ตอนที่ 45 ปูทาง (2)

เฮ่อเหลียนชวนเงียบ

ส่วนหยวนซั่วก็ไม่รีบร้อนใจใดๆ ในมณฑลหยินเยวี่ยไม่หาตนแล้วจะใครได้อีก

แน่นอนว่าหากชาดจันทราเข้าร่วมด้วย ย่อมสร้างความหวาดระแวงอยู่บ้าง

แม้เขาจะฆ่าไตรสุริยาไปหนึ่งคนก็ไม่ได้เท่ากับว่าเขาจะฆ่าคนที่สองได้ โดยเฉพาะพลังกระบี่ของหลี่ฮ่าวกำลังจะหมดลง เขาคงไม่มีโอกาสใช้เคล็ดวิชาดาบโลหิตเป็นครั้งที่สองได้อีกแล้ว

“ให้ผมกลับไปปรึกษาหน่อยแล้วกัน!”

เฮ่อเหลียนชวนตอบมาประโยคเดียว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาสามารถตัดสินใจเองได้ ก่อนจะมาที่นี่ผู้พิทักษ์รัตติกาลก็เคยประชุมกันอย่างรวบรัดมาก่อนครั้งหนึ่งโดยเอ่ยถึงการสำรวจอารยธรรมโบราณครั้งนี้และคิดได้ว่าหยวนซั่วจะโลภมาก

เพียงแต่ไม่คิดว่าเขาจะขอมากขนาดนั้น

หยวนซั่วเห็นเขาจะกลับไป คิดๆ แล้วก็พูดอีกว่า “ไหนๆ ก็มาแล้ว เมืองหยินในตอนนี้ใช่ว่าจะปลอดภัย ก่อนที่คุณจะกลับไป คุณกับผมไปกวาดล้างสิ่งอันตรายที่อยู่รอบเมืองหยินกันหน่อยไหม”

“กวาดล้างเหรอ”

เฮ่อเหลียนชวนถามเสียงนิ่ง “คุณหมายความว่า”

“ละแวกนี้ยังมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติอยู่ ฆ่าให้หมด!”

“…”

เฮ่อเหลียนชวนชะงัก เป็นครั้งแรกที่สัมผัสได้ถึงความเลือดเย็นของปรมาจารย์นักรบคนนี้

ฆ่าให้หมด!

ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติบางส่วนไม่ได้ชอบรบราฆ่าฟันกันแต่อย่างใด พวกเขาแค่ไม่ได้เข้าร่วมองค์กรผู้พิทักษ์รัตติกาลเท่านั้นแต่แค่วนเวียนอยู่ละแวกเมืองหยินเรื่อยๆ ต่อให้มีความคิดนั้นแต่พวกเขาไม่ได้ลงมือ ตอนนี้หยวนซั่วกลับบอกว่าจะฆ่าพวกเขาให้หมด!

“นี่…”

หยวนซั่วแค่นหัวเราะทีหนึ่ง “คุณไม่กล้า กลัวจะทำให้ผู้พิทักษ์รัตติกาลเสื่อมเสียชื่อเสียง งั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ฉันเอง! ฉันไม่กลัวหรอกนะ! ในเมื่อไม่มีธุระอะไรแล้วจะป้วนเปี้ยนอยู่แถวเมืองหยินทำไม ก็เพราะคิดจะทำอะไรบางอย่างไม่ใช่เหรอ คิดว่าเมืองหยินมีผลประโยชน์ให้ตักตวงและไม่มีความเสี่ยงใช่ไหมล่ะ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ฉันก็จะลงมือเอง ส่วนเรื่องที่จะถูกด่า…ฉันกลัวเรื่องนี้ด้วยเหรอ”

เขาไม่กลัวจริงๆ!

เคยล่วงเกินคนไปตั้งมาก แล้วอย่างไรล่ะ

ฝ่าฝันมาตั้งหลายปี ตอนนี้ก้าวสู่ขอบเขตพันยุทธ์แล้วก็ยิ่งไม่กลัวกันเข้าไปใหญ่

“ศาสตราจารย์ วิธีนี้จะสร้างความไม่พอใจแก่ผู้คนมากไป!”

“ไม่มีความเด็ดเดี่ยว!”

หยวนซั่วเอ่ยเสียงเย็น “คุณเป็นรองหัวหน้าผู้พิทักษ์รัตติกาลแต่ฉันไม่ใช่! พวกคุณมีสิ่งที่ต้องคิดแต่ฉันไม่มี ฉันอยู่ตัวคนเดียว มีชีวิตมาถึงทุกวันนี้ได้ นอกจากศิษย์ไม่กี่คนก็ไม่มีอะไรอีกแล้ว! ศิษย์เป็นศิษย์ พวกเขามีอนาคตของตัวเอง ถูกใครฆ่า ถูกใครสร้างความเดือดร้อน…นั่นเป็นชีวิตของพวกเขา ฉะนั้นทำไมฉันต้องไปสนใจเรื่องพวกนี้ด้วย”

“คุณจะไปหรือไม่ไป”

เขาถามอีกครั้ง

เฮ่อเหลียนชวนถอนเสียงหายใจทีหนึ่งพลางตอบเสียงเบา “ผมลงมือไม่ได้ แต่…ถ้ามีลำดับขั้นไตรสุริยา…ผมลงมือได้!”

หยวนซั่วถึงพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจ

วินาทีถัดมาเฮ่อเหลียนชวนก็พูดขึ้นด้วยเสียงเบาหวิวกะทันหันว่า “ผมจะลงมือโดยพลการไม่ได้…แต่คุณสามารถพาพวกหวังหมิงไปด้วยได้ แน่นอนว่า อะแฮ่ม…ประกาศไปว่าคุณเป็นคนฆ่าทั้งหมด…คุณคิดว่าไง”

ฝึกฝนวัยรุ่น!

ประเด็นคือเขาหวังว่าจะให้หยวนซั่วเป็นแพะรับบาป

หยวนซั่วยิ้มพยักหน้าและตอบตกลงอย่างไม่อิดออด ซึ่งทำเอาเฮ่อเหลียนชวนรู้สึกกังวลขึ้นมาประมาณหนึ่ง

“หรือว่า…ช่างมันเถอะ”

เฮ่อเหลียนชวนลังเลขึ้นมาอีกหน่อย คุณคนนี้ตอบรับเด็ดขาดเกินไป

หยวนซั่วพูดเสียงกลั้วหัวเราะ “เสี่ยวเฮ่อ อย่าโลเลนัก! หยุดพูดไร้สาระ ให้เจ้าพวกนั้นตามฉันมา ต่อให้ไม่ลงมือแค่ยืนดูเฉยๆ ก็ยังดี ไม่งั้นก็ให้พวกเขาคอยซ้ำเอา ได้เห็นเลือดหน่อยก็ดีต่ออนาคตของพวกเขานี่นา!”

เฮ่อเหลียนชวนชั่งใจอยู่พักหนึ่งก็ตกลงไป

เขาหวังว่าบรรดาเด็กวัยรุ่นในหมู่ผู้พิทักษ์รัตติกาลเหล่านี้จะมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย ได้ยินว่าครั้งนี้แสดงฝีมือได้ไม่ดีนัก รวมถึงหวังหมิงที่ตอนอยู่เมืองไป๋เยวี่ยพฤติกรรมดีไม่หยอก แต่มาถึงที่นี่จริงๆ กลับไร้ความสามารถเสียได้

เรื่องนี้สร้างความกังวลใจแก่เฮ่อเหลียนชวนไม่น้อย วัยรุ่นเหล่านี้ถูกปกป้องดีเกินไป แล้วจะรับหน้าที่อันใหญ่หลวงได้หรือไม่นะ

……

คืนนี้หยวนซั่วออกลงมืออีกครั้ง

ณ เขตชานเมืองแถบทางตอนใต้ของเมืองหยิน

คฤหาสน์แห่งหนึ่งที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ ดูหรูหราโอ่อ่าเป็นพิเศษ

เวลานี้มีผู้ชายอ้วนอย่างหมูกำลังทานอาหารอยู่ในห้องทานอาหารพร้อมสองมือที่มันแผล่บ

วินาทีถัดมาชายหนุ่มพลันก็สีหน้าเปลี่ยน พร้อมกับหลังคาที่ถูกเตะทะลุเข้ามา

หยวนซั่วเตะหลังคาจนทะลุในคราวเดียวแล้วลอยตัวลงมาเหมือนเซียนมาร ปลายเท้ายกขึ้นเตะข้างขมับอีกฝ่ายโดยไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ตั้งตัว!

ด้านหลังพวกหูฮ่าวก็เท้าแตะพื้นมาตามๆ กัน ใบหน้าดูซีดเซียวประมาณหนึ่ง

นี่คนที่สามแล้ว!

หยวนซั่วมีไอสังหารรุนแรงเกินไป!

ครั้งนี้พวกเขาได้เห็นความแข็งแกร่งและสภาวะทางจิตใจอันแกร่งกล้าของปรมาจารย์นักรบอาวุโสเหล่านี้อย่างแท้จริง เขาฆ่าคนโดยไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด!

หยวนซั่วกวาดตามองคนที่ถูกเขาเตะจนตายในคราวเดียวพลางหัวเราะ “ทำไม ยังไม่ชินอีกเหรอ คนพวกนี้ตายไปก็ชดใช้ความผิดไม่หมด ถ้าฉันจำไม่ผิด เมื่อก่อนคฤหาสน์แห่งนี้เป็นของพ่อค้าเศรษฐีเมืองหยินคนหนึ่ง! พ่อค้าคนนั้นเหมือนจะหายตัวไปแล้ว พวกเธอรู้ไหมว่าไปไหน”

ทุกคนเงียบ

หยวนซั่วตอบเสียงหยัน “น่าจะถูกฝังอยู่ในสวนบ้านหลังนี้แหละ พวกเธอจะลองขุดออกมาดูหน่อยไหมล่ะ”

หวังหมิงที่อยู่ด้านหลังพ่นลมออกมาเฮือกหนึ่ง “ฆ่าแล้วช่วงชิงสมบัติเงินทองผู้อื่น ตายไปก็ไม่น่าเสียดายจริงๆ! แต่ผู้เฒ่าหยวน เดิมทีตกลงกันไว้ว่าจะให้โอกาสเรา แต่ตอนนี้…”

คุณเตะตายในคราวเดียว เราก็ไม่มีโอกาสสิ

“งั้นก็อัดซ้ำเลย!”

หยวนซั่วพูดเสียงเรียบ “ฉันไม่ได้มีหน้าที่สอนพวกเธอ แต่ให้พวกเธอได้เห็นเลือดบ้างก็เท่านั้น! แทงมันอีกหลายสิบทีก็ถือว่าสำเร็จแล้ว!”

หวังหมิงทำท่าชั่งใจ “มันตายไปแล้ว…”

หยวนซั่วหันกลับมามองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง

หวังหมิงดูท่าทางหวาดกลัวหน่อยๆ เขากัดฟันแล้วเสกกระบี่ออกมาเดินไปแทงศพตรงหน้าทีหนึ่ง!

หยวนซั่วคลี่ยิ้ม ด้านหลังหลี่เมิ่งกับหูฮ่าวสบตากันแวบหนึ่งถึงเดินเข้าไปแทงซ้ำอย่างเงียบๆ

นี่เกรงว่าจะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาเคยทำเรื่องแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าดูเก้ๆ กังๆ ไม่คุ้นชินเท่าไร

หยวนซั่วมองอยู่ครู่เดียวก็ไม่สนใจ

แทงไปเยอะๆ เดี๋ยวก็ชินเองแหละ!

เด็กรุ่นใหม่ของผู้พิทักษ์รัตติกาลขาดแคลนประสบการณ์ลงสนามจริงมากเกินไป เหตุผลที่เขายอมพาคนกลุ่มนี้มาก็เพราะมีเป้าหมายในใจ

รอจนเด็กกลุ่มนี้แทงซ้ำเสร็จ หยวนซั่วก็พูดเสียงเรียบ “พวกเธอก็ถือว่าได้รู้จักกับฉันแล้ว หลังจากวันนี้ไป ฉันจะรับพวกเธอสามคนเป็นศิษย์ในนามแล้วกัน!”

“…”

ทุกคนชะงัก

นี่มันอะไรนะ

เฮ่อเหลียนชวนที่อยู่กลางอากาศก็ชะงัก นี่มันเหตุการณ์บ้าอะไรกัน

หยวนซั่วพูดเสียงเรียบ “ตกลงตามนี้! ต่อจากนี้ไปพวกเธอสามารถอ้างชื่อของฉันได้ว่าพวกเธอเป็นลูกศิษย์ในนามของปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์หยวนซั่ว สำนักวิชายุทธ์ของปรมาจารย์นักรบให้ความสำคัญกับเรื่องสืบทอด! ถ้าเกิดการทรยศหักหลังก็เท่ากับสร้างความอับอายให้แก่อาจารย์! กฎข้อแรกของลูกศิษย์ของฉันก็คือห้ามสร้างความอับอายให้กับอาจารย์ ข่มเหงศิษย์ร่วมสำนัก ต้องรักใคร่กลมเกลียวสามัคคีกัน นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ลูกศิษย์ฉันต้องทำ!”

เฮ่อเหลียนชวนที่ลอยอยู่เหนือฟ้ายังนิ่งค้างเหมือนเดิม

พวกหูฮ่าวก็ดูเหมือนยังปรับตัวไม่ทัน แต่ละคนต่างนิ่งชะงักงันกันอยู่

หยวนซั่วดูเคร่งขรึมขึ้นมาในทันที ถามเสียงเย็นชาว่า “พวกเธอไม่ยอมเหรอ หรือคิดว่าฉันหยวนซั่วไม่คู่ควร”

“ไม่กล้าอยู่แล้ว!”

หวังหมิงรีบตอบกลับ “ผู้เฒ่าหยวน เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เพียงแต่…เราเป็นผู้พิทักษ์รัตติกาล…”

“ผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วยังไง”

หยวนซั่วตอบอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้างบนนั่นก็คือรองหัวหน้าของพวกเธอ เธอลองถามเองดูว่ามีปัญหาไหม ผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติกันหมด ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติไม่มีความสัมพันธ์อาจารย์ลูกศิษย์อะไรทำนองนั้นสักหน่อย เป็นแค่ศิษย์ในนามของฉันก็ไม่ได้กระทบเรื่องใด เธอถามเฮ่อเหลียนชวนไปสิว่าเรื่องนี้จะมีปัญหาอะไรไหม”

เฮ่อเหลียนชวนที่อยู่ด้านบนครุ่นคิดครู่หนึ่ง ผ่านไปสักพักก็พยักหน้าน้อยๆ

ศิษย์ในนาม…ก็ศิษย์ในนามแล้วกัน

นี่เป็นแค่เรื่องเล็กไม่ถือว่าหนักหนามาก ไม่ใช่การไหว้ฝากตัวเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการอะไรสักหน่อย ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลยสักนิด

หวังหมิงเห็นดังนั้น คนทั้งกลุ่มก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก พวกเขาต่างพากันตอบตกลง ทว่าภายในใจก็แอบดีใจอยู่บ้าง หยวนซั่วเป็นถึงผู้แข็งแกร่งที่ฆ่าไตรสุริยาได้เชียวนะ เป็นศิษย์หยวนซั่วก็ดูดีไม่หยอก!

หยวนซั่วถึงเผยยิ้มออกมา “ตกลงตามนี้! เป็นแค่ศิษย์ในนามก็ไม่ต้องจัดงานฉลองอะไรแล้ว ศิษย์ของฉันมีไม่มาก แต่เป็นศิษย์สายตรงทั้งหมด พวกเธอเป็นศิษย์ในนาม คราวหลังถ้าเจอกันก็ต้องเรียกขานกันว่าศิษย์พี่ศิษย์น้อง! จำไว้นะ เป็นศิษย์ร่วมสำนักกันต้องสามัคคี มีปัญหาต้องช่วยเหลือกัน! นี่ถึงจะเป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน!”

ว่าแล้วก็โยนสมุดเล่มเล็กไปให้ “ในฐานะอาจารย์ไม่มีของดีอะไรให้พวกเธอ นี่เป็น ‘ตำราใหม่ห้าปาณภูต’ ห้ามเผยแพร่! โดยเฉพาะวิชาหายใจในนั้นยิ่งห้ามเผยแพร่ออกไปเด็ดขาด!”

………………………………………………………………………………