ตอนที่ 22 ปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ (1)
ณ ลานบ้านเล็ก
หลี่ฮ่าวตั้งหน้าตั้งตาคอย
“อาจารย์ อาจารย์มีบาดแผลตามตัวไหมครับ”
“เหอะๆ!”
หยวนซั่วหัวเราะย่ามใจทีหนึ่ง “ล้อเล่นหรือไง ทำฉันบาดเจ็บเหรอ ก่อนจะมีพลังเหนือธรรมชาติฉันกวาดล้างมาทั้งใต้หล้า! หลังจากพลังเหนือธรรมชาติถือกำเนิดขึ้น ฉันก็กลายเป็นแขกกิตติมาศักดิ์ของผู้พิทักษ์รัตติกาล ส่วนผู้พิทักษ์รัตติกาลถึงไม่ใช่ทั้งหมดของพลังเหนือธรรมชาติ แต่ก็เป็นกลุ่มองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ เธอว่าใครจะทำฉันเจ็บตัวได้ล่ะ”
“…”
หลี่ฮ่าวไม่ได้ต้องการคำตอบแบบนี้
เขาอดถามไม่ได้ “อาจารย์ ความหมายของหัวหน้าหลิวคือปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยทุกคนล้วนมีบาดแผลติดตัว อดีตอาจารย์เป็นปรมาจารย์นักรบยอดฝีมือ เป็นเพราะมีบาดแผลเยอะเกินไปเลยทำให้ไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้หรือเปล่าครับ”
“นั่นเป็นเพราะเขาใช้ไม่ได้!”
“…”
ปากของอาจารย์ทำไมถึงแข็งขนาดนี้นะ!
หลี่ฮ่าวเหนื่อยใจเหลือเกิน ถึงอาจารย์จะดีแต่ปากแข็งเกินไป ให้ตายก็ไม่ยอมรับว่าตนมีแผลตามตัว จุดนี้มันน่าเอือมระอาใจจริงๆ
“แล้ว…”
หลี่ฮ่าวทำเพียงถามตรงกว่านี้ “อาจารย์ จนถึงตอนนี้อาจารย์ยังไม่เลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแต่กลายเป็นปรมาจารย์แสงดาราแทน แบบนี้ก็ต้องมีสาเหตุใช่ไหมครับ”
“ฉันแข็งแกร่งเกินไป!”
หยวนซั่วคิดว่าตอนนี้ลูกศิษย์คนนี้ไม่เห็นตนอยู่ในสายตาแล้ว
หมายความว่าอย่างไร
คิดจะพูดแทงใจดำฉันเหรอ
เหอะๆ!
เป็นไปไม่ได้หรอก!
แน่นอนเพราะเขาคิดว่าบอกหลี่ฮ่าวไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ในเมื่อเช่นนี้แล้วจะพูดไปทำไม เจ้าหมอนี่รู้ไปแล้วอย่างไรเล่า
เวลานี้หลี่ฮ่าวร้อนใจขึ้นมาจริงๆ อาจารย์ปากแข็งเกินไปแล้ว
เขาถามอีกครั้ง “อาจารย์ครับ ถ้าแผลอาจารย์หายดีจะมีโอกาสเลื่อนขั้นเป็นปรมาจารย์แสงดาราไหมครับ”
“เธอมาหาฉันก็เพราะเรื่องนี้เหรอ”
“ครับ”
“ว่างนักเหรอ!”
หยวนซั่วเองก็หมดคำจะพูด นี่เธอว่างเกินไปหรือเปล่า
เขาเลยจำต้องพูดไปว่า “อย่าคิดมากขนาดนั้น ที่ฉันเลื่อนขั้นไม่ได้มันมีสาเหตุค่อนข้างมาก ทั้งปัจจัยภายนอกทั้งภายใน มีหมด!”
“อาจารย์ช่วยบอกละเอียดหน่อยได้ไหมครับ”
“…”
หยวนซั่วขมวดคิ้วมุ่นจับจ้องเขาอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปอึดใจถึงพูดขึ้นช้าๆ ว่า “ฉันมี ‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’ ผู้พิทักษ์รัตติกาลก็เคยเสนอให้พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติกับฉัน ฉันก็เคยดูดซับมาบางส่วน…แต่เพราะตอนนั้นพลังฉันแข็งแกร่งเกินไปเลยต้องใช้พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติปริมาณมาก นี่เป็นสาเหตุแรก!”
หลี่ฮ่าวพยักหน้ารับ ขาดแคลนพลังลี้ลับเหนือธรรมชาตินี่เอง
“ฉันอายุมาก ร่างกายเสื่อมโทรมลง นี่เป็นสาเหตุที่สอง!”
หลี่ฮ่าวพยักหน้าอีก ศักยภาพร่างกายไม่แข็งแรงมากพอ ไม่สามารถต้านทานแรงกระแทกจากการบุกทะลวงของพลังปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยได้อย่างนั้นสินะ
“เมื่อก่อนฉันเคยสร้างศัตรูแข็งแกร่งไว้บางส่วน เจ้าพวกนี้กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไปบ้างแล้ว บางส่วนถึงขั้นเป็นผู้นำกลุ่มองค์กรพลังเหนือธรรมชาติและเคยกดดันผู้พิทักษ์รัตติกาลมาก่อน นี่เป็นสาเหตุปัจจัยภายนอกและเป็นสาเหตุที่สาม!”
“ส่วนสาเหตุที่สี่…”
อยู่ดีๆ หยวนซั่วก็หัวเราะออกมา เขามองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่งแล้วตอบเสียงเกียจคร้าน “ฉันไม่อยากเลื่อนขั้น”
“…”
สีหน้างงงวยปรากฏขึ้นมา!
หมายความว่าอย่างไร
เหตุผลสามข้อแรกยังพอเข้าใจ แต่เหตุผลที่สี่มันหมายความว่าอย่างไร
ไม่อยากเลื่อนขั้นหรือ
ความหมายของประโยคนี้ หรือว่าสาเหตุสามข้อแรกก็แค่กุขึ้นมาตบตาแต่ความจริงอาจารย์สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างนั้นเหรอ
ครั้นเห็นลูกศิษย์ของตนคนนี้ทำสีหน้าสับสน หยวนซั่วก็เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง หยอกหลี่ฮ่าวเล่นมันสนุกดีจริงๆ
เห็นหลี่ฮ่าวนิ่วหน้าขมวดคิ้ว หยวนซั่วก็ไม่คิดจะล้อเขาเล่นอีก จากนั้นก็ฉีกยิ้มออกมาพลางเอ่ยด้วยความเสียดายหน่อยๆ “สาเหตุสามข้อแรกคือเรื่องจริง ข้อสี่ที่ก็เป็นเรื่องจริง ความจริงเมื่อหลายปีก่อนฉันยังมีความหวังที่จะได้เลื่อนขั้น แต่ตอนนั้นฉันทำใจไม่ได้…”
ขณะนั้นเองหยวนซั่วก็อดส่ายศีรษะไม่ได้แล้วพูดเย้ยตัวเองด้วยน้ำเสียงที่พูดไม่ถูก “ตอนนั้นพลังเหนือธรรมชาติพัฒนามาได้สิบกว่าปีแล้ว ‘เพื่อนเก่า’ บางส่วนของฉันต่างก็โลดแลนอยู่ในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้สิบกว่าปี ซึ่งนำหน้าทิ้งห่างไปไกลแล้ว…ส่วนฉันในตอนนั้นถ้าเลื่อนขั้นจากทะลวงร้อย เกรงว่าหลังจากเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติก็ต้องโดน ‘เพื่อนเก่า’ พวกนั้นทักทายต้อนรับ”
“ไม่กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติยังดี ถ้าเลื่อนขั้นเมื่อไร เกรงว่าตอนนี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ยากที่จะคุ้มครองฉันได้ ตอนนี้ฉันเป็นปรมาจารย์นักรบไม่ใช่ปรมาจารย์แสงดารา อีกฝ่ายเองก็ไม่กล้าลงมือกับฉันอย่างอุกอาจ และไม่เห็นฉันเป็นศัตรูคนสำคัญ…”
หลี่ฮ่าวพอจะเข้าใจได้บ้างแล้ว
ไม่กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ เพราะยังมีข้อกังวลอยู่บ้าง
แต่…แบบนี้ก็เป็นการแก้ไขปัญหาโดยไม่นึกถึงผลลัพธ์ที่ตามมาไม่ใช่หรือ
เห็นได้ชัดว่าหยวนซั่วไม่ใช่คนประเภทขี้ขลาดตาขาว ยิ้มเอ่ยอีกครั้ง “ความจริงหลายปีก่อนฉันยังมีความใฝ่ฝันที่แน่วแน่ ตอนนั้นฉันคิดว่าฉันจะใช้วิชานักรบเพื่อช่วยเลื่อนขั้น! ฉันจะเข้าสู่ขอบเขตพันยุทธ์แล้วเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติให้ได้! เข้าสู่ขอบเขตปรมาจารย์แสงดาราด้วยสถานะปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ ต่อให้สิบกว่าปีไม่ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ถ้าได้เลื่อนขั้นเมื่อไร ฉันก็ไม่ต้องเกรงกลัวศัตรูผู้แข็งแกร่งใดๆ เหมือนเดิม!”
ณ ตอนนี้หยวนซั่วดูจะโอ้อวดขึ้นมา!
ชวนให้หลี่ฮ่าวรู้สึกว่าอวดเก่งเหิมเกริมกว่าหลิวหลงมากโข!
เขาจะเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติครั้งเดียวด้วยสถานะปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ กลายเป็นสุดยอดผู้แข็งแกร่งท่ามกลางปรมาจารย์แสงดาราเพื่อลบล้างระยะห่างที่เข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติล่าช้าเมื่อสิบกว่าปีก่อน แล้วไล่ตามให้ทัน ‘เหล่าเพื่อนเก่า’ กลุ่มนั้นของเขา
แต่เห็นได้ชัดว่าเขาล้มเหลว!
หลี่ฮ่าวย่นคิ้ว “อาจารย์ ความหมายของอาจารย์คือเมื่อหลายปีก่อนอาจารย์ไม่เลื่อนขั้น เพราะอาจารย์คิดว่าเลื่อนขั้นไปก็ไม่สามารถสู้กับศัตรูได้เลยรอฝึกให้เป็นปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ก่อนแล้วค่อยไล่ตามทีหลังงั้นเหรอครับ”
“ใช่แล้ว!”
“แล้ว…เกิดปัญหาอะไรขึ้นหรือครับ”
หลี่ฮ่าวไม่รู้ว่าพันยุทธ์แกร่งขนาดไหน แต่เขารู้ว่าอาจารย์อยู่ในระดับขั้นทะลวงร้อยตั้งแต่หลายปีก่อน ในเมื่อมีแผนนี้ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว แสดงว่าเขายังมีหวังที่จะสำเร็จ
แล้วทำไมตอนนี้ถึงยอมแพ้ไปเสียล่ะ
ใช่ ยอมแพ้แล้ว
หากยังไม่ยอมแพ้ หลี่ฮ่าวคิดว่าตอนนี้อาจารย์คงไม่พูดแบบนี้ คงไม่พูดว่าเคยมีความใฝ่ฝันที่แน่วแน่เมื่อหลายปีก่อนเช่นนั้นหรอก
หยวนซั่วหัวเราะทีหนึ่ง “อืม เกิดปัญหานิดหน่อย ก็ดีเหมือนกันเพราะมันทำให้ฉันยอมแพ้สักที! ฉันอยากให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลช่วยคิดหาวิธีให้ฉัน แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ ช่วยไม่ได้นี่นา ฉันเลยต้องยอมรับชะตากรรม!”
“ความจริงก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน…”
หยวนซั่วเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “ถ้าไม่ใช่อย่างนี้ ฉันคงไม่มีกะจิตกะใจรับลูกศิษย์หรอก!”
เมื่อก่อนเขางานยุ่งเพราะมัวแต่วุ่นเรื่องเลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์
ดังนั้นเขาไม่ได้รับลูกศิษย์ไปหลายปีเลยทีเดียว
แต่นับตั้งแต่ความหวังพันยุทธ์ดับสลาย ความจริงเขาก็ไม่ค่อยใฝ่ฝันเรื่องจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้หรือไม่สักเท่าไรแล้ว ให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลช่วยคิดหาวิธีให้ตนแล้วหาของดีๆ มาชดเชยให้ตนสักหน่อย แต่ทางนั้นกลับหาข้ออ้างปฏิเสธมาตลอด เขาจึงยอมแพ้อย่างแท้จริง
ตอนนี้แค่ได้ใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบสุขอยู่ในกู่ย่วนเมืองหยินเงียบๆ ก็พอแล้ว
แน่นอนว่าเพราะว่างเกินไปถึงได้มีเวลารับลูกศิษย์
คนนอกสงสัยว่าทำไมเขาถึงรับลูกศิษย์อีกแล้ว
ความจริงเหตุผลง่ายมาก…เพราะเขาว่างเกินไป!
ปรมาจารย์นักรบไม่สามารถเพิ่มพลังบำเพ็ญเพียรได้ ไม่สามารถก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้ ใช้เวลานี้มาสอนลูกศิษย์ยังดีเสียกว่า เหตุที่เขาเลือกหลี่ฮ่าวเพราะหลี่ฮ่าวไม่โง่ อย่างน้อยก็สามารถสืบทอดความรู้จากเขาไปได้บ้าง
ไม่เลือกหลี่ฮ่าว หรือว่าจะให้เลือกจางหย่วนหรือ
เจ้านั่นโง่เง่าจะตายไป!
“อาจารย์ แล้วตอนนี้อาจารย์ยังมีโอกาสเลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์แล้วกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอีกไหมครับ”
หยวนซั่วถอนหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “ฉันรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอมีอันตราย ฉันรู้ดี…แต่จากพลังทะลวงร้อยที่พร่องไปครึ่งหนึ่งของฉันในตอนนี้ เกรงว่ายังจะสู้หลิวหลงไม่ได้จริงๆ…”
ระอาใจชะมัดเลย!
อดีตปรมาจารย์ผู้ริเริ่มเคล็ดวิชาห้าปาณภูตที่เคยขึ้นเป็นใหญ่อย่างหยวนซั่ว บัดนี้ก็ทำได้แค่ยอมรับชะตากรรมเอ่ยคำพูดที่ว่าสู้หลิวหลงไม่ได้ออกมา
“ถ้าเธอกลัว ฉันยังยืนยันคำเดิมว่ามาหลบอยู่กับฉันนี่ อีกฝ่ายไม่กล้ามาหาฉันง่ายๆ หรอก ในเมื่อฉันยังมีประโยชน์ต่อผู้พิทักษ์รัตติกาล คณะตามรอยอารยธรรมโบราณยังต้องพึ่งพาฉัน…”
หลี่ฮ่าวเกาศีรษะแกร่กๆ ตอนนี้เองเขาถึงจะแสดงให้เห็นถึงความไม่สบายใจตามประสาวัยหนุ่มออกมาให้เห็น
“อาจารย์ ผม…”
เขาไม่รู้ควรพูดอะไรดี คิดๆ แล้วก็ลุกพรวดเดินเข้าไปในห้อง “อาจารย์ ผมได้ของดีมา อาจารย์ลองดูว่ามันพอจะช่วยอาจารย์ได้ไหมครับ!”
………………………………………………………………….