ตอนที่ 19 คนไม่สู้สุนัข (1)
ประตูห้องเก็บของที่ทำจากโลหะ อีกทั้งยังอยู่ใต้ตึกหน่วยปฏิบัติการใหญ่ ระบบความปลอดภัยจึงเข้มงวดอย่างมาก
หลิวหลงไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าไปข้างใน จนกระทั่งอวิ๋นเหยาที่หัวกระเซิงเดินมาเขาถึงเปิดประตู
หลี่ฮ่าวผงกศีรษะให้อวิ๋นเหยาเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรทักทายด้วยสรรพนามใดดีจึงยิ้มรับอย่างเดียวโดยไม่ปริเสียง
คุณหมอท่านนี้ มีความสำคัญต่อทั้งทีมอย่างมาก
หลี่ฮ่าวคิดว่าอีกฝ่ายดูเป็นคนใจดี แต่คำเตือนของหลิวเยี่ยนหลี่ฮ่าวก็จดจำขึ้นใจเช่นกัน
ไม่ใช่ว่าเขาปักใจเชื่อหลิวเยี่ยนเสียทีเดียว แต่เพราะท่าทีหวาดระแวงของหลิวเยี่ยนต่างหาก ในมุมของหลี่ฮ่าวแล้วคงเป็นเรื่องจริง ในเมื่อทำให้หลิวเยี่ยนระวังตัวขนาดนี้ได้ก็แสดงว่าคุณหมอท่านนี้ไม่ควรไปแหยมด้วย
“ไม่เลว!”
ขณะที่หลี่ฮ่าวกำลังตั้งตาคอยเข้าไปข้างใน อวิ๋นเหยาพลันก็หันมามองเขาแล้วพูดคำว่า ‘ไม่เลว’
หลี่ฮ่าวชะงัก
กำลังคุยกับเราอยู่เหรอ
หลิวหลงเองก็มองไปทางอวิ๋นเหยาด้วยความสงสัยเช่นกัน อะไรไม่เลว
ในทีมอวิ๋นเหยาไม่ใช่คนพูดมาก แต่มีตำแหน่งที่สำคัญอย่างมาก เพียงแต่คำพูดในวันนี้ดูจะแปลกพิลึกไปสักหน่อย
“เปล่า!”
อวิ๋นเหยายิ้มเอ่ย “เห็นท่าทางของหลี่ฮ่าวแล้วคงกลับไปฝึกได้ไม่เลว”
ประโยคเดียวก็เบี่ยงประเด็นได้
ส่วนหลี่ฮ่าวกลับใจเต้นตึกตัก
ฝึกได้ไม่เลวหรือ
ไม่เลวจริงๆ เพราะเขาดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไปไม่น้อย แต่หลี่ฮ่าวดูแล้วว่าพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติภายนอกนั้นแทบจะสลายหายไปหมดแล้ว แต่ภายในร่างกายยังหลงเหลืออยู่บ้าง นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในเมื่อมันไม่มีทางดูดซับย่อยสลายได้ทั้งหมดอยู่แล้ว
หรือว่าคนผู้นี้จะดูออก
คงอดคิดแบบนี้ไม่ได้!
ได้ข่าวว่าในทีมหมอท่านนี้มีหน้าที่ดึงพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติโดยเฉพาะอยู่แล้ว คนปกติทั่วไปมองไม่เห็นพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ แล้วอวิ๋นเหยาจะดึงได้ด้วยวิธีใดล่ะ
ขณะที่คิดอยู่หลิวหลงก็เปิดประตูห้องเก็บของ
……
ห้องเก็บของที่ถูกสร้างด้วยโลหะ!
ไม่มีแม้แต่ช่องระบายลมด้วยซ้ำ!
พื้นทำด้วยโลหะ ขณะที่ย่างก้าวอยู่บนนั้นเขาสัมผัสได้ถึงจะความหนักอึ้งของโลหะว่าคงหนาไม่น้อย ทีมล่าปีศาจทุ่มทุนจริงๆ และให้ความสำคัญมากพอสมควร
ห้องเก็บของไม่ถือว่าใหญ่มากและเป็นระเบียบเรียบร้อยดี
ไม่มีการแบ่งเขตอะไรมากมาย เพียงแค่กั้นเป็นสามห้องเล็กๆ พร้อมประตูแยกของแต่ละห้องไป
พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติถูกเก็บไว้ในห้องที่สาม
สองห้องแรกหลิวหลงไม่ได้ทำการแนะนำอะไร และไม่ได้เปิดประตูให้หลี่ฮ่าวดู ทว่าเลือกเดินตรงดิ่งไปที่หน้าประตูห้องที่สาม ครั้งนี้ไม่ใช่หลิวหลงที่เป็นคนเปิดประตูแต่เป็นอวิ๋นเหยา
อวิ๋นเหยาล้วงกุญแจออกมา บนนั้นประกายแสงดาราให้เห็นอยู่นิดๆ
หลี่ฮ่าวใจกระตุกวูบ นี่คือ…ของวิเศษหรือ
กุญแจดอกนี้เป็นของวิเศษจริงหรือเนี่ย!
ต่อให้แสงดารานั่นจะเบาบางมาก แต่ในเมื่อมีแสงดาราก็เท่ากับว่ามีพลังเหนือธรรมชาติ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นวัตถุเหนือธรรมชาติแล้วสินะ
ทีมล่าปีศาจให้ความสำคัญกับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติจริงๆ !
“แกร๊ก”
เสียงดังขึ้นเบาๆ ทีหนึ่งพร้อมแสงดาราวูบไหวเล็กน้อย หลิวหลงมองไม่เห็นแต่หลี่ฮ่าวกลับเห็นคลื่นแสงดารานั่นอย่างชัดเจน
หลังจากคลื่นแสงดาราที่ปรากฏ ประตูบานนั้นถึงถูกเปิดออก
ส่วนหลิวหลงเอ่ยเสียงเย่อหยิ่งเย็นชาว่า “ห้องเก็บพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติทำจากโลหะ ทั้งหมดนี้เกิดจากความทุ่มเทแรงกายแรงใจของทีมล่าปีศาจทั้งสิ้น! ต่อให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติลักลอบเข้ามาได้ แต่หากไม่มีกุญแจ ก็อย่าคิดจะเปิดได้ง่ายๆ!”
หลี่ฮ่าวพยักหน้ารับ พลางพูดชม “สุดยอด!”
ส่วนสุดยอดตรงไหน…เขาก็แค่พูดชมไปอย่างนั้นก่อน ถ้าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติบุกมาถึงที่นี่ได้ มีหรือไม่มีกุญแจยังสำคัญอีกหรือ?
ห้องเก็บของแค่กันหัวขโมยเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นก็แทบไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
ประตูเหล็กเปิดออก สิ่งแรกที่ฉายในดวงตาก็คือกระจกครอบใบใหญ่
นี่เป็นเครื่องกลกระจกที่ดูซับซ้อนมากชนิดหนึ่ง!
ซึ่งมันกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งห้อง!
ส่วนหลี่ฮ่าวดวงตาวูบไหวทีหนึ่ง แสงดารา!
วินาทีแรกที่เห็นกระจกครอบนั่น เขาเห็นแสงดารา แถมยังต่างไปจากแสงดาราที่เคยพบเห็นมาก่อนหน้านี้อยู่ประมาณหนึ่ง
พลังแสงดาราที่เขาเคยพบล้วนมาจากตัวจี้หยกกระบี่ และเป็นสีสันของแสงดาราที่แท้จริง ให้ความรู้สึกว่าเป็นแสงดาราที่สว่างไสวแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกอยู่หน่อยๆ
แต่เวลานี้ พลังแสงดาราที่เขาเห็นเหมือนจะมีบางอย่างแฝงอยู่ด้วย
กระจกครอบนั่นเหมือนจะแบ่งออกเป็นหลายเขต เขตหนึ่งแสงดาราถูกรายล้อมด้วยเพลิงไฟลุกโชน
และมีเขตหนึ่งเหมือนจะปรากฏประกายจากสายฟ้าท่ามกลางพลังแสงดาราเหล่านั้นด้วย
แถมมีอีกเขตหนึ่งที่พลังแสงดาราปะปนไปด้วยควันสีดำจางๆ
เขตสุดท้ายเป็นพลังแสงดาราที่มีภาพลักษณ์ใกล้เคียงกับที่หลี่ฮ่าวมักเห็นอยู่บ่อยๆ เพียงแต่เป็นแสงดาราอันบริสุทธิ์ไม่ปะปนสิ่งใด แน่นอนว่าให้ความรู้สึกยุ่งเหยิงไม่น้อย
ขณะเดียวกันกับที่หลี่ฮ่าวมองอยู่นั้นหลิวหลงก็มองอยู่เช่นกัน แววตาแฝงไปด้วยความหลงใหล
เหมือนว่าวินาทีนี้เขาจะมองเห็นมัน!
เป็นไปตามคาด วินาทีถัดมาหลี่ฮ่าวก็ได้ยินหลิวหลงพูดด้วยเสียงตื้นตันว่า “นี่ก็คือพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ เห็นหรือยัง”
หลี่ฮ่าวใจสะท้าน!
เห็นหรือยัง?
ถูกจับได้แล้วหรือ
หลิวหลงรู้ว่าเขาสามารถมองเห็นได้…
ทว่าไม่นานเขาก็ทำใจให้สงบลงได้ ไม่ ไม่หรอกมั้ง หางตาของเขาเหลือบมองหลิวหลงแวบหนึ่ง เป็นไปตามคาดเมื่อหลิวหลงเอ่ยด้วยเสียงปลื้มใจอีกครั้ง “อวิ๋นเหยามีความสามารถจริงๆ สถานการณ์ปกติคงไม่เห็นพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ! แต่อวิ๋นเหยากลับสามารถจับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติแล้วใช้กระบวนการพิเศษกักมันให้อยู่ในกระจกครอบผลึกเหมันต์นี้ได้ แถมยังปรากฏให้เห็นสภาพดั้งเดิมด้วยตาเปล่าได้ด้วย!”
หลี่ฮ่าวตกใจนิดๆ พลางมองไปที่อวิ๋นเหยา
หากกล่าวเช่นนี้แปลว่าในตอนนี้ทุกคนสามารถมองเห็นพลังแสงดาราได้ แถมยังเป็นเพราะฝีมือของผู้หญิงคนนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ
นี่ใช้วิธีใดกัน
หลิวหลงเคยบอกก่อนหน้าแล้วว่าคนทั่วไปไม่สามารถมองเห็นได้ ต่อให้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็มองไม่เห็น
อวิ๋นเหยากลับดูมีท่าทีสงบ ครั้นเห็นหลี่ฮ่าวมองมาก็อมยิ้มน้อยๆ ตอบเสียงเบา “พี่หลิวชมเกินไป แค่วิธีกระจอกๆ! พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติก็เป็นพลังงานอย่างหนึ่ง ต่อให้มองไม่เห็นพลังงาน แต่รูปธรรมมันมีอยู่แน่นอน! หากอยากให้คนเห็นด้วยตาเปล่า ความจริงมันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แค่ย้อมสีให้พลังงานเหล่านี้ก็พอแล้ว!”
ย้อมสี!
หลี่ฮ่าวเข้าใจความหมายของประโยคนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าจะทำการย้อมสีได้อย่างไร ถึงทำให้คนมองเห็นได้
อวิ๋นเหยาเห็นว่าหลี่ฮ่าวเหมือนจะแปลกใจเลยหัวเราะเสียงเบาทีหนึ่ง “วิธีย้อมสีไม่ถือว่ายากมาก ความจริงมีหลายวิธีที่ทำได้ แต่ที่ยากจริงๆ คือการไม่ให้พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติแตกกระจาย! ซึ่งทั้งหมดนี่ต้องยกประโยชน์ให้กับกระจกครอบผลึกเหมันต์นี่ต่างหาก…หรือพูดให้ถูกก็คือต้องยกประโยชน์ให้กับศาสตราจารย์หยวนซั่ว!”
หลี่ฮ่าวชะงักไปเล็กน้อย ไม่นานก็นึกอะไรขึ้นได้ “อาจารย์ผม…เป็นผู้ค้นพบกระจกครอบผลึกเหมันต์เหรอ”
“ใช่!”
ดูเหมือนอวิ๋นเหยาจะชื่นชมหยวนซั่วอยู่ไม่น้อย หรือขอเพียงเป็นคนในวงการงานวิจัยวิทยาศาสตร์ก็คงจะรู้จักหยวนซั่วดี โดยเฉพาะหากมีส่วนเอี่ยวกับเรื่องพลังเหนือธรรมชาติด้วย
“เมื่อก่อนอาจารย์นายเป็นคนค้นพบกระจกครอบผลึกเหมันต์นี้จากร่องรอยทางวัตถุโบราณแห่งหนึ่ง ตอนแรกไม่มีใครสนใจ ภายหลังศาสตราจารย์หยวนซั่วได้ค้นพบคุณประโยชน์สูงสุดของเจ้านี่ว่าสามารถกั้นพลังงานไม่ให้แตกกระเจิงได้!”
อวิ๋นเหยาเอ่ย “ถ้าไม่ใช่เพราะค้นพบกระจกครอบผลึกเหมันต์ บางทีการพัฒนาพลังเหนือธรรมชาติอาจชะงักไปอีกหลายปี! เพราะการค้นพบกระจกครอบผลึกเหมันต์ถึงทำให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีวิธีกักเก็บพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติบางส่วน ดึงมันเข้าร่างกาย ให้คนอีกมากมายมีสิทธิ์กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้!”
ตอนนี้หลิวหลงก็พยักหน้าเช่นกัน “ใช่แล้ว การค้นพบกระจกครอบผลึกเหมันต์ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมาก! นับตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีก่อนตอนไม่มีกระจกครอบผลึกเหมันต์ ความจริงในตอนนั้นหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลได้ถูกก่อตั้งขึ้นแล้ว แต่นอกจากปรมาจารย์เซียนสวรรค์โปรด แต่ละปีรับคนได้แค่หยิบมือ และต้องอาศัยให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลไปสืบทอดพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติเอเพื่อเฟ้นหาสมาชิกใหม่! แต่เช่นนี้นอกจากจะอันตรายแล้ว ยังต้องแลกกับอะไรไม่น้อย…กระทั่งกระจกครอบผลึกเหมันต์นี้ปรากฏ ผู้พิทักษ์รัตติกาลถึงได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดดไงล่ะ!”
หลี่ฮ่าวในตอนนี้รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูก!
อาจารย์เก่งจังแฮะ!
สรุปแล้ววิวัฒนาการของพลังเหล่านี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับอาจารย์ของตนทั้งสิ้น
ไม่นานหลี่ฮ่าวก็นึกถึงบางอย่างเลยปริปากถามว่า “แล้วทำไมอาจารย์ของผม…ถึงเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่ได้ล่ะครับ”
“อย่างแรก พลังนักรบของเขาแข็งแกร่งมาก อย่างที่สอง…”
หลิวหลงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม “อาจารย์ของคุณก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร ไม่พูดถึงว่ารู้เรื่องพลังเหนือธรรมชาติมากแค่ไหน แต่เขายังเก็บซ่อนอะไรไว้อีกมากมาย กระทั่งร่อยรอยโบราณสถานบางส่วนที่เขายังไม่บุกเบิกและไม่แพร่งพรายให้ใครรู้ด้วย! ทุกคนต่างคาดเดาว่าอาจารย์ของคุณต้องกุมแผนที่ร่องรอยอารยธรรมโบราณไว้อีกหลายที่แน่ๆ! ดังนั้นถ้าอาจารย์คุณกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติขึ้นมาจริงๆ…แล้วผู้พิทักษ์รัตติกาลจะยังสำคัญอะไรอีก”
หลิวหลงตอบพร้อมพูดเสริมว่า “ประเด็นอีกอย่างหนึ่งคือ จากความสามารถของอาจารย์คุณ ถ้ากลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเมื่อไร ทันทีที่ได้ผลประโยชน์จากแหล่งโบราณสถานที่เหลือด้วย ถ้าเขาทำสำเร็จจริงๆ บางทีอาจจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้พิทักษ์รัตติกาลเลยด้วยซ้ำ…”
หลี่ฮ่าวครุ่นคิด แล้วตอบเสียงเบา “ระแวงเหรอครับ”
“ใช่แล้ว ระแวง!”
หลิวหลงหยักหน้ารับ ไม่นานก็ตอบอีกว่า “แต่ผมคิดว่าอาจารย์คุณก็คงใกล้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้วล่ะ!”
………………………………………………………………………