ตอนที่ 31 ผู้ตรวจการณ์ตัวน้อยผู้มีน้ำใจ (1)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 31 ผู้ตรวจการณ์ตัวน้อยผู้มีน้ำใจ (1)

วันที่ 16 เดือนกรกฎาคม

อากาศร้อนอบอ้าว

อบอ้าวมากจนหายใจแทบไม่ออก คนที่รู้ดีย่อมเข้าใจว่านี่เป็นสัญญาณว่าพายุฝนกำลังจะมา

รุ่งอรุณยามเช้าตรู่

หลี่ฮ่าวปั่นจักรยานมือเดียว มือหนึ่งกินซาลาเปาอีกมือจับแฮนด์จักรยานปั่นไปทางกองตรวจการณ์อย่างสบายใจเฉิบ

เมื่อคืนผ่านพ้นไปอย่างสงบสุขดี

ไม่เห็นเงาโลหิต ทีมล่าปีศาจก็ไม่ได้มาหาเขา อาจารย์ก็ไม่ได้ติดต่อมา หวังหมิงก็ไม่มารังควานเขา…

แม้แต่เจ้าเสือดำ เมื่อคืนยังเชื่องมากไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ

เมื่อคืนเป็นคืนอันสงบสุขที่นานๆ จะเกิดขึ้นหน

มีรถยนต์คันเล็กขับผ่านจักรยานไป

หยิน 7219

ป้ายทะเบียนรถอันคุ้นตา

หลี่ฮ่าวกินซาลาเปาต่อไปอย่างไม่ใส่ใจราวกับแค่กวาดตามองผ่านๆ เท่านั้น ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอันสดใสอย่างที่คนวัยหนุ่มสาวควรมี

จำได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนหลังจากรายงานคดีไฟคลอกไป วันนั้นรถคันนี้ก็ขับตามตนมาแล้ว

ไม่เจอกันหลายวัน คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอรถคันนี้อีกครั้ง

“ตามจี้กดดันขึ้นเรื่อยๆ แล้วเหรอ”

ถึงขั้นตามมาเฝ้าดูเขาในตอนกลางวัน นี่กลัวเขาหนีหรือ

หลี่ฮ่าวเดาในใจ ถ้าอยู่ดีๆ ตนหนีไป…คงสนุกน่าดูเลยสินะ

แน่นอนว่าถ้าหนีไปตอนนี้ก็อาจจะเสี่ยงมากกว่าเดิม สร้างความปั่นป่วนให้แก่หลิวหลง แต่ก็ไม่อาจช่วยถ่วงเวลาให้อาจารย์มากสักเท่าไร

ใช่แล้ว เวลา

หลี่ฮ่าวในตอนนี้หวังว่าจะถ่วงเวลาต่อไปอีกสักหน่อย

ต่อให้อาจารย์เข้าสู่ขอบเขตพันยุทธ์แล้ว แต่ก็ต้องใช้เวลาในการดูดซับพลังจากมีดเช่นกัน แรงกระแทกทะลวงของพลังจากมีดรุนแรงเกินไป เกรงว่าต่อให้เป็นอาจารย์ก็คงไม่สามารถดูดซับได้มากในคราวเดียว

เช่นนั้นถ้าคิดจะแข็งแกร่งกว่านี้ก็ต้องใช้เวลา

“ดูดอกไม้บานบุบผาร่วงโรย น่าทะนุถนอม…”

ปั่นจักรยานพลางร้องเพลงไป หลี่ฮ่าวในวันนี้ดูท่าทางจะอารมณ์ดีไม่หยอก

……

ภายในรถ

ยังคงเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เมื่อรถยนต์ขับเลยไปทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงร้องเพลงของหลี่ฮ่าวจากหน้าต่างรถที่เปิดอยู่

ร้องได้ห่วยมาก!

ขับทิ้งช่วงห่างจากหลี่ฮ่าวสักระยะ ก่อนที่รถยนต์จะขับต่อไปเรื่อยๆ

หญิงสาวที่นั่งตรงเบาะข้างคนขับหัวเราะขึ้นมาฉับพลัน “มนุษย์น่ะ บางทีก็น่าสงสารจริงๆ!”

หล่อนพูดถึงหลี่ฮ่าวนั่นเอง

ไม่รู้ว่าตัวเองใกล้ตายเต็มทีแล้ว แถมอาจตายในสภาพอนาถด้วยซ้ำ

ณ​ เวลานี้ยังร้องเพลงอยู่อีก น่าเวทนาจริงๆ

ชายวัยกลางคนที่ขับรถอยู่ก็ยิ้มอ่อนๆ “ปกติ นี่ละความน่าเวทนาของมนุษย์ทั่วไป!”

รถยนต์ค่อยๆ เทียบจอด

เหมือนกำลังซ่อมรถก็มิปาน

ชายคนนั้นลงจากรถตามด้วยหญิงสาว รถถูกจอดเทียบข้างถนนเพื่อรอคอยหลี่ฮ่าว

เบื้องบนออกคำสั่งเด็ดขาดมาว่าสองวันนี้ต้องจับตามองหลี่ฮ่าวให้ดีโดยไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น ห้ามให้หลี่ฮ่าวหลุดรอดผ่านสายตาไปได้ แน่นอนว่าเมื่อหลี่ฮ่าวเข้าไปในกองตรวจการณ์ พวกเขารออยู่ข้างนอกก็พอ ภายในกองตรวจการณ์ย่อมมีการจัดการกันเอง

สักพัก

จักรยานก็ขับเลยผ่านไป

หลี่ฮ่าวยังฮึมฮัมเพลงในลำคอ ทว่าอยู่ดีๆ บทเพลงก็หยุดชะงักลง หลี่ฮ่าวลงจากรถมองรถยนต์คันเล็กที่จอดอยู่ริมทาง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มอันใสซื่อ

“พวกคุณต้องการความช่วยเหลือไหมครับ”

หลี่ฮ่าวมีน้ำใจอย่างมาก!

“หากเจอเรื่องลำบากก็หากองตรวจการณ์ได้เลยครับ!”

หลี่ฮ่าวยิ้มเอ่ย “ผมหลี่ฮ่าวเจ้าหน้าที่กองตรวจการณ์ระดับสาม ดูเหมือนว่ารถของพวกคุณทั้งสองจะเสีย ต้องการความช่วยเหลืออะไรไหมครับ”

สองคนสบตากันแวบหนึ่งอย่างเหนือคาด

ช่าง…มีน้ำใจเสียจริง!

แต่ก็ร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้ เด็กใสซื่อบริสุทธิ์เหลือเกิน

เธอรู้บ้างไหมว่าเราเป็นใคร

ผู้ชายมองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่งแล้วยิ้มตอบเสียงเบา “ขอบคุณนะ ไม่ต้องหรอก เราซ่อมเองก็ได้!”

“ไม่ต้องจริงเหรอครับ”

หลี่ฮ่าวลงจากจักรยานจอดไว้ข้างๆ ก่อนจะเดินมายืนข้างพวกเขาทั้งสองแล้วก้มมองรถ พลางปริเสียงถามว่า “เสียตรงไหนเหรอครับ เมื่อก่อนผมก็เคยซ่อมรถมาก่อน กองตรวจการณ์ก็มีน้ำใจชอบช่วยเหลือผู้อื่น แน่นอนว่าผมช่วยทั้งสองซ่อมรถเสร็จ พวกคุณมอบธงผ้าไหมให้กองตรวจการณ์สักผืนก็พอ…ฮ่าๆ ล้อเล่นครับ ไม่ให้ก็ไม่เป็นไร!”

หลี่ฮ่าวทำหน้าเคอะเขิน ทำท่าเหมือนอยากได้แต่ก็อายเกินกว่าจะพูด

ฉันอยากได้ธงผ้าไหมสักผืนเท่านั้นเอง!

หญิงสาวหลุดขำออกเสียง เจ้าเด็กที่ดูปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตรงหน้า บางครั้งก็ใสซื่อมากไปจริงๆ

ธงผ้าไหมหรือ

หญิงสาวยิ้ม “คุณผู้ตรวจการณ์ซ่อมรถได้เหรอ”

หลี่ฮ่าวยิ้มกว้าง ทำท่าได้ใจอย่างปิดไว้ไม่อยู่ “เป็นครับ! พวกคุณทั้งสองมีปัญญาขับรถ ผมคิดว่าก็คงไม่ถือสาอะไรกับธงผ้าไหมสักผืน…อะแฮ่มๆ ผมเป็นเด็กใหม่ของกองตรวจการณ์ ทั้งสองท่านก็รู้ดีว่าเด็กใหม่ต้องมีโอกาสแสดงฝีมือ…เพราะผมอาจจะใกล้ได้เลื่อนขึ้นเป็นระดับสองแล้ว! ต้องการเกียรติยศประดับสักหน่อย…พวกคุณทั้งสองคิดว่ายังไงครับ”

พวกเขาทั้งสองพูดไม่ออกและรู้สึกเหนือคาดมากจริงๆ!

เจ้าหมอนี่มาเสนอตัวซ่อมรถให้พวกเขาเอง แล้วยังยื่นข้อแลกเปลี่ยนโดยขอธงผ้าไหมอีก จุดประสงค์เพราะเขาอาจจะได้เลื่อนยศแล้ว!

เรื่องนี้ทั้งคู่รู้แก่ใจดีจริงๆ

ได้ข่าวว่าหลี่ฮ่าวอาจถูกย้ายไปอยู่ฝ่ายปฏิบัติการ เช่นนั้นเขาก็มีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งสูงจริงๆ

แต่ตอนนี้เจ้าเด็กตรงหน้าใกล้จะชะตาขาดอยู่รอมร่อ เขาไม่รู้ตัวสักนิดจริงๆ หรือ

หากได้เลื่อนตำแหน่งตอนนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไรเล่า

เลื่อนไปเธอก็ต้องเจอกับความตายไม่ได้เสพสุขกับมันหรอก!

ผู้ชายยิ้มอย่างอบอุ่นเอ่ย “งั้นก็ต้องลำบากผู้ตรวจการณ์หลี่แล้ว ถ้าซ่อมรถได้ ผมให้ธงผ้าไหมอยู่แล้ว”

ตอนนี้เขารู้สึกแปลกใจอย่างบอกไม่ถูก

คนที่เขาสะกดรอยตามดันเป็นฝ่ายมาชวนคุยเอง ยื่นมือมาช่วยเหลือเอง บางที…ภารกิจอาจจะสำเร็จได้ง่ายมากขึ้น

น่าสนใจแฮะ!

เท่าที่เขาทราบมาหลี่ฮ่าวไม่มีเพื่อนหรือญาติพี่น้องที่ไหน เขาเป็นคนรักสันโดษอย่างมาก เบื้องบนเองก็ไม่ได้รู้จักหลี่ฮ่าวมากเท่าไรนัก

หากตนได้สัมผัสหมอนี่มากขึ้นก็อาจจะได้ข้อมูลดีๆ ไปรายงานแก่เบื้องบนหรือเปล่านะ

อีกอย่างทางกองตรวจการณ์เขามีน้ำใจขนาดนี้ ถ้ารั้นแต่จะปฏิเสธกลับดูแปลกๆ เสียมากกว่า

ส่วนหลี่ฮ่าวเองก็ไม่มีท่าทีเกรงอกเกรงใจอะไรอีก

เขาเดินไปเปิดฝากระโปรงรถก้มสำรวจตรวจดูทีหนึ่งแล้วลูบจับเครื่องยนต์ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งก็เดินรอบรถหนึ่งรอบแล้วเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “สตาร์ทไม่ติดเหรอ เพราะเครื่องยนต์ร้อนเกินไปหรือเปล่านะ…”

ผู้ชายยิ้มตอบ “งั้นฉันจะลองสตาร์ทใหม่ เมื่อกี้เพิ่งดับเครื่องไป สตาร์ทหลายครั้งก็ไม่ติด”

“เอางั้นก็ได้ ผมเช็กดูแล้วไม่มีปัญหาอะไรมาก รถยังเป็นรถใหม่อยู่เลย…”

พูดคุยกันไปไม่กี่ประโยค ผู้ชายก็ขึ้นไปสตาร์ทรถ

ครั้งนี้รถยนต์สตาร์ทติดสำเร็จ

เดิมทีรถไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว พวกเขาจอดอยู่ตรงนี้ก็เพื่อจะได้ติดตามหลี่ฮ่าวได้สะดวกมากขึ้นก็เท่านั้น

………………………………………………………………..