ตอนที่ 31 ผู้ตรวจการณ์ตัวน้อยผู้มีน้ำใจ (3)
นอกจากเรื่องทางหยวนซั่วที่เงาโลหิตยังไม่รู้ หลี่ฮ่าวคิดว่าทางฝั่งหลิวหลง ฝ่ายตรงข้ามคงรู้ลึกถึงก้นบึ้งแล้ว
ณ ตอนนี้จับตัวลูกน้องตัวเล็กๆ มาสองคน จะมีปัญหาอะไรหรือ
อีกฝ่ายไม่สนใจหรอก!
แต่เอาให้หนำใจก่อนค่อยว่ากัน ถือโอกาสลับฝีมือให้ตัวเองไปด้วยเลย
หลิวเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดประโยคหลัง แค่รู้สึกเหนือคาดนิดหน่อย “มาเองเหรอ”
นายคิดว่าคนอื่นโง่หรือไง
สะกดรอยตามนายยังพอว่า แล้วจะมาหาถึงที่เองอีกเนี่ยนะ
นายเห็นคนอื่นโง่ใช่ไหม!
หลี่ฮ่าวหัวเราะ “จริงสิครับ! สองคนนั้นกระตือรือร้นมากทีเดียว ตกลงกันไว้แล้วว่าจะมาเป็นเป้าให้ผมที่นี่ แล้วจะเอาธงผ้าไหมมาให้ผมด้วย…”
ให้ตาย!
เจ้าหลี่ฮ่าว ยิ่งอยู่ก็ยิ่งทำตัวเหลาะแหละขึ้นทุกวัน!
หลิวเยี่ยนยังหมดคำพูดเลย
นี่นายเห็นฉันโง่ หรือเห็นคนอื่นโง่กันแน่
ทั้งมาเป็นเป้าให้นายแล้วเอาธงผ้าไหมมาให้นายด้วย…นายบอกมาตรงๆ เลยดีกว่าว่าเขาเอาหัวมาให้ถึงที่ แบบนี้ดีกว่าไม่ใช่เหรอ
“ไสหัวออกไป!”
หลิวเยี่ยนเริ่มหงุดหงิด สองวันก่อนหมอนี่ยังปกติมาก ทำไมวันนี้ถึงเสียสติขนาดนี้ เพราะกดดันมากไปหรือ
“จริงๆ นะ…”
“ถ้านายไม่ไสหัวออกไป ฉันจะเอาระเบิดเขวี้ยงไล่นายแล้วนะ!”
หลี่ฮ่าวทำท่าระอาใจหน่อยๆ ก็มันเรื่องจริงนี่น่า!
ทำไมถึงไม่เชื่อเขาล่ะ
ขณะนั้นเองโทรศัพท์ในห้องทำงานก็ดังขึ้น
หลิวเยี่ยนกดรับ เป็นสายจากหน้าเคาน์เตอร์
พอกดรับก็ได้ยินเสียงรายงานของเจ้าหน้าที่หน้าเคาน์เตอร์ “หัวหน้าหลิว มีคนนอกเข้ามาสองคน พวกเขาบอกว่าเอาธงผ้าไหมมาให้หลี่ฮ่าว! ทางห้องเก็บแฟ้มคดีบอกว่าเจ้าตัวอยู่หน่วยปฏิบัติการของเรา ฉันเลยถามไปเห็นฝั่งนั้นบอกว่าหลี่ฮ่าวไปหาหัวหน้า หัวหน้าสะดวกให้หลี่ฮ่าวลงมาสักครู่ไหมคะ”
หลิวเยี่ยน “…”
หลิวเยี่ยนมองหลี่ฮ่าวนิ่ง นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย
เธอวางหูขมวดคิ้วมองหน้าหลี่ฮ่าว “นายมั่นใจหรือว่าคนที่เอาธงผ้าไหมมาให้เป็นคนที่สะกดรอยตามนาย”
“มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์!”
หลี่ฮ่าวพยักหน้ารัวๆ ฉีกยิ้มกว้าง “มาเร็วดีแฮะ มาช้ากว่าผมแค่แป๊บเดียวเอง ประสิทธิภาพของธงผ้าไหม…จิ๊ สุดยอดจริงๆ!”
หลี่ฮ่าวดีอกดีใจ “พี่ ผมลงไปแป๊บหนึ่ง พี่ว่าจะไต่สวนพวกเขาที่ไหนเหมาะกว่า ผมจะพาพวกเขาไปเอง”
“…”
หลิวเยี่ยนนิ่งตะลึงไปแล้ว
ให้ตาย นายนี่มัน…ให้คนเอาหัวมาถวายถึงที่จริงๆ แล้วยังเลือกสถานที่ให้อีกฝ่ายยื่นหัวมาให้นายตัดเองด้วยอีกต่างหาก
วินาทีนี้เธอคิดว่าคนที่สะกดรอยตามหลี่ฮ่าวมีปัญหาด้านสมองหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นทำไมถึงยอมมาเป็นเป้าให้หลี่ฮ่าวถึงที่ เรื่องนี้ยังมีจุดน่าสงสัยอยู่บ้าง หลิวเยี่ยนลุกขึ้นยืน “ฉันไปกับนายด้วย…”
“ไม่ได้!”
หลี่ฮ่าวส่ายหน้า “พี่ พี่ไปรออยู่สักที่ก็พอ!”
“งั้น…นายพาลงไปห้องใต้ดินแล้วกัน!”
หลิวเยี่ยนหมดคำจะพูด แต่ก็เอ่ยอีกว่า “ไม่ให้ฉันไปกับนายจริงเหรอ”
“จะลำบากขนาดนั้นทำไม พวกเขาเดินเข้าไปเองก็พอ!”
หลี่ฮ่าวยิ้มเอ่ย “พี่ เดี๋ยวพี่ต้องคุมให้ผมนะ ผมกลัวจริงๆ เพิ่งเคยทำเรื่องแบบนี้ครั้งแรก พี่ก็รู้ เมื่อก่อนผมเป็นเด็กดี เข้ากองตรวจการณ์มาก็ทำงานฝ่ายเอกสารของห้องเก็บแฟ้มคดี เรื่องที่ต้องเห็นเลือดแบบนี้…ผมกลัวผมจะอ้วก แข้งขาอ่อนเปลี้ยเพลียงแรงขึ้นมาจริงๆ!”
ฟังดูเหมือนจะพูดเกินจริงไปสักหน่อย แต่นี่เป็นความจริง
ครั้งแรกที่เห็นเลือด นี่ไม่ใช่การเห็นเลือดในสถานการณ์ปกติ แต่เป็นการฆ่าคนหรือทำให้บาดเจ็บ ในสถานการณ์เช่นนี้หากจะรู้สึกแข้งขาอ่อนแรง ใจหาย หวาดกลัว หวาดผวาเป็นอาการที่พบเห็นได้ทั่วไปมาก นอกจากว่าเกิดมาเป็นคนชั่วร้าย มีแนวโน้มว่าจะฆ่าคนมาแต่แรกแล้ว
หลี่ฮ่าวอยากหาโอกาสฝึกฝีมือก่อนเจอเงาโลหิตจริงๆ
เขากลัว!
กลัวลงสนามจริงแล้วตนจะกลัวจนแข้งขาอ่อนเปลี้ย ยืนตัวสั่นสะท้าน
นี่เป็นเรื่องปกติ!
เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมีหัวใจอันแข็งแกร่งที่พอเห็นคนตายก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไร
วันที่เสี่ยวหยวนตายเขายังกลัว หวาดผวา วินาทีนั้นถึงขั้นไม่สามารถขยับขาได้ รู้สึกขาอ่อนแรงอย่างมาก กระทั่งหมดเรี่ยวแรงไปทั้งร่าง แม้แต่เสียงร้องตอนตกใจยังเปล่งไม่ออก
ดังนั้นพวกเขาสองคนที่ผ่านมาในครั้งนี้ ทำให้เขาผุดความคิดนี้ขึ้นได้กะทันหัน
บางที…เราอาจจะต้องฝึกความกล้าให้ตัวเองหน่อยแล้ว!
หลิวเยี่ยนเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหลี่ฮ่าวใหม่ ในความทรงจำของเธอ หลี่ฮ่าวเป็นเด็กผู้ชายขี้อาย มีพรสวรรค์บ้างแต่ยังเป็นเพียงไก่อ่อนคนหนึ่ง ไม่รู้เรื่องอะไร ทำอะไรไม่เป็น
ความจริงเธอคิดว่ารอหลี่ฮ่าวได้ลงสนามจริงๆ ก็คงเป็นแค่ตัวถ่วง จะรักษาชีวิตได้หรือไม่…พูดยากจริงๆ
แต่ตอนนี้ ความคิดนี้กลับเปลี่ยนตาลปัตร
หลี่ฮ่าวพยายามหาเป้ามาฝึกให้ตัวเอง บอกว่าจะฝึกความกล้า…นี่ยังเป็นหลี่ฮ่าวที่เธอรู้จักอยู่ไหมนะ
เธอเคยสืบข้อมูลทุกอย่างของหลี่ฮ่าว ในห้องเก็บแฟ้มคดีหมอนี่คือคนซื่อคนดี เขาตื่นมาทำงานตอนเช้าออกงานดึก ทำความสะอาดรินน้ำชา อย่าให้ต้องสาธยายเลยว่าเชื่อฟังว่าง่ายขนาดไหน
แต่ตอนนี้เขากำลังพูดอะไรอยู่
เหนือคาดเหลือเกิน!
กระทั่งรู้สึกตกตะลึง หมอนี่คงไม่ได้ถูกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเข้าสิงหรอกนะ
“หลี่ฮ่าว…”
“พี่ งั้นผมลงไปก่อน พี่ไปรอผมที่ห้องใต้ดินนะ”
“…”
หลิวเยี่ยนอยากพูดอะไรอีกสักหน่อย แต่สุดท้ายก็ถอดใจพลางพยักหน้า “นายระวังตัวด้วย!”
“วางใจเถอะ ที่นี่คือกองตรวจการณ์เชียวนะ!”
หลี่ฮ่าวหัวเราะร่า ถึงขนาดเข้ามาในกองตรวจการณ์แล้ว คนตัวเล็กๆ สองคนนั่นยังจะกล้าทำอะไรอีก
หากมีความกล้าขนาดนั้นก็คงไม่ต้องมารับบทเล็กบทน้อยคอยสะกดรอยตามเขาแบบนี้หรอก!
……
ใต้ตึก
ผู้ชายกับผู้หญิงสองคนเอาธงผ้าไหมมาให้จริงๆ
ทั้งสองเพิ่งเคยเข้ามาในตึกปฏิบัติการครั้งแรก ณ ตอนนี้พวกเขากวาดตามองทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร สถานที่แบบนี้คนทั่วไปเข้ามาไม่ได้ ครั้งนี้อาศัยหลี่ฮ่าวเลยเข้ามาได้อย่างเปิดเผย
เจ้าหน้าที่ต้อนรับไม่สนใจพวกเขาอีก เอาธงผ้าไหมมาให้ แถมเอามาให้หลี่ฮ่าวอีก…หน่วยปฏิบัติการเองก็ไม่ได้คุ้นเคยอะไรกับหลี่ฮ่านัก ได้ยินว่าเป็นคนของห้องเก็บแฟ้มคดีย้ายมาทำงานที่นี่ ทุกคนแค่แปลกใจว่าหลี่ฮ่าวทำความดีอะไรถึงมีคนเอาธงผ้าไหมมาให้มากกว่า
“พวกพี่ทั้งสอง!”
ตอนนี้เองหลี่ฮ่าวก็ลงมาจากตึกพร้อมทำหน้าตื่นเต้นหน่อยๆ “พวกคุณสองคนมาจริงๆ ด้วย แค่เรื่องเล็กน้อยเอง ผมนึกว่าจะล้อเล่นซะอีก!”
“ผู้ตรวจการณ์หลี่!”
ผู้ชายลุกขึ้นยิ้มทักทายประโยคหนึ่ง “จะล้อเล่นได้ยังไงกัน ผู้ตรวจการณ์หลี่มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่นในยามลำบาก ตอนเช้าเราสองสามีภรรยาเกือบเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็เพราะได้รับความช่วยเหลือจากผู้ตรวจการณ์หลี่…”
เขายกยอหลี่ฮ่าวยกใหญ่!
คนส่วนมากมักชอบถูกยกยอ พวกวัยรุ่นก็ชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือ
“ฮ่าๆ…พี่ชายขี้เกรงใจจังนะครับ!”
หลี่ฮ่าวเองก็ปากหวานพูดเสียงกลั้วหัวเราะว่า “พวกคุณทั้งสองอย่ามัวแต่ยืนคุยกันอยู่ตรงนี้เลย ทำเอาผมเขินทำตัวไม่ถูกแล้ว ผมยังไม่ได้ถูกย้ายอย่างเป็นทางการสักหน่อยครับ! ไปดื่มน้ำชากับผมเถอะ ธงผ้าไหม…ผมขอรับธงผ้าไหมไว้แล้วกัน ไม่เกรงใจละนะครับ! แต่มาแล้วต้องดื่มน้ำชาก่อนกลับให้ได้!”
………………………………………………………………….