามองไม่เห็นเงาโลหิต แต่หลี่ฮ่าวกลับมองเห็น
ไม่ใช่แค่หลิวหลง สมาชิกข้างกายหลิวหลงก็มีพลังลี้ลับแฝงอยู่บ้างเช่นกัน
“พวกเรา” ที่เขาหมายถึง หลี่ฮ่าวเดาว่าอาจจะเป็นสมาชิกในทีมของเขา ผู้หญิงที่มีจริตจะก้านคนนั้น อู๋เชาที่คอยติดตามและค้นหาเบาะแส รวมถึงสมาชิกอื่นๆ อีกสองคนในทีมด้วย’
ถ้ารวมหลิวหลงเข้าไปก็มีทั้งหมดห้าคน แต่ไม่ใช่ทุกคนในหน่วยปฏิบัติการ
‘ดูแล้วเหมือนกับว่าภายในหน่วยปฏิบัติการยังมีหน่วยงานเล็กๆ อีกหน่วยงานหนึ่งแฝงอยู่ ความจริงก็คือทีมที่พวกหลิวหลงก่อตั้งขึ้นเพื่อลอบสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติโดยเฉพาะ’
“ด้วยอาวุธอานุภาพร้ายแรงงั้นเหรอ? หรือจะเป็นวิธีอื่น?”
‘ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคงฝีมือไม่ใช่เล่นๆ แน่ ไม่อย่างนั้นหลิวหลงคงไม่มีความจำเป็นต้องตามล่าพวกเขาขนาดนี้หรอก ทว่ากลับมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตายด้วยน้ำมือของพวกเขาด้วย จริงๆ แล้วทีมนี้ก็น่ากลัวไม่ใช่น้อยเลย’
กองตรวจการณ์เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
การใช้อาวุธอานุภาพสูงล้วนอยู่ในอำนาจของกองตรวจการณ์ แม้ว่าจะมีคนตามสืบเจอภายหลัง หน่วยปฏิบัติการก็สามารถรับมือได้อย่างง่ายดาย ถ้าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเผลอไม่ระวังก็อาจจะโดนกลุ่มคนพวกนี้กำจัดทิ้งได้เช่นกัน
หลี่ฮ่าวกำปืน Vortex รุ่นที่สามระยะยิง 50 เมตรในมือแน่น ขนาดเขายังกล้าจัดการแม้แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ เช่นนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลิวหลงเลย
พูดอย่างตรงไปตรงมา เขาก็คือผู้ดูแลรับผิดชอบความสงบเรียบร้อยของเมืองหยิน
ส่วนผู้อำนวยการกองตรวจการณ์ก็ได้แต่นั่งอยู่ในสำนักงาน เขาคงไม่ลงมาตรวจการณ์ด้วยตัวเองหรอก หน่วยปฏิบัติการต่างหากที่ทำงานชั้นแนวหน้า และหลิวหลงต่างหากที่เป็นหัวหน้าใหญ่ของที่นี่
…
หลี่ฮ่าวกระโดดลงจากถังเก็บน้ำสูง
เดินพลางครุ่นคิดไป
‘ถ้าเราปฏิเสธจะเป็นยังไงนะ?’
‘หลิวหลงจะสร้างความเดือดร้อนให้เราหรือเปล่า?
หลิวหลงจะแอบแพร่งพรายเรื่องเราให้กับทางเงาโลหิตรู้หรือเปล่า หรือถึงขั้นบอกพวกเขาว่ามีดของตระกูลจางและกระบี่ของตระกูลหลี่อยู่ในมือของหลี่ฮ่าวไหมนะ?
‘หรืออาจจะสังหารเราให้ตายไปอย่างเงียบๆ?’
“เขาดูภายนอกเหมือนคนโผงผางตรงไปตรงมา แต่ความจริงแล้ว…กลับเป็นคนที่โหดเหี้ยมอำมหิตคนหนึ่งเลย!”
ณ เวลานี้ หลี่ฮ่าวไม่คิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนหยาบกระด้างอีกต่อไป
‘แม้กระทั่งการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของหน่วยปฏิบัติการ เขาอาจจะจงใจปล่อยปะละเลยเพื่อทำให้คนอื่นตายใจ เพื่อทำให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตายใจ เพื่อให้คนทั้งเมืองหยินคิดว่าหน่วยปฏิบัติการมีเพียงแค่ชื่อแต่ไม่มีความสามารถ’
ใช้พลังอันน้อยนิดเอาชนะพลังอันยิ่งใหญ่!
“หนอนบ่อนไส้…หึๆ คงไม่ใช่ว่าหลิวหลงเป็นคนบงการหรอกนะ? ถึงจะไม่ใช่ แต่ก็เป็นเพราะเขาปล่อยปะละเลย เจ้าหมอนั่นต้องรู้แน่ว่าใครคือหนอนบ่อนไส้ เขาเลือกที่จะไม่จัดการ แต่เขาจงใจทำแบบนี้!”
เซลล์ในสมองหลี่ฮ่าวประมวลผลอย่างรวดเร็ว วินาทีนี้เขาเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น
หลิวหลงแห่งหน่วยปฏิบัติการต้องเป็นคนสำคัญอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน!
ความอลหม่านในหน่วยปฏิบัติการต้องเป็นเจตนาของเขาแน่นอน ไอ้หมอนี้ช่างร้ายกาจเกินไปแล้ว
หลังจากพึมพำในใจอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ฮ่าวก็เริ่มขบคิดดูว่าหากตนยอมเข้าหน่วยปฏิบัติการจะได้ผลประโยชน์อะไรบ้าง?
“ถ้าเข้าร่วมกับพวกเขา ก็จะมีคนคอยช่วยรับมือกับฝ่ายเงาโลหิต เพราะเป้าหมายของหลิวหลงก็คือผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ!”
“เขาไม่รู้เรื่องราวของผู้พิทักษ์รัตติกาลเลยแม้แต่น้อย และไม่รู้ด้วยว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกับเงาโลหิตอย่างไร? ถ้าพวกหลิวหลงมีจุดประสงค์เพื่อต้องการกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจริง แสดงว่าพวกเขาต้องมุ่งมั่นทุ่มเทมากกว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลแน่นอน เพียงแต่ว่าความสามารถของพวกเขาด้อยกว่า”
“แต่เขาเคยมีประสบการณ์สังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมาก่อน แสดงว่าพวกเขาก็ใช่ว่าจะไม่มีฝีมือเลย”
ในตอนนี้ หลี่ฮ่าวตกเป็นเป้าหมายต่อไปของเงาโลหิต
‘วันนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เกรงว่าเงาโลหิตคงเตรียมคิดแผนเล่นงานตนแล้วล่ะ?’
“จริงๆ แล้วก็กลัวแค่…”
หลี่ฮ่าวเดินไปตามถนนพร้อมตกอยู่ในห้วงความครุ่นคิด
‘กลัวอะไร?’
‘กลัวว่า…แท้จริงแล้วหลิวหลงจะเป็นพวกเดียวกับเงาโลหิตนั่นต่างหาก นี่อันตรายที่แท้จริงเลยล่ะ!’
เรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็จะตกอยู่ในอันตรายจริงๆ!”
ตอนนี้หลี่ฮ่าวอดคิดแบบนั้นไม่ได้เลย ถ้าหลิวหลงเป็นพวกเดียวกับเงาโลหิตจริง เช่นนั้นเท่ากับว่าตอนนี้เราก็เผยความลับออกไปเกือบหมดแล้วสิ
“เฮ้อ!”
กลุ้มใจจังแฮะ
‘หมากในคืนนี้เดินเกมได้ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไรนัก ผิดแผนไปหน่อย หากหลิวหลงจัดการกับพวกเงาโลหิตได้จริงก็ดี แต่ถ้าไม่ได้ เราก็คงตกอยู่ในอันตรายยิ่งกว่าเดิม
………………………………………………………..