ตอนที่ 41-2 อาจารย์ศิษย์ลาจากด้วยความเศร้า (2)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 41 อาจารย์ศิษย์ลาจากด้วยความเศร้า (2)

“ฆ่าทิ้ง!”

หวังหมิงไม่สนใจเรื่องนี้เพราะเขาก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ในพริบตาเดียวก็รวมพลังเป็นดาบพลังแห่งแสงมาด้ามหนึ่ง

หูฮ่าวรู้สึกเครียดหน่อยๆ คนเหล่านั้นไม่ได้รับมือด้วยง่ายๆ!

แต่ในเมื่อถึงเวลานี้แล้วเขาก็พูดอะไรไม่ได้อีก เขารีบมุดเข้ากลางอากาศแล้วหายไปท่ามกลางความมืดมิด

หลี่เมิ่งเบิกตาที่สามขึ้น ตอนนี้ดวงตาที่สามประกายแสงสีแดงแล้วกวาดไปยังพวกคนที่อยู่ห่างไกลออกไปอย่างรวดเร็ว

……

“โง่…จริง!”

วินาทีนี้หยวนซั่วได้แต่ส่ายศีรษะ หลิวหลงเองก็ถอนหายใจเช่นกัน

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติของผู้พิทักษ์รัตติกาลสามคนนั้น ประสบการณ์ด้านการต่อสู้…ช่างก็เกินคำบรรยายเสียจริง

โดยเฉพาะคนที่ชื่อหลี่เมิ่ง พลังแสงแห่งเนตรที่สามของเธอปะทุขึ้นขณะที่ตัวอยู่ห่างกันขนาดนั้น แบบนี้มีแต่จะผลาญพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติของตัวเองและไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ใดแม้แต่น้อย

แม้เด็กรุ่นใหม่ของฝ่ายผู้พิทักษ์รัตติกาลจะเลือดร้อนใจฮึกเหิม แต่กลับขาดแคลนประสบการณ์มากจริงๆ

ไม่เหมือนพวกหวงอวิ๋น ถึงอย่างไรก็กลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติมาหลายปีแล้ว ต่อให้ก่อนหน้านั้นจะไม่มีประสบการณ์ด้านการสู้รบอะไรมาก่อนก็ตาม แต่หลายปีมานี้กลับสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้ไว้มากมาย เพราะจุดนี้จึงเป็นเหตุผลที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่ค่อยสนใจปรมาจารย์นักรบมากขึ้นเรื่อยๆ

เดิมทีปรมาจารย์นักรบจะมากประสบการณ์จึงมีทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ช่วงหลายปีแรกที่พลังเหนือธรรมชาติได้ถือกำเนิดขึ้น ต่อให้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในระดับเดียวกันจะแกร่งกว่าปรมาจารย์นักรบ กระทั่งอย่างน้อยก็รับประกันความปลอดภัยในชีวิตได้และมีวิธีการต่อสู้ที่มากกว่า…แต่เมื่อเกิดสงครามชี้ชะตา ผู้ที่ตายมักเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเสมอ

ทว่าผ่านไปตั้งยี่สิบปีแล้ว ตอนนี้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติรุ่นอาวุโสมีประสบการณ์การต่อสู้และประสบการณ์ลงสนามจริงไม่ได้เป็นรองปรมาจารย์นักรบอีกต่อไป

หลิวหลงไม่ได้พูดอะไรอีกแต่หมุนตัวแล้วพุ่งไปด้านหลังทันที!

ถ้าไม่สนใจจริงๆ มีโอกาสสูงมากที่มือใหม่สามคนนี้จะถูกฝ่ายตรงข้ามกำจัดทิ้ง

ในเมื่อฝีมือยังห่างชั้นกันอยู่บ้าง!

อีกสี่คนที่เหลือต่างมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาซึ่งถือว่าอยู่ลำดับต้นๆ ในทีมสิบคนนี้ หากเป็นไปตามที่หลิวหลงวิเคราะห์ ในหมู่สี่คนนี้มีคนหนึ่งที่อยู่จุดสูงสุดของทะลวงร้อย หรือลำดับขั้นจันทราทมิฬเต็มดวงในขอบเขตพลังเหนือธรรมชาตินั่นเอง

อีกสามคนที่เหลือก็อยู่ในลำดับขั้นจันทราครึ่งซีกเกือบทั้งหมด

ดูทรงพวกหวังหมิงคงเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้

“เฮ้!”

หยวนซั่วตะโกนทีหนึ่ง เมื่อเห็นเขาวิ่งไปก็ทำท่าระอาใจประมาณหนึ่ง

ทิ้งคนแก่กึ่งพิการอย่างฉันไว้ที่นี่ แกไม่รู้สึกละอายใจหน่อยหรือ

นายลืมอะไรไปหรือเปล่า ภารกิจของนายในครั้งนี้มาเพื่อปกป้องหลี่ฮ่าว ทว่ากลับไปสนใจข้องแวะกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติโดยไม่รีบร้อนตามหาหลี่ฮ่าว…ไม่แน่อาจจะมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ไปหาหลี่ฮ่าวแล้วก็ได้

เจ้าโง่หลิวหลง เวลาสำคัญอย่างนี้ดันพลาดซะได้!

ช่างเถอะ ฉันไปหาเองก็ได้

เขาลากร่างกึ่งพิการของตัวเองที่ใบหน้าซีดเซียวแล้วใช้เสียงหอบตะโกนไปว่า “ฉันไปหาหลี่ฮ่าว…คนพวกนี้อยู่นี่ไม่ไปไหนแต่จะฆ่าผู้พิทักษ์รัตติกาล ฉันกลัวว่าทางหลี่ฮ่าวจะมีอันตราย…หลิวหลง…พวกนายก็รีบตามมานะ…”

ประโยคเดียวแต่เขาหอบไปเจ็ดถึงแปดครั้ง

จากนั้นเขาก็เดินโซซัดโซเซกึ่งวิ่งไปทางโกดัง

ส่วนด้านหลังสงครามได้ปะทุขึ้นแล้ว

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเจ็ดคนบวกกับปรมาจารย์นักรบระดับทะลวงร้อยคนหนึ่ง การปะทะกันของผู้แข็งแกร่งแปดคน หลี่เมิ่งที่เมื่อครู่ยังตื่นเต้นฮึกเหิมร้องโหยหวนทีหนึ่ง ดวงตาที่สามถูกพลังสายฟ้าของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนหนึ่งฟาดใส่จนเลือดสาดกระเด็น

เขาคือผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่เคยข่มขู่มู่เซินก่อนหน้านี้และเป็นผู้นำของทีมพลังเหนือธรรมชาติในครั้งนี้ด้วย เขาเป็นผู้มีพลังสายฟ้าที่อยู่ในลำดับขั้นจันทราเต็มดวง

คนที่สามารถต่อกรกับเขาได้จริงๆ มีเพียงหลิวหลง

แม้แต่หวังหมิงยังด้อยกว่าอีกฝ่ายเกือบเท่าตัว

หลิวหลงถือขวานฟันลงไป

หลิวหลงยังไม่ทันโดนตัวอีกฝ่ายก็หน้าซีดฉับพลัน รู้สึกเหมือนอวัยวะภายในร่างกายกำลังถูกแผดเผา เจ้านั่นมาอีกแล้ว!

ถือว่าเขายังมีประสบการณ์อยู่พอตัว

หวังหมิงที่ถือดาบพลังแห่งแสงทำท่าจะไล่ฟันคนอื่นอย่างตื่นเต้นพลันก็ครางในลำคอทีหนึ่งก่อนที่พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติจะแตกกระเจิงจนดาบพลังแห่งแสงในมือแตกสลาย หวังหมิงกระอักออกมาเป็นเลือดสีสดพลางทำหน้ามึนงงปนฉงนใจ

พลังอะไรกัน

หลิวหลงอดอ้าปากด่าไม่ได้ “เจ้างั่ง ตามอยู่นานขนาดนี้ยังดูไม่ออกอีกเหรอ มีปีศาจชั้นจิตวิญญาณแฝงตัวอยู่ด้วย มันคอยแผดเผาอวัยวะภายในร่างกายและมีความสามารถสร้างความปั่นป่วนให้พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติ ระวังตัวด้วยล่ะ!”

เขานึกว่าเจ้าพวกนี้ตามมาตั้งนาน แถมเห็นเขาจุดปราณโลหิตตัวเองให้เดือดพล่านอยู่ตลอดเวลา…ขอเพียงเป็นปรมาจารย์นักรบที่มีประสบการณ์มาก่อนต่างรู้ดีว่าเขาต้องทำอย่างนี้ตอนเจออันตราย

สุดท้าย…มือใหม่ก็ยังเป็นมือใหม่อยู่วันยังค่ำ!

ยังอ่อนหัดมากนัก!

เพิ่งปะทะกันได้ไม่นาน หลี่เมิ่งกับหวังหมิงก็บาดเจ็บกันทั้งคู่ ทำเอาหลิวหลงอยากจะร้องไห้เหลือเกิน ถ้ารู้แต่แรกว่าพวกแกอ่อนหัดขนาดนี้ สู้ฉันหนีไปพร้อมกับหยวนซั่วยังจะดีกว่า!

“ถอย!”

เพิ่งปะทะกันก็ได้ผลลัพธ์เช่นนี้แล้วเขาจึงไม่กล้าชักช้าอีก ตะโกนเสียงดังว่า “ฝ่าวงล้อมไปพร้อมกับฉัน!”

ตอนนี้เขากลับเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนี้

เวลานี้หวังหมิงเองก็ได้สติพลันรู้สึกอับอายปนโกรธและระอาใจอยู่ประมาณหนึ่ง…เขาเคยรับแต่ภารกิจเล็กๆ น้อยๆ จัดการผู้อ่อนแอบางส่วน เพิ่งเคยประลองฝีมือกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างนี้ครั้งแรก

ครั้นก็ถูกโจมตีจนตั้งตัวไม่ทัน!

น่าขายหน้าชะมัด!

เขาไม่มีเวลามาสนใจอย่างอื่นแล้ว บางทีตอนนี้คงถึงเวลาที่ต้องฝ่าวงล้อมแล้ว

ขณะนั้นเองหลิวหลงก็ถือกระบี่สั้นเล่มหนึ่งขึ้นมา ตวาดเสียงใส่ “กระบี่ตระกูลหลี่อยู่ในมือฉัน! อยากได้ก็ตามมา!”

พอสิ้นคำ เขาก็ใช้เท้ากระโดดถีบพื้นหนีออกนอกอาณาเขตการต่อสู้รีบวิ่งไปทางโกดังอย่างรวดเร็ว

เหตุผลที่ไม่ค่อยห่วงความปลอดภัยของหลี่ฮ่าวก็เพราะเรื่องนี้เช่นกัน กระบี่ตระกูลหลี่อยู่กับตัวเอง คนเหล่านั้นต้องการทั้งคนทั้งกระบี่พร้อมกัน แน่นอนเขาจึงมีส่วนเอี่ยวกับเรื่องนี้ไปด้วย

กระบี่สั้นในมือปล่อยพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติออกมาอ่อนๆ ซึ่งดูลึกลับอย่างมาก

ชั่วขณะหนึ่งผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั้งสี่คนก็สีหน้าเปลี่ยนไป ใบหน้าภายใต้หน้ากากผีต่างตกตะลึงว่ากระบี่อยู่ในมือหลิวหลงได้อย่างไร

“ตามไป!”

ทั้งสี่ทิ้งพวกหวังหมิงทันที ฆ่าคนพวกนี้เป็นแค่เรื่องรอง กระบี่ตระกูลหลี่กับหลี่ฮ่าวต่างหากถึงเป็นเรื่องหลัก!

ตอนนี้ฝนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนๆ แล้ว

เพราะการประสานกันของสายฟ้า!

คืนฝนตกฟ้าผ่า สายฝนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าก็คือช่วงเวลาที่ต้องจัดการหลี่ฮ่าวแล้ว ตอนนี้คนเหล่านี้ก็ไม่รอช้าอีกต่อไป รีบไล่ล่าตามไปอย่างเร่งด่วน

ส่วนสามคนเบื้องหลัง พวกเขาไม่สนใจแล้วจริงๆ

เทียบกับประสบการณ์ด้านการต่อสู้พวกเขาอยู่เหนือกว่า หากแบ่งเป็นสามระดับ ยกเว้นหลิวหลงที่พวกเขาด้อยกว่าเล็กน้อย สามคนนั่นก็อยู่ในระดับเดียวกับไก่อ่อนไม่มีค่าพอให้สนใจแม้แต่น้อย

หูฮ่าวปรากฎกายกลางอากาศด้านหลัง จากนั้นก็หิ้วปีกพวกเขาสองคนแล้วไล่ตามหลิวหลงไป

หวังหมิงสีหน้าดูไม่สู้ดีนัก

“ทำให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลต้องอับอายขายหน้าแล้ว!”

เพิ่งออกรบก็เจออุปสรรคเลย!

เพิ่งเริ่มเขากับหลี่เมิ่งก็บาดเจ็บกันทั้งคู่ น่าอายมากจริงๆ

พอฉุกนึกถึงสิ่งที่ทำให้ตัวเองบาดเจ็บก็หวาดผวาไม่หายจึงได้แต่เอ่ยเตือนว่า “ระวังปีศาจที่แอบแฝงตัวอยู่ไว้ให้ดี ไม่รู้ว่าเป็นตัวอะไร มันมุดเข้ามาในร่างกายของผมโดยสัมผัสอะไรไม่ได้เลยสักนิด แผดเผาอวัยวะภายในให้ร้อนรุ่มไม่พอ แม้แต่พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติยังสั่นคลอนจนหลอมรวมเข้าด้วยกันไม่ได้อีก!”

แบบนี้อันตรายเกินไปแล้ว!

ถ้าเมื่อกี้หลิวหลงไม่อยู่ เขาอาจจะถูกคนพวกนี้กำจัดทิ้งไปแล้ว

…………………………………………………………..