ตอนที่ 41-3 อาจารย์ศิษย์ลาจากด้วยความเศร้า (3)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 41 อาจารย์ศิษย์ลาจากด้วยความเศร้า (3)

ตอนนี้พวกเขาไม่กล้าดูถูกสบประมาทคนอื่นอีกต่อไป

เมื่อหวนนึกถึงพวกหลิวหลงอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงอันตรายแบบนี้แล้วยังยืนหยัดมาได้ขนาดนี้ ทั้งยังสามารถย้อนกลับไปฆ่าพวกนี้ได้ พวกหวังหมิงก็รู้สึกบางอย่างที่ยากจะอธิบายได้

ปรมาจารย์นักรบถึงจุดจบแล้วจริงหรือ

ปรมาจารย์นักรบทะลวงร้อยอย่างหลิวหลง หากว่าตามพลังชีวิตแล้วสู้พวกเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

พลังทำลายล้างจากกำลังภายในก็สู้พลังลี้ลับเหนือธรรมชาติไม่ได้

หากว่าสิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน ความจริงไม่ว่าจะเรื่องความเร็วหรือศักยภาพด้านร่างกายของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติล้วนอยู่เหนือกว่าปรมาจารย์นักรบทั้งสิ้น

แต่ปรากฏว่าหลิวหลงกลับสามารถฆ่าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติพวกนี้ได้!

หูฮ่าวพูดเสียงเบา “ปรมาจารย์นักรบไม่เหมือนกัน เรายังเด็กเกินไป ขาดประสบการณ์ด้วย! ปรมาจารย์นักรบผ่านการเข่นฆ่ามาตลอดทาง หลิวหลงฝึกวิชายุทธ์มาหลายปี มีคนตายในมือเขาอยู่ไม่น้อย! ปรมาจารย์นักรบอาวุโสอย่างหยวนซั่ว ตอนที่เคยฝึกฝนการต่อสู้ สามวันประลองครั้ง สิบวันก็ลงสนามครั้งหนึ่งแล้ว แถมมีคนตายในมือเขามากกว่าใคร!”

หวังหมิงไม่พูดอะไรอีก ดวงตาเอาแต่จ้องพวกคนที่อยู่ข้างหน้าแน่นิ่งพร้อมกัดฟันกรอด!

เขาโดนดูถูกเข้าแล้ว!

ส่วนปีศาจในที่ลับนั่น เขานึกถึงวิธีที่หลิวหลงเคยรับมือเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่รู้ว่าถ้าจุดพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติให้เดือดพล่านจะใช้ได้ผลหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรก็มีประสบการณ์มาบ้างแล้ว

ส่วนประสบการณ์ด้านการต่อสู้ต้องผ่านช่วงชี้ตะตาแบบนี้ถึงจะพัฒนาขึ้นอย่างพรวดพราด

การปะทะกันในวันนี้ ถ้าผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสามคนนี้ยังไม่ตาย วันหน้าคงไม่ทำตัวเก้ๆ กังๆ และไม่รู้จะรับมือกับอันตรายนี้เช่นไรอย่างเฉกเช่นวันนี้อีก

……

“แค่กๆ…”

หยวนซั่วไอออกมาเป็นเลือด หน้าซีดเซียวมากขึ้นเรื่อยๆ พลางแหงนหน้ามองฟ้า ฝนตกหนักเกินไปแล้ว!

หยุดตกได้แล้ว!

ถ้าตกอีกผมของฉันคงกลายเป็นสีดำ ตกลงความซีดเซียวบนใบหน้าเป็นการเสแสร้งหรือสีย้อมผมที่หลุดออกมากันแน่นั้น…หยวนซั่วคร้านจะสนใจมันแล้ว

ฝนตกหนักมากจริงๆ!

‘ตกลงมีไหมนะ ถ้าไม่มีก็กลับไปจัดการผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสายฟ้านั่น ครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้มแล้ว… ‘

เขากำลังคาดการณ์ว่าจะมีผู้แกร่งยิ่งกว่านี้อีกหรือเปล่า

ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามได้เปรียบแต่ไม่ถือว่าชัดเจนมากนัก หากมีแค่นี้ก็ใช่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะได้ตัวหลี่ฮ่าวไปง่ายๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะได้ทำพิธีปลดผนึกกระบี่ตระกูลหลี่อะไรนั่นเลย

‘พลังสายฟ้านั่นตามรังควานฟาดฟันหวงอวิ๋นอยู่เรื่อยๆ อย่างไม่รีบร้อน…ฉะนั้นแล้วอาจจะยังมี!’

จากประสบการณ์หลายปีและตามความรู้สึกของปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์ เขาคาดการณ์ว่าจะต้องมีผู้ที่แข็งแกร่งแอบซ่อนตัวอยู่อีกแน่นอน

สุดท้ายแล้วจะเป็นสุริยะพรายหรือเหนือกว่าสุริยะพรายนั้นคงพูดได้ยาก

ครั้งนี้เป้าหมายของอีกฝ่ายคือหลี่ฮ่าว ตัวการหลักจะผิดพลาดไม่ได้ ดังนั้นถ้ายังมี อีกฝ่ายก็ต้องคอยโอกาสเพื่อรอจับตัวหลี่ฮ่าวเอาไว้แน่ๆ ส่วนผู้พิทักษ์รัตติกาลนั้นใช่ว่าจะเป็นเป้าหมายของพวกเขาในครั้งนี้

สักพักหยวนซั่วก็เห็นโกดัง

แต่วินาทีถัดมาสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

ให้ตาย ให้ความสำคัญกับหลี่ฮ่าวมากจริงๆ บางทีความลับของแปดตระกูลใหญ่แห่งเมืองหยินอาจจะอยู่เหนือความคาดหมายของเขาก็ได้…ครั้งนี้ผู้ที่มาคือลำดับขั้นไหนกันแน่นะ

ขั้นจันทราทมิฬระดับสุดยอดหรือ

หรือว่า…แข็งแกร่งกว่านั้น

ไม่หรอกมั้ง!

หยวนซั่วแอบรู้สึกระแวงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเขาเลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์ก็คิดว่าสุริยะพรายก็งั้นๆ ไม่ค่อยเห็นอยู่ในสายตาเท่าไร ฝึกวิชายุทธ์มาหกสิบกว่าปี ลำพังแค่ประสบการณ์การต่อสู้ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเหล่านั้นจะเทียบได้ พวกเขามากสุดแค่กี่ปีเอง

ดังนั้นทั้งมณฑลหยินเยวี่ย คนที่เอาชนะเขาได้จึงมีแค่สามถึงห้าคน

ส่วนสามถึงห้าคนนั้นต่างอยู่ลำดับขั้นเหนือสุดของขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติ

หนึ่งในนั้นเป็นหัวหน้าใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาลประจำมณฑลหยินเยวี่ยซึ่งอยู่ในลำดับร้อยส่วนร้อย ส่วนในหมู่ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะมีคนที่สองในลำดับขั้นนี้เพิ่มขึ้นมาอีกหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังคาดการณ์ยาก

คนระดับนั้นจะมาฆ่าหลี่ฮ่าวถึงเมืองหยินเลยหรือ

หากใช่…ครั้งนี้ก็ลำบากหน่อยแล้วจริงๆ!

หยวนซั่วสัมผัสพลังภายในที่อัดแน่นอยู่ในตัว รวมถึงพลังดาบแหลมคมอย่างไม่มีอะไรเทียบได้นั่น…ท่ามกลางความรู้สึกระแวงนิดๆ ก็กัดฟันแน่นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว มาแล้วอย่างไรล่ะ

ฉันทุ่มกำลังเต็มแรงครั้งแรก ขอเดิมพันว่าแกยังเตรียมตัวไม่ดีแล้วมาเจอตาแก่อย่างฉันที่นี่!

……

นอกโกดัง

หลี่ฮ่าวในตอนนี้ก็รู้สึกใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร

เมื่อเขายื่นมือออกไปรับน้ำฝนหยดหนึ่ง น้ำฝนก็ซึมเข้าภายในร่างกาย…จนเลือดเริ่มเดือดพล่านเล็กน้อย ตอนนี้หลี่ฮ่าวก็รู้แล้วว่าเรื่องวุ่นวายของตนอาจจะใกล้มาถึงแล้ว

น้ำฝนนี้ไม่ปกติ

ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้ คืนที่เสี่ยวหยวนตายเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอจำได้ลางๆ ว่าคืนที่เสี่ยวหยวนตาย ฝนที่ตกอยู่ข้างนอกก็มีสีฟ้าอ่อนๆ เช่นนี้เหมือนกัน

แน่นอนว่าในคืนฟ้ามืดย่อมมีไม่กี่คนที่ให้ความสนใจ

น้ำ มักจะปรากฏเป็นสีต่างๆ ภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

น้ำฝนสีฟ้าก็เหมือนจะไม่ใช่ปัญหาเท่าไร

แต่แล้วครั้งนี้หลี่ฮ่าวรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง เมื่อน้ำฝนนั้นซึมเข้าร่างกาย ทำให้เลือดของเขาสูบฉีดเดือดพล่านขึ้นมาในชั่วขณะหนึ่ง กระแสเลือดหรือ

หลี่ฮ่าวคิดในใจ

หรือนี่คือเวลาและโอกาสที่อีกฝ่ายกำลังรออยู่

ให้กระแสของตัวเองอยู่ในภาวะเดือดพล่านแล้วแผดเผาตัวเองให้ตาย จากนั้นค่อยรวบรวมพลังแห่งสายเลือดเปิดผนึกกระบี่ดาราพรายที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ

เขาคิดในใจด้วยความฉงน

ทำไมน้ำฝนถึงมีคุณสมบัตินี้ได้ล่ะ

แล้วน้ำฝนนี้เกิดขึ้นแค่ภายในขอบเขตเมืองหยินหรือ

ไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่ปล่อยให้เขาหนีออกจากอาณาเขตเมืองหยินไปล่ะ

‘เป็นแผนการที่พวกเขาวางเอาไว้ส่งผลให้เกิดฝนสีฟ้า หรือว่าเมืองหยินมีน้ำฝนเช่นนี้โดยธรรมชาติแตกต่างไปจากเมืองอื่นกันแน่’

หลี่ฮ่าวคิดในใจแล้วเหลียวมองรอบตัว

ท่ามกลางความมืด เขาเห็นแล้ว!

วินาทีนี้หัวใจของหลี่ฮ่าวก็เต้นระส่ำขึ้นมา!

ห่างจากตรงนี้ไประยะสิบกว่าลี้ พลังสองสายที่เจิดจรัสราวกับดวงอาทิตย์ดวงน้อยๆ เขาเห็นมันแล้ว

วินาทีนี้จากมุมที่ห่างออกไปยิ่งกว่า เขาเห็นแสงที่มีพลังแข็งแกร่งกว่า เปล่งแสงสว่างเจิดจ้ากว่า และแยงตามากกว่า!

‘ยิ่งกว่าดวงอาทิตย์แผดเผา!’

หลี่ฮ่าวหน้าซีด

แข็งแกร่งกว่าสุริยะพรายทั้งสองคน อีกอย่างกลุ่มพลังแสงนั้นกำลังพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วเกินจะคาดคิดได้

พุ่งเป้ามาที่ตัวเอง!

เพื่อฆ่าตัวเอง ครั้งนี้องค์กรพลังเหนือธรรมชาตินี้กลับส่งคนที่อยู่เหนือสุริยะพราย…หรืออาจจะอยู่ในลำดับสุริยะพรายระดับสุดยอดมาฆ่าคนอย่างนั้นหรือ

เขาไม่อาจคาดคะเนถึงความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของอีกฝ่ายได้ เขารู้เพียงว่าคนๆ นี้แข็งแกร่งกว่าสุริยะพรายตรงหน้า

ยังไม่ทันไรหลี่ฮ่าวก็รู้สึกถึงความผิดปกติอีกครั้ง

ท่ามกลางความมืดมีเงาสีแดงขนาดใหญ่กำลังบินมาหาตนกลางอากาศ มันใหญ่มากๆ!

เงาโลหิต!

หลี่ฮ่าวเพิ่งเคยเห็นเงาโลหิตที่ใหญ่ขนาดนี้เป็นครั้งแรก เทียบกับตัวที่เขาฆ่าไปก่อนหน้านี้ใหญ่กว่าสิบเท่าได้ สูงอย่างน้อยยี่สิบเมตรจนหลี่ฮ่าวต้องอ้าปากค้าง

ไม่มั้ง!

ตอนเสี่ยวหยวนตายเขาก็อยู่ ณ จุดเกิดเหตุด้วย ถ้าเขาจำไม่ผิดเงาโลหิตที่ฆ่าเสี่ยวหยวนขนาดไม่ต่างจากตัวที่เขาฆ่าก่อนหน้านี้เท่าไร

แต่ตัวนี้…ใหญ่เกินไปแล้ว!

ห่างกันไกลขนาดนี้เขายังเห็นมันได้

สูงตั้งยี่สิบเมตรเชียว เทียบเท่าตึกขนาดหกเจ็ดชั้นด้วยซ้ำ

ประเด็นคือยังไม่มีใครเห็นมันได้นอกจากหลี่ฮ่าว ตอนนี้หัวใจเขาแทบจะหยุดทำงานอยู่แล้ว อาจารย์…จะไหวหรือเปล่า

เป็นครั้งแรกที่เขาสงสัยในตัวอาจารย์!

เพราะเขาคิดว่าบางทีอาจารย์…อาจจะไม่ไหวจริงๆ!

……………………………………………………………………….