ตอนที่ 32 ปิดจบการต่อสู้ครั้งแรก (1)
เสียงคำรามปลิดวิญญาณ!
โจวเฮ่อรู้สึกหูอื้ออึงเหมือนเสียงทะลุเยื่อแก้วหู เพราะเดิมทีไม่ทันได้ตั้งตัวอยู่แล้วจึงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยปริยาย
ทันใดนั้นเองหลี่ฮ่าวก็กระโดดขึ้นกลางอากาศ!
ข้อห้ามในการต่อสู้คือการกระโดดขึ้นกลางอากาศ
นี่เป็นสิ่งที่เฉินเจียนเคยบอกหลี่ฮ่าวไว้ตั้งแต่วันแรก
แต่หลี่ฮ่าวที่ฝึกเคล็ดวิชาลิงกลับชอบกระโดดขึ้นกลางอากาศบ่อยๆ
และเพราะบทเรียนในครั้งแรก ทำให้หลี่ฮ่าวในตอนนี้อาศัยแรงขาทั้งสองข้างกระโดดขึ้นสูงแทบจะเท่าเพดาน วินาทีถัดมาสองขาก็ขยับเตะหมุนพาตัวลงไป
บึ้ม!
เสียงดังสนั่น โจวเฮ่อถูกเขาเตะขณะอยู่กลางอากาศจนตัวกระเด็นปลิวไป
หลี่ฮ่าวไม่ทันได้ไล่ตามไปก็มีเสียงดังเสียดหูแว่วมา
มีดสั้นเล่มหนึ่งกำลังพุ่งมาแทงข้างขมับเขา!
หลี่ฮ่าวคว้าข้อมือหญิงสาวที่แซ่หยวนนั่นไว้แล้วส่งแรงผ่านปลายนิ้วทั้งห้าสู่ข้อมือของอีกฝ่าย กระทั่งหล่อนเปล่งเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด
หลี่ฮ่าวรีบใช้มือขวาแย่งมีดสั้นที่ร่วงตกลงพื้นมาในพริบตา ไม่พูดให้เสียเวลาก็เอามีดสั้นมาถือไว้ในมือแล้วแทงไปที่ข้อมือของหญิงสาวด้วยมือเดียว!
เสียงดังพลั่ก!
ยามที่อาวุธโลหะถูกแทงเข้ากระดูกไม่ได้ไร้เสียงแต่กลับเกิดเสียงดังกระหึ่ม โครงกระดูกของมนุษย์แข็งแรง อีกอย่างมีดสั้นนี้ก็ไม่ใช่อาวุธธรรมดา พอใช้แทงจึงทะลุผ่านกระดูกมือไปโดยตรง!
“อ๊าก!”
เสียงแหลมสูงร้องอย่างเจ็บปวดของหญิงสาวดังแว่วมา
หลี่ฮ่าวเหมือนหูตึงไปชั่วขณะ มือซ้ายบีบคออีกฝ่ายแล้วดันตัวหญิงสาวไปชนกำแพงอย่างแรง!
บึ้ม!
เกิดเสียงดังกระหึ่มอีกครั้ง ไม่รู้ว่าหญิงสาวถูกกระแทกจนกระดูกหักไปกี่ซี่ หลี่ฮ่าวดึงมีดสั้นออกมา วินาทีถัดมาเขาก็ใช้มีดแทงลงฝ่ามืออีกฝ่ายอย่างแรงอีกครั้ง จนตรึงมือขวาของหญิงสาวไว้กับกำแพง!
“หลี่ฮ่าว!”
โจวเฮ่อกระโดดออกมาจากด้านหลัง เมื่อเท้าแตะพื้นก็กระอักเลือดออกมาทันที ชั่วขณะนั้นก็เห็นหญิงสาวถูกหลี่ฮ่าวตรึงไว้กับกำแพงพลางส่งเสียงร้องคำรามโหยหวน!
โหดเหี้ยมเกิดไปแล้ว!
นี่มันต่างจากข้อมูลที่เขาได้รับมาอย่างสิ้นเชิง
ใจดี ซื่อสัตย์ ไร้เดียงสา รักพวกพ้อง ขี้อาย…
นี่เป็นคำอธิบายลักษณะของหลี่ฮ่าวจากข้อมูลที่เขารวบรวมมาได้ นี่เป็นคำอธิบายจากปากของคนไม่น้อยย่อมไม่ใช่ข้อมูลที่มาจากการบิดเบือนกุขึ้นมาแน่นอน รวมถึงเป็นคำพูดจากปากของเพื่อนหลี่ฮ่าวที่หลุดออกมาโดยไม่ทันระวังตัว มีทั้งคำวิจารณ์จากเพื่อนบ้านขี้นินทาในหมู่บ้านเขาและคำวิจารณ์จากเพื่อนร่วมงานในกองตรวจการณ์ที่มีต่อเขา
แต่ไม่มีใครเคยบอกว่าหลี่ฮ่าวจะเป็นคนที่โหดเหี้ยมขนาดนี้!
……
“จิ๊ๆ!”
หลิวเยี่ยนในตอนนี้จิปาก หมาที่กัดคนจริงๆ จะไม่เห่า!
หลี่ฮ่าวแผลงฤทธิ์จนกระทั่งนักฆ่ามืออาชีพอย่างเธอยังรู้สึกว่าออกจะอำมหิตไปสักหน่อย ผู้หญิงฝ่ายตรงข้ามที่แม้อายุจะดูมากไปบ้าง แต่นั่นก็เป็นผู้หญิง สุดท้ายหลี่ฮ่าวกลับเลือกที่จะหักข้อมือของอีกฝ่ายโดยทันที เท่านี้ยังไม่พอ กลัวอีกฝ่ายหนีเลยตรึงฝ่ามือไว้กับกำแพงอีกต่างหาก!
นี่เป็นมือใหม่ที่เพิ่งลงสนามจริงๆ หรือ
เขาลงมือได้โหดยิ่งกว่ามืออาชีพมากโขเชียวนะ!
บรรดาสมาชิกทีมล่าปีศาจต่างพยายามกันอย่างสุดความสามารถกับการจัดการผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ถ้าเจอผู้หญิงที่ยังไม่แม้แต่จะก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารจริงๆ อย่างเฉินเจียนกับอู๋เชาใช่ว่าจะโหดถึงเพียงนี้
ส่วนพวกหลิวหลงกลับไม่ปริเสียงใดแล้วรับชมฉากการต่อสู้ต่อไป
นี่เป็นการลงสนามจริงครั้งแรกของหลี่ฮ่าว…อาจจะนะ
ณ ตอนนี้ ความจริงพวกหลิวหลงกำลังสงสัยว่าจริงหรือ
หมอนี่เพิ่งเคยเห็นเลือดครั้งแรกจริงหรือ
เขาลงมือเด็ดขาดขนาดนี้ ความจริงน้อยนักที่ปรมาจารย์นักรบจริงๆ จะใช้อาวุธ ต่อให้ใช้อาวุธก็มักจะใช้ของตัวเอง ทว่าหลี่ฮ่าวก็นะกลับแย่งมีดสั้นของอีกฝ่ายมาแล้วแทงลงไปอย่างไม่ลังเล!
ในเมื่อมีดสั้นแหลมคมกว่ามือและเท้า แทงไปแบบนี้ ฝ่ามือของผู้หญิงคนนั้นคงใช้งานไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
ข้อมือหัก ต่อให้รอดไปได้แต่มือข้างนี้ก็คงใช้งานไม่ได้อีก
ผู้หญิงไม่ได้อยู่ในขอบเขตสิบสังหาร เมื่อเจอมือสิบสังหารที่ไร้เหตุผลอย่างหลี่ฮ่าว…ลำพังแค่ด้านพลังก็ตกเป็นฝ่ายที่โดนอีกคนบดขยี้ง่ายๆ แล้ว
……
ไม่ต้องพูดถึงความในใจของเหล่าคนที่กำลังดูอยู่หรอก
ความจริงหลี่ฮ่าวที่เป็นฝ่ายลงมือย่อมไม่สนเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ตอนนี้เขาจำได้เพียงประโยคเดียวว่า ‘ได้ลงมือแล้วก็อย่าไปสนเรื่องอื่น ไม่ว่าจะถูกหรือผิดให้จำไว้อย่างเดียวว่า…ทั้งสนามมีแค่เธอที่ยืนอยู่!’
นี่เป็นสิ่งที่หยวนซั่วเคยสอนเขา
เคยบอกเอาไว้เมื่อตอนที่หยวนซั่วสอนเคล็ดวิชาห้าปาณภูตแก่เขา
ผู้ฝึกวิชานักรบ หากไม่ลงมือก็ปล่อยไป แต่หากเลือกลงมือก็ต้องฆ่า
ไม่ต้องพูดอะไรมาก ไม่ว่าตนจะเป็นฝ่ายถูกหรือผิดก็ต้องชิงลงมือกำราบศัตรูทั้งหมดก่อน ให้พวกเขาหมดแรงที่จะตอบโต้ ถึงตอนนั้นถ้ายังตีอีกฝ่ายไม่ตาย ค่อยลองมาคุยกันว่าใครถูกใครผิด
ไม่อย่างนั้นหากเมตตาศัตรูก็เท่ากับร่นชะตาชีวิตตัวเองให้สั้นลง
ดังนั้นความจริงหลี่ฮ่าวในตอนนี้ไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหาอะไร
หลังจากเอามีดตรึงผู้หญิงไว้กับกำแพง หลี่ฮ่าวก็ใช้ทั้งมือทั้งเท้าวิ่งเหมือนลิงด้วยความว่องไว ทั้งอยู่บนพื้นทั้งปีนป่ายไปมาแล้วก็วิ่งพุ่งไปตรงหน้าโจวเฮ่อในพริบตา
โจวเฮ่อก็อยู่ในขอบเขตสิบสังหารเช่นกัน!
อีกอย่างหากเปรียบเทียบกันด้านความสามารถแล้วอาจจะแข็งแกร่งกว่าหลี่ฮ่าวอยู่หน่อย เพียงแต่ตอนนี้แขนของเขาถูกหลี่ฮ่าวตะกุยจนเนื้อขาดเลือดพุ่ง หลังเอวถูกหลี่ฮ่าวจู่โจมจนไตอาจเละไปแล้วเลยทำให้ความสามารถลดฮวบลงอย่างมาก
ครั้นเห็นหลี่ฮ่าวคลานมาหาตนไวปานนั้น โจวเฮ่อก็ตะลึงอย่างมาก
อยู่ที่นี่ เขารู้ว่าตนหาทางออกไปไม่ได้ ต่อให้เอาชนะหลี่ฮ่าวได้ก็ออกไปไม่ได้
เขาตะโกนเสียงดังแทบจะทันที “ไม่นะ ฉันมีข้อมูลจะบอก…”
ตู้ม!
ไม่มีการลังเลใดๆ ไม่มีการชั่งใจใดๆ
หลี่ฮ่าวในกระบวนท่าพยัคฆ์ทมิฬล้วงใจในคราวเดียว!
โจวเฮ่อใจลนลานกระวนกระวายใจและทำได้เพียงใช้แขนมาบังตรงหน้าอก แต่เพิ่งยกแขนขึ้นมาหลี่ฮ่าวก็กระโจนเข้าใส่ดั่งพยัคฆ์ตัวร้าย เอามือจับแขนแยกออกจากกันแล้วจิกลงไป!
พรวด!
ตะกุยจนเนื้อฉีกขาดเลือดกระฉูดอีกครั้ง!
โจวเฮ่อเหงื่อไหลพรากอย่างเจ็บปวด!
ตอนเขาสู้ตอบโต้ยังหวั่นๆ ออมแรงไว้บ้าง
ทว่าหลี่ฮ่าวกลับวนเวียนรอบกายแล้วกระหน่ำใส่เขาอย่างบ้าคลั่ง!
“หลี่ฮ่าว…วันตายของเธอใกล้มาถึงแล้ว…ฉันมีข้อมูลสำคัญจะบอกเธอ…”
“กรรซ์!”
เสียงพยัคฆ์คำรามก้องป่า!
เลือดออกจากรูทวารทั้งเจ็ด!
โจวเฮ่อเจ็บทรวงอกจนตัวชะงักนิ่งไปชั่วขณะ
หลี่ฮ่าวแค่รู้สึกว่าเขาโง่จัง
อาจารย์เคยบอกว่าผู้ฝึกวิทยายุทธต้องเก็บลมไว้ในปอด!
ลมหายใจนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นแรงฮึดสุดท้ายแล้วหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพลังลมปราณ!
พลังลมปราณนี้หมายถึงการประสานกันของลมหายใจกับวิชายุทธ์ ระหว่างที่ประลองฝีมือกันโจวเฮ่อยังพูดไม่หยุด เขาไม่ใช่ผู้แกร่งสักหน่อย เขาเป็นแค่มือสิบสังหารคนหนึ่ง พลังลมปราณทั้งนอกและในไม่มั่นคงอาจถูกปลิดชีพทิ้งเอาได้ง่ายๆ!
นี่คือข้อดีของการมีอาจารย์เป็นยอดฝีมือ!
…………………………………………………………………