ตอนที่ 39 สังหารเงาโลหิต (2)
เห็นได้ชัดว่าความสำเร็จครั้งที่ผ่านมา ทำให้หลิวเยี่ยนใจกล้า และวินาทีนี้เองจู่ๆ หลิวเยี่ยนก็หันกลับมามองหลี่ฮ่าว
แววตานั้น…
หลี่ฮ่าวเข้าใจทันที!
เขาตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ‘พี่สาว อย่าทำเรื่องเหลวไหลเลย’
เห็นได้ชัดว่าหลิวเยี่ยนประเมินหลี่ฮ่าวสูงเกินไป ความตั้งใจของหญิงสาวก็คืออยากให้หลี่ฮ่าวทำแบบเมื่อครู่ เดินออกไปตอนนี้ แสดงละคร แล้วดูว่าจะสามารถหลอกผู้ที่ไล่ล่าพวกเขาได้หรือเปล่า!
แต่ว่า…ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน!
เพราะหลี่ฮ่าวในตอนนี้พอจะมองเห็นแสงสีแดงในความมืดจากแสงไฟที่เลือนราง
เงาโลหิต!
นี่ถือเป็นครั้งแรกของคืนนี้ที่เขามองเห็นเงาโลหิต ซึ่งนำพาความหวาดกลัวต่างๆ มากมายมาให้เขา
ไม่มีใครสามารถมองเห็น!
ต่อให้เป็นหลิวหลงก็ไม่สามารถรับมือกับเงาโลหิตได้
อาจารย์เคยบอกไว้ว่านี่อาจเกี่ยวโยงไปถึงการมีอยู่ของชั้นจิตวิญญาณ กระทั่งมีแค่คนในขั้นพันยุทธ์เท่านั้นที่สามารถรับมือได้
หลี่ฮ่าวลูบจี้หยกกระบี่บนคออย่างเผลอไผล
บางทีอาจจะมีแค่กระบี่เล่มนี้เท่านั้นที่พอจะรับมือกับเงาโลหิตได้
แต่ต่อให้สามารถรับมือกับเงาโลหิตได้ ก็ต้องรู้ไว้ด้วยว่าอีกฝ่ายคอยติดตามรับใช้ผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติในระดับขั้นจันทราทมิฬ พวกหลิวเยี่ยนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายด้วยซ้ำไป
เมื่อเห็นหลิวเยี่ยนเหมือนอยากจะพุ่งออกไป… หลี่ฮ่าวก็ลากหล่อนเอาไว้จนสุดแรงเกิด!
ขยับตัวไม่ได้!
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติพวกนี้ ทันทีที่มีเงาโลหิตอยู่ข้างกายก็จะเหมือนมีดวงตาเพิ่มขึ้นมาอีกคู่หนึ่งแถมยังเป็นดวงตาที่มองเห็นได้รอบทิศทางเสียด้วย
เงาโลหิตนั้นสามารถบินได้ แถมยังไร้รูปร่างไร้สีล่องลอยคอยสอดส่องอยู่กลางอากาศ
พวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหลายคนที่ถูกฆ่าตายในเมือง ถ้าไม่ใช่เพราะเงาโลหิตตามหลิวหลงก็เป็นเพราะปล่อยเงาโลหิตออกไปไกลเกินเลยไม่ได้สังเกตเห็นพวกคนทั่วไปถึงได้ถูกฆ่าตาย มิฉะนั้นแล้วหากมีดวงตาของเงาโลหิต ความจริงคิดจะสังหารพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาตินับว่าเป็นเรื่องยากเหลือเกิน
ในเวลานี้เองหลี่ฮ่าวก็เห็นเงาโลหิตลอยอยู่กลางอากาศ ไหนเลยจะกล้าให้หลิวเยี่ยนพุ่งพรวดออกมา พอถึงเวลานั้นจะไม่ใช่การลอบฆ่าแล้วแต่เป็นการรนหาที่ตายแทน!
ทันทีที่หล่อนขยับตัว เงาโลหิตก็จะเห็นหล่อน!
หลิวเยี่ยนหันหน้ามองหลี่ฮ่าว แล้วเขาชี้ไปกลางอากาศ หญิงสาวชะงักนิ่งเหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างพร้อมเผยสีหน้าตกใจน้อยๆ
หมายความว่าอะไรกัน?
หลี่ฮ่าวหมายความว่าชั้นจิตวิญญาณที่ไร้รูปร่างนั้นอยู่แถวนี้อย่างนั้นเหรอ?
แต่ว่า…ในจินตนาการของพวกเขาแล้ว ของพวกนี้หายากและน่าจะมีแค่ตัวเดียว ตอนนี้น่าจะต้องติดตามหลิวหลงที่ยังอยู่ในเมืองต่างหาก ทำไมถึงมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะ?
หลิวเยี่ยนที่อยู่ในขั้นสิบสังหารไม่สามารถรับมือกับฝ่ายตรงข้ามได้เลย
จนถึงเวลานี้หลิวเยี่ยนถึงสัมผัสแรงกดดันมหาศาลเกินจะเปรียบนี้ได้
ของสิ่งนี้ไม่ได้มีแค่เพียงตนเดียว
หากหลี่ฮ่าวไม่พูดหล่อนคงพุ่งออกไปลอบทำร้ายอีกฝ่ายจริงๆ…คาดว่ายังไม่ทันเข้าใกล้ฝ่ายตรงข้าม อีกฝั่งก็คงจะเห็นแล้ว จากนั้นหล่อนคงตายอย่างไม่ต้องสงสัย!
ส่วนตอนนี้หลี่ฮ่าวกำลังหาหนทางอยู่
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่มีเงาโลหิตคอยติดตามรับมือยากเกินไปจริงๆ
เดิมทีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว ตอนนี้ยังลอบโจมตีไม่ได้อีก เงาโลหิตเองก็มีพลังสังหารมากเช่นกัน กลับกลายเป็นว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะลอบสังหารพวกเขาได้ง่ายกว่าเดิม
เพราะหลิวหลงไม่ได้เปิดไพ่ใช้ลูกไม้มาจัดการแต่เลือกที่จะจู่โจมยิงปืนกระหน่ำเป็นวงกว้างในเมืองแทน มิฉะนั้นหากต้องเผชิญหน้ากันจริงๆ เขาคงไร้ซึ่งความหวังจัดการสังหารผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสามคนนั้นได้ด้วยซ้ำ
หลี่ฮ่าวแหงนหน้ามองกลุ่มแสงด้านบน
ในสายตาของเขานั้น ต่อให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติซ่อนตัวแค่ไหนก็ยังโดดเด่นมองเห็นอยู่ดี เขาไม่ได้หวาดกลัวว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจะลอบโจมตีตนเองเลยสักนิดเดียว แต่ตัวยุ่งยากจริงๆ กลับคือเงาโลหิตต่างหาก
จะมุดดินหรืออะไรก็ช่าง ขอแค่หลี่ฮ่าวเห็นพลังลี้ลับก็จะเจอเจ้าตัวนี้ทันที
ในขณะที่หลี่ฮ่าวและหลิวเยี่ยนกำลังครุ่นคิดอยู่นั่น เงาโลหิตก็ลอยผ่านหน้าเขาไป หลี่ฮ่าวไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว เขาหมอบอยู่ในทุ่งหญ้าเงียบๆ ปล่อยให้สายฝนตกกระทบร่าง
และแล้วแสงจากดวงจันทร์ก็ค่อยๆ จากไปพร้อมกับเงาโลหิต
จนกระทั่งพวกเขาหายตัวไปแล้ว หลี่ฮ่าวถึงได้ผ่อนลมหายใจ “รีบตามพวกพี่อู๋ไปเร็ว!”
หลิวเยี่ยนเผยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วหันหน้ามามองหลี่ฮ่าวกล่าวเสียงต่ำ “นายขวางฉัน เป็นเพราะเจ้านั่นที่เจอเมื่อคราวก่อนอยู่แถวนี้ใช่ไหม?”
“อืม!”
หลี่ฮ่าวผงกศีรษะ “ผมสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของมัน!”
ไม่ได้พูดว่ามองเห็น…แต่ความจริงก็ไม่ต่างอะไรกันเลย
มาถึงป่านนี้แล้วก็เหมือนๆ กันนั่นแหละ
หลิวเยี่ยนเองก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามเพียงแต่เลิกคิ้ว “งั้นจะทำยังไงกันดี? ฉันเห็นสภาพอู๋เชาแล้วคิดว่าน่าจะกินยากระตุ้นพลังเข้าไป นั่นคือสิ่งที่อวิ๋นเหยาปรุงขึ้นมาเองแล้วใช้พลังลี้ลับในการกระตุ้นพลังออกมา แต่ว่าไม่สามารถใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานได้ ไม่อย่างนั้นสุดท้ายแล้วอู๋เชาจะกลายเป็นคนพิการ!”
ที่นี่อยู่ห่างจากโกดังอีกหนึ่งถึงสองกิโล ความจริงจะรีบไปให้ถึงที่นั่นก็ถือว่ายังทันอยู่
แต่ถึงพวกอู๋เชาไปถึงแต่ก็คงเตรียมตัวอะไรไม่ทัน เพราะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนั้นตามไล่ล่าประชิดตัวมากแล้ว
หากโดนไล่ตามจนทัน ทั้งสองคนต้องตายแน่
ในตอนนี้เองหลี่ฮ่าวก็พยายามไม่คิดเรื่องของอาจารย์ เขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้วกล่าวถาม “ถ้าพวกพี่ร่วมมือกันพอจะรับมือคนในขั้นจันทราทมิฬได้ไหมครับ?”
ถ้าไม่มีนักล่าประจำทีมอย่างหลิวหลงอยู่จะทำได้ไหมนะ
ถ้าทำได้เขาอาจลองต่อสู้กับเงาโลหิตดู
เพราะจี้หยกกระบี่ในอกนั้นยังพอมีพลังอยู่บ้าง!
แน่นอนว่าไม่ชัวร์นัก
“ยาก!”
หลิวเยี่ยนพูดต่อ “แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหวังเสียทีเดียวหรอก หลักๆ น่าจะขึ้นอยู่กับนาย…พลังภายในที่พิเศษมากๆ อันนั้นของนาย! ฉันยังไม่ได้ใช้พลังนั้นเลย แต่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนี้ไล่ตามพวกเราตั้งแต่ในเมืองมาจนถึงตอนนี้ ใช่ว่าพลังลี้ลับจะไม่มีขีดจำกัดเสียเมื่อไร เขาน่าจะใช้พลังไปไม่น้อยแล้ว ดูจากสภาพของอู๋เชา ทั้งสองฝ่ายเองก็บาดเจ็บกันทั้งคู่ หากเป็นเช่นนี้แล้วขอแค่พลังของเขาอย่าสูงกว่าจันทราทมิฬมากนักก็อาจจะพอมีโอกาส!”
เฉินเจียงเองรับคำอย่างรวดเร็ว “อาการบาดเจ็บของฉันก็ดีขึ้นบ้างแล้ว ขอแค่หมอนั่นไม่มีพลังโจมตีที่พิเศษอะไร แต่เป็นแค่พลังโจมตีทางกายภาพที่แข็งแกร่งทั่วไป ฉันว่าฉันรับมือได้!”
และในเวลานี้ทั้งสองคนก็มองมาที่หลี่ฮ่าวผู้เป็นน้องใหม่ของพวกเขา
ไม่ใช่ว่าหลี่ฮ่าวแข็งแกร่ง แต่เพราะหลี่ฮ่าวมีวิชายุทธ์ติวตัวอยู่บ้าง ดังนั้นเวลานี้ทั้งสองคนจึงฝากความหวังไว้ที่หลี่ฮ่าว หวังว่าเขาจะมีวิธีรับมือกับศัตรู
ความจริงพวกเขามาเพื่อปกป้องหลี่ฮ่าว
แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเขายังจำเป็นต้องพึ่งพาพลังพิเศษของหลี่ฮ่าวเพื่อช่วยเอาชีวิตรอดในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ “พี่ครับ ในโกดังมีลูกเล่นอะไรกันแน่ทำไมถึงช่วยป้องกันพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้? จะให้ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งแล้วไปตายที่นั่นแทนก็ไม่ไหวนะครับ”
หลี่ฮ่าวยังซักไซ้ต่อ
หากว่าเข้าไปรอความตายที่นั่น..อย่างนั้นจะทู่ซี้วิ่งไปทำไม
ส่วนเรื่องฝังระเบิด…พวกผู้มีพลังธรรมชาติเองก็ไม่ได้โง่ พวกเขาน่าจะเดาได้อยู่แล้ว
นับประสาอะไรหากมีระเบิดขึ้นมาจริงๆ แล้วให้ทุกคนตายไปพร้อมกัน แต่นี่ก็คงเป็นแผนการสุดท้าย
“กระจกครอบผลึกเหมันต์!”
หลิวเยี่ยนเฉลย “ในโกดังพวกเราใช้กระจกครอบผลึกเหมันต์สร้างสภาพแวดล้อมที่พิเศษเอาไว้ เพราะกระจกครอบผลึกเหมันต์สามารถขวางพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติได้ นายเองก็รู้!”
หลี่ฮ่าวใจเต้น เขานึกถึงตอนที่ดูดซับพลังเมื่อคราวก่อนแล้วถูกพลังลี้ลับขวางเอาไว้
กระจกครอบผลึกเหมันต์เหรอ
ครอบทั้งโกดังเอาไว้อย่างนั้นเหรอ
แต่ไหนบอกว่ากระจกครอบผลึกเหมันต์หายากมากไม่ใช่เหรอ
ไปเอากระจกครอบผลึกเหมันต์มาจากไหนมากมายขนาดนั้น ครอบทั้งโกดังเอาไว้ได้ขนาดนั้นเลยหรือ?
หลิวเยี่ยนกล่าวต่ออย่างรวดเร็ว “อาณาเขตที่สร้างเอาไว้ไม่ได้ใหญ่มากนักหรอก เป็นเพียงแค่พื้นที่เดียวเท่านั้น แต่อยู่ที่นั่นจะช่วยบังพลังเหนือธรรมชาติต่างๆ ถึงเวลานั้นหากไม่มีพลังพวกนั้นแล้ว พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับปรมาจารย์นักรบ! แต่พื้นที่ก็เล็กมากเช่นกัน ไม่ใช่ทั้งโกดังหรอก พวกเราจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่นั้นก่อนแล้วค่อยหาวิธีหลอกล่อพวกเขาเข้าไปตรงนั้นเอา…”
“งั้นทำไมไม่สร้างในเมือง?”
หลี่ฮ่าวงุนงง วิ่งมาตั้งไกลขนาดนี้เพียงเพราะแค่นี้เนี่ยนะ?
หลิวเยี่ยนอธิบาย “พูดไปวิ่งไปแล้วกัน ฉันกลัวว่าอู๋เชาจะต้านไม่ไหว!”
ทั้งสามคนเคลื่อนไหวกันอย่างรวดเร็ววิ่งไล่ตามไปด้านหน้า หลิวเยี่ยนกดเสียงต่ำ “ในเมืองใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างในวงกว้างร้ายแรงจึงไม่สะดวก! อีกอย่างกระจกครอบผลึกเหมันต์ที่นี่ขนกลับไปยาก! แตกง่ายเกินไป ความจริงกระจกครอบผลึกเหมันต์ที่นี่ไม่ใช่กระจกครอบผลึกเหมันต์จริงๆ หรอกนะ แต่เป็นผู้มีพลังธรรมชาติที่พวกเราเคยฆ่า ก่อนจะตายเขาใช้พลังของตัวเองสร้างกระจกครอบผลึกเหมันต์ที่พิเศษเอาไว้ชิ้นหนึ่ง…”
หลี่ฮ่าวพยักหน้าหงึกหงักแม้จะไม่เข้าใจ แต่เขาเองก็รู้เหมือนว่ามีแค่ที่นี่ถึงทำให้อีกฝ่ายตกหลุมพรางได้
หลิวหลงตั้งใจเผด็จศึกที่นี่ก็เพราะอยากจะใช้ความพิเศษในการบังพลังเหนือธรรมชาตินั้นได้มารับมือกับพวกผู้มีพังเหนือธรรมชาติคนอื่น
“ทำไมไม่สร้างเกราะให้กระจกครอบผลึกเหมันต์อะไรทำนองนั้นล่ะครับ”
ตอนนี้หลี่ฮ่าวเอ่ยถามขึ้นมาอีก เพราะกระจกครอบผลึกเหมันต์สามารถใช้บังพลังเหนือธรรมชาติได้ เมื่อมีสิ่งนี้ พลังในการทำลายล้างของผู้มีพลังเหนือธรรมชาตินั้นก็จะเบาบางลงไปมาก
“สร้างไม่ได้! กระจกครอบผลึกเหมันต์ไม่มั่นคงและเป็นเพียงวัสดุพิเศษเท่านั้น แต่ถ้านายจะสร้างเกราะกระจกครอบผลึกเหมันต์ เรายังไม่ต้องพูดว่าสร้างได้หรือไม่ ต่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ใช้พลังเหนือธรรมชาติ แค่แตะต้องมันเพียงเล็กน้อยก็อาจจะทำให้แตกได้ทุกเมื่อ…เลยทำได้แค่ตั้งไว้ในสถานที่เดียว ไม่อย่างนั้นตอนเคลื่อนย้ายคงทำมันแตกได้!”
หลี่ฮ่าวเข้าใจและไม่ซักไซ้ถามต่อ
ทั้งสามคนตั้งหน้าตั้งตาวิ่งสุดแรงเกิด
ในวินาทีนี้เหมือนจะมองเห็นโกดังที่อยู่ด้านหน้ารางๆ แล้ว
แต่ด้านนอกโกดัง น้ำเสียงเย็นเฉียบราวเสียงของภูตผีของของอู๋เชาดังขึ้นกลางสายฝน “เด็กน้อยยังกล้าตามมาอีกเหรอ? ที่นี่ฝังระเบิดเอาไว้จำนวนนับไม่ถ้วน นายกล้าเข้ามาฉันก็จะจุดระเบิดแล้วก็ตายไปพร้อมกันนี่แหละ!”
ด้านนอกโกดัง
พวกอู๋เชาเปิดประตูโกดังเอาไว้นานแล้ว ลมหายใจเขาหอบกระชั้น ทวารทั้งเจ็ดของอู๋เชากำลังมีเลือดไหลออกมา ยาน่าจะกำลังใกล้หมดฤทธิ์แล้ว
ส่วนผู้มีพลังเหนือธรรมชาติภายใต้หน้ากากสีน้ำเงินกลับยืนตากฝนอยู่ด้านนอกโกดัง
เขาไม่ได้เข้าไป เพราะเขารู้ว่าที่นี่อาจจะมีระเบิดจำนวนมหาศาลฝังเอาไว้จริงๆ แต่…ปรมาจารย์นักรบพวกนี้ประมาทผู้มีพลังเหนือธรรมชาติจนเกินไป ประเมินองค์กรของเขาต่ำเกินไปแล้ว
………………………………………………………..