ตอนที่ 43 บำเพ็ญร่วม (3)
หยวนซั่วหัวเราะอีกครั้ง “ตอนนี้เพราะมีหวงอวิ๋นอยู่ เขากลัวฉัน เจ้าหมอนั่นไม่กล้าแข่งกับฉันหรอก ฉันกลับไปของก็ต้องเป็นของฉัน! มิฉะนั้น…ถ้ามีคนในขั้นไตรสุริยามาจริงๆ ผู้พิทักษ์รัตติกาลย่อมอยากขอแบ่งด้วย พวกเราจะไม่ยกอะไรให้เขาแม้แต่นิดเดียว! ต่อให้ฉันเธอไม่ได้ใช้ แต่หัวหน้าทีมและแม่สาวนมโตคนนั้นก็อาจจะได้ใช้ไม่ใช่หรือไง”
นี่กำลังพูดถึงหลิวเยี่ยนเหรอ?
หลี่ฮ่าวหมดคำพูด อาจารย์ยังจะมีแก่ใจมาพูดเรื่องนี้อีก แก่แต่อายุจริงๆ!
ก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นรู้สึกเลย!
หรือจะบอกว่าก่อนหน้านี้เล่นละครตบตาหรือ
ก็อาจเป็นไปได้!
ก่อนนี้อาจารย์อับจนหนทางถึงเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้และเก็บตัวดูแลตัวเองตามวัย กระทั่งเสแสร้งว่าเป็นศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยกู่ย่วน ตอนนี้พลังของเขามากขึ้นสังหารคนในขั้นไตรสุริยาได้ย่อมต้องเนื้อเต้นเป็นธรรมดา!
“เร็วเข้า อย่ามัวแต่อืดอาดอยู่เลย!”
เขาพูดพลางโยนจี้หยกกระบี่ให้หลี่ฮ่าว “เหมือนพลังไม่มากเท่าเมื่อก่อนแล้ว ดูๆ ไปแล้วพลังในนี้น่าจะมีขีดจำกัด…เสียดาย ไม่รู้ว่าจะฟื้นกลับมาได้อีกไหม พลังกลุ่มนี้มีประโยชน์มาก! ถ้าไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้จริงๆ คงลำบากแย่!”
เขานึกเสียดายเล็กน้อย เพราะตอนที่ดูดซับพลังไปเมื่อครู่เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน พลังอ่อนแอลงไปมากทีเดียว
แน่นอนว่าหลี่ฮ่าวน่าจะดูดพลังจากมันมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว
แต่คนที่อยู่ในขั้นพันยุทธ์อย่างเขาดูดซับพลังแบบนี้ต่อไปคิดว่าไม่นานก็คงจะหมดไม่เหลืออะไร ดังนั้นเขาจึงไม่ดูดซับพลังต่อ
“อาจารย์ ก่อนหน้านี้ผมปลดผนึกมันไปครับ…”
“ไม่ใช่หรอก!”
หยวนซั่วขัดขึ้นทันที “แค่ทำลายปากทางของมันก็เท่านั้น เลือดเพียงเล็กน้อยของเธอไม่พอให้แทรกซึมร่องฟันด้วยซ้ำ! กระบี่เล่มนี้ของเธอร้ายกาจกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก ค่อยเป็นค่อยไปแล้วกัน! ตอนนี้ยังปลดผนึกได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากนักหรอก…ไว้เราค่อยๆ ศึกษาเจ้านี่กันไป!”
พูดจบเขาก็คว้าหลี่ฮ่าวมาแล้วประสานฝ่ามือเข้าหากัน จากนั้นฝ่าเท้าก็แตะประสานกับฝ่าเท้าของอีกฝ่าย…ในวินาทีต่อมาพอครุ่นคิดครู่หนึ่ง ทันใดนั้นเองเขาก็โยนรองเท้าของหลี่ฮ่าวออก
หลี่ฮ่าวขยับตัวไม่ได้ เมื่อเห็นเหมือนอาจารย์จะถอดเสื้อผ้าก็รีบร้อนพูด “อาจารย์ครับ นั่งสมาธิก็พอแล้วมั้ง ใช้แค่มือกับเท้าเปล่าๆ ก็พอ อาจารย์จะถอดเสื้อผ้าทำไมครับ”
“เดี๋ยวเสื้อผ้าจะเปียก อึดอัด!”
“ไม่เอา!”
หลี่ฮ่าวร้อนใจ “อาจารย์ครับ พวกเราสำรวมกันหน่อยนะครับ!”
“กระมิดกระเมี้ยนเป็นผู้หญิงไปได้!”
หยวนซั่วด่า เธอคิดว่าอาจารย์อยากเห็นของเธอหรือไง?
เหอะๆ!
เขาคร้านจะพูดต่อแล้วถอดรองเท้าอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว จากนั้นมือและเท้าของผู้ที่สูงวัยกว่าก็ประสานเข้ากับเขา แล้วกล่าวอย่างรวดเร็ว “อีกเดี๋ยวให้ใช้วิชาคายรับผ้าปาณภูตด้วยกัน จำเอาไว้ล่ะ ตอนฉันใช้พลัง พลังภายในจะกระแทกทะลวงเข้าไปหา เธอปล่อยมันไปตามธรรมชาติ! อย่าฝืน! ฝืนไปก็ไม่มีประโยชน์..เพราะไม่มีใครช่วยเธอได้!”
หลี่ฮ่าวไม่กล้าเถียง
คำพูดของอาจารย์ยิ่งพูดก็ยิ่งน่ากลัวขึ้นทุกที เขาจะฟังมากๆ ไม่ได้ เช่นนั้นก็โอนอ่อนเชื่ออีกฝ่ายไปก็แล้วกัน
ทั้งศิษย์และอาจารย์ก็ไม่พูดอะไรกันอีก
วินาทีต่อมาทั้งสองคนก็ใช้พลังคายรับห้าปาณภูตต่อ หลี่ฮ่าวสัมผัสได้ถึงพลังภายในที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งพุ่งเข้าหาร่างเขาในทันทีและส่งผลอย่างรุนแรงกับเส้นเลือดของตนเอง เส้นเลือดที่เดิมทีแข็งทื่ออยู่นั้นโดนทะลวง ยังดีที่วิชาของทั้งสองคนเหมือนกันจึงไม่ได้กระทบรุนแรงนัก
พลังที่แข็งค้างอยู่โดนพลังภายในของขั้นพันยุทธ์ปะทะเข้าหา ครั้งนี้พลังก็กระจายตัวออกไปเล็กน้อย
พลังกระจายออกไปเป็นกลุ่มก้อน
หลี่ฮ่าวและหยวนซั่วต่างก็กำลังดูดซับพลัง คิดไม่ถึงว่าเจ้าเสือดำที่นอนแผ่อยู่ข้างๆ กำลังดูดซับอยู่เช่นกัน มันเองก็ลอบใช้วิชาคาบรับห้าปานภูต
หยวนซั่วใช้หางตาลอบมองเขาเปิดปากเอ่ย “สุนัขที่เธอเลี้ยงตัวนี้เจ้าเล่ห์ไม่เบา ถ้าไม่วางใจก็จับทำเนื้อหมาผัดเผ็ดซะ! ถ้าคิดว่าไม่เป็นไรงั้นก็ช่าง”
หลี่ฮ่าวมองเจ้าเสือดำ เจ้าเสือในตอนนี้มองพวกเขาอย่างหวาดกลัว หลี่ฮ่าวหัวเราะ “ไม่เป็นไรครับ ต่อให้มันกลายเป็นภูตขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะไม่ถึงกลับทำร้ายผมหรอก…ไปทำร้ายคนอื่นแทน!”
หยวนซั่วหัวเราะแล้วไม่พูดอะไรอีก เขารีบดึงพลังออกมา
เวลานี้เขาเหมือนคนที่หิวน้ำอยู่กลางทะเลทราย!
พลังในจี้หยกกระบี่ของหลี่ฮ่าวไม่เพียงพอแล้ว พลังกลุ่มนี้ดีกว่ามาก เขาดูดซับไปแล้วบางส่วนจึงกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ของดีนี่! ต่างไปจากพลังลี้ลับ พลังกลุ่มนี้เหมาะกับปรมาจารย์นักรบมากกว่า! พลังที่มีสายเลือดแบบนี้…ตัวที่เธอฆ่าตายไปเป็นอะไรกันแน่?”
“เงาสีแดงไงครับ!”
“เงาสีแดง?”
หยวนซั่วจมดิ่งอยู่ในห้วงความคิด เงียบไปนานถึงเอ่ย “เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินมาก่อน อาจเพราะพวกองค์กรของชาดจันทราลอบสร้างขึ้นมาเลยแปลกๆ เล็กน้อย! พลังกลุ่มนี้อาจจะไม่ได้ส่งผลดีอะไรมากมายกับผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ แต่จะช่วยบำรุงพลังให้พวกปรมาจารย์นักรบอย่างเราได้ดีเชียว! น่าสนใจ…พวกเขาน่าจะมีอยู่ไม่น้อย”
ชาดจันทรา!
วินาทีนี้จู่ๆ หยวนซั่วก็ระบายยิ้มออกมา
หลี่ฮ่าวปรายตามองอาจารย์เล็กน้อยแล้วจู่ๆ เขาก็ยิ้มเจ้าเล่ห์
ศิษย์อาจารย์สบตากันแล้วระบายยิ้ม
หยวนซั่วเลิกคิ้ว หลี่ฮ่าวเข้าใจทันทีจึงกดเสียงต่ำ “อาจารย์ผมมองเห็นในสิ่งที่…คนปกติมองไม่เห็น พวกเรามีโอกาส…”
“แค่กๆ!”
หยวนซั่วกล่าวพลางยิ้ม “พวกเราทำทั้งหมดนี้เพื่อขจัดมารปีศาจ เราไม่ได้ทำเพื่อเงาแดงเงาขาวอะไรทั้งนั้น เธออย่าพูดจาเหลวไหล! แล้วมีอีกเรื่องจำเอาไว้เลยนะถ้าอยากจะขจัดมารปีศาจจริงๆ อย่าทำตามหลิวหลง พวกเราต้องหาวิธีที่ดีกว่าและเตรียมตัวให้ดี ทางที่ดีควรยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”
เขาแจกแจงให้หลี่ฮ่าวฟัง “ถึงแม้ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะไม่แข็งแกร่งเท่าทั้งสามองค์กรใหญ่ แต่พวกผู้พิทักษ์รัตติกาลเองก็มีข้อดี เพราะเป็นหน่วยงานทางการ! ของดีอาจจะมีเยอะ แค่เท่าที่ฉันรู้ก็มีไม่น้อยแล้ว ทั้งสามองค์กรใหญ่อยากหาเรื่องผู้พิทักษ์รัตติกาลอยู่ตลอด…ที่จริงแล้วผู้พิทักษ์รัตติกาลก็กำลังจะโต้กลับ ครั้งนี้ฉันไม่ทันได้รับภารกิจจากผู้พิทักษ์รัตติกาล มิฉะนั้นกำจัดคนในขั้นไตรสุริยาได้คนหนึ่งจะต้องได้ความดีความชอบไม่น้อยแน่”
หลี่ฮ่าวเข้าใจทันที!
เข้าใจแล้ว!
ต้องหาเรื่องเข้าร่วมกับพวกผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วรับภารกิจมา จากนั้นรางวัลที่ได้ก็จะต้องมากขึ้นด้วย
“อาจารย์ ผู้พิทักษ์รัตติกาลไม่รับคนแล้วใช่ไหมครับ”
เหมือนว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลจะรับแค่พวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเท่านั้น
“เธอไม่เข้าใจ เอาไว้ค่อยว่ากันเถอะ ยังไงเสียครั้งก่อนพวกเรามีชื่ออยู่ในรายชื่อของผู้พิทักษ์รัตติกาล เธอยกกระบี่นั้นให้หลิวหลงไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้บางทีอาจจะอยู่ในเงื้อมมือหวงอวิ๋นไปแล้วก็ได้ นี่ถือเป็นการสมัครแล้ว! ถ้าไม่รับเธอพวกเขาจะกล้ารับกระบี่นั้นไปได้อย่างไร?”
หยวนซั่วหัวเราะหึหึ “มีวิธีเยอะแยะไป! สรุปเลยก็คือไปอยู่ด้านนอก ผจญภัยในโลกกว้าง ต้องหาที่พึ่งพิงก่อน… หรือกล่าวว่าต้องมีคนคอยหนุนหลัง! อาจารย์อย่างฉันถึงจะแข็งแกร่งแต่คนหนุนหลังใหญ่ไม่พอ ในวงการพวกผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ผู้พิทักษ์รัตติกาลอาจจะไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่คนในขั้นไตรสุริยาพวกเขาต้องมีแน่ อีกอย่างเธอต้องรู้นะว่าตอนนี้พวกเราอยู่แค่มณฑลหยินเยวี่ย อำนาจของผู้พิทักษ์รัตติกาลแต่ละหน่วยต่างก็รวมอยู่ที่ส่วนกลาง!!”
“ไม่เพียงแค่เธอ แม้แต่ฉันบางทีอาจจะเข้าร่วมหน่วยนั้นได้ เข้าร่วมไปก่อนรอจนผู้พิทักษ์รัตติกาลคุ้มกะลาหัวเราไม่ได้ค่อยว่ากัน!”
หลี่ฮ่าวตั้งใจฟัง เขาเป็นถึงปรมาจารย์นักรบที่เคยเผชิญโลกกว้างมาหลายปี แต่ยังโดนคนขนานนามอย่างโหดร้ายอีกเหรอ
ในตอนนี้พวกเขาสองคนต่างก็กำลังดูดซับพลังอยู่
หลี่ฮ่าวรู้สึกว่าพลังของตนเองแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว พลังถูกย่อยสลาย สายเลือดและกระดูกเส้นเอ็น กล้ามเนื้อล้วนแข็งแกร่งขึ้นทั้งสิ้น
หยวนซั่วชี้แนะต่อ “ครั้งนี้ร่างกายเธอคงใกล้บรรลุขั้นทะลวงร้อยหรือไม่ก็บรรลุขั้นทะลวงร้อยไปแล้ว! แต่เธอต้องจำเอาไว้ข้อหนึ่งว่าคุณสมสมบัติร่างกายก็คือคุณสมบัติทางร่างกาย ความเร็วก็คือความเร็ว พลังก็ส่วนพลัง…แล้วก็ประสบการณ์ เคล็ดวิชา ปฏิกิริยาโต้ตอบ ล้วนแต่เป็นพื้นฐานในการเอาชีวิตรอดของปรมาจารย์นักรบ! เธออย่าคิดว่าพวกคุณชายในกลุ่มผู้พิทักษ์รัตติกาลแต่ละคนจะมีแค่พลังแต่ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเชียว!”
………………………………………………………………………….