ตอนที่ 27-2 เป็นฝ่ายลองเชิงก่อน (2)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 27 เป็นฝ่ายลองเชิงก่อน (2)

บนตัวเงาโลหิตเหมือนไม่มีพลังลี้ลับ ส่วนหลิวหลงเคยบอกไว้ว่าหากปรมาจารย์นักรบพบผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็จะมองผ่านคลื่นพลังลี้ลับอันน้อยนิดเหล่านั้น แต่ถ้าไม่มีพลังลี้ลับแล้วหลิวหลงจะยังเห็นไหม

ถ้ามองไม่เห็น…นี่ต่างหากคือเรื่องที่อันตรายที่สุด

หลิวหลงมองไม่เห็น แล้วอาจารย์ล่ะ

หากอาจารย์มองไม่เห็นก็แย่สิ หลี่ฮ่าวกลับสามารถมองเห็นได้ กลัวก็แต่เขามองเห็นไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าพวกอาจารย์ถึงขั้นไม่สามารถโจมตีเงาโลหิตได้ นี่ต่างหากเรื่องวิกฤตที่สุด

‘หวังว่าแกจะปรากฏตัว!’

หลี่ฮ่าวคิดในใจ คาดหวังว่าจะได้พบเงาโลหิตอีกครั้ง

เขาถึงขั้นเตรียมใจไว้อย่างกล้าหาญ…บางทีเขาอาจจะอาศัยจังหวะตอนที่เงาโลหิตไม่ฆ่าเขาในตอนนี้ลองลงมือดูบ้าง วินาทีนี้เขาใจกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!

ห้านาทีไม่มีใครตามมา

สิบนาทีก็ยังไม่มีใครมา

กระทั่งเดินไปได้สิบห้านาที เจ้าเสือดำข้างๆ พลันก็เริ่มกระวนกระวายกัดขากางเกงของหลี่ฮ่าว

หลี่ฮ่าวตั้งจิตให้แน่วแน่

มาแล้ว!

อาจหาญมากจริงๆ เงาโลหิตปรากฏตัวแล้วจริงๆ นี่แสดงว่าความน่ากลัวเป็นของผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้ต่างหาก ถ้าไม่พิสูจน์ว่าพวกหลิวหลงสามารถมองเห็นได้ ก็พิสูจน์ว่ามองเห็นแล้วแต่ไม่แสดงท่าทีอะไร เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงพวกหลิวหลงอีก

ต้องรู้ไว้ว่าจากที่อาจารย์เคยบอกมา หลิวหลงเป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถจัดการผู้มีพลังเหนือธรรมชาติบางพวกที่เพิ่งเลื่อนขั้นเป็นระดับขั้นจันทราทมิฬได้เชียว

หลี่ฮ่าวเดินต่อไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

ขณะนี้ในสายตาของเจ้าเสือดำกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะช่างเป็นภาพที่น่ากลัวมากๆ ภาพหนึ่ง

ตรงหน้าหลี่ฮ่าวพลันก็ปรากฏให้เห็นเงาสีแดงโผล่มา!

สีแดงเลือด!

มันเข้ามาขวางอยู่ตรงหน้าหลี่ฮ่าวอย่างนั้น

แต่แล้วเหมือนหลี่ฮ่าวมองไม่เห็นและเลือกที่จะเดินทะลุอีกฝ่ายไป ทำให้เงาโลหิตตัวสั่นไปมาน้อยๆ

ทันใดนั้นเองอยู่ดีๆ หลี่ฮ่าวก็ชักกระบี่เล่มหนึ่งออกจากสาบเสื้อตรงอก

กระบี่เล็ก!

ในกระบี่เล่มนั้นมีพลังลี้ลับบางอย่างแฝงอยู่เลือนราง หลี่ฮ่าวขมวดคิ้วกวาดมองรอบตัวด้วยสีหน้าระแวง

……

ท่ามกลางความมืด

หลิวหลงย่นคิ้วน้อยๆ กดเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน “เกิดอะไรขึ้น เขารู้สึกได้ถึงอันตราย…พวกเธอล่ะ”

คนในที่นี้กลับไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะรู้สึกได้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ต่อให้เป็นหลิวหลงก็สัมผัสไม่ได้เช่นกัน

เพียงแค่แปลกตงิดๆ ก็เท่านั้น!

กระทั่งหลี่ฮ่าวเอากระบี่เล็กออกมา ซึ่งมีพลังลี้ลับประกายแสงอ่อนๆ หลิวหลงถึงสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง หลี่ฮ่าวพบเห็นอะไร หรือว่ากระบี่ในมือเขาสัมผัสถึงอะไร

กระบี่เล่มนั้น…เป็นกระบี่ตระกูลหลี่หรือ

อยู่ห่างกันเกินไปทำให้สัมผัสไม่ได้ แต่ต้องเป็นวัตถุเหนือธรรมชาติแน่ๆ!

……

ในเวลาเดียวกัน

เงาของหน้ากากผีก็ปรากฏตัวในอากาศ ดวงตาสีฟ้ามองไปยังทิศทางของหลี่ฮ่าวด้วยความเหนือคาดหน่อยๆ

วัตถุเหนือธรรมชาติ!

นี่น่ะหรือสมบัติที่เบื้องบนต้องการ

‘กระบี่…โผล่มาให้เห็นแล้ว!’

‘เขาสังเกตเห็นเหรอ’

หน้ากากผีรู้สึกเกินคาดและฉงนใจประมาณหนึ่ง หลี่ฮ่าวมองไม่เห็นเงาโลหิตเรื่องนี้เขาทราบดี

ครั้งก่อนมองไม่เห็น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รอเดินทะลุผ่านเงาโลหิตไปถึงสัมผัสถึงความผิดปกติหรอก สิ่งที่ทำให้หลี่ฮ่าวมีปฏิกิริยาได้คงจะเป็นกระบี่เล่มนั้น เป็นสมบัติวิเศษดั่งที่คิดจริงๆ ด้วย!

‘ต่อให้จับผิดสิ่งปกติได้…แล้วนายจะทำอะไรได้’

หน้ากากผีคิดในใจ ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไรนัก

ต่อให้นายจับได้แล้วจะทำอะไรได้

เงาโลหิตอยู่ตรงหน้านาย นายจะทำอะไรได้

คนที่สามารถมองเห็นเงาโลหิตได้ ทุกวันนี้มีน้อยลงทุกที ลำพังแค่เขาก็ฆ่าไปไม่น้อย

ส่วนพวกที่ยังไม่ตาย เกรงว่าตอนนี้คงกำลังหมกตัวอยู่ในกองบัญชาการใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาล ในมณฑลหยินเยวี่ยใช่ว่าจะเจอตัวพวกเขาได้ง่ายๆ

……

ข้างถนน

หลี่ฮ่าวถือกระบี่พลางมุ่นคิ้วเล็กน้อยแล้วเหลียวมองรอบตัวเอ่ยเสียงเย็นขึ้นมาทันใด “อย่าหลบเลย ฉันเห็นแกแล้ว!”

ไร้เสียงตอบรับ

จู่ๆ หลี่ฮ่าวก็โบกกระบี่สั้นไปมา หันปลายกระบี่เหวี่ยงไปรอบตัวพร้อมทำหน้าดุดันกัดฟันเอ่ยว่า “อยากฆ่าฉัน พวกแกก็มีราคาที่ต้องจ่ายเหมือนกัน! อย่าคิดว่าหลบแล้วจะไม่มีใครรู้ตัวตนของพวกแก ฉันรู้ตั้งนานแล้วว่าพวกแกอยู่ที่ไหน!”

ภายนอกเข้มแข็งแต่ภายในใจกำลังอ่อนแอ!

“อาจารย์ของฉันเป็นปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยเชียว เป็นปรมาจารย์นักรบยอดฝีมือที่ใกล้จะเลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์ พวกแกแตะต้องฉันก็ถือว่าเป็นการล่วงเกินปรมาจารย์พันยุทธ์ท่านหนึ่งเหมือนกัน มันคุ้มค่าเหรอ”

“บางเรื่องมานั่งคุยกันได้! ไม่จำเป็นต้องเอาถึงตายหรอก!”

“…”

คำพูดของหลี่ฮ่าวดังสะท้อนอยู่ในความมืด

ส่วนตัวเขากำกระบี่โบกไปมาไม่หยุด

หลายครั้งที่ทะลุผ่านตัวเงาโลหิตไป!

ส่วนหลี่ฮ่าวยิ่งโบกก็ยิ่งใจหาย

ทำไมกัน

เงาโลหิตคืออะไรกันแน่!

เขาฟาดฟันกระบี่โดยไม่ได้ตั้งใจอยู่หลายรอบ แต่กลับแทงทะลุผ่านตัวเงาโลหิตทุกทีไป ไม่ได้สร้างความเสียหายหรือเกิดรอยแผลแต่อย่างใด ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ

ต่อให้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ฆ่าไม่ตายไม่มีวันดับสูญนี่นา!

เจ้าตัวนี่คืออะไรกันแน่

วินาทีถัดไปหลี่ฮ่าวจึงพรูลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เก็บกระบี่แล้วปริปากกล่าว “ลูกพี่ออกมาเถอะ! ไม่มีใครตามผมมา ลูกพี่อยู่ไหมครับ”

ผ่านไปสักครู่

ท่ามกลางความมืดมิด หลิวหลงในชุดเสื้อโค้ทยาวก็ก้าวขาออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขามองไปยังทิศทางของหลี่ฮ่าวด้วยสายตาเย็นยะเยือก

ไม่ใช่เพราะหลี่ฮ่าว!

นั่นเป็นเพราะ…เขารู้สึกได้ถึงสิ่งผิดปกติ ไม่ปกติเลยจริงๆ รอบๆ ตัวหลี่ฮ่าวเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

เขาพยายามมองแต่ก็ไม่เจออะไรเหมือนเดิม

‘ต้องมีอะไรแน่ๆ!’

เขาคิดในใจแล้วก้าวขาไปข้างหน้า

สักพักรอเขาเดินมาถึงตรงหน้าหลี่ฮ่าว หลี่ฮ่าวก็เห็นเงาโลหิตหายไปอย่างรวดเร็ว

หลี่ฮ่าวใจวูบไหว มันไม่ยอมปะทะกับหลิวหลงซึ่งๆ หน้าอย่างนั้นหรือ

เพราะระแวง หรือเพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นใด

หลิวหลงเหมือนจะรู้สึกได้จึงมองไปยังทิศทางหนึ่งกะทันหัน สายตาเต็มไปด้วยความอาฆาต ผ่านไปพักใหญ่รอกระทั่งเงาโลหิตหายไปอย่างสิ้นเชิง หลิวหลงถึงเอ่ยด้วยเสียงติดเย็นยะเยือกและนิ่งขรึม “น่าสนใจ…เสียดาย!”

“เสียดายเหรอ”

หลี่ฮ่าวแปลกใจ

หลิวหลงขมวดคิ้วตอบเสียงเย็นชาว่า “เสียดายผมไม่ใช่ขั้นพันยุทธ์! เหมือนเป็นชั้นจิตวิญญาณอย่างหนึ่ง…ทะลวงร้อยมีรัศมี พันยุทธ์มีจิตวิญญาณ! มิน่าถึงได้อาจหาญขนาดนี้ จากพลังของผมไม่สามารถมองทะลุถึงตัวอีกฝ่ายได้…นั่นแสดงว่าอาจจะมีเพียงพันยุทธ์ที่สามารถอาศัยพลังจิตล็อกตัวอีกฝ่ายได้!”

ว่าแล้วก็แค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง “เหิมเกริมดีนัก!”

มีเหตุผลและความสามารถที่จะเหิมเกริมได้เหมือนกันจริงๆ

เขารู้สึกได้แต่กลับล็อกเป้าหมายไม่ได้ เจอเรื่องแบบนี้ สำหรับหลิวหลงก็เหมือนบททดสอบครั้งใหญ่อีกรูปแบบหนึ่งเช่นกัน มันยากจะรับมือถึงขั้นสะดุดล้มหัวคะมำได้เลยทีเดียว

ส่วนหลี่ฮ่าวกลับมีสายตาที่เปลี่ยนไปน้อยๆ

รัศมี จิตวิญญาณ!

เรื่องนี้อาจารย์ก็เคยเอ่ยถึง

พันยุทธ์มีจิตวิญญาณ!

จิตวิญญาณที่สามารถช่วยให้มองเห็นเงาโลหิตได้อย่างนั้นหรือ

หรือว่ามองไม่เห็นเหมือนกัน แต่สามารถล็อกเป้าตำแหน่งของอีกฝ่ายได้

รอบนี้มาไม่เสียเที่ยวแล้ว!

เงาโลหิตไม่เห็นหลิวหลงในสายตา คิดว่าหลิวหลงมองไม่เห็นจึงไม่ใส่ใจมาก แต่หลี่ฮ่าวกลับได้ข้อมูลสำคัญอย่างหนึ่งจากนี้

พลังงานระดับขั้นทางจิตวิญญาณ!

จิตวิญญาณของพันยุทธ์สามารถช่วยล็อกเป้าตำแหน่งได้!

ขณะนี้หลิวหลงหันไปมองหลี่ฮ่าวอีกที เงียบไปพักหนึ่งถึงปริปากถามว่า “คุณจงใจหลอกล่อเจ้าหมอนั่นที่แอบอยู่ออกมาให้ผมเห็นอย่างนั้นเหรอ”

“ครับ!”

หลี่ฮ่าวพยักหน้า

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เป้าหมายหลัก เขาแค่อยากทดสอบดูว่าหลิวหลงสามารถมองเห็นหรือไม่ เขาสามารถสัมผัสเงาโลหิตได้หรือเปล่า เท่าที่ดูตอนนี้วิชานักรบใช้ไม่ได้ พลังเหนือธรรมชาติก็ใช่ว่าจะได้เสมอไป

แต่หลี่ฮ่าวรู้อย่างหนึ่งว่ากระบี่และมีดใช้ได้ผล!

ใช่แล้ว เมื่อกี้จี้หยกกับหินมีดในอกต่างปล่อยพลังออกมาอ่อนๆ แต่ถูกหลี่ฮ่าวข่มเอาไว้ เขาพยายามระงับอารมณ์พลุ่งพล่านอยากจะดึงมันออกมาเอาไว้แล้วกลั้นใจไม่ใช้ของพวกนั้น

หลิวหลงไม่ว่าอะไรพลางมองกระบี่สั้นในมือหลี่ฮ่าวอีกที สายตาประกายวูบวาบและพูดเสียงนิ่งขรึมหน่อยๆ ว่า “รู้เขารู้เรา ครั้งนี้ถึงคุณจะเสี่ยงไปหน่อย แต่ก็ทำให้ผมเข้าใจถึงอันตรายมากขึ้น…”

เขาครุ่นคิดอีกทีก่อนจะพูดขึ้นว่า “มันเกี่ยวโยงถึงระดับขั้นพลังจิตวิญญาณ…ครั้งนี้คงยุ่งยากไม่น้อย! เพราะอาจถึงขั้นพันยุทธ์เชียวล่ะ…”

ความจริงขั้นพันยุทธ์ก็ใช่ว่าจะทัดเทียมไม่ได้

เพียงแต่เรื่องสำคัญอยู่ที่ว่าเขามองไม่เห็น

………………………………………………………………….