ตอนที่ 44-2 ของรางวัลจากสงคราม (2)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 44 ของรางวัลจากสงคราม (2)

มู่เซินหัวเราะ แล้วก็พูดต่อ “ถ้าเลื่อนขั้น ในสถานการณ์ทั่วไปต้องมีผู้พิทักษ์รัตติกาลอย่างน้อยสิบคน! ไม่ว่าจะเป็นปรมาจารย์แสงดาราก็ดี ปรมาจารย์จันทราทมิฬก็ดีซึ่งได้หมด! อีกอย่างต้องแจกจ่ายพลังลี้ลับร้อยลูกบาศก์ทุกเดือน ทุกอย่างนี้เหมือนจะเป็นพื้นฐานนะ…แต่ตอนนี้เมืองหยินตกอยู่ในอันตราย ผมคิดว่าจะแจกจ่ายในสัดส่วนตามปกติไม่ได้ อย่างน้อยต้องแบ่งไปพันลูกบาศก์ถึงจะพอ!”

หัวหน้าเฮ่ออ้าปากค้าง!

หวงอวิ๋นก็เบิกตาโตอ้าปากค้างไปแล้วเช่นกัน

ส่วนพวกหวังหมิงก็มองจนตาถลนตามไปด้วย

นี่มันเรื่องอะไรกัน

ส่วนมู่เซินกลับยิ้มกล่าวอีกว่า “นอกจากนี้อุปกรณ์ทุกอย่างก็แจกจ่ายตามมาตรฐานเมืองอื่นๆ ก็พอ! ครั้งนี้เราฆ่าไตรสุริยาไปหนึ่งคน สุริยะพรายไปหนึ่งคน…ผู้พิทักษ์รัตติกาลจะต้องชดเชยรางวัลให้กับคนพวกนี้สมกับผลงานที่สร้างไว้!”

“อ้อ เมื่อคืนเมืองหยินเสียหายอย่างหนัก ทางที่ดีผู้พิทักษ์รัตติกาลควรส่งของมาช่วยเหลือหน่อย…โดยเฉพาะกระจกครอบผลึกเหมันต์ เราต้องการปริมาณมาก ทางที่ดีให้ล้อมทั่วทั้งเมืองหยินไว้!”

“แล้วก็อาวุธเหนือธรรมชาติ เราก็ต้องการด้วยส่วนหนึ่ง!”

“…”

เงียบ!

เวลานี้เกิดความเงียบขึ้นอย่างแท้จริง

หัวหน้าเฮ่อมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปพักใหญ่ถึงกล่าวว่า “ผมเป็นแค่รองหัวหน้า เรื่องนี้ไว้ผมจะกลับไปรายงานให้ ส่วนจะได้หรือไม่นั้นผมไม่มีอำนาจตัดสิน!”

ยื้อไว้ก่อน

เจ้าอ้วนมู่เซินบ้าไปแล้วสินะ เห็นเราก็พูดเรื่องนี้กับเรา นายกลัวฉันไม่ตายหรือไง

มู่เซินกลับทำหน้าไม่ยี่หระ “งั้นก็ถือว่าหัวหน้าเฮ่ออนุญาตแล้ว! ผู้พิทักษ์รัตติกาลในมณฑลหยินเยวี่ยมีการจัดแบ่งเป็นหัวหน้าหนึ่งคนกับรองหัวหน้าห้าคน ในเมื่อหัวหน้าเฮ่อตอบตกลง คนอื่นๆ ผมคิดว่าก็คงไม่มีปัญหาอะไรมาก”

ให้ตายเถอะ!

หัวหน้าเฮ่อเกือบจะด่าคนไปแล้ว!

ฉันตอบตกลงไปตั้งแต่เมื่อไร

แผนการจัดการเมืองหยินของทางเบื้องบนคือยุบเมือง อพยพชาวเมือง แต่เมื่อไรที่ก่อตั้งหน่วยงานสาขาย่อยของผู้พิทักษ์รัตติกาลก็เท่ากับต้องปักหลักประจำ เรื่องนี้เขาไม่กล้ารับปากอย่างง่ายดายจริงๆ

พลันเขาก็คิดว่าตนมาไม่ถูกเวลาเสียเลย

กระสับกระส่ายทำตัวไม่ถูก!

เจ้าอ้วนบ้านี่ ความสามารถในเรื่องฉวยโอกาส…เกินจะบรรยายจริงๆ!

มู่เซินเอ่ยเสริมอีก “หัวหน้าเฮ่อ ผมไม่ได้กำลังจะทำให้คุณลำบากใจนะ แต่ความจริงจะไม่ก่อตั้งไม่ได้! หยวนซั่วก้าวสู่ขอบเขตพันยุทธ์กลายเป็นระดับสุดยอดพันยุทธ์ ฆ่าไตรสุริยาไปหนึ่งคน แบบนี้ก็พอจะมองว่าอยู่ในฐานะไตรสุริยาได้แล้ว…แม้แต่หน่วยงานของผู้พิทักษ์รัตติกาลยังไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับไตรสุริยาเลย คุณคิดจะเพิกเฉยจริงๆเหรอ อีกอย่างเรื่องในเมืองหยินดูจะไม่ง่ายขนาดนั้น แปดตระกูลใหญ่อะไรนั่น…ลำพังแค่จุดนี้ก็มากพอจะสร้างความสำคัญในสายตาของผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้ว!”

“ผมว่าไม่ใช่แค่ก่อตั้งหน่วยงาน แต่ต้องมีไตรสุริยาประจำเมืองด้วย! เอาสุริยะพรายมาหลายๆ สิบคนก็ไม่เกินไปเลย…”

ยิ่งพูดก็ยิ่งเลยเถิดไปไกล

แต่คำพูดของเจ้าอ้วนนี่กลับมีบางส่วนที่จำต้องพิจารณาให้ดี

หัวหน้าเฮ่อเงียบไปพักหนึ่งก็พยักหน้าเล็กน้อย “ผมจะบอกให้ แต่ยังยืนยันคำเดิม ผมตัดสินใจอะไรไม่ได้!”

“อืม!”

มู่เซินก็ไม่คิดจะสร้างความลำบากใจแก่คนผู้นี้อีก ในเมื่อคนๆ นี้เป็นแค่รองหัวหน้าจะคาดหวังให้เขาทำการตัดสินใจทันทีก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปได้ แค่สื่อความหมายให้เข้าใจตรงกันก็พอ

เขาหันไปมองหลิวหลง “หัวหน้าหลิว…ไม่สิ ผู้บัญชาการหลิว ขอบคุณหัวหน้าเฮ่อให้ดีละ! แจ้งข่าวดีให้เพื่อนพ้องที่เมืองไป๋เยวี่ยของคุณหน่อย หัวหน้าเฮ่อเดินทางมาไกลเพื่อเลื่อนตำแหน่งให้คุณ ทำให้คนทั้งเมืองไป๋เยวี่ยรู้ว่าผู้พิทักษ์รัตติกาลมีรางวัลมีโทษอย่างชัดเจน!”

หัวหน้าเฮ่อทนต่อไม่ไหวแล้ว “ผู้อำนวยการมู่ เพลาๆ บ้างเถอะ ผมจะฝากบอกต่ออย่างดี แต่ผมบอกแล้วว่าผมเป็นแค่รองหัวหน้า!”

ว่าแล้วก็ไม่คิดจะสนใจเจ้าอ้วนนี่อีก

ตอนนี้สามารถโมโหจนตายเพราะเขาได้เลย!

เขาก้าวเท้าเดินไปที่ไกลออกไป ที่นั่นมีเลือดกระจัดกระจายอยู่จนตอนนี้ยังไม่ได้ทำความสะอาด

หวงอวิ๋นตามติดอยู่ด้านหลัง รีบพูดขึ้นว่า “นี่เป็นร่องรอยของไตรสุริยา พลังภายในของไตรสุริยา ผมกลัวว่าทำความสะอาดโดยพลการแล้วจะทำให้พลังไตรสุริยาสลายไป! หัวหน้าเฮ่อมาพอดี คุณก็เป็นไตรสุริยาเหมือนกัน…น่าจะเก็บพลังลี้ลับได้!”

พลังลี้ลับของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็มีการแบ่งชั้นแข็งแกร่งอ่อนแอเช่นกัน

ใช่ว่าเขาที่เป็นสุริยะพรายจะเก็บพลังขั้นไตรสุริยาไม่ได้แต่ง่ายต่อการย่อยสลาย ถ้าอย่างนั้นก็ขาดทุนแย่

สู้วางไว้ตรงนี้ดีกว่า!

ส่วนศพเหล่านี้ไม่รู้ว่าหยวนซั่วฆ่าอย่างไร จนถึงตอนนี้ยังรู้สึกว่าพลังในร่างยังอยู่ในภาวะปิดผนึก

ขณะนี้หัวหน้าเฮ่อย่อตัวลงเก็บชิ้นส่วนขึ้นมาชิ้นหนึ่ง

จากนั้นปราณโลหิตของพลังอาวุธก็ไหลพลั่งพรูออกมา!

เกิดเสียงฟ้าร้องขึ้นบนฝ่ามือเขา หลังจากดังสนั่นหวั่นไหวชั่วครู่ก็ทิ้งร่องรอยเลือดจางๆ ไว้กลางฝ่ามือของหัวหน้าเฮ่อ

หัวหน้าเฮ่อทำหน้าหนักอึ้งประมาณหนึ่ง

“พลังอาวุธเข้มข้นและแหลมคมมาก!”

พลังอาวุธที่คั่งค้างอยู่กลับทำให้เขาเจ็บตัวได้!

ดาบที่หยวนซั่วปลิดชีพอีกฝ่าย ดูท่าจะแกร่งเกินคาด

นี่คือพันยุทธ์หรือ

เขาใช่ว่าจะไม่เคยเห็นปรมาจารย์นักรบระดับพันยุทธ์มาก่อน แน่นอนว่าไม่ใช่ในมณฑลหยินเยวี่ย

เขาก็เคยประลองฝีมือกับปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์มาก่อน แข็งแกร่งมาก แต่ว่าจะสามารถก้าวข้ามลำดับขั้นฆ่าไตรสุริยาได้นั้นกลับเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่อยู่ในลำดับไตรสุริยาไม่ขาดแคลนประสบการณ์การต่อสู้ และไม่ขาดแคลนประสบการณ์การฝึกฝนที่เขายอมฝ่าฝันความตายมา

นอกจากเวลาฝึกฝนที่ใช่ว่าจะยาวนานกว่าอีกฝ่าย ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าปรมาจารย์นักรบอาวุโสเหล่านั้นเลย

แต่…ปรมาจารย์เซียนดับสวรรค์ถูกหยวนซั่วก้าวข้ามลำดับแล้วฆ่าตายได้!

ตอนนี้พวกมู่เซินก็รู้สึกตกใจเช่นกัน

พลังอาวุธที่หลงเหลือกลับยังทำร้ายหัวหน้าเฮ่อได้ น่าเหลือเชื่อจริงๆ!

“อาวุธของเขาไม่ธรรมดา!”

หัวหน้าเฮ่อพูดขึ้นประโยคหนึ่ง ก่อนจะกล่าวอีกว่า “ไม่ใช่แค่อาวุธ วิชาลับของเขาก็ไม่ธรรมดา! พลังจิตวิญญาณประสานกับปราณโลหิต กายจิตหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว…สมแล้วที่หยวนซั่วเป็นถึงสุดยอดปรมาจารย์นักรบที่เอาชนะรอบทิศ!”

ตาแก่แข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์นักรบคนอื่นๆ เพราะมีเคล็ดวิชาลับมากกว่า!

หัวหน้าเฮ่อสายตาดูหนักอึ้งหน่อยๆ เขากำลังชั่งใจว่าถ้าตนประชันกับหยวนซั่วจะเป็นฝ่ายได้เปรียบหรือไม่

เขาก็อยู่ลำดับไตรสุริยาเหมือนกัน ความสามารถไม่ห่างจากดับสวรรค์เท่าไร

หยวนซั่วฆ่าดับสวรรค์ได้เพราะจับจังหวะได้พอดี เช่นนั้นก็ใช่ว่าจะไม่สามารถฆ่าตนได้เสียเมื่อไร

แน่นอนว่าการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งนั้นต้องดูสภาพแวดล้อมและสภาวะทางจิตใจของคนๆ นั้นด้วย ใครจะเป็นฝ่ายฆ่าใครล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น

“ดับสวรรค์ตาย เกรงว่าทางชาดจันทราต้องมีสั่นคลอนบ้างล่ะ!”

หัวหน้าเฮ่อโพล่งขึ้นมาอีกประโยคหนึ่ง

หวงอวิ๋นดูกังวลประมาณหนึ่ง “จะลอบจู่โจมอีกครั้งหรือเปล่า”

“เหอะ ไม่ต้องห่วงหรอก!”

หัวหน้าเฮ่อหัวเราะทีหนึ่ง “การตายของไตรสุริยาหนึ่งคนมากพอที่จะทำให้พวกเขาเจ็บเข้าเนื้อไปนาน อีกอย่างตอนนี้กำลังสำคัญของชาดจันทราไม่ได้อยู่มณฑลหยินเยวี่ย แต่อยู่เขตภาคกลาง! อีกฝ่ายเคลื่อนย้ายกำลังพลมาหยินเยวี่ยมากไม่ได้ ถ้ากล้ามาจริงพวกเขาไม่กลัวว่าจะมีไตรสุริยาตายเป็นคนที่สองคนที่สามเหรอ”

พูดจบก็พูดต่อว่า “แน่นอนว่าห้ามประมาท! ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีเป้าหมายที่ต้องคุ้มครองมากเกินไป กว้างเกินไป อีกฝ่ายเป็นองค์กรไม่เป็นทางการย่อมหลีกเลี่ยงจากการตกเป็นเป้าสายตาคนได้ง่าย ยังไงก็ระวังตัวหน่อยจะดีกว่า!”

มู่เซินไม่สนใจที่ทำความเข้าใจเรื่องพวกนี้ เพราะเขารู้ดี

ตอนนี้เขาพูดไปตรงๆ ว่า “ดึงพลังลี้ลับได้กี่ลูกบาศก์”

นี่ต่างหากเรื่องสำคัญ!

ใครจะสนใจเรื่องอื่นกัน!

………………………………………………………….