ตอนที่ 13 ทีมล่าปีศาจ (2)
เฉินน่าแสดงท่าทีตื่นเต้นมากกว่าเดิม “หลี่ฮ่าว หากสืบตามตัวฆาตกรเจอ นายได้ความดีความชอบไป ไม่แน่คดีนี้คดีเดียวนายคงได้เลื่อนขั้นไปเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับสองเลยก็ได้นะ!
หล่อนนึกอิจฉาอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ฮ่าวยังได้ร่วมทำคดีใหญ่ด้วย น่าเสียดายที่หล่อนไม่สามารถร่วมทำคดีด้วยได้
หล่อนไม่ใช่คนนิสัยที่จะทนเหงาได้สักหน่อย
“ยังไม่มีเบาะแสเหรอ”
หลี่ฮ่าวไม่ได้บอกอะไรมากนัก เฉินน่ากลอกลูกตาไปมา ไม่นานก็เอ่ยเสียงเบาว่า “ก่อนหน้านี้คุยกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าพรุ่งนี้จะไปบ้านเกิดฉัน หลี่ฮ่าวนายยังจะไปอยู่ไหม ถ้าไปพวกเราจะถูกคนสะกดรอยตามหรือเปล่า หลี่ฮ่าว นายว่าถ้าเราร่วมมือกันตามจับฆาตกรได้ ฉันจะมีความดีความชอบไปด้วยไหม?”
เมื่อวานหลี่ฮ่าวคุยกับหล่อนไว้แล้วว่าพรุ่งนี้จะไปบ้านเกิดของเฉินน่าเพื่อถามความเป็นมาของบทเพลงพื้นบ้านนั่นด้วยกัน
แต่ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อวานหลี่ฮ่าวถึงถูกคนสะกดรอยตามได้ อันตรายรอบด้าน กระทั่งเงาโลหิตยังปรากฏตัวด้วยซ้ำ
เวลานี้หลี่ฮ่าวสงสัยอยู่บ้าง
เขามองเฉินน่าแวบหนึ่งแล้วเปิดปากเอ่ย “ช่างเถอะ ไม่ไปแล้ว พวกเราต่างเป็นมือใหม่ มันอันตรายเกินไป ช่วงนี้พยายามอยู่เงียบๆ ไปก่อนจะดีกว่า” เขาไม่อยากดึงเพื่อนร่วมงานคนนี้มาพัวพันด้วย
หากพัวพันเกี่ยวข้องกับขอบเขตพลังเหนือธรรมชาตินี้ มันอันตรายเกินไป
ส่วนเรื่องบทเพลงพื้นบ้าน เขาไม่รีบดีกว่า ถึงอย่างไรเสียก็รู้สถานการณ์ในตอนนี้แล้ว หากสนใจขึ้นมาจริงๆ รอจัดการเงาโลหิตได้แล้ว วันหลังค่อยไปตามสืบก็ยังไม่สายเกินไป
“อ้าว? ไม่ไปแล้วเหรอ?”
เฉินน่าผุดสีหน้าเสียดายขึ้นบนใบหน้าทันที หล่อนยังอยากเข้าร่วมการสืบคดีครั้งใหญ่นี้ด้วยนี่นา!
“หลี่ฮ่าว ไปเถอะ จะกลัวอะไร อย่างมากก็แค่บอกหน่วยปฏิบัติการไว้ก่อน หากพวกเราเป็นเหยื่อล่อ ไม่แน่อาจจะจับตัวฆาตกรได้เลยด้วยซ้ำนะ!”
หล่อนเองก็รู้ว่ามันเสี่ยง แต่แค่รายงานให้หน่วยปฏิบัติการทราบก็พอแล้วนี่
“ค่อยว่ากันแล้วกัน!”
พวกเขาสองคนคุยกันไม่กี่ประโยค คนอื่นๆ ก็ทยอยมากันแล้ว
มีหลายคนที่รู้เรื่องเมื่อคืน ทันทีที่พี่อวี้เหยียบเข้าประตูมาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวว่า “เสี่ยวฮ่าว เธออย่าทำอะไรโง่ๆ นะ! คดีอันตรายแบบนี้นายอย่าเข้าไปยุ่งเลย ห้องเก็บแฟ้มคดีเรางานน้อยอันตรายน้อย เงินเดือนก็ไม่แย่! งานดีๆ แบบนี้ เธอจะไปหาที่ไหนได้อีก? อยู่ห้องเก็บแฟ้มคดีอย่างว่าง่ายแบบนี้ไปเถอะ อย่าเข้าไปยุ่งเรื่องงานของหน่วยปฏิบัติการเลย!”
“นั่นสิ เสี่ยวฮ่าว ฟังคำเตือนของลูกพี่ของนายเถอะ อย่ายุ่งเรื่องพวกนี้เลย เรื่องอันตรายยังไม่ต้องพูดถึงหรอก แต่ไม่มีข้อดีอะไรด้วยนี่สิ”
“…”
ทุกคนต่างเป็นห่วงน้องคนเล็กคนนี้เลยเอ่ยเกลี้ยกล่อมกันไม่ขาดสาย
เพราะพวกเขาอยู่ห้องเก็บแฟ้มคดีมานานเลยทำให้ทุกคนไม่ถนัดเรื่องสืบคดีไปแล้ว หากตอนนี้ให้พวกเขาไปทำงานเป็นชั้นแนวหน้า เกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่เต็มใจอยากทำ
หลี่ฮ่าวเองก็ไม่ได้เอ่ยคัดค้านอะไร เขาแค่พยักหน้ารับพร้อมยิ้มแย้มแต้มใบหน้า
ราวกับบอกว่าเขาเองก็จนปัญญา เพราะเขาดันพัวพันกับคดีนี้ไปแล้วพอดี
……
กระทั่งหวังเจี๋ยเดินเข้าประตูมา ทุกคนถึงได้สงบลง
“หลี่ฮ่าว มาห้องทำงานของผมหน่อย!”
หลังจากหวังเจี๋ยพูดจบก็เดินเข้าห้องทำงานไปทันที
ทว่าหลี่ฮ่าวกลับรออีกครู่หนึ่งถึงจะลุกขึ้นเดินตรงไปทางห้องทำงาน
……
ในห้องทำงาน
หวังเจี๋ยกวาดตามองหลี่ฮ่าวอย่างละเอียด ฉีกยิ้มพลางนวดมือตัวเอง “นั่งสิ!”
หลี่ฮ่าวนั่งลงด้วยท่าทีระมัดระวัง
หวังเจี๋ยกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่อีกต่อไป “ระแวงอะไรขนาดนั้น นายระวังตัวมากเกินไปแล้ว ทำแบบนี้จะอยู่ในหน่วยปฏิบัติการยากเอานะ”
หลี่ฮ่าวเงยหน้าขึ้นมา
หวังเจี๋ยมองเขาแล้วเอ่ย “ทางฝั่งหน่วยปฏิบัติการต่อสายตรงมาหาผมเมื่อคืนบอกว่าอยากขอโยกย้ายตัวคุณไป น้อยครั้งนักที่หลิวหลงจะเอ่ยปากเช่นนี้ อีกอย่างยากมากนะที่จะเห็นเขาออกหน้าขอคุณไปตรงๆ แบบนี้ เท่ากับว่าเขาให้ความสำคัญมาก! หลี่ฮ่าว ดูท่าทางคุณจะเข้าตาหลิวหลงเพราะคดีไฟคลอกเข้าแล้ว หน่วยปฏิบัติการอยากได้ตัวคุณไป คุณคิดเห็นว่าอย่างไร?”
ความจริงหวังเจี๋ยปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว
หวังเจี๋ยคิดว่าหลี่ฮ่าวเองก็คงปฏิเสธไม่ลง เขาว่ากันว่าอาจารย์ของหลี่ฮ่าวให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ หากคิดจะปฏิเสธจริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา
หลิวหลงของหน่วยปฏิบัติการ ตำแหน่งสูงกว่าหวังเจี๋ยมาก
อีกอย่างเขาเป็นคนกุมอำนาจอย่างแท้จริง!
หวังเจี๋ยอยากฟังความคิดของหลี่ฮ่าว
หลี่ฮ่าวครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง งุดหน้าลงแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า “หัวหน้าครับ ผมอยากไป! ห้องเก็บแฟ้มคดีก็ดีครับ ผมชอบมาก แต่หัวหน้าก็รู้ว่าผมเข้ากองตรวจการณ์มาก็เพื่อจุดประสงค์เดียว…ก็คือแก้แค้นให้เพื่อนผม!”
“เฮ้อ!”
หวังเจี๋ยถอนหายใจเสียงเบา “ผมก็เข้าใจได้ ความจริงหากคุณไปผมก็ทำใจไม่ได้เหมือนกัน แต่ถ้าคุณไม่ไปผมก็เตรียมจะรายงานเบื้องบนดูว่าจะขอเลื่อนตำแหน่งให้คุณขึ้นอีกขั้นหนึ่งได้ไหม แต่ถ้าในใจของคุณวนเวียนอยู่แต่เรื่องคดีไฟคลอกนี้ งั้นผมคงรั้งคุณไว้ไม่ได้หรอก”
“เพียงแต่คุณต้องระวังตัวด้วย หน่วยปฏิบัติการอันตรายกว่าห้องเก็บแฟ้มคดีมาก ทุกปีต้องมีคนตายคนบาดเจ็บไม่น้อย โดยเฉพาะคดีนี้ ผมแนะนำว่าคุณดูแลรับผิดชอบเรื่องเอกสารก็พอ อย่าไปเป็นแนวหน้าเลย เรื่องนี้ฟังดูแล้วไม่ใช้เรื่องธรรมดาๆ ด้วย! หากทีมปฏิบัติการจัดการไม่ได้ มีความเป็นไปได้ว่าจะถูกเบื้องบนเพ่งเล็ง”
หลี่ฮ่าวพยักหน้าเงียบๆ
ครั้นหวังเจี๋ยเห็นเช่นนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ความจริงเขาชอบหนุ่มน้อยหลี่ฮ่าวคนนี้อยู่ไม่น้อยเลย
แต่ในเมื่อพ่อหนุ่มน้อยผู้นี้มากองตรวจการณ์ก็เพื่อเป้าหมายนี้ เขาคงจนปัญญาจะเกลี้ยกล่อมได้
“หากสิ้นสุดคดีไฟคลอกแล้วอยากกลับมาละก็บอกมาได้เลย เราพร้อมต้อนรับคุณกลับมาเสมอ!”
“ขอบคุณครับหัวหน้า!”
หลี่ฮ่าวกล่าวขอบคุณ หวังเจี๋ยยิ้มกล่าว “ไม่ต้องเกรงใจหรอก คุณไปรายงานตัวที่ทีมปฏิบัติการก่อนเถอะ รอดูว่าพวกเขาจะให้คุณโยกย้ายอย่างเป็นทางการเมื่อไร รอคำสั่งโยกย้ายมาแล้ว ห้องเก็บแฟ้มคดีเราจะจัดงานเลี้ยงอำลาให้ด้วย”
ขอบคุณครับหัวหน้า!
หลี่ฮ่าวกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ในห้องเก็บแฟ้มคดี ทุกคนดีกับเขามากจริงๆ
ความจริงหากเหตุการณ์ไม่มาถึงขั้นนี้ เขาเองก็รู้สึกว่าการอยู่ห้องเก็บแฟ้มคดีก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเช่นกัน
……
พอออกมาจากห้องทำงาน หลี่ฮ่าวกลับไม่ได้บอกใครว่าตนโดนโยกย้ายแล้ว
เขาไม่มีอะไรให้ต้องเก็บมากนัก หลี่ฮ่าวบอกเฉินน่าไว้ก่อนว่าตนจะออกไปข้างนอก จากนั้นไม่นานเขาก็มุ่งหน้าไปทางหน่วยปฏิบัติการ
หน่วยปฏิบัติการกับห้องเก็บแฟ้มคดีล้วนอยู่ในสำนักงานกองตรวจการณ์
แต่ทั้งสองแผนกนี้อยู่กันคนละตึก
ห้องเก็บแฟ้มคดีเป็นห้องทำงานที่อยู่ด้านหลังห้องประชุมของกองตรวจการณ์ แต่หน่วยปฏิบัติการอยู่ด้านในของตึกด้านข้าง ทั่วทั้งตึกเป็นของหน่วยปฏิบัติการทั้งหมด พื้นที่กว้างขวางกว่าห้องเก็บแฟ้มคดีอยู่มากโข
หลี่ฮ่าวในชุดเครื่องแบบผู้ตรวจการณ์เดินเข้าประตูหน่วยปฏิบัติการไปโดยไม่มีใครขัดขวางเขาไว้สักคน
ตรงประตูใหญ่ สมาชิกในหน่วยปฏิบัติการเดินกันขวักไขว่ แต่ละคนดูแข็งแรงน่ากลัวไม่เบาเลย
เทียบกับพวกเขาแล้ว หลี่ฮ่าวออกจะผอมบางไม่เตะตาใครเลยด้วยซ้ำ
หลี่ฮ่าวเดินขึ้นตึกไปโดยไม่มีใครถามอะไร
เขาไปหาหลิวเยี่ยน
หลิวเยี่ยนเป็นรองหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการจึงมีห้องทำงานเป็นของตัวเอง ห้องทำงานของเขาอยู่ชั้นหก
ไม่นานหลี่ฮ่าวก็ขึ้นไปถึงชั้นหก
ชั้นหกคนบางตามาก เพราะส่วนใหญ่เป็นห้องทำงานของหัวหน้าต่างๆ
เขากวาดตามองรอบหนึ่งก็เห็นป้ายชื่อ ไม่นานหลี่ฮ่าวก็เดินพุ่งเข้าไปเคาะประตูห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เข้ามาได้!”
เสียงของหลิวเยี่ยนไม่ได้ดัดจนเกินงามอย่างเมื่อคืน ทว่ากลับแฝงความสุขุมเยือกเย็นกว่ามาก
กระทั่งหลี่ฮ่าวผลักประตูเข้าไป วินาทีต่อมาน้ำเสียงของหลิวเยี่ยนก็เปลี่ยนไปแฝงความขี้เล่นเล็กน้อยแทน “อ้าว เสี่ยวหลี่ฮ่าวมาแล้วเหรอ ดูท่าทางเมื่อคืนคงนอนหลับไม่ดีสิท่า คิดถึงพี่สาวตั้งแต่เช้าขนาดนี้เชียวเหรอ?”
“อรุณสวัสดิ์ครับรองหัวหน้าหลิว!”
หลี่ฮ่าวทำท่าเคารพอย่างนอบน้อม ทำตามกฎระเบียบโดยไม่มีท่าทีล้อเล่นใดๆ เลยทั้งสิ้น
ลูกเล่นแพรวพราวเช่นนี้ไม่มีผลอะไรกับตนแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มีอันตรายรอบด้าน เขาไม่มีอารมณ์มาชื่นชมการวางตัวของผู้หญิงคนนี้หรอก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหัวหน้าหลิวผู้นี้ไม่ธรรมดา แถมเป็นคู่ขาของหลิวหลงด้วย หลี่ฮ่าวไม่อยากหาเหาใส่หัวหรอกนะ
……………………………………………