ตอนที่ 26-3 หินมีด ล่าปีศาจ (3)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 26 หินมีด ล่าปีศาจ (3)

หลังจากนั้นหลี่ฮ่าวก็เริ่มฝึกเคล็ดวิชาห้าปาณภูตอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้เจาะจงเน้นเคล็ดวิชาลิงเป็นหลักอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นเคล็ดวิชายุทธ์หมี

เคล็ดวิชายุทธ์หมีจะเน้นเพิ่มพลังให้ร่างกายมากกว่า

ไม่ได้เน้นความว่องไวคล่องตัวเป็นหลัก

ความสุดยอดของพลังมีดทะลวงแสดงถึงความรุนแรงของพลังลี้ลับที่มากกว่า ความจริงเคล็ดวิชายุทธ์พยัคฆ์จะดีกว่าหน่อย แต่เคล็ดวิชายุทธ์พยัคฆ์เสียงดังเกินไป เดี๋ยวคุณป้าชั้นล่างจะกุข่าวเรื่องเขาขึ้นมาอีก

เคล็ดวิชายุทธ์หมี เน้นสร้างรากฐานให้มั่นคงเป็นหลักและการต่อสู้เป็นรอง

ดูท่วงท่าอาจไม่เท่าไร แต่พอตะปบทีก็ทำเอาเสือหมอบได้เหมือนกัน!

จากนั้นหลี่ฮ่าวก็เริ่มใช้เคล็ดวิชายุทธ์หมีโดยเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆ แต่ทุกย่างก้าว ทุกฝ่ามือ เหมือนใช้พละกำลังทั่วทั้งร่างกาย พลังมีดปริมาณมหาศาลและแรงต้านของพลังกระบี่เริ่มผสานเข้าสู่ร่างกาย

โดยเฉพาะแขนขา!

ช่วงขณะที่หลี่ฮ่าวพร่าเบลอเหมือนมองเห็นกลอน…ไม่สิ ไม่ใช่กลอน แต่เหมือนโซ่ตรวนที่อยู่ตามจุดต่างๆ ในร่างกายกำลังล็อกตัวเขาไว้!

กลอนล็อกพลังเหนือธรรมชาติ!

หากสามารถปลดล็อกกลอนพลังเหนือธรรมชาติก็จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้

ก่อนหน้านี้เขาเคยสัมผัสได้ตอนที่ดูดซับพลังจี้หยกกระบี่

ครั้งนี้เขาสัมผัสมันได้อีกครั้ง

โซ่ตรวนเหล่านี้ล็อกตัวเขาไว้ไม่ให้พลังลี้ลับเข้าสู่เส้นชีวิต สมองและหัวใจจะไม่ปล่อยให้พลังเหล่านี้ไหลทะลักเข้าสู่จุดสำคัญ ซึ่งแสดงถึงว่าตอนนี้หลี่ฮ่าวเลื่อนขั้นไปเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่ได้ หากกลอนไม่ปลดล็อกก็คงทำได้แค่ทำให้ร่างกายแข็งแกร่งเท่านั้น

“ตู้ม!”

หลี่ฮ่าวกระทืบเท้าเบาๆ เขาคิดว่าตนแรงไม่มากเท่าไร ทว่าวินาทีต่อมากลับมีเสียงพื้นยุบลงไปดังสนั่น!

พลังแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว!

อีกอย่างพลังแข็งแกร่งขึ้นมาก ครู่เดียวก็ทำเอาหลี่ฮ่าวรับไม่ไหวจนควบคุมตัวเองไม่อยู่

วันนี้วันเดียวแต่เขาพัฒนาขึ้นเร็วเหลือเกิน

เริ่มจากดูดซับพลังลี้ลับเพิ่มระดับฝีมือก่อนหนึ่งครั้ง จากนั้นพอหยวนซั่วเลื่อนขั้นเลยลากเขาเลื่อนขั้นตามไปด้วย ตอนนี้ดันมาดูดซับพลังมีดและแรงต้านของพลังกระบี่อีก พลังของเขาจึงพัฒนาขึ้นอีกครั้ง

ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งวัน เกรงว่าจะพัฒนามากกว่าเมื่อวานเป็นเท่าทวีคูณ

แล้วจะไม่ให้สูญเสียการควบคุมได้เช่นไร

คุณป้าห้องด้านล่างเอ่ยเสียงแหลมสูง “เสี่ยวฮ่าวทำอะไรอีกล่ะ หมาก็ลากตัวออกไปแล้ว เธอทำอะไรอีกเนี่ย”

หลี่ฮ่าวไม่พูดอะไร ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้าสุนัขตัวนั้นสักหน่อย!

“คุณป้าครับ พอดีตู้เย็นล้ม ผมจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้แหละครับ!”

หลี่ฮ่าวเองกระแอมเสียงก่อนจะตะโกนบอกไปที

เวลานี้ด้านล่างถึงกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง หลี่ฮ่าวปาดเหงื่อตรงหน้าผาก ทันทีที่ปาดเหงื่อเลือดสีแดงก็เปื้อนไปทั่วทั้งแขน เมื่อครู่เส้นเลือดแตก เขาจึงเลือดไหลไม่น้อย

ทว่าหลี่ฮ่าวกลับไม่สนใจเลยสักนิด เขาลดแรงเคลื่อนไหวลงเล็กน้อย

เดิมทีเขารู้สึกว่าอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน เพราะมีกลิ่นอายความเก่าแก่อยู่บ้าง

แต่เวลานี้หลี่ฮ่าวที่กำลังฝึกวิชากลับรู้สึกไร้สมาธิ

ถ้าครั้งนี้เขามีชีวิตรอด…คงต้องหาเงินเปลี่ยนเป็นบ้านหลังใหญ่แล้ว ทางที่ดีเลือกเป็นบ้านหลังเดี่ยวไปเลยดีกว่า มิเช่นนั้นคงปล่อยเคล็ดวิชาออกมาไม่ได้เต็มที่ บ้านแบบอาจารย์ก็ดีไม่หยอก บ้านเดี่ยวมีลานส่วนตัว อยากเสียงดังใช้แรงเท่าไรก็ได้

แน่นอนเรื่องพวกนี้ค่อยว่าทีหลัง

หากครั้งนี้เขาตายด้วยน้ำมือของเงาโลหิต เช่นนั้นเรื่องทุกอย่างก็จบ!

“พรึ่บ!”

“พลั่กๆ!”

เขาปล่อยหมัดปล่อยแรงทางฝ่ามือ

หลี่ฮ่าวไม่ได้กระทืบเท้าอีก ทำแบบนี้ถึงแม้จะมีเสียงดังบ้างแต่ก็เบากว่าก่อนหน้านี้มากโข

ทุกครั้งที่ปล่อยหมัด กระดูกข้อเอ็นก็จะขยับพร้อมส่งเสียงดังกรอบแกรบตามมาด้วย

เสียงกระดูกดังสนั่นกังวานทั่วห้อง!

แน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมควบคุมได้ มิเช่นนั้นถ้านักรบปล่อยแรงแล้วเสียงดังตลอด เช่นนั้นคงตกเป็นเป้าสายตาคนอื่นได้ง่ายและถูกคนอื่นมองกระบวนท่าออกอย่างทะลุปรุโปร่ง

เพียงแต่หลี่ฮ่าวในเวลานี้กลับควบคุมแรงได้ไม่ค่อยดีนัก

พลังที่เพิ่มขึ้นมากขนาดนี้ทำให้เขาควบคุมแรงไม่ได้ในระยะเวลาสั้นๆ ราวกับเด็กน้อยยกค้อนยักษ์และเดินทรงตัวไม่ค่อยได้อย่างไรอย่างนั้น

ครั้งนี้หลี่ฮ่าวทำกระบวนท่าเคล็ดวิชายุทธ์หมีสิบรอบ

เขาทำติดต่อกันราวครึ่งชั่วโมงถึงหยุดลง

“ดูดซับพลังไปแค่นิดเดียวแต่กลับต้องย่อยสลายพลังถึงครึ่งชั่วโมง รู้สึกว่าจะแข็งแกร่งกว่าพลังลี้ลับสองลูกบาศก์เมื่อตอนเช้าเสียอีก”

หลี่ฮ่าวมองหินมีดและจี้หยกกระบี่ที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นแววตาก็วูบไหวเล็กน้อย

“นี่…เหมือนจะเป็นพลังลี้ลับชนิดทำลายล้างไม่หนักมาก! ถึงแม้จะแตกต่างจากพลังที่ดูดซับไปเมื่อตอนเช้า แต่ก็พอสัมผัสได้ว่าคุณภาพสูงกว่าหน่อย”

เวลานี้ เขาไม่ได้ดูดซับพลังต่อแล้ว

ต่อให้เขาดูดซับอย่างบ้าคลั่งแต่ก็เปลี่ยนวิธีการบ้าง เวลาไม่กี่วันกลับทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปไม่น้อย แต่สามารถขยับเข้ามาเป็นสิบสังหารได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

อีกอย่างพัฒนามากเกินไป เขากลับกังวลว่าคนอื่นจะสังเกตเห็นความผิดปกติเอาได้

ต้องใช้เวลาค่อยๆ ย่อยสลายพลัง!

“เราไม่ไหว…แต่อาจารย์บอกว่าหากอยากเลื่อนขั้นเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติต้องใช้พลังลี้ลับมหาศาลไม่ใช่เหรอ แถมบอกว่าต้องเป็นพลังเหนือธรรมชาติที่อัดแน่นไปด้วยแรงทะลวงอีกต่างหาก งั้นพลังของหินมีดนี้ล่ะ?”

หลี่ฮ่าวตกอยู่ในห้วงความคิด

อาจารย์รู้เรื่องจี้หยกกระบี่แล้ว

ส่วนเรื่องหินมีดเขาไม่ได้พูดถึง แต่อาจารย์คงพอจะเดาได้แน่นอน

เขาถอนหายใจ หลี่ฮ่าวตัดสินใจแล้วว่าจะบอกอาจารย์ เขากังวลว่าพลังที่แท้จริงของผู้อยู่เบื้องหลังของพวกเงาโลหิตจะเหนือกว่าที่จินตนาการไว้มาก

ในเมื่ออีกฝ่ายอาจจะเอาอาวุธของตระกูลอื่นๆ ไปหมดแล้ว หากค้นพบความลับในนั้น บางทีอาวุธพวกนั้นอาจจะไม่ใช่พลังลี้ลับทั้งหมด แต่ถ้าอีกฝ่ายใช้มันขึ้นมา ไม่แน่อาจจะแข็งแกร่งกว่าสุริยะพรายด้วยซ้ำ!

“หากอาจารย์ได้เลื่อนขั้นก็อาจจะแกร่งกว่าขั้นสุริยะพรายไปเลย รวมถึงกลายเป็นคนมีฝีมือลำดับต้นๆ ดั่งที่เขาพูดไว้ก็ได้!”

หลี่ฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกอีกครั้ง หากเปลี่ยนเป็นยามปกติเขาอาจจะค่อยๆ ดูดซับไป อย่างไรเสียคนเราก็มีความเห็นแก่ตัว ความจริงการสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งเหมือนกัน

แต่เวลานี้คงค่อยๆ ดูดซับอย่างที่เขาต้องการไม่ได้แล้ว

“หวังว่าพลังในนี้จะสามารถทำให้อาจารย์เลื่อนขั้นได้…หากสำเร็จ เราถึงจะมีโอกาสมีชีวิตต่อไปในวันข้างหน้า!”

พอคิดถึงตรงนี้หลี่ฮ่าวก็ผุดรอยยิ้มออกมา

เขาเพิ่งเอาชนะความโลภในใจของตัวเองได้

มนุษย์เรามีความโลภ ไม่มีใครเกิดมาก็กลายเป็นคนวิเศษหรอก แต่หากมองตัวเองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หรือมองทะลุหมอกควันได้โดยไม่โดนผลประโยชน์เบื้องหน้าบังตา เช่นนั้นก็สำเร็จแล้ว

อาจารย์เคยบอกว่าเขาเองก็มีความโลภเช่นกัน

กระทั่งก่อนหน้านี้หลี่ฮ่าวเคยสัมผัสได้ว่าตอนที่อาจารย์ดูดซับจี้หยกกระบี่ ความจริงก็มีความโลภกระหายมากไม่เบา แต่อาจารย์เอาชนะตัวเองได้ หลี่ฮ่าวคิดว่าตนควรเอาอาจารย์เป็นตัวอย่าง!

“หากอาจารย์แข็งแกร่งก็เท่ากับว่าเราเองก็แข็งแกร่งเหมือนกัน อย่างตอนนี้เราก็มีสิ่งที่รับประกันได้!

ครั้นคิดถึงตรงนี้หลี่ฮ่าวก็ไม่ได้ดูดซับพลังมีดอีก

เขาคิดว่าตอนนี้ดูดซับไปก็เสียเปล่า สู้เรียกเจ้าเสือดำกลับมาแล้วค่อยดูดซับเพื่อให้พลังมีดแผ่กระจายให้เจ้าเสือดำได้สัมผัสอย่างหนำใจยังดีเสียกว่า

ยามที่ร่างอวบอ้วนของเจ้าเสือดำถูกแสงดาราหล่อเลี้ยงร่างกาย อย่าให้พูดเลยว่ามันสบายตัวขนาดไหน

ปล่อยให้มันมีความสุขสักหน่อยแล้วกัน!

……………………………………………………………………….