ตอนที่ 21-3 ความหลงตัวเองของหยวนซั่ว (3)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 21 ความหลงตัวเองของหยวนซั่ว (3)

ชายตรงหน้ามีกลิ่นอายพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติจากตัวอยู่จางๆ แน่นอนว่าไม่แข็งแกร่งนัก อาจสู้หลิวหลงไม่ได้ด้วยซ้ำ หรือพูดให้ถูกก็คือเทียบไม่ได้แม้แต่หลิวเยี่ยน แต่หลี่ฮ่าวคาดว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นคนที่ผู้พิทักษ์รัตติกาลส่งมาปกป้องอาจารย์

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างแท้จริงบางทีอาจจะยังไม่มาหรืออาจจะแฝงตัวอยู่ในที่ลับ อย่างไรเสียเจ้าหมอนี่ไม่ใช่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติตัวจริงหรอก

บางทีอาจเป็นปรมาจารย์นักรบที่ดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติเหมือนพวกหลิวหลงก็ได้

ชายวัยกลางคนตรงหน้ามุ่นคิ้วเล็กน้อย แล้วตอบเสียงนิ่งว่า “รอสักครู่ ผมขอรายงานก่อน!”

หลี่ฮ่าวไม่ได้พูดอะไรอีก

ไม่จำเป็นต้องไปท้าทายผู้พิทักษ์รัตติกาลเพียงเพราะอีกฝ่ายปฏิเสธจะรับแขก นี่ไม่ใช่ความคิดของอาจารย์แน่นอน ตอนนี้ผู้พิทักษ์รัตติกาลถึงขั้นควบคุมจำกัดการรับแขกแล้วหรือ

ชายคนนั้นหายตัวไปครู่หนึ่ง

สักพักก็ปรากฏตัวอีกครั้งแล้วพูดเสียงนิ่งว่า “เข้าไปเถอะ!”

“ขอบคุณ!”

หลี่ฮ่าวส่งยิ้มให้แล้วปั่นจักรยานเข้าไปข้างในต่ออย่างรวดเร็ว

ชายคนนั้นมองแผ่นหลังเขาแวบหนึ่ง ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางยกมือจับหูฟังสีดำแล้วถามเสียงเบา “ไม่ได้ค้นตัว จะมีปัญหาหรือเปล่า”

“ไม่เป็นไร ให้เขาเข้าไป!”

“รับทราบ!”

ชายคนนั้นไม่พูดอะไรอีก แค่รู้สึกเหนือคาดเล็กน้อยเท่านั้น คนก่อนหน้านี้ล้วนถูกปฏิเสธให้เข้าทั้งสิ้น แต่กลับมีเพียงหนุ่มน้อยคนนี้เท่านั้นที่เบื้องบนกลับไม่ได้ขัดขวางอะไร

หยวนซั่งใกล้จะเข้าร่วมการสำรวจร่องรอยอารยธรรมโบราณครั้งต่อไปแล้ว ได้ข่าวว่าครั้งนี้สำคัญมากด้วย

เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหล รวมถึงรักษาความปลอดภัยของหยวนซั่ว ช่วงนี้หยวนซั่วเลยไม่รับแขกจริงๆ

……

ณ ลานบ้านของบ้านตระกูลหยวน

หลี่ฮ่าววางจักรยานจอดหน้าประตูแล้วถึงเคาะประตู

“เปิดเอง!”

มีเสียงพลังเปี่ยมล้นของคนแก่ดังแว่วมาจากลานบ้าน

หยวนซั่วกำลังปล่อยหมัดอยู่กลางลานบ้านที่เต็มไปด้วยอิฐสีเขียว ไม่ได้ดูดุดันเท่าเคล็ดวิชายุทธ์พยัคฆ์ แต่เชื่องช้าเนิบนาบราวกับเต่าที่นอนอาบแดด ชวนให้รู้สึกเกียจคร้านเอื่อยเฉื่อยมากกว่า

หลี่ฮ่าวผลักประตูเข้าไป ประตูไม้ถูกเปิดออกส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด

วินาทีที่เห็นอาจารย์ หลี่ฮ่าวก็เผยรอยยิ้มที่ไม่มีทางเห็นได้ในเวลาปกติ

“อาจารย์!”

“หาที่นั่งรอก่อน!”

หยวนซั่วซ้อมวิชาหมัดมวยต่อไปโดยไม่คิดจะทักทายหลี่ฮ่าวเลยสักนิด

หยวนซั่วในวัยเจ็ดสิบกว่าปียังถือว่าสุขภาพแข็งแรงดีอยู่ ขนาดตัวไม่ถือว่าสูงมากประมาณร้อยเจ็ดสิบกว่าเซนติเมตร แต่สำหรับคนแก่ก็ไม่ถือว่าเตี้ยแล้ว ตอนหนุ่มคิดว่าคงตัวสูงกว่านี้มาก

ปรากฏผมหงอกขึ้นบ้างประปราย ท่อนล่างสวมรองเท้าผ้าคู่หนึ่งขับให้ดูเรียบง่ายเป็นอย่างมาก

หลี่ฮ่าวชินแล้ว เขานั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ คอยดูอาจารย์ซ้อมหมัดมวยไป

ช้ามากจริงๆ!

ทุกหมัดที่ปล่อยไปเหมือนหอยทากกำลังเคลื่อนที่ชวนคนดูเริ่มง่วง แต่หยวนซั่วกลับดูมีความสุขอย่างไม่รู้เหนื่อย วิชาหมัดเต่าชุดนี้ฝึกมาไม่รู้กี่ปีแล้ว

หลี่ฮ่าวเคยเห็นมานานแล้ว คาดว่าอาจารย์กำลังเตรียมเพิ่มวิชาใหม่ลงในเคล็ดวิชาห้าปาณภูต ซึ่งนี่ก็คือเคล็ดวิชาเต่า!

หยวนซั่วไม่ได้มองหลี่ฮ่าว แต่เขารู้สึกได้ว่าหลี่ฮ่าวกำลังมองไปที่เขา ถึงขั้นรู้ทันความคิดบางอย่างของหลี่ฮ่าวด้วยซ้ำ

ทันใดนั้นหลี่ฮ่าวเพิ่งจะยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบ หยวนซั่วที่เมื่อครู่ยังเคลื่อนไหวเชื่องช้าอยู่พลันก็หายวับไปจากตรงนั้น

ปรากฏตัวอีกที ตรงหน้าหลี่ฮ่าวก็มีกำปั้นข้างหนึ่งโผล่มาแล้ว!

ท่วงท่าช้ามากๆ!

คล้ายกำลังเปิดฉากสโลว์โมชั่น หลี่ฮ่าวนึกอยากเบี่ยงหลบแต่กลับเหมือนถูกใครล็อกตัวเอาไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อนตัวได้!

ตรงหน้าผากของหลี่ฮ่าวเหงื่อผุดขึ้นมาทันที!

วินาทีนี้เขารู้สึกเหมือนถูกเงาโลหิตเพ่งเล็งก็ไม่ปาน ความรู้สึกหวาดกลัว ความรู้สึกอันตรายถึงชีวิตคืบคลานเข้ามา!

“กรรซ์!”

พยัคฆ์คำรามก้องป่า!

การจู่โจมจากคลื่นพลังเสียง!

พลั่ก!

ฝ่ามือหนึ่งฟาดใส่ศีรษะเขาอย่างแรง หยวนซั่วเก็บหมัด ขณะที่หลี่ฮ่าวไม่ทันเห็นเขาเก็บหมัดด้วยซ้ำ

“ร้องโหยหวนอะไร”

หยวนซั่วทำท่าไม่พอใจประมาณหนึ่งแล้วตวาดเสียงดุว่า “พยัคฆ์คำรามก้องป่ากลับถูกเธอร้องเหมือนเสียงแมว! เธอเรียนเคล็ดวิชายุทธ์พยัคฆ์อะไรกัน นี่เรียนเคล็ดวิชาแมวชัดๆ!”

หลี่ฮ่าวทำท่าเคอะเขินเล็กน้อย

ปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วลุกขึ้นยืน “อาจารย์ เมื่อกี้อาจารย์เร็วเกินไป อีกอย่างผมขยับตัวไม่ได้…”

“นั่นเพราะเธออ่อนแอเกินไป!”

หยวนซั่วทำหน้าไม่พอใจ “ปรมาจารย์นักรบระดับสามอาศัยหมัดเท้า ปรมาจารย์นักรบระดับสองดูที่ความน่าเกรงขาม ปรมาจารย์นักรบระดับหนึ่งมีพลังจิตที่แข็งแกร่ง! เธอยังสู้ระดับสามไม่ได้ด้วยซ้ำ!”

“…”

หลี่ฮ่าวนวดคลึงศีรษะตัวเองโดยไม่สนใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขาไม่นับว่าเป็นปรมาจารย์นักรบระดับสามอยู่แล้ว

ระดับสามที่อาจารย์พูดถึง อย่างน้อยก็เป็นปรมาจารย์นักรบเชียวนะ

เขาไม่ใช่แม้แต่ปรมาจารย์นักรบด้วยซ้ำ!

แต่เขาแค่ขั้นสิบสังหารต่างหาก!

หยวนซั่วด่าแค่ประโยคหนึ่ง แต่เขาชินกับการด่าแบบนี้ไปแล้ว

ว่าแล้วก็พยักหน้าเอ่ยอีกว่า “ยังดี! ดีกว่าเมื่อก่อน เมื่อก่อนเธอยังร้องคำรามไม่ออกด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็มีพัฒนาการขึ้นบ้าง…แต่ว่าไม่ใช่อย่างที่ฉันหวังไว้”

ว่าแล้วก็ส่ายหน้าอีก “ศาสตร์วิชานักรบถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แค่สุขภาพร่างกายแข็งแรงก็พอ! เอาอาชีพตามรอยอารยธรรมโบราณเป็นอาชีพหลัก อย่างน้อยอนาคตก็ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีกินมีใช้ ฉันยังคิดเลยว่าพรสวรรค์เธอไม่เลว ลำพังแค่เป็นคนธรรมดาตั้งใจตามรอยอารยธรรมโบราณอย่างน้อยก็ประสบความสำเร็จแล้ว หลังจากฉันเกษียณไปก็จะให้เธอเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์อะไรทำนองนั้น หลายสิบปีต่อจากนี้ก็รับช่วงต่อจากฉันได้…แต่น่าเสียดาย!”

หลี่ฮ่าวยิ้ม

เขาไม่พูดอะไรมากพลางรินน้ำชาให้อาจารย์ จากนั้นก็มองหยวนซั่วอีกทีอย่างนึกแปลกใจเล็กน้อย

หลิวหลงก็ดี หลิวเยี่ยนก็ช่าง บนตัวคนเหล่านี้ล้วนมีแสงดาราอยู่ไม่มากก็น้อย ต่อให้มันไม่บริสุทธิ์ก็ตาม

ส่วนปรมาจารย์แสงดาราอย่างหวังหมิง มีแสงดาราที่บริสุทธิ์มาก

แต่อาจารย์…ไม่มีเลยจริงๆ!

ไม่อย่างนั้นเขาคงสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้ว

อาจารย์ไม่เคยดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติมาก่อนหรือ

“มองอะไร”

หยวนซั่วนั่งลงพร้อมเตะหลี่ฮ่าวออก หยิบแก้วน้ำชาแล้วดื่มของตัวเองไป

หลี่ฮ่าวคิดๆ แล้วก็พูดไปว่า “อาจารย์ ทำไมอาจารย์ไม่เหมือนหัวหน้าหลิวล่ะ พอเข้าใกล้หัวหน้าหลิว ผมรู้สึกถึงความเย็นยะเยือก…”

“พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติรั่วออกมาเท่านั้นล่ะ!”

หยวนซั่วกลับทำหน้าไม่ยี่หระอะไรพลางพูดว่า “ขยะ ใช้ไม่ได้ เขาดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติมากเกินไป หลายชนิดเกินไปจนย่อยไม่หมดก็ต้องรั่วไหลออกมาอยู่แล้ว แบบนั้นถึงทำให้เธอรู้สึกเย็นยะเยือก! ฉันไม่ใช่ขยะอย่างเขาสักหน่อย”

“…”

หลี่ฮ่าวหมดคำจะพูดอย่างสิ้นเชิง อาจารย์เป็นคนหลงตัวเองเขารู้ดี

แต่เพิ่งเคยเห็นอาจารย์หลงตัวเองขนาดนี้ อย่างน้อยหลิวหลงก็เป็นถึงปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อย แถมยังเป็นหัวหน้าของทีมปฏิบัติการด้วย

ด่าแบบนี้จะเหมาะสมหรือ

แต่ในใจก็รู้สึกตกใจอยู่บ้าง ความหมายของอาจารย์คือพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติที่เขาดูดซับไปยังย่อยไม่หมดเหรอ

หยวนซั่วพูดต่อ “หยุดมองได้แล้ว จะมองยังไงก็มองไม่เห็นหรอก สิ่งที่ฉันสอนเธอไปฝึกไว้ให้ดี ใช้ให้ดี ถึงจะแย่แค่ไหนก็ยังดีกว่าหลิวหลงแน่นอน เข้าใจหรือยัง”

หลี่ฮ่าวเข้าใจแล้ว!

‘วิชาคายรับห้าปาณภูต’!

จะว่าไปวิชาคายรับสุดยอดมากจริงๆ เพราะวิธีการนี้สามารถดูดซับพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติได้ทั้งหมด

หลี่ฮ่าวยังสัมผัสได้ไม่มากนัก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกลางๆ ว่าเคล็ดวิชาลับนี้อาจแข็งแกร่งมากจริงๆ

แน่นอนว่าเขามาครั้งนี้ไม่ใช่เพราะจุดประสงค์นี้ แต่เป็นเรื่องพลังแสงดาราจากจี้หยกกระบี่ต่างหาก

เขาคาดหวังให้อาจารย์ของตนกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมากกว่า เพราะแบบนั้นถึงจะมีความกล้าเผชิญหน้ากับภัยอันตรายมากขึ้น

…………………………………………………………..