ตอนที่ 36 ครั้งแรกกับการล่าปีศาจ (3)
ภายใต้สถานการณ์ที่เลือดเดือดพล่าน แม้แต่เงาโลหิตก็เหมือนจะพลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย
จู่ๆ บนตัวหลิวหลงก็มีไอสีดำลอยโขมงขึ้นมา!
เงาโลหิตถูกเลือดที่เดือดปุดๆ แผดเผาจนเป็นแผลเหวอะหวะไม่ต่างกัน!
หลิวหลงเหมือนราชสีห์ก็ไม่ปาน เขาเริ่มใช้กำลังภายใน ต่อให้จุดจบต้องบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายก็ช่าง เขาไม่สนใจแล้ว
เขามีชีวิตอยู่มาจนอายุเกินสี่สิบปี อีกทั้งเคยฝึก ‘เก้าหลอมแรงปราณ’ กระทั่งฝึกถึงเจ็ดพลังซ้อน ทุกครั้งที่ต่อสู้ล้วนแต่เป็นการซ้ำเติมบาดแผลของเขาให้หนักขึ้นทุกวัน ถ้าไม่กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอีก สักวันเขาก็ต้องกลายเป็นอย่างพ่อของเขา แขนทั้งสองข้างใช้งานไม่ได้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์แล้วรอความตายอยู่บนเตียงอย่างอนาถ
วันนี้เขาอารมณ์ปะทุจนฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติติดต่อกันสองคน ขณะเดียวกันเพื่อนร่วมรบเขาก็ฆ่าไปได้อีกหนึ่งคน วันนี้ฆ่าหน้ากากผีติดต่อกันสามคนก็ถือว่าคุ้มแล้ว!
แน่นอนว่าเขาไม่อยากตายตอนนี้
ไม่มีใครอยากตาย เขาเองก็ไม่ต่างกัน แต่การรับมือกับเงาโลหิตมันไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้แล้วจริงๆ นอกจากว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตพันยุทธ์ได้ ไม่อย่างนั้น…คงทำได้แค่ใช้วิธีที่ต้องบาดเจ็บทั้งสองฝ่ายถึงจะพอคุมสถานการณ์อยู่
……
ส่วนเหล่าทหารคนอื่นๆ เมื่อทำการโจมตีครั้งสุดท้ายเสร็จก็พากันโกยแน่บโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาอีก
ความรู้ใจและประสบการณ์ตลอดหลายปีที่ผ่านมาบอกพวกเขาว่า หากตอนนี้อยู่ต่อไปคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย
นอกจากจะไม่สามารถช่วยจัดการศัตรูที่แข็งแกร่งให้หลิวหลงได้แล้ว ยังจะเป็นตัวถ่วงให้หลิวหลงอีก
ทว่าเงาโลหิตกลับติดตามอย่างไม่ลดละ!
เห็นได้ชัดว่าเพราะคนธรรมดาพวกนี้ทำให้เกิดการสูญเสียหน้ากากผีอย่างหนัก ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่คอยบงการเงาโลหิตบางส่วนจึงไม่มีทางถอดใจง่ายๆ!
ต้องฆ่า!
คนพวกนี้จำเป็นต้องตาย
ส่วนหลิวหลงย่อมมีคนจัดการ ในเมื่อหมอนี่กล้าเปิดฉากสู้กันโต้งๆ อย่างนั้นก็ต้องเตรียมใจที่จะตายให้ดี
นอกโบสถ์ในตอนนี้มีหน้ากากผีเจ็ดตนปรากฏตัว
พวกเขาเป็นทีมสิบคนจริง ทว่าทีมพลังเหนือธรรมชาติเล็กๆ นี้กลับตายไปสามคนในชั่วเวลาพริบตาเดียว คนอื่นๆ จึงเดือดดาล คลุ้มคลั่ง จนพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติบนตัวแต่ละคนเริ่มสั่นคลอน
พวกมันต้องตายให้หมด!
ครั้นเห็นหลิวหลงเลือดร้อนเดือดพล่านจนแผดเผาเงาโลหิตบาดเจ็บ ทันใดนั้นก็มีคนแค่นเสียงหัวเราะเย็นชาทีหนึ่งเอ่ยขึ้นท่ามกลางหน้ากากผี “หลิวหลง แกคิดว่าแกจะถ่วงเวลาเราไว้ได้เหรอ แกประเมินตัวเองสูงเกินไปและประเมินความสำคัญของหลี่ฮ่าวไว้ต่ำเกินไป…แกคิดว่า…เรามีกันแค่นี้เหรอ”
หลิวหลงที่กำลังรับมือกับเงาโลหิต ครั้งนี้หน้าถอดสีแล้วจริงๆ
ไม่ใช่ทั้งหมดหรือ
นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดอีกหรือ!
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสิบคนแทบจะอยู่ในระดับจันทราทมิฬทั้งหมด เพราะเขาไม่รู้สึกถึงตัวตนปรมาจารย์แสงดาราเลย เช่นนั้นก็เท่ากับว่ามีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในขอบเขตทะลวงร้อยถึงสิบคน…นี่มันมากกว่าที่เขาคาดเอาไว้มากนัก แต่ปรากฏว่า…นี่ยังไม่ใช่ทั้งหมด
กลุ่มองค์กรแบบไหนถึงส่งผู้มีพลังเหนือธรรมชาติออกมาปฏิบัติการได้มากขนาดนี้ในคราวเดียว
หลี่ฮ่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับอะไรกันแน่ คนธรรมดาอย่างเขาสามารถดึงดูดผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมากมายขนาดนี้เพื่อไปฆ่าเขาได้เลยหรือ
แปดตระกูลใหญ่…มีความสำคัญมากขนาดนั้นเชียวหรือ
ขณะที่หลิวหลงสีหน้าแย่ลงเรื่อยๆ พลันก็ตะโกนร้องทีหนึ่ง กระอักเลือดออกมาทางปาก เลือดสดแทบจะระเหยหายไปในกลางอากาศ
วินาทีถัดมาเขาล้วงลูกแก้วเล็กๆ จากข้างเอวมาบีบให้แตก
ตู้ม!
เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้งเพราะลูกแก้วระเบิดทันที หลิวหลงรีบฉวยโอกาสหนีท่ามกลางเสียงระเบิดนี้อย่างรวดเร็วแล้วมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่พวกหลี่ฮ่าวออกจากเมือง
ไม่ใช่แค่หนึ่งทีม!
เช่นนี้แล้ว แผนที่เขาวางเอาไว้อาจจะเกิดปัญหา
เขาพยายามประเมินค่าคนพวกนี้ไว้สูงมากแล้ว จันทราทมิฬสิบคน…ต่อกรกับคนธรรมดาหนึ่งคน ต่อกรกับทีมล่าปีศาจที่มีปรมจารย์นักรบทะลวงร้อยเพียงคนเดียว แต่ต่อให้เป็นปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยกับผู้พิทักษ์รัตติกาลระดับจันทราทมิฬ ทั่วทั้งเมืองหยินรวมกันก็มีไม่ถึงสิบคน
ต้องขนาดนั้นเลยหรือ
หลิวหลงยังอดสบถด่าไม่ได้!
ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ
“ตามไป!”
ด้านหลังพวกหน้ากากผีต่างไล่ล่าตามหลังเขาไป หลิวหลงใช้เท้ากระทืบพื้นแรงๆ ไปทีก็เกิดเสียงดังครืนจากพื้นผิวดินที่ถล่มลงไป เขาใช้ขาข้างหนึ่งเหยียบหน้ากากผีโดยไม่เปิดช่องให้อีกฝ่ายลุกขึ้นมาฆ่าเขาได้
เขาไม่ได้ต่อสู้กับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเป็นครั้งแรกสักหน่อย!
คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ใช้วิชาดำดินได้หนึ่งคน
ขณะเดียวกัน
เงาโลหิตที่กำลังไล่ล่าทหารเหล่านั้นก็ใกล้จะถึงตัวทหารไม่กี่คนที่หนีได้ช้าแล้ว
ทันใดนั้นก็มีร่างเงาหนึ่งปรากฏตัวใต้สายฝน ร่างเล็กๆ วิ่งฝ่าความมืดมาอย่างรวดเร็ว
อวิ๋นเหยา!
ใช่แล้ว เมื่อร่างนั้นหยุดลงก็เห็นว่าหล่อนคืออวิ๋นเหยาของทีมล่าปีศาจนั่นเอง
อวิ๋นเหยาในตอนนี้พกหน้ากากป้องกันคล้ายๆ ใช้ป้องกันสารพิษมาด้วย
ในสายตาของอวิ๋นเหยาไม่มีมนุษย์หรือสิ่งใดปรากฏ แต่ตามการเคลื่อนไหวของระยะสายตา ตรงหน้าเธอปรากฏตารางขอบเขตซึ่งเป็นสีที่แตกต่างกันไป มันคือเครื่องจับพลังเหนือธรรมชาติฉบับแก้ไข
เงาโลหิตจับต้องไม่ได้มองไม่เห็น แต่ก็ใช่ว่าจะค้นหาไม่เจอเลย
เดิมทีเงาโลหิตต่อให้ไม่มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่ตอนเคลื่อนไหวหรือลงมือมักจะสร้างคลื่นพลังงานอ่อนๆ
อวิ๋นเหยาจับตารางขอบเขตสีแดงสดตรงจุดหนึ่งได้ทันที
อยู่ตรงนี้!
จากนั้นในมือเธอก็ปรากฏลูกแก้วสิบกว่าลูกแบบเดียวกับที่หลิวหลงเอาออกมาเมื่อครู่ ข้างในเต็มไปด้วยพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติสามารถถูกกระจกครอบผลึกเหมันต์รักษาเก็บไว้ได้ แต่หากปะทุออกมาก็สร้างผลลัพธ์ได้เหมือนลูกระเบิดเช่นกัน
เงาโลหิตอาจไม่ได้รับบาดเจ็บบนร่าง แต่พวกหลิวหลงเคยวิเคราะห์มาแล้ว พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติอาจจะพอคุมสถานการณ์ได้บ้าง
เพียงแต่น่าเสียดาย เนื่องจากเวลาน้อยเกินไป อวิ๋นเหยาจึงทำได้แค่ปรับแก้เป็นแว่นสำรวจ เดิมทีจะให้หลิวหลงแต่หลิวหลงกลับไม่รับไว้ เขาเป็นปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยย่อมสัมผัสถึงการมีอยู่ของสิ่งพวกนี้ได้ง่ายกว่า
ส่วนพวกอวิ๋นเหยายังไม่ได้เข้าสู่ขอบเขตทะลวงร้อย ถ้าไม่มีแว่นตานี้คงหาไม่เจอจริงๆ
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น ในตารางขอบเขตสีแดงถูกระเบิดแตกออกจนกระจัดกระจายในพริบตา!
อวิ๋นเหยามองไม่เห็นอะไร เห็นเพียงตารางขอบเขตสีแดงกระจายตัว
ส่วนเจ้าเสือดำกลับมองเห็นได้อย่างชัดเจน เงาโลหิตถูกพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติระเบิดตัวแตก แต่แล้ว…ไม่นานก็หลอมรวมเป็นหนึ่งใหม่ เพียงแต่เหมือนจะช้าลงมาก แต่ยังอยู่ไม่ได้หายไปไหน
“โฮ่งๆ!”
เสียงเห่าดังขึ้นถี่ๆ อวิ๋นเหยาไม่พูดพร่ำทำเพลงก็วิ่งตามเจ้าเสือดำไป ส่วนเงาโลหิตเหล่านั้นก็พากันไล่ล่าอวิ๋นเหยากับเจ้าเสือดำ!
ทหารคนอื่นๆ ทยอยหนีกันไปแล้ว
ไม่มีใครพูดอะไร นี่คือแผนที่ถูกวางเอาไว้ หากเกิดวิกฤตจริงๆ พวกเขาในฐานะคนธรรมดาควรหนีก่อน ซึ่งอวิ๋นเหยาก็ถูกทีมล่าปีศาจส่งตัวมาปิดท้าย
……
เจ้าเสือดำวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
เพราะมันสามารถมองเห็นเงาโลหิตได้ ดังนั้นมันถึงได้วิ่งหนีการถูกไล่ล่าจากเงาโลหิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ อวิ๋นเหยาเองรู้ถึงจุดนี้ดี เวลานี้แม้ตัวจะเล็กแต่ความเร็วกลับไม่เป็นรองใคร หล่อนเอ่ยเสียงหอบเล็กน้อย “เจ้าเสือดำ วิ่งไปทางชานเมืองทิศเหนือเพื่อหนีเจ้านั่น…”
วิ่งไปทางเหนือ!
พวกหลี่ฮ่าวอยู่ทางนั้น ตอนนี้หลิวหลงกำลังมุ่งหน้าไปทางนั้นเพื่อเตรียมรวมพล
เพราะอยู่ด้วยกันจะปลอดภัยยิ่งกว่า
อีกอย่างพวกเขายังมีแผนอื่นสำรองด้วย สิ่งที่ทำทั้งหมดในตอนนี้ก็เพื่อล่อเจ้าพวกนี้ออกไป…แม้เกือบจะทิ้งชีวิตไว้ที่นี่แต่ก็ยังดำเนินการตามแผนต่อไป ถ้าไม่ตายก็เท่ากับว่าสำเร็จแล้ว
อวิ๋นเหยาชักจะเริ่มวิ่งไม่ไหวเต็มที อันตรายเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
ขณะนั้นเองก็มีร่างหนึ่งบุกโจมตีเข้ามาอย่างรวดเร็ว ร่างผอมของอู๋เชากระโดดลงจากหลังคาอย่างว่องไว มือคว้าอวิ๋นเหยาทีเดียวแล้วชักเท้าวิ่งหนีทันที ครั้งนี้เจ้าเสือดำยังวิ่งไม่ทันเจ้าหมอนี่ด้วยซ้ำ
“นายมาได้ยังไง”
อวิ๋นเหยาตกใจ!
หากเขามาที่นี่ ทางฝั่งหลี่ฮ่าวตอนนี้ก็เหลือแค่หลิวเยี่ยนกับเฉินเจียนสิ
เดิมทีอู๋เชาควรอยู่กับหลี่ฮ่าว เขาวิ่งเร็ว ในยามคับขันสามารถพาหลี่ฮ่าวหนีได้ เพราะหลี่ฮ่าวอ่อนแอเกินไป
“หลี่ฮ่าวให้ฉันมาช่วย…เขาบอกว่าเขาไม่ตาย อาจารย์ของเขาจะออกโรงช่วยในยามคับขัน…”
อู๋เชาตอบกลับทันที จากนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะกลัวจะทำให้รบกวนจังหวะหายใจ เขาแบกอวิ๋นเหยาแล้วรีบวิ่งหน้าตั้ง
“โฮ่งๆ!”
เบื้องหลังมีเสียงเห่าถี่ๆ ของเจ้าเสือดำดังตามมา อู๋เชาไม่คิดอะไรมากก็หันกลับไปคว้าเจ้าเสือดำขึ้นมาด้วยอีกตัว ข้างหนึ่งแบกอวิ๋นเหยา ส่วนอีกข้างหนึ่งก็ลากเจ้าเสือดำไปด้วยพลางมุ่งหน้าวิ่งไปยังนอกตัวเมืองอย่างรวดเร็ว
ฝีเท้าว่องไวปานสายลม
วินาทีถัดมาก็มีหน้ากากผีสองคนปรากฏตัวอยู่เบื้องหลัง คราวนี้เงาโลหิตที่ไล่หลังมาก็เหลือแค่สองคนเท่านั้น
“พวกเขาจะไปรวมตัวกัน!”
“อู๋เชากับอวิ๋นเหยาของทีมล่าปีศาจ…ทีมล่าปีศาจ บ้ากันไปหมดแล้ว!”
ลำพังแค่มือสิบสังหารกลับกล้าเอาตัวเข้ามาพัวพัน
“ตามไป!”
ทั้งคู่ตะโกนเสียงต่ำแล้วไล่ตามไปยังทิศทางที่อู๋เชาหนีไป
คืนนี้คนพวกนี้ต้องตายให้สิ้น!
……………………………………………………………………….