ตอนที่ 41 อาจารย์ศิษย์ลาจากด้วยความเศร้า (1)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 41 อาจารย์ศิษย์ลาจากด้วยความเศร้า (1)

หลี่ฮ่าวไม่ได้หลอกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนนั้น

แม้จะช้าไปสักหน่อย แต่สงครามระหว่างสุริยะพรายก็ได้ปะทุขึ้นแล้ว

ในค่ำคืนที่ฝนโปรยปราย การปะทะกันของสายฟ้าและลมพายุเกิดขึ้นตรงจุดที่ห่างจากโกดังไปราวสิบกว่าลี้

แสงจากสายฟ้าสะท้อนให้ความสว่างแก่ผืนฟ้าอันกว้างใหญ่

……

นอกโกดัง

หลี่ฮ่าวมองไปข้างนอกด้วยสีหน้าหนักอึ้ง ทางนั้นมีพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติที่สว่างดุจแสงอาทิตย์ปะทุขึ้น

ณ ตอนนี้สายฟ้าสาดผ่าผืนฟ้าสว่างจ้า เพราะเหตุนี้ถึงทำให้เห็นสองร่างที่กำลังก่อสงครามขึ้นกลางอากาศ

บินได้!

พลังเหนือธรรมชาติของสองคนนี้เหมือนไม่ใช่พลังเหนือธรรมชาติที่สามารถบินได้ แต่สองคนนี้กระโดดขึ้นสูงเหมือนบินอยู่จริง ๆ คนหนึ่งเหยียบสายฟ้าคนหนึ่งยืนอยู่เหนือลมพายุ พลังสองสายปะทะกันไม่หยุด!

มีเพียงเสียงของการสู้รบ ตอนนี้ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งสองคนไม่ได้สื่อสารด้วยวาจาแต่อย่างใด

ผู้พิทักษ์รัตติกาลลงมือแล้ว

……

ห่างออกไปไกลกว่านั้น

หลิวหลงหันกลับไปพร้อมสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

สุริยะพราย!

มีสุริยะพรายมาจริงๆ ด้วย ไม่ใช่แค่ทีมผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสิบคนเท่านั้น แต่ยังมีสุริยะพรายมาด้วยอีกคน…ถ้าสุริยะพรายของผู้พิทักษ์รัตติกาลยังไม่มา ครั้งนี้เมืองหยินคงไม่อาจต้านทานได้ไหวแน่!

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติลำดับขั้นจันทราทมิฬสี่คนที่กำลังไล่ล่าพวกเขาอยู่ก็พากันหันมองทิศทางเดียวกัน

เมื่อเห็นพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของผู้แข็งแกร่งสุริยะพรายสองคนปะทะกันอยู่เหนือฟ้าที่ห่างออกไป ใบหน้าภายใต้หน้ากากผีก็ดูชื่นชมประมาณหนึ่ง

สุริยะพราย!

เทียบกับจันทราทมิฬแล้ว สุริยะพรายจะแข็งแกร่งกว่ามาก

ถ้าจะพูดว่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติลำดับขั้นจันทราทมิฬอาจจะตายด้วยอาวุธปืนไฟทั่วไปได้ แต่เมื่อบรรลุขึ้นเป็นขั้นสุริยะพราย นอกเสียจากว่าจะขนอาวุธยุทโธปกรณ์พลานุภาพกวาดล้างเมืองมา ไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะด้านความเร็ว การป้องกันตัวหรือประสาทสัมผัสของอีกฝ่ายล้วนอยู่เหนือกว่าทั้งสิ้น

คุณยังไม่ทันล็อกเป้าหมายดี ประสาทสัมผัสของอีกฝ่ายก็สัมผัสได้ถึงมันแล้ว

เหมือนชั่ววินาทีที่หยวนซั่วเข้าสู่ขอบเขตพันยุทธ์ก็ได้บอกหลี่ฮ่าวว่าพันยุทธ์นั้นขึ้นอยู่กับจิตวิญญาณ!

เงาโลหิต คนทั่วไปมองไม่เห็นและสัมผัสถึงมันไม่ได้

แต่พันยุทธ์กลับสามารถสัมผัสถึงมันได้ ต่อให้ไม่เห็นเป็นรูปร่างชัดเจน แต่พันยุทธ์กลับรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสได้ว่าเงาโลหิตอยู่ที่ใด ขอเพียงเงาโลหิตขยับตัวหยวนซั่วก็จะเจอตัวทันที

นี่เป็นผู้แข็งแกร่งในขอบเขตพันยุทธ์และลำดับขั้นสุริยะพราย แข็งแกร่งกว่าลำดับขั้นจันทราทมิฬมากโข

“หวงอวิ๋น!”

หลิวหลงมองออกไปเขาก็จำยอดฝีมือที่มีพลังเหนือธรรมชาติคนนี้ได้พลางทำหน้ากลัดกลุ้มหน่อยๆ “หวงอวิ๋น…ก่อนหน้านี้ปักหลักอยู่เมืองหลิวอวิ๋นซึ่งอยู่ในลำดับสาม ไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ด้วย!”

เขารู้ว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลส่งคนมาแต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นบุคคลนี้ ในหมู่ผู้พิทักษ์รัตติกาลบุคคลนี้ถือว่าฝีมือไม่ธรรมดาเลย อย่างน้อยในมณฑลหยินเยวี่ยนั้นก็อยู่ในระดับขั้นสุดยอด

ทว่า…เห็นได้อย่างชัดเจนว่าท่ามกลางสายฝน พลังสายฟ้าของศัตรูแกร่งกล้ายิ่งกว่า การปะทะกันระหว่างพลังสายฟ้าและพายุกลางอากาศ พลังสายฟ้าประกายแสงวาบแต่พายุกลับถูกข่มอย่างชัดเจน ร่างหวงอวิ๋นก็เคลื่อนไหวไปมาตามแรงลมพายุจนหยุดอยู่นิ่งอย่างมั่นคงไม่ได้

เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่าย!

ผู้แข็งแกร่งที่มีพลังสายฟ้าคนนั้นเป็นใครกัน

หลิวหลงทำหน้าตึงเครียดอย่างมาก

การปรากฏตัวของยอดฝีมือลำดับขั้นสุริยะพราย ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติลำดับขั้นจันทราทมิฬสิบชีวิต ตกลงนี่มันองค์กรพลังเหนือธรรมชาติสุดแกร่งอะไรกัน แต่กลับคิดจะฆ่าหลี่ฮ่าวคนธรรมดาอย่างนั้นเหรอ

เขาแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มากทีเดียว!

“ไปกัน…จะไปสนใจเขาทำไม เราปกป้องตัวเราก่อนดีกว่า!”

หยวนซั่วกระแอมเสียงไอทีหนึ่งเป็นการเตือนว่าจะดูทำไม

แม้หวงอวิ๋นจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก็คงไม่ถูกอีกฝ่ายกำจัดทิ้งในเร็วๆ นี้เพราะทั้งสองต่างเป็นสุริยะพรายเหมือนกัน ฝีมืออาจจะห่างชั้นอยู่บ้างแต่ไม่ถือว่ามากนัก เขาคงไม่ถึงขนาดพ่ายแพ้ให้อีกฝ่ายรวดเร็วขนาดนั้นหรอก

หนีก่อนค่อยว่ากัน!

เหตุผลที่ต้องหนีเพราะหยวนซั่วคิดว่า ในเมื่อสุริยะพรายปรากฏตัวแล้ว ถ้าอย่างนั้น…ทางฝั่งหลี่ฮ่าวก็อาจจะเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแล้ว

ถึงเวลาแล้ว!

สุริยะพรายคนนี้รอจนถึงป่านนี้ถึงเพิ่งลงมือ เกรงว่าก็คงรอเวลาเช่นกัน

ตอนนี้ระยะทางอยู่ไม่ไกลจากโกดังมากแล้ว

หลิวหลงกลับกัดฟันมือกำขวานสั้นมองไปยังกลุ่มคนที่ไล่ตามหลังมา ก่อนจะพูดเสียงลอดไรฟันว่า “ตอบโต้คืน! ทางฝั่งผู้พิทักษ์รัตติกาลมีจันทราทมิฬอีกสามคน ในเมื่อผู้พิทักษ์รัตติกาลลงมือแล้ว ตอนนี้ก็ร่วมมือเอาคืนกันได้แล้ว!”

อีกฝ่ายมีจันทราทมิฬแค่สี่คน ทางฝั่งผู้พิทักษ์รัตติกาลมีอยู่สามคน บวกกับหลิวหลงและหยวนซั่วที่บาดเจ็บสาหัส…พลังต่อสู้ยังถือว่าพอทัดเทียมได้อยู่

แน่นอนว่าไม่นับรวมเงาโลหิต

เจ้านั่นมันน่ารำคาญเกินไป

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าก่อนหน้านี้อยู่มาก

ส่วนกระจกครอบผลึกเหมันต์ทางฝั่งโกดังก็แค่มีไว้ป้องกันเท่านั้น ถ้าสามารถฆ่าอีกฝ่ายได้จากที่นี่ก็ยิ่งดี ไม่แน่อาจจะช่วยหวงอวิ๋นได้ด้วย

ขณะนั้นเองเสียงดังก้องกังวานราวกับเสียงฟ้าผ่าดังแว่วมา “ผู้มีพิทักษ์รัตติกาลสอดมือเข้ามายุ่ง จัดการพวกมันเลย! ให้พวกมันรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่ยุคสมัยของพวกมันแล้ว!”

ผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วอย่างไร

ในเมืองหยินแค่นี้ส่งสุริยะพรายมาหนึ่งคน จันทราทมิฬอีกสามคน นี่ก็นับว่าถึงขีดสุดของผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้ว

องค์กรพลังเหนือธรรมชาติมีอิสรเสรีอยากไปที่ไหนก็ได้ แต่ผู้พิทักษ์รัตติกาลต่างมีภารกิจติดพันและมีเขตต้องคุ้มกัน ซึ่งเมืองหยินไม่ได้อยู่ในเขตคุ้มกันและไม่ใช่เขตภายใต้อำนาจการดูแลของหวงอวิ๋น ที่นี่มีผู้พิทักษ์รัตติกาลรวมตัวกันได้เยอะขนาดนี้ก็นับว่าถึงขีดจำกัดที่มณฑลหยินเยวี่ยจะสามารถทำได้แล้ว

หากส่งคนมาอีก เขตคุ้มกันอื่นๆ ก็อาจจะเกิดปัญหาได้

ใช่ว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลจะไม่เคยเสียเปรียบ บวกกับเสียหายอย่างหนักจากร่องรอยอารยธรรมโบราณคราวก่อน ตอนนี้มีองค์กรพลังเหนือธรรมชาติตั้งเท่าไรที่คอยเพ่งเล็งอยู่ ถึงขั้นลอบหาโอกาสฆ่าผู้พิทักษ์รัตติกาล

ด้านหลังพวกหลิวหลงมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหน้ากากผีสี่คน เมื่อได้ยินเสียงนี้ก็พากันชะงักฝีเท้า

ด้านหลังไปอีก หวังหมิงเองก็กำลังรวมพลกับพวกหูฮ่าวพอดี พอเห็นเหตุการณ์นี้เข้าหวังหมิงก็ทำท่าตื่นเต้นอยู่บ้าง “ฆ่าทิ้ง! ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะได้แสดงอำนาจในวันนี้แหละ! ฆ่าเจ้าพวกนี้ซะ เพื่อให้องค์กรพลังเหนือธรรมชาติพวกนั้นทำอะไรเกรงใจกันบ้าง!”

สำหรับคนวัยหนุ่มสาวในองค์กรผู้พิทักษ์รัตติกาล ไม่ได้คิดอะไรมาก!

พวกเขารู้เพียงว่าระยะหลายปีที่ผ่านมาผู้พิทักษ์รัตติกาลตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากอย่างมาก!

เพราะถูกจำกัดไปเสียทุกอย่าง!

กระทั่งเบื้องบนยังมีความเห็นที่ไม่ลงรอยกัน ถึงขั้นมีผู้บริหารขององค์กรผู้พิทักษ์รัตติกาลจัดการเปิดรับการเข้าร่วมขององค์กรพลังเหนือธรรมชาติบางส่วน โดยจะจัดสรรแบ่งอำนาจให้ส่วนหนึ่ง รวมถึงผลประโยชน์ด้วยอีกส่วนหนึ่ง ส่งผลให้องค์กรผู้พิทักษ์รัตติกาลสั่นคลอนขึ้นเรื่อยๆ

หวังหมิงยังแอบได้ยินมารางๆ ว่าทางกองบัญชาการใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาล มีผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือลำดับขั้นสุริยะพรายกำลังคิดวางแผนบางอย่างอยู่ เพื่อหวังว่าจะได้รับอำนาจในการบังคับใช้กฎหมายเป็นของตัวเอง

เมื่อพลังของคนเราอยู่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไป และแม้อาวุธปืนไฟยังทำลายพวกเขาไม่ได้ บางครั้งความต้องการก็ยิ่งทวีมากขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!

ตอนนี้นอกจากเขตพื้นที่ทางภาคกลาง เขตอื่นๆ ที่เป็นมณฑลในพื้นที่ห่างไกลอย่างมณฑลหยินเยวี่ย ก็มีความขัดแย้งและอำนาจสั่นคลอนมาตั้งนานแล้ว

การผงาดขึ้นของพลังเหนือธรรมชาติเมื่อยี่สิบปีก่อน ทำให้องค์กรพลังเหนือธรรมชาติเติบโตขึ้นอย่างกว้างขวาง

พอได้ยินสิ่งที่หวังหมิงเอ่ย หลี่เมิ่งก็เบิกตาที่สามขึ้นด้วยความประหม่าเล็กน้อย “พี่หมิง! พี่หมิงมาแล้ว หูฮ่าว ลงมือพร้อมกัน ฆ่าพวกเขา!”

ตื่นเต้นจังแฮะ!

เธอจำหวังหมิงได้ เขาเป็นอัจฉริยะที่ช่วงวัยเดียวกันในหมู่ผู้พิทักษ์รัตติกาลในมณฑลหยินเยวี่ย แม้ไม่ใช่ปรมาจารย์สวรรค์โปรด และเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติได้ไม่กี่ปี แต่ตอนนี้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งในลำดับขั้นจันทราทมิฬแล้ว

หากนับจากลำดับขั้นของพลังเหนือธรรมชาติ จากข้อมูลวิเคราะห์โดยผู้พิทักษ์รัตติกาลเมื่อสามปีก่อน จันทราทมิฬถูกแบ่งออกเป็นเสี้ยวจันทรา จันทราครึ่งซีก และจันทราเต็มดวง

หวังหมิงเข้าสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติไม่ถึงห้าปี บัดนี้ได้อยู่จุดสูงสุดของจันทราครึ่งซีกและกำลังย่างเข้าสู่ขั้นจันทราเต็มดวงแล้ว

ส่วนหูฮ่าวกับหลี่เมิ่ง หลี่เมิ่งเป็นเพียงเสี้ยวจันทรา ส่วนหูฮ่าวย่างเข้าสู่จันทราครึ่งซีก แต่ก็ยังไม่ถึงระดับจันทราครึ่งซีกดี

พอได้เจอหวังหมิงในเวลานี้ หลี่เมิ่งย่อมตื่นเต้นเป็นธรรมดา

ในบรรดาหมู่ผู้พิทักษ์รัตติกาลวัยหนุ่มสาวนั้นต่างคาดหวังที่จะสร้างคุณงามความดีเป็นของตัวเอง แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้เอื้ออำนวยให้พวกเขาทำแบบนั้นเลย วันนี้แม้แต่หวงอวิ๋นยังลงมือแล้ว หลี่เมิ่งคิดว่าโอกาสของพวกเขาก็มาถึงแล้วเช่นกัน

…………………………………………………………..