ตอนที่ 31-2 ผู้ตรวจการณ์ตัวน้อยผู้มีน้ำใจ (2)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 31 ผู้ตรวจการณ์ตัวน้อยผู้มีน้ำใจ (2)

ขณะนี้หญิงสาวก็ยิ้มร่าแต่งแต้มใบหน้ารีบเอ่ยขึ้นว่า “คุณผู้ตรวจการณ์ ขอบคุณมากนะคะ!”

“อย่าเลยครับ ผมว่าผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง…ธงผ้าไหมหลุดมือไปแล้ว น่าเสียดายจังครับ แต่พวกคุณสองคนปลอดภัยก็ดีแล้ว เรื่องช่วยเหลือแก้ไขปัญหาของประชาชนเป็นหน้าที่ของกองตรวจการณ์เหมือนกัน!”

หลี่ฮ่าวยิ้มใสซื่อ!

ทั้งสองเหมือนจะประทับใจในรอยยิ้มของเขา ผู้ชายลงจากรถพูดด้วยใบหน้าจริงจัง “ไม่ว่ายังไงผู้ตรวจการณ์หลี่ก็มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น เราสองสามีภรรยาเพิ่งมาถึงเมืองหยินไม่นาน ได้รู้จักกับผู้ตรวจการณ์หลี่นับว่ามีวาสนาต่อกัน…เอาแบบนี้แล้วกัน เราไปสั่งทำธงตอนนี้เลย เดี๋ยวจะเอาไปให้ผู้ตรวจการณ์หลี่นะครับ!”

“อย่าเลยครับ!”

หลี่ฮ่าวรีบโบกมือบอกปัด “อย่าทำแบบนี้เลยครับ!”

ว่าแล้วก็ทำท่าอึกอักก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “เอ่อ…ถ้าไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวผมจ่ายค่าธงเอง! ผมเองก็ไม่มีเพื่อนฝูง ไม่งั้นก็คง…แฮ่มๆ พวกคุณก็รู้ว่าฝ่ายตรวจการณ์ก็เป็นคนเหมือนกัน การได้ธงผ้าไหมถือเป็นดั่งเกียรติยศ ถ้าทั้งสองไม่ถือสาอะไร ผมออกค่าธงเองก็ได้ครับ!”

ทั้งสองขำน้ำตาเล็ด

น่ารักเสียจริง!

ไร้เดียงสาเหลือเกิน!

เพื่อธงผ้าไหมผืนเดียวกลับเขินแต่ก็ปฏิเสธไม่ลง

ผู้ชายยิ้มตอบ “วางใจเถอะ ผู้ตรวจการณ์หลี่อย่าพูดถึงเรื่องเงินอีกเลย ค่าธงผ้าไหมจะสักเท่าไรเชียว แบบนี้เหมือนกำลังตบหน้าผมเลยนะครับ”

“งั้น…ผมไม่เกรงใจละนะ”

หลี่ฮ่าวดูเหมือนจะดีใจมาก ฉีกยิ้มสดใสยิ่งกว่าอะไรแล้วก้มดูเวลาอีกแวบหนึ่ง “แย่ล่ะ ผมจะสายแล้ว! ถ้าทั้งสองมาก็ไปหาผมที่ห้องเก็บแฟ้มคดีเลย ถ้าผมไม่อยู่ก็ไปหาผมที่ตึกปฏิบัติการ ผมใกล้จะย้ายไปหน่วยปฏิบัติการแล้ว…หลังจากนี้จะมีเวลาออกนอกสถานที่บ่อย ได้รู้จักเพื่อนใหม่หน่อยก็ดี ขอบคุณพวกคุณทั้งสองมากนะครับ!”

หลี่ฮ่าวรีบก้าวขาขึ้นควบจักรยาน ยิ้มแย้มแต่งแต้มใบหน้าพลางโบกมือลาทั้งสองแล้วปั่นจักรยานจากไปอย่างรวดเร็ว

รอกระทั่งเขาจากไป หญิงสาวก็ทำท่าเสียดาย “ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนแบบนี้ความจริงน่าสนใจไม่เบา น่ารักมากด้วย มีหัวใจเหมือนเด็ก หัวใจที่มีแต่ความจริงใจ…น่าเสียดาย ฉันและคุณย้อนเวลากลับไปไม่ได้อีกแล้ว!”

ผู้ชายก็พยักหน้าน้อยๆ

เขายังเผลอใจอ่อนไปกับรอยยิ้มของหลี่ฮ่าวเลย

วัยรุ่นช่างแตกต่างกันจริงๆ

มีน้ำใจยื่นมือเข้ามาช่วยผู้อื่นก่อนเสมอ คนของกองตรวจการณ์ก็เป็นแบบนี้กันหมด

หญิงสาวถามอีก “จะเอาธงผ้าไหมไปให้จริงเหรอ”

“แน่นอนสิ!”

ผู้ชายยิ้มร้ายกาจ “ทำไมถึงไม่ไปล่ะ สถานะของเราไม่มีปัญหาอะไรสักหน่อย เข้าไปดูหน่อยก็ดี ทำความเข้าใจเยอะๆ โอกาสที่จะได้เข้าไปในกองตรวจการณ์อย่างเปิดเผยแบบนี้หายากนะ!”

พูดจบก็เสริมอีกว่า “สบโอกาสนี้แล้ว ต่อไปเราก็ค่อยโผล่ตัวละแวกกองตรวจการณ์ถี่ขึ้นหน่อย จะมีใครคิดว่าไม่เหมาะสมอีกเหรอ เรามีข้ออ้างว่าจะไปหาหลี่ฮ่าว หรือเลี้ยงข้าวเขาอะไรก็ตาม…เพื่อขอบคุณความช่วยเหลือของเขา แล้วจะมีใครสนใจเราอีกล่ะ”

หญิงสาวคิดๆ แล้วก็พยักเห็นด้วย

เป็นข้ออ้างที่ดีไม่หยอก

กำลังเครียดก็มีคนมาช่วยแก้ปัญหาพอดี ก่อนหน้านี้กำลังขบคิดอยู่เลยว่าหากติดตามหลี่ฮ่าวตลอดจะถูกจับได้หรือถูกคนสงสัยหรือเปล่า

ตอนนี้…กลับปลอดภัยมากขึ้นแล้ว!

……

ในเวลาเดียวกัน

ณ กองตรวจการณ์

หลี่ฮ่าวมาถึงแล้วพร้อมใบหน้ายิ้มกว้างอย่างรื่นเริงใจ

“ลั๊ลลาๆ ตื๊อตือตือตื่อ วันนี้วันดี…”

ฮัมร้องเพลงไปอย่างบันเทิงใจ เพื่อรอเหยื่อตกหลุมพราง

เขาไม่ได้ไปห้องเก็บแฟ้มคดี แต่มุ่งตรงไปยังหน่วยปฏิบัติการ

ณ ห้องทำงานของหลิวเยี่ยน

หลิวเยี่ยนได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกประตูพร้อมเสียงร้องเพลงที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พลางรู้สึกเกินคาดอยู่บ้าง วันนี้หมอนี่อารมณ์ดีขนาดนี้เชียว

ก๊อกๆ!

ประตูถูกเปิดออก

หลี่ฮ่าวจุดยิ้มกว้าง “พี่หลิว มาเช้าขนาดนี้เลยเหรอครับ”

“อืม!”

หลิวเยี่ยนพิงพนักเก้าอี้ พาดเท้ายาวไว้บนโต๊ะด้วยท่าทางที่ดูได้ใจสุดขีด

หล่อนนึกสงสัยประมาณหนึ่งเลยถามออกไปว่า “วันนี้อารมณ์ดีเหรอ”

“ใช่สิ!”

หลี่ฮ่าวยิ้มตาหยีกล่าว “พี่ ผมกำลังคิดว่าผมเป็นเด็กใหม่ที่อ่อนหัดคนหนึ่งใช่ไหม โตมาขนาดนี้ยังไม่เคยฆ่าไก่ เห็นเลือดยังกลัวจนแข้งขาอ่อน ผมกลัวว่าผมเห็นฉากสุดสยองแล้วจะตกใจจนตาย ผมเลยตัดสินใจว่าผมจะฝึกความกล้าของผม!”

บ้าบออะไรกันเนี่ย

หลิวเยี่ยนแอบแปลกใจ ตอนนี้จะไปหาโอกาสจากไหนมาฝึกความกล้าให้นาย

ลำพังแค่เวลาก็ไม่ทันแล้ว!

หลี่ฮ่าวเหมือนรู้ทันความคิดเธอเลยหัวเราะคิกคักตอบว่า “ไม่ต้องเดือดร้อนถึงลูกพี่กับพี่หลิวหรอก ผมหาเป้าหมายเอง! เป็นปรมาจารย์นักรบสองคน…หรือปรมาจารย์นักรบคนเดียว กับคนธรรมดาอีกคนก็เป็นได้!”

หลี่ฮ่าวเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “มาหาพี่ก็แค่อยากบอกว่าอบากขอให้พี่ช่วยหาสถานที่ให้ผมที แล้วก็ช่วยผมคุมให้อุ่นใจหน่อย ผมคนเดียวแอบกลัวอยู่บ้าง ผมเป็นนักเรียนดีเด่นไม่เคยทะเลาะกับใคร ผมกลัวเห็นเลือดแล้วผมจะขวัญกระเจิง!”

“…”

หลิวเยี่ยนชะงักเล็กน้อยแล้วมองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่ง คิดว่าวันนี้เขาดูแปลกไปจริงๆ “นาย…หาเป้าหมายเองเหรอ หลี่ฮ่าว นายจะทำตามแบบอย่างที่ไม่ดีแล้วเหรอ”

เจ้าหมอนี่ เพราะเมื่อวานตนบอกไปว่า หากเขากลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ต่อให้ทำผิดกฎหมายก็ไม่เป็นไร เขาคิดเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้เชียวเหรอ

หลิวเยี่ยนสีหน้าดูเย็นชาลงประมาณหนึ่ง!

เธอแค่พูดไปอย่างนั้น น้ำเสียงแกมประชดประชันด้วยซ้ำ หมอนี่ฟังไม่ออกหรือ

หาคนเป็นเป้า…เห็นเลือด!

ลองฟังดูสิ คำพูดแบบนี้เหมือนคำพูดที่คนดีๆ เขาพูดกันเหรอ

หลิวเยี่ยนไม่เคยคิดว่าตนเป็นคนดีมาก่อน แต่เธอรู้อย่างหนึ่งว่าตนไม่อยากโดนปฏิบัติแบบไหน ขอแค่อย่าไปปฏิบัติกับใครแบบนั้นก็พอ

เธอเคยเจ็บปวดกับการถูกรังแกไร้เสียงเรียกร้องขอความยุติธรรม!

ส่วนหลี่ฮ่าวเหมือนกำลังจะกลายเป็นคนประเภทนั้น

ครู่เดียวความรู้สึกประทับใจก็ติดลบ ถึงขั้นรู้สึกรังเกียจเล็กน้อยด้วยซ้ำ!

หลี่ฮ่าวทำหน้าใสซื่อยิ้มสดใส “พี่ คนร้ายสองคนที่กำลังสะกดรอยตามผมอาจจะเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังคดีไฟคลอกสั่งให้จับตามอง! คงไม่ผิดไปจากที่คิดเท่าไรหรอก ถ้าไม่แน่ใจก็ลองไต่สวนดูได้! ยังไงซะตอนนี้คนที่สะกดรอยตามผมอยู่ นอกจากทีมของเรา ก็ไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว!”

หลี่ฮ่าวยิ้มอย่างมีความสุข “ผมเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตสิบสังหารมาหยกๆ ไม่ใช่เหรอ เอาแต่ฝึกกับเป้าที่เป็นไม้แบบนั้นน่าเบื่อจะตาย ได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าลงสนามจริงหรอก ผมเลยคิดว่าให้พวกเขามาหาผม ช่วยฝึกให้ผมดีกว่า!”

“จับคนเหรอ”

หลิวเยี่ยนเลิกคิ้ว “มาจับเวลานี้…แหวกหญ้าให้งูตื่นคงไม่เหมาะเท่าไรมั้ง”

หลี่ฮ่าวยิ้มตอบ “ไม่จับ! ให้พวกเขามาเอง! แล้วก็นะพี่ พี่คิดว่าตอนนี้ยังเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นอีกเหรอ เกรงว่าอีกฝ่ายคงรู้แต่แรกแล้วว่าเราเป็นพวกเดียวกัน ความจริงตอนนี้ก็แค่รอเปิดเผยตัว ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจแค่ไม่พูดออกมาเท่านั้นเอง!”

“ฉะนั้นต่อให้จับตัวมาจริงๆ ฆ่าจริงๆ พวกเขาก็ไม่สนใจ!”

หลี่ฮ่าวเข้าใจดี เงาโลหิตคงรู้ถึงการมีอยู่ของพวกหลิวหลงแต่แรกแล้ว เช่นนั้นจะปิดบังไปทำไมกัน

ในเมื่อไม่มีอะไรปกปิดได้ทั้งนั้น!

…………………………………………………………………