ตอนที่ 41 อาจารย์ศิษย์ลาจากด้วยความเศร้า (4)
ตอนนี้เจ้าเสือดำที่อยู่ข้างเท้าตัวสั่นระริก เจ้าเสือดำที่รู้สึกว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้นในก่อนหน้านี้ วินาทีนี้กลับหางจุกตูดกลัวจนขยับตัวไม่ได้
เงาโลหิตยักษ์!
ตัวใหญ่มากๆ!
ก่อนหน้านี้หลี่ฮ่าวดูดซับอย่างสะใจ แถมมันก็เลียได้สะใจมากเช่นกัน
แต่ตัวนี้…พระเจ้า ในหัวของเจ้าเสือดำผุดแค่ความคิดเดียว เลียไปอีกหลายปีหลายชาติก็เลียไม่จบไม่สิ้นนะเนี่ย!
“พี่สาว!”
ตอนนี้หลี่ฮ่าวมั่นใจแล้วว่า ต่อให้หลิวหลงวางกับดักอีกเท่าไรก็เปล่าประโยชน์
คนที่กำลังมานั้นไม่ใช่คนที่พวกหลิวหลงจะรับมือได้
หลิวเยี่ยนมองไปทางหลี่ฮ่าว หลี่ฮ่าวดูหน้าซีดหน่อยๆ แต่กลับเผยยิ้มออกมา “แยกย้ายเถอะ! อันตรายคลายไปได้เยอะแล้ว ผู้ที่มีฝีมือแข็งแกร่งก็ถูกตามตอแยไม่เลิก พวกพี่ไปช่วยลูกพี่เถอะ เฝ้าอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก…”
หลิวเยี่ยนขมวดคิ้วมองเขา
หลี่ฮ่าวพูดต่อ “จริงๆ นะ อยู่ที่นี่ไปก็สิ้นเปลืองกำลังคน สู้ไปช่วยลูกพี่ดีกว่า ผมไม่ไปแล้วกัน รออยู่นี่นะ!”
“หลี่ฮ่าว!”
หลิวเยี่ยนมองเขา เอ่ยด้วยเสียงเย็นยะเยือกไม่น่าเย้ายวนใจเหมือนแต่ก่อน “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ!”
หลี่ฮ่าวฉีกยิ้มที่ไม่น่าดูเท่าไร เขาพูดติดล้อเล่นเหมือนไม่สนใจเท่าไร “ผมเห็นดวงอาทิตย์ตกลงมา! พี่ เราก็เหมือนหิ่งห้อย พี่ว่าดวงอาทิตย์ตกลงมา เราจะรับมือไหวไหม”
หลิวเยี่ยนหน้าถอดสี
เธอทอดมองไกลออกไป จากนั้นก็เห็นสายฟ้ากับลมพายุที่ปะทะกันก็ถามด้วยเสียงติดหงุดหงิดว่า “นายหมายถึงทางนั้นเหรอ”
“ไม่ แข็งแกร่งกว่านั้น!”
หลิวเยี่ยนเผลอหยุดหายใจไปชั่วขณะ
เธอเหม่อลอยนิดๆ พร้อมขวัญที่เตลิดไปไกล
แกร่งกว่าสุริยะพรายอีกหรือ
หลี่ฮ่าว ไปมีเรื่องกับผู้แข็งแกร่งระดับไหนกันแน่!
อยู่เหนือกว่าสุริยะพรายหรือ
หลิวเยี่ยนไม่อาจจินตนาการได้ เธอเป็นเพียงมือสิบสังหารคนหนึ่ง เป็นบุคคลที่อยู่ในลำดับเทียบเท่าปรมาจารย์แสงดาราที่อ่อนแอที่สุด เหนือกว่านั้นยังมีจันทราทมิฬ มีสุริยะพราย และลำดับเล็กๆ อีกมากมาย
พวกเธอร่วมมือกันฆ่าจันทราทมิฬคนหนึ่งยังยาก แต่นี่คือคนที่อยู่เหนือสุริยะพราย
“ไปเถอะ!”
หลี่ฮ่าวยิ้ม “เร็ว เป้าหมายคือผม ไม่ใช่พวกพี่! ต้องเชื่อว่าความเที่ยงธรรมจะคงอยู่เสมอไป พี่ ขอบคุณลูกพี่แทนผมด้วย!”
“หลี่ฮ่าว!”
หลิวเยี่ยนยังคิดจะพูดอะไรต่อแต่กลับพูดไม่ออก
ส่วนอวิ๋นเหยาก็สีหน้าดูย่ำแย่เช่นกัน เปรยเสียงเบาว่า “นายหนีไปได้ไหม”
หนีไปได้ด้วยหรือ
หลี่ฮ่าวยิ้มขมขื่น จะเป็นไปได้อย่างไรกัน
อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว!
ขณะนั้นเองร่างของหยวนซั่วก็ชิงปรากฏขึ้นก่อน
หยวนซั่วในขณะนี้หน้าเทาหม่นสกปรก แม้แต่รองเท้ายังหลุดไปแล้ว ใบหน้าเปรอะเปื้อนนั่นขับให้สภาพดูไม่ได้
เขาวิ่งมาทางนี้ ครั้นเห็นหลี่ฮ่าวก็ถอนหายใจโล่งอกไปที ยิ้มยิงเห็นฟันขาวที่ดูเปล่งประกายเป็นพิเศษท่ามกลางสายฝน “เสี่ยวฮ่าว เธอยังไม่ตายก็ดี!”
หลี่ฮ่าวมองเขา
“อาจารย์…นี่อาจารย์…”
สภาพดูอนาถเกินไปหรือเปล่า
นี่…ปลอมตัวสมจริงเกินไปแล้วนะ
อย่างน้อยก็เป็นถึงผู้แข็งแกร่งขั้นพันยุทธ์เชียว อาจารย์ยังย่ำแย่ขนาดนี้เลยหรือ
พอนึกถึงตรงนี้ หลี่ฮ่าวก็มองไกลออกไปอีกแวบหนึ่ง พลังแสงก้อนนั้นอยู่ไกลจากตนไม่ถึงหมื่นเมตรดี รู้สึกว่าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แล้วด้วย
วัดจากระดับความเร็วนี้ อีกฝ่ายจะมาถึงที่นี่ในอีกไม่ช้า
เขาเดินไปประคองอาจารย์ที่ทำท่าจะล้มด้วยความร้อนรนใจ กดเสียงให้เบาลง “แกร่งกว่าสองคนนั้น เจิดจรัสเหมือนดวงอาทิตย์ฤดูร้อน! อาจารย์…ถ้าไม่ไหวเราก็ยอมแพ้เถอะ! ถ้าไม่ยอมแพ้ อาจารย์พาผมหนีก็ได้ หนีไหวหรือเปล่า”
“ดูถูกใครกันน่ะ”
หยวนซั่วก็กดเสียงตอบกลับ แต่ใจแป้วอยู่หน่อยๆ
เพราะเขาไม่เคยลองมาก่อน!
ส่วนจะได้หรือไม่นั้น สำเร็จหรือเปล่า…ความจริงเขาไม่อาจรู้ได้เลย
หลี่ฮ่าวพูดอีกว่า “แล้วก็ไอ้ตัวที่อยู่ในความมืด…ใหญ่เกินคาด”
“มีอีกอันเหรอ”
หยวนซั่วแทบจะหยุดหายใจ บ้าเอ๊ย!
สองคนหรือ
คนเดียวอาจจะยังพอสู้สักตั้ง สองคน…หรือว่าไอ้นั่นมีแบ่งว่าแข็งแกร่งหรืออ่อนแอด้วยหรือ
“ใหญ่แค่ไหน”
“สูงอย่างน้อยยี่สิบเมตร!”
ซวยแล้ว!
หยวนซั่วแค่นึกๆ ดูก็รู้แล้วว่าต้องเก่งแค่ไหน…จากนั้นเขาเหมือนจะสัมผัสได้ ในเมื่อเขาอยู่ในลำดับพันยุทธ์จึงสามารถรู้สึกได้ถึงคลื่นพลังพิเศษนั่นได้ทันที
คล้ายจะมีลำดับขั้นจิตวิญญาณอยู่ด้วย!
ตอนนี้คงยุ่งยากจริงๆ แล้วล่ะ
หยวนซั่วนึกอยากหันหลังเดินหนีให้รู้แล้วรู้รอดไป ต่อให้ศิษย์คนนี้ของตัวเองจะเป็นศิษย์สายตรงก็เถอะ ให้ตาย แกสร้างปัญหาใหญ่เกินไปหรือเปล่า
ครั้งนี้ต่อให้เป็นหัวหน้าใหญ่ของผู้พิทักษ์รัตติกาลประจำมณฑลหยินเยวี่ยมาก็อาจจะขอถอยทัพเหมือนกัน
แกให้คนแก่อย่างฉันคนเดียวไปต้านหรือ
แน่นอนว่าไม่เคยลองใครจะรู้ผลได้กันเล่า!
ถ้าจัดการปัญหานี้ได้จริงๆ เกรงว่าอีกฝ่ายก็ต้องสะเทือนถึงเส้นเอ็นกระดูกลั่นบ้างล่ะ ถ้าฆ่าคนนี้ได้แล้วฆ่าสุริยะพรายคนนั้นได้ ต่อให้เป็นองค์กรใหญ่ทั้งสาม คิดว่าก็ไม่มีบุคคลระดับนี้อยู่มากนัก ถึงเมื่อนั้น…
ขณะที่คิด หยวนซั่วก็ถามเสียงเบาไปว่า “เธอเห็นได้เหรอ”
“ครับ!”
วินาทีนี้แล้วยังปิดบังไปอีกทำไม
เขาเห็นได้ชัดยิ่งกว่าหยวนซั่วเสียอีก!
และเพราะเหตุนี้เขาถึงกลัวยิ่งกว่า!
จันทราทมิฬเขาอาจจะลองลอบจู่โจมได้ แต่บุคคลระดับนี้ต่อให้ใช้มือหมอคืนชีวิตตะปบร่างระยะประชิดเกรงว่าก็คงจัดการไม่ได้!
ไหนจะเงาโลหิตนั่นอีก ตัวใหญ่ยักษ์ขนาดนั้นจะให้เขาไปนั่งเกาเล็บเท้าอยู่ใต้เท้ามันหรือไร
หยวนซั่วสูดหายใจเฮือกหนึ่งเหมือนกำลังตัดสินใจบางอย่างพลางมองไปยังกลุ่มคนด้านหลังแวบหนึ่ง พลันก็กล่าวขึ้นมา “ไสหัวไปซะ ฉันกับหลี่ฮ่าวจะร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน ยังไงซะก็อยู่ได้ไม่นานแล้ว พวกแกรีบไสหัวไป ฉันกับศิษย์ของฉันจะตายพร้อมกัน!”
ตัวถ่วงพวกนี้รีบๆ ไปเสียทีเถอะน่า!
ส่วนหลี่ฮ่าว ถ้าเขาไป ทุกอย่างก็จบเห่แล้วจริงๆ
“ผู้เฒ่าหยวน…”
“ไสหัวไป!”
หยวนซั่วตวาดน้ำเสียงไม่เป็นมิตรเท่าไร ยังไม่รีบไสหัวไปอีก จะอยู่รอความตายที่นี่หรือไงกัน
ส่วนหลี่ฮ่าว หยวนซั่วกวาดตามองรอบๆ ทีหนึ่งก็เห็นตู้สินค้าที่วางปิดทางเข้าอยู่ และเหมือนเป็นกระจกครอบผลึกเหมันต์เลยพูดเสียงเบาว่า “เธออยู่ในนี้ อย่างน้อยก็ป้องกันพลังเหนือธรรมชาติได้บ้าง…ไม่อย่างนั้นถ้าเผลอเธออาจจะตายได้! แน่นอนว่าฉันก็เข้าไปด้วย เราเข้าไปด้วยกัน ถ้าหมอนั่นคิดจะกลืนกินกระแสเลือดอะไรทำนองนี้ของเธอก็ตาม แต่คงไม่คิดจะทำเธอตายง่ายๆ หรอก ในสายตาอีกฝ่ายเธอยิ่งกว่ามดตัวน้อยซะอีก ฆ่าง่ายเกินไป…ขอแค่เขาเก็บพลังลี้ลับเหนือธรรมชาติใช้ไม่มาก เราก็ยังมีโอกาส!”
เขาเข้าใจแล้ว!
หลี่ฮ่าวพยักหน้า แสดงละครสินะ เราทำเป็นอยู่แล้ว
ส่วนอาจารย์…ก็ไม่ต้องห่วงอะไร เพราะอาจารย์แสดงละครเก่งกว่าเขาเสียอีก
ครั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราสองคนจะแสดงละครได้สมจริงหรือเปล่าแล้ว!
ถ้าโชคดีบางทีอาจารย์อาจจะจัดการอีกฝ่ายได้
ทว่าหนึ่งต่อสอง ถ้าเงาโลหิตร่างยักษ์นั่นต่อกรกับอาจารย์ด้วย…ก็แย่สิ
………………………………………………………………………..