ตอนที่ 14 รู้สึกว่าตัวเราเก่งกาจเหลือเกิน (1)
หลิวเยี่ยนไม่ได้พาหลี่ฮ่าวไปห้องทำงานของหลิวหลงแต่อย่างใด
แต่กลับลัดเลาะเลี้ยวไปมาจนในที่สุดก็มาหยุดตรงหน้าห้องใต้ดินที่อยู่ใต้ตึกหน่วยปฏิบัติการ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่คนอื่นเข้าไปไม่ได้
ทันทีที่หลี่ฮ่าวก้าวเข้าไปด้านใน เขาก็รู้สึกว่าด้านในค่อนข้างพื้นที่กว้างขวาง แต่ก็เงียบมากทีเดียว
เงียบงันจนชวนขนลุก
อยู่ในตึกของหน่วยปฏิบัติการแต่ยังสามารถทำให้คนขนหัวลุกได้ เห็นได้ชัดว่าสถานที่แห่งนี้ต้องไม่ธรรมดา
เมื่อเข้าประตูไปก็เห็นอุปกรณ์ออกกำลังกายวางรียงรายเต็มไปหมด
ส่วนบนกำแพงนั้นก็มีอาวุธจำนวนมากแขวนอยู่เหมือนกับห้องทำงานของหลิวเยี่ยน
มีทั้งอาวุธจำพวกปืนและอาวุธประเภทดาบ หอก มีดสั้นที่ใช้ในการต่อสู้ประเภทต่างๆ
อาวุธนานาชนิดครบครัน
ส่วนอาวุธจำพวกปืน หลี่ฮ่าวถึงขนาดเห็นปืนกองทัพแบบเล็กที่ขนาดไม่ได้เล็กกระบอกหนึ่งด้วย หลี่ฮ่าวเห็นเช่นนั้นก็ถึงกับขนหัวลุกขึ้นมาทันที พระเจ้า…คนพวกนี้สะสมอาวุธเอาไว้จำนวนเท่าไหร่กันนะ?
หน่วยปฏิบัติการมีข้อได้เปรียบมากกว่าจริงๆ
ต่อให้สถานที่แห่งนี้ของหลิวหลงมีคนมาเจอเข้าก็ไม่เป็นอะไร เขาเป็นหัวหน้าหน่วยปฏิบัติการ เป็นหัวหน้าของหน่วยงานที่บ้าพลังประจำเมืองหยิน หากเขาบอกว่าอาวุธพวกนี้มีไว้เพื่อรับมือกับพวกคนเลวแค่นั้นก็ไม่มีใครว่าอะไรได้แล้ว
หากว่าหลี่ฮ่าวกล้าสะสมอาวุธจำนวนมากขนาดนี้ ถ้าวันใดโดนจับได้ขึ้นมาคงโดนยิงตายไปแล้ว
ด้านหน้าของพื้นที่ออกกำลังกายและคลังอาวุธยังมีทางเดินเล็กๆ เหมือนจะเป็นทางเดินเชื่อมไปยังพื้นที่อื่น
แต่หลิวเยี่ยนไม่ได้เดินนำหลี่ฮ่าวไปทางนั้นแต่อย่างใด
เมื่อเข้าไปในพื้นที่ออกกำลังกายแล้วหลิวเยี่ยนก็ตะโกนเสียงดัง “ลูกพี่เขามาแล้ว!”
ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็มีเงาคนจำนวนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน
หลิวหลงที่รูปร่างสูงใหญ่ อู๋เชาที่ตัวเล็กราวไม้เสียบผี และชายอ้วนตัวใหญ่ที่เวลาเดินทีก็ทำให้พื้นสะเทือนได้
และยังมีหญิงสาวตัวเล็กอายุอานามไม่ถือว่ามากนักซึ่งคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่ไม่น้อย
บวกกับหลิวเยี่ยนแล้วรวมทั้งหมดห้าคนพอดี
นี่ก็คือทีมล่าปีศาจในหน่วยปฏิบัติการ
ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้อากาศจะร้อนมาก แต่หลิวหลงก็ยังใส่ชุดคลุมกันลม เหตุผลหลักๆ ก็คือเพื่อจะบังอาวุธที่ห้อยไว้เต็มร่างกายของเขา มิฉะนั้นหากพกพาอาวุธจำนวนมากแบบนี้ออกไปข้างนอก ไม่ว่าใครก็ต้องเห็นถึงความผิดปกติอยู่แล้ว
“หลิวหลง!”
หลิวหลงสาวเท้าเดินมาด้วยใบหน้าที่เย็นชาเหมือนเดิม แต่ก็ยังเอ่ยแนะนำตนเองอีกครั้ง “หัวหน้าทีมล่าปีศาจทำหน้าที่บุกโจมตีทางด้านหน้า!”
อู๋เชาที่ผอมแห้งเหมือนไม้เสียบผีกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อู๋เชา เป็นฝ่ายสืบหาข้อมูลของทีมล่าปีศาจ รับผิดชอบในการหาข่าวรวมไปถึงล่อพวกเขาด้วย!”
น้ำเสียงทุ้มใหญ่อันน่าทึ่งของเจ้าอ้วนก็ดังขึ้น เพื่อกล่าวแนะนำตัวเองด้วยเช่นกัน “เฉินเจียง เป็นฝ่ายป้องกันของทีมล่าปีศาจ ทำหน้าที่ตั้งรับและป้องกัน!”
ส่วนหญิงสาวตัวเล็กเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “ฉันอวิ๋นเหยาเป็นหมอประจำทีมล่าปีศาจ รับผิดชอบเรื่องการรักษาพยาบาล”
ทั้งสี่คนนี้มีหน้าที่แตกต่างกัน ในขณะเดียวกันก็มีความสามารถที่แตกต่างกันไปด้วย
แบ่งงานกันอย่างชัดเจน!
ถึงจะคนน้อยแต่มีหน้าที่ครบทุกด้าน
หลี่ฮ่าวเหล่มองหลิวเยี่ยนพลางนึกสงสัยว่าคนผู้นี้มีหน้าที่อะไร?
เสียงหัวเราะหลิวเยี่ยนแผ่วเบาเมื่อเห็นหลี่ฮ่าวมองตนเองเช่นนั้นก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายมองอะไรของนาย? ฉันหลิวเยี่ยน เป็นรองหัวหน้าทีมล่าปีศาจ เป็นกำลังเสริม! หัวหน้าเป็นฝ่ายเปิดบุก ส่วนฉันเป็นฝ่ายตามประกบคอยซ้ำอีกรอบ”
หลี่ฮ่าวเข้าใจทันที
หลิวหลงมองหลี่ฮ่าวแล้วกล่าวเสียงเรียบ “พวกเราคือสมาชิกทั้งหมดของทีมล่าปีศาจ! เมื่อก่อนเคยมีคนเยอะกว่านี้แต่ตอนนี้…ก็น้อยลงไปมากเหลือแค่พวกเราไม่กี่คนนี่แหละ!”
“ตอนนี้ในทีมมีฝ่ายบุกและกำลังเสริมรวมกันสองคน หมอ ฝ่ายป้องกันและฝ่ายหาข้อมูล”
เขามองหลี่ฮ่าวแล้วถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “หลี่ฮ่าว คุณยินดีจะเข้าร่วมกับทีมของเราไหม?”
หลี่ฮ่าวพยักหน้ารับ
หลิวหลงมองเขาด้วยแววตาครุ่นคิด “หลี่ฮ่าวคุณรู้ไหมว่าทำไมทีมของเราถึงเรียกทีมล่าปีศาจ?”
หลี่ฮ่าวปิดปากเงียบ
หลิวหลงกลับตอบเสียเอง “เพราะว่า…พวกเราก็คือฝ่ายธรรมะ!”
ฝ่ายธรรมะเนี่ยนะ?
ในวินาทีนี้หลี่ฮ่าวถึงขั้นงุนงงไปเล็กน้อย เขามองกลุ่มคนตรงหน้า พวกเราคือ…ฝ่ายธรรมะเหรอ?
น้ำเสียงหลิวหลงเย็นชาแต่เต็มไปด้วยความแน่วแน่ “พวกเราก็คือฝ่ายธรรมะ! บางทีพวกเราแต่ละคนต่างก็มีจุดมุ่งหมายและเจตนาของใครของมันต่างกันออกไป แต่ว่าคุณอย่าลืมว่าพวกเราคือหน่วยปฏิบัติการของกองตรวจการณ์! พวกเราคือหน่วยปฏิบัติการกองบัญชาการใหญ่ พวกเรารักษาความยุติธรรม พวกเราปกป้องเมืองหยิน ทุกสิ่งที่พวกเราทำ หนึ่งเพื่อปกป้องตนเองพร้อมกันนั้นพวกเราก็คอยรักษาความสงบสุขด้วย!”
“ปีศาจที่พวกเราเคยสังหารไปล้วนแต่เป็นพวกก่อเรื่องวุ่นวายบนโลกมนุษย์หรือมือเคยเปื้อนเลือดมาแล้วทั้งสิ้น!”
“หากหลี่ฮ่าวจะเข้าร่วมกับพวกเรา เรื่องแรกที่ต้องทำก็คือลืมเรื่องอื่นไปให้หมด จำไว้แค่ว่าพวกเราก็คือฝ่ายธรรมะ! ส่วนพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทำความผิดก็คือปีศาจ ขอแค่พวกผู้พิทักษ์รัตติกาลจัดการไม่ได้ก็จะเป็นหน้าที่ของพวกเราที่ต้องรับผิดชอบกำจัดพวกคนสารเลวพวกนั้น!”
วินาทีแรกที่เข้าร่วมทีมล่าปีศาจ หลิวหลงก็เริ่มล้างสมองเขาด้วยปณิธานของทีมล่าปีศาจ
หรือจะเรียกว่านี่คือกฎของทีมล่าปีศาจก็ได้!
ทีมที่สมาชิกต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง สำหรับพวกเขาแล้วนี่คืออันตรายอย่างเห็นได้ชัด เพราะศัตรูของพวกเขาเก่งเหนือกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก
ดังนั้นทีมที่มีสมาชิกไม่มากนี้ แท้จริงแล้วพวกเขาต่างก็มีสิ่งยึดเหนี่ยวหรือก็คือสิ่งที่ตนศรัทธาในใจนั่นเอง
ฝ่ายธรรมะ!
ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ พวกเขาต่างก็ยึดมั่นว่าตนเองเป็นฝ่ายธรรมะและกำลังปราบมารเพื่อเมืองหยิน
“ธรรมะ…”
หลี่ฮ่าวพึมพำกับตนเอง
เสียงหลิวหลงขึงขังอย่างยิ่ง “ถูกต้อง! ธรรมะ! หลี่ฮ่าว จำเอาไว้นะ! ทีมล่าปีศาจก็คือเทพที่ปกป้องคุ้มครองเมืองหยิน! ถ้าไม่มีพวกเราเมืองหยินคงมีคนตายจำนวนนับไม่ถ้วนไปนานแล้วและคงจะกลายเป็นสวนสาธารณะของเหล่าพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่จะทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ!”
“แน่นอนว่านายในตอนนี้อาจจะไม่ถือเป็นจริงเป็นจังอะไรและก็อาจจะไม่เชื่อด้วย! แต่นายลองออกไปเดินๆ ดูสิ โลกที่ใหญ่โต มีแม่น้ำนับล้าน แต่ตอนนี้นอกจากภาคกลางแล้ว ที่อื่นๆ ก็วุ่นวายโกลาหล ยุคแห่งความวุ่นวายมาถึงแล้ว ชีวิตคนไม่ต่างอะไรกับมดปลวกด้วยซ้ำ!”
“ถ้ามีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นก็อาจจะทำให้คนทั้งเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย! แต่มีเพียงเมืองหยินที่หลายปีมานี้สงบสุขร่มเย็น ถึงจะมีพวกก่อกวนบ้างแต่ก็สงบสุขมาโดยตลอด! ทีมล่าปีศาจก่อตั้งขึ้นมาห้าปีแล้ว เราสังหารพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไปแล้วห้าคน ปีละคน และทุกครั้งที่พวกเราทำไปก็ล้วนแต่เพื่อช่วยเหลือเมืองหยินทั้งสิ้น!”
หลิวเยี่ยนยืนข้างๆ หลี่ฮ่าว หล่อนกอดอกแน่น เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะน้อยๆ “ลูกพี่พูดถูก ถึงแม้ว่าลูกพี่จะชอบพูดเกินจริงไปบ้าง แต่ที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง! พวกเราเข้าร่วมทีมล่าปีศาจเพราะแต่ละคนต่างมีปณิธานเป็นของตัวเอง เป้าหมายในตอนแรกอาจจะไม่ใช่เพื่อปกป้องใคร แต่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะมีพวกเราอยู่ เมืองหยินถึงได้สงบสุข!”
หลี่ฮ่าวเองก็คิดเช่นนั้น
บางทีสิ่งที่หลิวหลงพูดอาจจะไม่ถือว่าผิด
พวกเขาไล่ล่าพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ บางทีเพื่อให้ตนเองเก่งกว่ามนุษย์ธรรมดา แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่พวกเขาสังหารไปอาจจะตั้งใจมาก่อความวุ่นวายในเมืองหยินจริงๆ ก็ได้
เมืองอื่นๆ วุ่นวายมากเลยหรือ?
หลี่ฮ่าวเองก็ไม่รู้เช่นกัน
เพราะเขาก็แทบไม่เคยออกจากเมืองหยินเลย เหตุที่เรียกว่าแทบเพราะเมื่อก่อนเขาเคยไปเมืองข้างๆ อยู่ครั้งหนึ่ง แต่ก็หลายปีมากแล้ว
“หลี่ฮ่าว นี่คือวิชาแรกที่ผมจะสอนคุณหลังจากที่เข้าร่วมทีมเราแล้ว!”
น้ำเสียงหลิวหลงขึงขังน้อยๆ “อย่าคิดว่าพวกเราเป็นคนชั่วที่แอบทำอะไรลับๆ ล่อๆ เพราะมันไม่ใช่แบบนั้นเลย พวกเราคือฝ่ายปฏิบัติการ ทำหน้าที่ป้องกันและผดุงความยุติธรรม! ดังนั้นสำหรับพวกเราแล้ว ทุกคนที่ทำผิดคือปีศาจ! ปีศาจที่เราล่ากันก็คือปีศาจพวกนี้!”
จู่ ๆพอหลี่ฮ่าวได้ยินเช่นนั้นก็นึกสบายใจขึ้นมา
ต่อให้คำพูดของหลิวหลงติดจะหลงตัวเองอยู่หน่อยๆ แถมยังถือทิฐิเห็นความคิดตัวเองเป็นใหญ่ก็เถอะ
แต่ว่าตอนที่หลิวหลงกล่าวออกมาว่าพวกเราคือฝ่ายธรรมะและถึงเวลาของฝ่ายปฏิบัติการอย่างเราแล้ว ฉับพลันหลี่ฮ่าวก็รู้สึกสบายใจขึ้นมามาก
เป็นความสบายใจแบบแปลกๆ!
พวกเราไม่ใช่พวกคนในเงามืดที่ต้องทำอะไรหลบๆ ซ่อนๆ พวกเราคือผู้ปกป้องเมืองแห่งนี้ ถึงแม้ว่าความตั้งใจแรกจะไม่ใช่เช่นนั้นแต่ความจริงก็แสดงให้เห็นแล้ว
ยอดฝีมือ!
จู่ๆ วินาทีนี้หลี่ฮ่าวก็รู้สึกว่าหลิวหลงก็คือยอดฝีมือ
ไม่เพียงแค่ความสามารถแต่ความคิดของเขาเองก็สุดยอดเหมือนกัน ที่สำคัญก็คือแม้แต่การหว่านล้อมชักนำยังทำได้ดีสุดๆ เขาทำให้สมาชิกในหน่วยทุกคนเชื่อมั่นว่าสิ่งที่ตนเองทำลงไปทั้งหมดคือสิ่งที่ถูกต้อง!
ไร้ซึ่งความรู้สึกผิดใดๆ!
หากสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไปหนึ่งคนก็จะรู้สึกแค่ว่าตัวเองประสบความสำเร็จ พวกเขาได้ปกป้องชาวบ้าน ผดุงความยุติธรรมและคุ้มครองเมืองหยิน
ความพึงพอใจแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่หัวหน้าทั่วไปจะทำได้
ทว่าหลิวหลงกลับทำได้ดีมากทีเดียว
วินาทีนี้หลี่ฮ่าวพลันก็รู้สึกว่าการเข้าร่วมทีมล่าปีศาจ บางทีอาจจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย
แต่ในวินาทีนี้หลิวหลงกล่าวเสียงต่ำ “หลี่ฮ่าวแนะนำตัวเองหน่อย”
หลี่ฮ่าวครุ่นคิดแล้วจึงเปิดปากเอ่ย “ผมชื่อหลี่ฮ่าว เดิมทำงานที่ห้องเก็บแฟ้มคดี เป็นนักศึกษาที่ลาออกแล้วของมหาวิทยาลัยกู่ย่วนเมืองหยิน! ผมชำนาญเคล็ดวิชาลิงในตำราห้าปาณภูต เคลื่อนไหวขยับตัวคล่องแคล่วรวดเร็วมากครับ”
“แค่นี้เองเหรอ?”
…………………………………………………………………………………