ตอนที่ 13 ทีมล่าปีศาจ (1)
ในค่ำคืนนี้ กว่าหลี่ฮ่าวที่กลับถึงบ้านจะเข้าสู่ห้วงนิทราได้ก็ใช้เวลานานพอตัว
ถึงแม้จะนอนหลับแต่ก็ยังระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ เจ้าเสือดำถูกทิ้งไว้เฝ้ายามอยู่หน้าประตู ปืน Vortex รุ่นที่สามอยู่ข้างกายไม่ห่างโดยที่เขาไม่คิดเกรงกลัวว่าปืนจะลั่นเลยสักนิด เขากลัวว่าหากหมาชนตรอกขึ้นมามันทำได้ทุกอย่างจริงๆ
โชคดีที่คืนนี้ไม่มีเรื่องเหนือคาดใดเกิดขึ้น
บางทีอีกฝ่ายคงกำลังรออยู่ รอคอยค่ำคืนที่ฝนตกพรำมาเยือน
……
วันที่ 13 เดือนกรกฎาคม ปี 1730
เรื่องวุ่นวายเมื่อคืนวานเหมือนดั่งความฝัน หมู่บ้านฉี่หมิงยังคงสงบเหมือนเดิม ไม่มีใครสนใจเสียงดังครึกโครมบนถนนสายเก่าเมื่อคืนวานเลยสักคน บางทีอาจมีคนสังเกตเห็นแต่คงไม่ได้ถือว่าเป็นเรื่องราวใหญ่โตอะไร
ตอนเช้า
หลี่ฮ่าวตื่นนอน ล้างหน้าแปรงฟันแล้วต้มน้ำร้อนหนึ่งแก้ว จากนั้นถึงโยนจี้หยกกระบี่ลงไป
เขารอสักพักหนึ่ง
ครั้นน้ำร้อนเย็นลงแล้ว หลี่ฮ่าวถึงลองดื่มไปอึกหนึ่งพลันขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย
“พลังแสงดาราอ่อนลงแล้ว”
หลี่ฮ่าวผงะไปราวกับครุ่นคิดอะไรอยู่ หากเทียบกับเมื่อวานแล้ว น้ำแช่จี้หยกกระบี่ของวันนี้เหมือนจะมีพลังแสงดาราลดลงไปหน่อยหนึ่ง
“หากลดลงแค่นิดหน่อยคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สิ่งสำคัญอยู่ที่พลังลี้ลับนี้สามารถฟื้นคืนมาได้ไหม…”
นี่ต่างหากที่เป็นคำถามที่หลี่ฮ่าวอยากรู้
พลังลี้ลับบนจี้หยกกระบี่คือพลังที่แฝงตัวซ่อนอยู่ภายใน หรือว่าแช่จี้หยกกระบี่หนึ่งครั้งต้องมีระยะเวลาที่จำกัดแน่นอนถึงจะกลับมาอยู่ในระดับเดิมได้ หากสามารถฟื้นพลังคืนมาได้ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่ใช้ไม่มีวันหมด!
ส่วนหินมีด หลี่ฮ่าวยังไม่ได้ลองหยิบมาใช้
เมื่อคืนเขากังวลว่าจะมีคนสะกดรอยตามมาเลยไม่สะดวกหยิบออกมานัก
พอดื่มน้ำแก้วหนึ่งหมด เขาก็รับรู้ได้ถึงกระแสไออุ่นที่ไหลเวียนในร่างกาย หลี่ฮ่าวรีบฝึกซ้อมเคล็ดวิชาลิงตามตำราห้าปาณภูต ถึงแม้จะพัฒนาขึ้นแต่ก็อาจจะรับมือกับเงาโลหิตไม่ได้อยู่ดี บางทีการพัฒนาขึ้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี หลี่ฮ่าวไม่มีทางปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปแน่นอน
ในขณะที่ฝึกซ้อมหลี่ฮ่าวก็ขบคิดไปพร้อมกัน
ในหนึ่งวันใช้กระบี่ดาราพรายแช่น้ำได้กี่ครั้งนะ หรือหนึ่งวันจะแช่ได้เพียงครั้งเดียว แล้วน้ำที่แช่ออกมาได้แต่ละครั้งมีประสิทธิภาพต่างกันมากไหมนะ
เรื่องนี้คงต้องค่อยๆ ทดลองไปถึงจะได้
ภายในห้อง เงาร่างของหลี่ฮ่าวยังคงเคลื่อนไหวว่องไวเหมือนเดิม เขาโหนตัวไปทั่วทุกมุมห้องดั่งลิงก็มิปาน
ครั้งนี้ จำนวนครั้งในการฝึกซ้อมไม่ได้มากเหมือนเมื่อคืนวาน
หลังจากฝึกซ้อมติดต่อกันสามครั้งเขาก็ยังรู้สึกเหลือแรงอยู่บ้าง ทว่าหลี่ฮ่าวกลับไม่ได้ฝึกซ้อมต่อ พลังแสงดาราที่ปกคลุมภายนอกร่างกายสลายไปจนสิ้นแล้ว เดิมทีหลี่ฮ่าวเองก็รอจนพลังแสงดาราจางหายไปหมดก่อนถึงเลือกจะหยุดการฝึกซ้อมเพียงเท่านี้
เขากังวลว่าเงาโลหิตหรือผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนอื่นๆ จะมองเห็นพลังแสงดาราที่ปกคลุมรอบกายเหมือนกับที่ตัวเขาเห็น
หากเป็นเช่นนั้นคงหลุดความลับออกไปแน่
พวกหลิวหลงเองต่างก็มีพลังแสงดาราอ่อนๆ เช่นนี้ปรากฏ หลี่ฮ่าวมองออกตั้งแต่แวบแรกแล้ว ดังนั้นคนพวกนี้จึงปกปิดหลี่ฮ่าวไม่ได้
‘เมื่อก่อนก็เคยเจอหลิวหลงเหมือนกัน แต่กลับไม่เคยเห็นอะไรแฮะ…’
หลี่ฮ่าวขบคิดในใจพลางนึกย้อนเหตุการณ์เมื่อคืนวาน ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นแสงดาราปกคลุมรอบกายของหลิวหลงเลย นั่นเป็นเพราะตาของเขามองไม่เห็นหรือเพราะช่วงนี้หลิวหลงมีความเปลี่ยนแปลงอะไรไปกันแน่นะ?
หรือบางทีเป็นเพราะตนดื่มน้ำแช่จี้หยกกระบี่เข้าไปเลยทำให้มองเห็นได้อย่างนั้นเหรอ?
ตัวเขาในตอนนี้เข้าใจเรื่องพวกนี้น้อยมากจริงๆ
“โลกเหนือธรรมชาติ!”
หลี่ฮ่าวล้างทำความสะอาดตัวอีกรอบและเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาถึงรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก
เขาเอาน้ำแช่จี้หยกกระบี่รินใส่จานอาหารสุนัขของเจ้าเสื้อดำ แววตาของเจ้าเสือดำเต็มไปด้วยความตื่นเต้นราวกับอดใจไม่ไหวอยากสูบน้ำเหล่านี้ให้หมดโดยเร็ว ครั้นดื่มหมดมันก็ยังรู้สึกว่าไม่พอเลยส่ายหางดุกดิกใส่หลี่ฮ่าว
หลี่ฮ่าวสำรวจเจ้าเสือดำอย่างละเอียดครู่หนึ่งถึงถอนหายใจออกมา
“ดีชะมัดเลย!”
เขารู้สึกว่าแสงดาราบนตัวของเจ้าเสือดำจะเข้มข้นกว่าตนอยู่หน่อย นี่เป็นเพราะดูดซับพลังได้น้อยเลยแผ่กระจายออกมามากหรืออย่างไรกันนะ?
หรือในทางกลับกันอาจเป็นเพราะมันดูดซับได้มากเลยมีแสงดาราปกคลุมอาบท่วมตัวมากขนาดนั้นกันแน่?
หลี่ฮ่าวเองก็ไม่รู้เช่นกัน!
เขายอมคิดว่าเจ้าสุนัขตัวนี้ดูดซับพลังเข้าไปได้ไม่มากเลยทำให้แสงดาราแผ่กระจายออกมามากขนาดนี้ มิเช่นนั้นก็แปลว่าสุนัขตัวนี้เก่งกว่าเขามิใช่หรือ อีกทั้งยังดูดซับพลังแสงดาราได้ดีกว่าเขามากด้วย
“โฮ่งๆ!”
เจ้าเสือดำดูดีอกดีใจเหมือนกำลังบอกว่าขออีกแก้วสิ
หลี่ฮ่าวลูบศีรษะของมันพลางอมยิ้มกล่าว “หมดแล้ว! ครั้งหน้าค่อยดื่มแล้วกันนะ!”
ขณะที่พูดเขาก็กำชับว่า “ตอนฉันไปทำงาน แกคอยอยู่เฝ้าบ้านให้ดี! นอกจากฉันแล้ว ไม่ว่าใครมาก็ต้องคอยจับตาดูไว้ให้ดี จดจำกลิ่นเอาไว้ ถ้าทำได้ก็สะกดรอยตามไปดูสักหน่อย…แต่อย่าไปไกลนักล่ะ”
เขากังวลว่าพอเขาออกบ้านไปจะมีคนแอบเข้ามาในบ้านของตน
ความจริงนอกจากจี้หยกกระบี่ที่อยู่บนตัวเขา ในบ้านก็ไม่มีสิ่งของมีค่าอะไรอย่างอื่นแล้ว
แน่นอนว่าหินทรงมีดที่เขาหยิบมาเมื่อคืนก็ถือว่าเป็นสมบัติล้ำค่าเช่นกัน
แต่เขากลับไม่กลัวใครเห็นหินมีดนัก ถึงแม้หินจะใหญ่ไปบ้างจนไม่สะดวกพกพาติดตัว แต่หลี่ฮ่าวเอาหินมีดวางไว้ในบ้านสุนัขของเจ้าเสือดำใต้ล่างตึกแล้ว แบบนี้ยังจะมีใครเห็นอีกเหรอ?
ส่วนหากถูกคนสัญจรไปมาหยิบเก็บไปละก็คงเป็นเรื่องขบขันน่าดู เพราะใครจะเก็บหินก้อนหนึ่งที่อยู่ในบ้านสุนัขดุขนาดนี้กัน?
ส่วนเรื่องทำความสะอาดในหมู่บ้าน หากพวกเขาว่างจนไม่มีอะไรทำถึงจะช่วยทำความสะอาดให้ต่างหาก
เอาเป็นว่าไม่มีที่ใดปลอดภัยเท่าบ้านสุนัขแล้วล่ะ
อีกอย่างถ้าหายไปจริงๆ เจ้าเสือดำต้องรู้แน่นอน หากสะกดรอยตามได้ อย่างไรเสียก็ปลอดภัยกว่าเขาพกติดตัว จี้หยกกระบี่ใช้ห้อยคอไว้ไม่เป็นไร แต่ใครจะพกหินก้อนหนึ่งไว้บนตัวกัน แม้แต่คนโง่ยังรู้ว่าผิดปกติเลย
“โฮ่ง!”
เจ้าเสือดำฟังคำพูดของหลี่ฮ่าวเข้าใจ มันพยักหน้า เจ้าหมอนี่ฉลาดกว่าเดิมเสียอีก
หลี่ฮ่าวลุกขึ้นแล้วสาวเท้าเดินลงตึกไป
……
ร้านขายอาหารเช้าเจ้าประจำนอกหมู่บ้านที่คุ้นเคยกันดี ไม่ต้องให้หลี่ฮ่าวเปิดปากพูดเจ้าของร้านก็ส่งซาลาเปาไส้เนื้อสองสามลูกพร้อมน้ำเต้าหู้หนึ่งแก้วมาให้แล้ว
หลี่ฮ่าวเองก็ไม่ได้ทานฟรี พอเขาจ่ายเงินเสร็จก็ขี่จักรยานมุ่งไปทางกองตรวจการณ์อย่างไม่รีบร้อนนัก
รถคันสีดำที่สะกดรอยตามเขาเมื่อวานหลังเลิกงานไม่ได้ขับโผล่มาอีก
ไม่รู้ว่าล้มเลิกการสะกดรอยตามไปแล้วหรือเพราะเรื่องเมื่อวานเลยไม่กล้าสะกดรอยตามตนกันแน่
จนกระทั่งหลี่ฮ่าวเข้ากองตรวจการณ์ไป เขาไม่รู้สึกว่ามีใครสะกดรอยตามเขาเลยสักนิด
……
ณ กองตรวจการณ์
ห้องเก็บแฟ้มคดี
หลี่ฮ่าวมาเป็นคนแรกอีกเช่นเคย
เขาเริ่มจากทำความสะอาดห้องทำงานอย่างง่ายๆ ก่อนต้มน้ำร้อนเฉกเช่นปกติ เวลานี้ถึงเริ่มมีคนทยอยมาทำงานแล้ว
เฉินน่าเองก็มีประสบการณ์ไม่มากนัก หล่อนเองก็มาเช้าเช่นกัน
อากาศค่อนข้างร้อน เช้าตรู่เช่นนี้เฉินน่ารู้สึกง่วงเหงาหาวนอนอยู่บ้าง อาจจะเพราะเมื่อคืนนอนหลับไม่สนิทดี หล่อนเลยหาววอดใหญ่ ครั้นเห็นหลี่ฮ่าวก็ตำหนิขึ้นว่า
“หลี่ฮ่าว นายก็ร้ายใช่ย่อย! เมื่อคืนไปสืบคดี ทำไมถึงไม่เรียกฉันบ้าง?”
“พี่น่าก็รู้ด้วยเหรอ?”
“เพ้อเจ้อน่า!”
เฉินน่าหาวพลางเอ่ย “ต้องรู้อยู่แล้วสิ เมื่อคืนหน่วยปฏิบัติการออกปฏิบัติการกันหมด!”
เรื่องใหญ่โตไม่น้อย หล่อนย่อมรู้ข่าวคราวอยู่แล้ว
ไม่นานเฉินน่าก็สะบัดศีรษะไล่ความง่วง จากนั้นก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจว่า “เมื่อคืนนายเจอฆาตกรแล้วเหรอ”
“เปล่า”
หลี่ฮ่าวส่ายศีรษะ “แค่รู้สึกว่าโดนคนสะกดรอยตามก็เท่านั้น”
“เล่นกันขนาดนี้เชียว?”
เฉินน่ายังไม่เคยเข้าร่วมไขคดีใหญ่ หล่อนนึกสนใจขึ้นมาชั่วขณะเลยเอ่ยอย่างตื่นเต้นว่า “พูดแบบนี้หมายความว่าแฟ้มคดีที่นายเคยให้ฉันดูก่อนหน้านี้เป็นฝีมือของเขาหมดเลยเหรอ?”
หลี่ฮ่าวพยักหน้าน้อยๆ “น่าจะเป็นเช่นนั้น”
“แบบนี้นายก็ได้ความดีความชอบสิ!”
………………………………………………………………..