ตอนที่ 13-3 ทีมล่าปีศาจ (3)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 13 ทีมล่าปีศาจ (3)

“เสี่ยวหลี่ฮ่าว นายจะจริงจังไปทำไมเล่า?”

หลิวเยี่ยนยิ้มหวานย้อย ทว่าหลี่ฮ่าวกลับทำหน้าแน่นิ่งยืนตัวตรงพลางกวาดสายตาสำรวจห้องทำงานของหล่อน จากนั้นก็แอบตกตะลึงในใจ

ห้องทำงานใหญ่มาก รู้สึกว่าขนาดใหญ่กว่าโซนนั่งทำงานของห้องเก็บแฟ้มคดีด้วยซ้ำ อย่างน้อยคงหนึ่งถึงสองร้อยตารางเมตรได้

สิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้ เพราะหากหน่วยปฏิบัติการจะใหญ่กว่าหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติก็คือเพียงแวบแรกหลี่ฮ่าวก็เห็นอาวุธใช้ฆ่าสังหารขนาดใหญ่วางเรียงรายอยู่ในห้องทำงานต่างหาก

แบบนี้จะนับประสาอะไรกับปืน Vortex รุ่นที่สามได้เหรอ?

ปืนพกพาเล็กแบบนั้น หากวางไว้ตรงนี้ก็เปรียบดั่งขยะเท่านั้นแหละ!

สตอร์มหมายเลขหนึ่ง!

อันนี้หลี่ฮ่าวเคยได้ยินมาก่อน อานุภาพร้ายแรงมากทีเดียว มันเป็นปืนประเภทเดียวกับปืนกลมือ บรรจุกระสุนหนึ่งครั้งได้สามร้อยลูกและยิงติดต่อกันได้หลายนัด

ปืน Hawk eye รุ่นที่สี่ เป็นปืนสไนเปอร์ที่ทันสมัยที่สุด ระยะยิงที่แม่นยำอยู่ที่ห้าร้อยเมตรขึ้นไป ความจริงอานุภาพการทำลายล้างดีกว่ามาก

ปืนเจาะเกาะรุ่นที่สอง ว่ากันว่ายิงทะลุแผ่นเหล็กได้ด้วย

…………

นี่มันห้องทำงานที่ไหนกัน นี่มันคลังสรรพาวุธชัดๆ!

หลี่ฮ่าวแอบตื่นตาตื่นใจเล็กน้อย

เหมือนหลิวเยี่ยนจะเห็นท่าทีเปลี่ยนไปของเขาเลยผุดยิ้มเอ่ยขึ้นมาทันทีว่า “เสี่ยวหลี่ฮ่าว อย่าตกใจสิ นี่เป็นแค่แบบจำลอง พี่วางประดับไว้เล่นๆ เท่านั้นแหละ ไม่ใช่ของจริงสักหน่อย!”

หลี่ฮ่าวหมดคำพูด คุณคิดว่าผมจะเชื่อเหรอ?

แบบจำลอง?

ผิวสัมผัสโลหะนั่นเปล่งแสงโลหะเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกมา นี่เป็นแบบจำลอง?

คุณคิดว่าผมตาบอดหรือไง!

หน่วยปฏิบัติการไม่ธรรมดาเลยจริงๆ คิดไม่ถึงว่าหลิวเยี่ยนจะวางเรียงอาวุธอานุภาพแรงกล้าพวกนี้ไว้ในห้องทำงานของตัวเองโต้งๆ เช่นนี้ได้

“แบบจำลองจริงๆ นะ!”

หลิวเยี่ยนคลี่ยิ้มแล้วเอื้อมหยิบระเบิดสีดำมา จากนั้นก็โยนไปทางหลี่ฮ่าว “ลองเล่นดูสิ ไม่เป็นไรหรอก!”

หลี่ฮ่าวแววตาตกใจแล้วรีบรับมาไว้ในมือทันที

บนศีรษะปรากฏเม็ดเหงื่อซึมออกมาแหนะ!

แย่แล้ว!

คงไม่ระเบิดหรอกมั้ง?

“ไม่ต้องกลัว!”

หลิวเยี่ยนขยับเข้ามาใกล้พร้อมหัวเราะคิกคัก พอเห็นหลี่ฮ่าวรับมาไว้ในมือหล่อนก็เอามือถอดสลักออก จากนั้นก็หัวเราะคิกคักกล่าว “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้ถอดสลักออก จะเป็นอะไรไปได้ไง?”

หลี่ฮ่าวหนังศีรษะชาวาบ

คุณบ้าไปแล้วเหรอ?

คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะถอดสลักระเบิดออกแบบนี้!

เวลานี่หลี่ฮ่าวอยากกระโดดหนีเหลือเกิน

โชคดีที่ไม่นานหลิวเยี่ยนก็ฉีกยิ้มแล้วยื่นมือมาแย่งระเบิดไป จากนั้นก็โยนออกนอกหน้าต่างทิ้งตามอำเภอใจ

“ไม่เป็นไรจริงๆ มันเป็นของปลอม!”

ตู้ม!

เสียงตู้มสนั่นดังลอยมา แม้แต่ในห้องยังพลอยสั่นสะเทือนไปตามแรงด้วย

หลี่ฮ่าวหน้าซีดลง นี่ของปลอมอย่างนั้นเหรอ?

ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว คุณโยนลงไปโต้งๆ แบบนั้น แถมยังระเบิดอีกต่างหาก นี่…นี่ยังไม่เป็นไรอีกเหรอ?

หลิวเยี่ยนกลับจับจ้องเขาแน่นิ่ง พอเห็นหลี่ฮ่าวหน้าซีดเขาก็หุบยิ้มในฉับพลัน จากนั้นก็เอ่ยเสียงเรียบว่า “เสี่ยวหลี่ฮ่าว แบบนี้ไม่ได้นะ!”

“หืม?”

“แค่นี้ก็ตกใจจนขวัญหายแล้วเหรอ?”

หลิวเยี่ยนกลับไปยังที่นั่งของตัวเองแล้วเอนกายพิงพนักเก้าอี้ จากนั้นก็วางเท้าพาดไว้บนโต๊ะซึ่งดูไม่สุภาพเท่าไรเอ่ยเสียงเกลียดคร้านว่า “ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเอามาเทียบกับของพวกนี้ไม่ได้หรอกนะ บางคนถึงขนาดปล่อยลูกไฟออกมาตามใจชอบก็มี บางทีอานุภาพอาจเหนือกว่าของพวกนี้ด้วยซ้ำ! หากไม่ทันระวัง…นายก็ต้องตาย! แม้แต่ระเบิดแค่นี้นายยังกลัว ขี้ขลาดเกินไปแล้ว ถ้าเป็นแบบนี้จะเข้าหน่วยปฏิบัติการของเราได้อย่างไรกัน?

หลี่ฮ่าวมุ่นคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่นานคิ้วเป็นปมนั้นก็คลายออก “ผมไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลย! ผมเป็นเพียงคนธรรมดา ต่อให้จะเข้าร่วมกับหน่วยปฏิบัติการจริงๆ ก็คงไม่จำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์กับคนพวกนั้นหรอก รองหัวหน้าหลิวครับ ผมกลัวถึงจะเป็นเรื่องปกติ บางทีหากเจอบ่อยๆ ก็อาจชินไปเองก็ได้”

“งั้นเหรอ?”

หลิวเยี่ยนยิ้มกล่าว “นายขี้ขลาดขนาดนี้ ไม่เหมือนที่ลูกพี่คุยเอาไว้เลย เขาบอกว่านายใจกล้าไม่เบา! แต่ความจริงฉันเองก็รู้สึกว่านายใจกล้าเหมือนกันแหละ เพราะถ้านายขี้ขลาดจริง ทั้งๆ ที่นายรู้ดีว่าคดีไฟคลอกไม่ใช่คดีธรรมดาๆ แล้วนายจะยังกล้าตามสืบต่ออีกเหรอ?

“เรื่องบางเรื่องก็ต้องทำต่อไป!”

ในเวลานี้หลี่ฮ่าวกลับมาสงบตามปกติแล้ว “ทั้งๆ ที่รู้ว่าเสืออยู่ในถ้ำแต่ก็ดันเดินไปทางถ้ำอีก! ก็เหมือนพวกรองหัวหน้าหลิวไงครับ ทั้งๆ ที่รู้ว่าพวกมีพลังเหนือธรรมชาติไม่ได้หาเรื่องด้วยง่ายๆ แต่ก็ยังไปหาเรื่องเขาอีก แบบนี้ไม่กลัวหรอ? ผมคิดว่าไม่มีใครที่ไม่กลัวหรอก เพียงแต่…บางครั้งเราก็จำเป็นต้องทำต่อไป!”

“ก็มีเหตุผลแฮะ!”

หลิวเยี่ยนพยักหน้า ครั้งนี้หล่อนเห็นด้วยจริงๆ เลยคลี่ยิ้มออกมาอีกรอบ “ก็ใช่แหละ ไม่มีใครไม่กลัวหรอก เพราะฉันก็กลัว แม้แต่ลูกพี่เองก็กลัวเหมือนกัน! แต่ถึงจะกลัวก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมแพ้สักหน่อย!”

หล่อนมองไปทางหลี่ฮ่าวเอ่ย “ฉันคิดว่านายคงช่วยอะไรพวกเราไม่ได้หรอก แต่…ในเมื่อลูกพี่พูดไว้แล้ว เช่นนั้นฉันก็ขอต้อนรับนายสู่หน่วยปฏิบัติการ อันนี้ไม่สำคัญหรอก เพราะเรื่องที่สำคัญกว่าก็คือยินดีต้อนรับนายสู่ทีมล่าปีศาจนะ!”

ล่าปีศาจ!

หลี่ฮ่าวแววตาวูบไหวเล็กน้อย นี่เป็นชื่อทีมของพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?

หลี่ฮ่าวมองมือที่หลิวเยี่ยนส่งมา จากนั้นหลี่ฮ่าวก็ยื่นมือไปจับตามมารยาท

เขาเพิ่งจะสัมผัสเท่านั้น หลี่ฮ่าวก็ใจหายวูบขึ้นมาทันที เพราะหลิวเยี่ยนใช้แรงที่ข้อมือคว้ามือข้างขวาของหลี่ฮ่าวหักบิดไปด้านหลัง ชั่ววินาทีที่หลี่ฮ่าวยังไม่ทันตั้งตัวหลิวเยี่ยนก็หมุนตัวจับเขาทุ่มกับพื้นเสียงดังพลั่ก หลี่ฮ่าวตัวกระแทกพื้นแรงมากทีเดียว!

ขณะที่เขาจะล้มลงพื้น หลี่ฮ่าวก็เด้งตัวขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว

ฝึกฝนศาสตร์วิถีมาตั้งสามปี สุดท้ายก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง หลี่ฮ่าวกระโดดดีดตัวขึ้น อดกลั้นต่อความเจ็บปวดเอาไว้ ครู่เดียวก็หลบออกจากอาณาเขตจู่โจมของหลิวเยี่ยนได้แล้ว

หลิวเยี่ยนไม่ได้ปล่อยกระบวนท่าต่อ หล่อนเพียงแต่มองดูอย่างเงียบๆ

หลอนยิ้มยียวนแต่แฝงไปด้วยความชื่นชมกล่าวขึ้นว่า “ไม่เลวเลย! ถึงแม้จะระวังตัวช้าไปหน่อย ฝีมืองั้นๆ แต่แรงตอบสนองใช้ได้ทีเดียว นี่เป็นเคล็ดวิชาลิงของตำราใหม่ปาณภูตสินะ ฝึกได้ไม่เลวนี่!”

หลี่ฮ่าวเงียบไม่พูดอะไร เพราะเวลานี้เขารู้สึกระแวงไปหมด

ภายในใจเองก็ขวัญหนีดีฝ่อ ผู้หญิงคนนี้ดูอ่อนแอบอบบาง แต่ฝีมือเมื่อครู่กลับทำเอาเขารู้สึกว่ามือของอีกฝ่ายเหมือนดั่งเหล็กกล้า อีกทั้งยังคว้าแขนของตนมาโดยไม่ต้องมองสักนิด หลี่ฮ่าวรู้ว่าแขนของตนบวมแล้ว!

แรงเยอะจังแฮะ!

เขารู้สึกว่าเหมือนตนถูกเหล็กล็อกตัวเอาไว้เสียอย่างนั้น!

“แค่ลองฝีมือของนายดูเท่านั้น ไม่ต้องกลัวไปหรอก!”

หลิวเยี่ยนยิ้มหวานหยดย้อย แววตาหยาดเยิ้มพลางเล่นหูเล่นตา สุดท้ายหล่อนก็กลับไปมีท่าทีอย่างก่อนหน้านี้เช่นเคย

ทว่าหลี่ฮ่าวกลับไม่กล้าประมาทอีกแล้ว!

“นายมีพื้นฐานวิถีปาณภูตอยู่ถือว่าเป็นเรื่องดี ถึงเคล็ดวิชาลิงจะไม่ถนัดจู่โจมแต่ก็ถนัดหนีเอาตัวรอด หากนายฝึกปรือจนเก่งได้ถึงขั้นอาจารย์ของนาย ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั่วไปคงไล่ตามนายไม่ทันแน่นอน!”

หลังพูดจบหลี่ฮ่าวก็แววตาวูบไหวเล็กน้อย เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งถึงเอ่ยเสียงต่ำว่า “รองหัวหน้าหลิวหมายถึงว่า…อาจารย์ของผมเก่งเคล็ดวิชาลิงมากอย่างนั้นเหรอครับ?”

“หืม?”

หลิวเยี่ยนผงะไป จากนั้นก็หลุดขำพรืดออกมา จากนั้นก็ยิ้มกว้างดั่งบุปผางาม

“ตำราใหม่ห้าปาณภูตใครเป็นคนดัดแปลงขึ้นเหรอ? อาจารย์หยวนเป็นคนดัดแปลงไม่ใช่เหรอ นายกำลังสงสัยว่าผู้คิดค้นเอาตำราใหม่ปานภูตมาดัดแปลงผู้นี้ ไม่เก่งศาสตร์ห้าปาณภูตอย่างนั้นเหรอ?”

หลิวเยี่ยนหัวเราะอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เงียบไป “เขาเก่งมาก! อาจารย์หยวนซั่วของนายถึงจะไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ตอนที่ยังไม่มีพลังเหนือธรรมชาตินี้ปรากฏ อาจารย์ของนายเป็นยอดฝีมือลำดับต้นๆ ในหมู่คนธรรมดาเลยล่ะ! แต่พอผู้มีพลังธรรมชาติปรากฏตัวกลับไปไม่ถึงขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติเสียได้…เฮ้อ!”

เสียงถอนหายใจนี้ ไม่รู้ว่าเสียดายแทนหยวนซั่วหรือเวทนาตัวเองกันแน่

ต่อให้มีวิทยายุทธ์ล้ำใครในโลกคนธรรมดา แล้วอย่างไรเล่า?

ต่อให้จะฝีมือดีแค่ไหน แต่ก็อาจจะต่อกรกับลูกไฟ แสงดาวฟาดฟันหรือสายฟ้าพาดผ่านของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่ได้ด้วยซ้ำ

ช่างน่าเศร้าใจนัก!

แต่ไม่นานหลิวเยี่ยนก็ตื่นจากภวังค์ หุบยิ้ม แล้วสาวเท้าเดินออกไปข้างนอก “ไป ไปหาลูกพี่กัน ถือโอกาสให้นายทำความเข้าใจด้วยว่าพวกเรากำลังทำอะไรอยู่และนายควรทำอะไรบ้าง หรือทำความเข้าใจกับตัวเอง หรือแม้กระทั่งศัตรู เราไม่คาดหวังให้นายเป็นแบบไหนหรอก ขอแค่อย่าเป็นตัวถ่วงก็พอ!”

หลิวฮ่าวใจเต้นตึกตัก

พลังเหนือธรรมชาติ!

บางทีเขาอาจจะเข้าใจเรื่องพลังเหนือธรรมชาติจากหลิวหลงมากขึ้น และที่นี่ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ

คนเหล่านี้กล้าลงไม้ลงมือกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็เป็นการสื่อว่าพวกเขาย่อมเข้าใจอีกฝ่ายมากทีเดียว

นี่เป็นอีกปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้หลี่ฮ่าวอยากเข้าหน่วยปฏิบัติการ ขอเพียงเข้าใจศัตรู เขาถึงจะรับมือกับเงาโลหิตได้ดีกว่าเดิม

…………………………………………………………..