ตอนที่ 48 มังกรอำพราง (2)
หลี่ฮ่าวในวินาทีนี้แววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต!
ใช่แล้ว ต่อให้เป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ถูกเขาหลอกฆ่าไปก่อนหน้านี้เขาก็ไม่เคยแสดงความอาฆาตออกมาขนาดนี้ แต่ตอนนี้หลี่ฮ่าวกลับแผ่รังสีความอาฆาตออกมา!
สุสาน…ว่างเปล่า!
เขาไม่ได้ขุดหลุมศพแต่เขาสัมผัสได้และเห็นความผิดปกติของมัน มีคนแตะต้องหลุมศพของพ่อแม่เขา เขาสัมผัสสิ่งใดภายใต้หลุมศพไม่ได้เลย ลำพังแค่แผ่พลังภายในออกจากตัว หลี่ฮ่าวยังพอจะทำได้บ้าง
แต่เมื่อเขาแผ่พลังภายในออกจากตัวกลับสัมผัสไม่ได้ว่าใต้หลุมศพมีอะไร เพราะมันว่างเปล่า
‘ชาดจันทรา!’
ชื่อนี้วาบเข้ามาในหัว
เขารู้ว่าหลุมศพของพ่อแม่ถูกคนขุดออกไป
หลังจากอุบัติเหตุ บางทีคนๆ นั้นอาจจะหลบซ่อนตัวเพื่อกลบเกลื่อนและอาจโดนขุดไปตั้งแต่วันที่ฝังศพแล้ว แต่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจและไม่มีความสามารถสืบเสาะอย่างในตอนนี้
กระทั่งวันนี้เขาถึงพบว่าหลุมศพอาจจะถูกขุดร่างไปตั้งแต่พ่อแม่เสียชีวิต แล้วศพอยู่ที่ไหนล่ะ
ยังต้องคิดอีกหรือ
ตอนเสี่ยวหย่วนตายถูกไฟครอกจนร่างมอดไหม้ แต่คุณพ่อในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดตระกูลหลี่ สายเลือดของเขาคงจะต่างออกไปสินะ
ชาดจันทราเก็บเลือดของคุณพ่อไปแล้ว…แต่เพราะจี้หยกกระบี่อยู่ที่ตนถึงจำเป็นต้องมาฆ่าตนอีกครั้งเพื่อเปิดผนึกกระบี่หรือเปล่านะ
‘เส้นแผนผังแปดทิศตอนนี้คนที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อก็คือเรา! แต่เมื่อก่อนเชื่อมไปที่คุณพ่อหรือเปล่านะ’
คำถามผุดขึ้นมาในหัวทีละคำถาม แต่ไม่นานก็อันตรธานหายไปจนเกลี้ยง
ไม่จำเป็นต้องรู้มากไป!
มันมีความหมายอะไรด้วยหรือ
สิ่งเดียวที่มีความหมายนั่นก็คือ…ฆ่าคนพวกนั้นซะ!
ทำอะไรอย่าทำเกินควร แต่หลังจากฆ่าแล้วยังขุดหลุมศพขโมยศพไปอีก…คนประเภทนี้สมควรตาย!
ไม่ใช่แค่พ่อแม่ หลี่ฮ่าวแอบสงสัยว่าหลุมศพของสายเลือดแปดตระกูลใหญ่อาจจะถูกขุดไปหมดด้วยซ้ำ
ทุกคนที่ตายไปอาจจะถูกขุดจนเกลี้ยง แม้กระทั่งอยู่ในสภาพโครงกระดูกก็ตาม
บางทีคงไม่ใช่แค่รุ่นนี้ แม้แต่ขั้นบรรพบุรุษอาจถูกขุดไปด้วย!
‘ในเมื่อรู้ความต่างของแปดตระกูลใหญ่ รู้ว่าต้องใช้สายเลือดของแปดตระกูลใหญ่ แถมยังรู้ว่ามีอาวุธของแปดตระกูลใหญ่…ฉะนั้นขุดหลุมศพก็เหมือนจะเป็นสิ่งจำเป็น!’
หลี่ฮ่าวสายตาเย็นยะเยือกขึ้นเรื่อยๆ!
เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องตามสืบเลย หลุมศพของพ่อแม่ว่างเปล่า คนอื่นๆ ก็คงไม่ต่างกันนัก
พวกเดรัจฉาน!
ขณะที่เดินลงจากเขาไปเรื่อยๆ หลี่ฮ่าวก็เลี้ยวไปยังจุดดูแลสุสาน
จุดดูแลมีคุณลุงคนหนึ่งกำลังนั่งสัปหงกอยู่
“คุณลุง!”
หลี่ฮ่าวอ้าปากเรียกคุณลุง
คุณลุงลืมตาขึ้นอย่างสะลืมสะลือ พอเห็นหลี่ฮ่าวก็สะดุ้งตกใจและไม่นานก็กลับมาปกติ “กลางวันแสกๆ อย่ามาหลอกคนให้ตกใจสิ!”
หลี่ฮ่าวยิ้ม “ขอโทษครับๆ…คืองี้ คุณลุง ผมเป็นลูกของสุสานหมายเลข 118 บนเขา เมื่อกี้ผมขึ้นไปไหว้พ่อแม่ผม แต่เห็นว่ารูปป้ายหลุมศพไม่รู้ถูกใครทำลาย…”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”
คุณลุงทำท่าเหนือคาด “ไม่มีใครไปบนเขานะ…หรือว่าเสียหายเพราะฝนตกหนักหรือเปล่า”
“งั้นผมก็ไม่รู้แล้วครับ”
หลี่ฮ่าวส่ายหน้า “คุณลุง ผมไม่ได้มาเอาผิด รูปป้ายหลุมถูกทำลาย ในฐานะที่ผมเป็นลูกชายย่อมรู้สึกแย่มากเป็นธรรมดา…คุณลุง ช่วงนี้ผมค่อนข้างยุ่งไม่มีเวลามาซ่อมมัน ถ้าคุณลุงไม่ว่าอะไรช่วยเรียกคนมาซ่อมให้ผมที ไว้ผมจะเอารูปมาให้คุณลุงอีกทีนะครับ…”
ว่าแล้วหลี่ฮ่าวก็ล้วงเงินหยิบเหรียญดาราออกมาให้
ขณะที่ยื่นให้คุณลุง หลี่ฮ่าวก็ยิ้มเอ่ยว่า “นี่คือค่าจ้าง ถ้าไม่พอคุณลุงก็ให้คนไปหาผมที่กองตรวจการณ์ ผมคือหลี่ฮ่าวของกองตรวจการณ์ครับ!”
คุณลุงเห็นชุดเครื่องแบบของเขาเช่นกันเลยรีบส่ายหน้า “พอแล้วๆ! มันเป็นหน้าที่อยู่แล้ว รอเธอเอารูปมาฉันจะเรียกคนไปซ่อมให้เธอทันที”
“ขอบคุณครับ!”
หลี่ฮ่าวพูดขอบคุณคำหนึ่งแล้วเอ่ยถามอีกว่า “แล้วก็ตรงกลางเขา ป้ายหลุมศพหมายเลข 1125 คือเพื่อนผม เขาไม่มีญาติพี่น้อง ผมเห็นว่าหน้าหลุมมีดอกไม้สดวางอยู่ ใครมาไหว้หรือครับ”
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้เท่าไรแฮะ”
คุณลุงตอบหน้าเจื่อน “เธอก็รู้ว่าเราแค่รับผิดชอบงานดูแลเบื้องต้น ส่วนเรื่องที่ใครไปไหว้หรือไหว้หลุมไหน…สุสานไม่เหมือนเขตหมู่บ้าน เรื่องนี้เราจะถามมากก็ไม่ดี คนเดินเข้าออกก็ไม่น้อยเลยพูดยากจริงๆ ว่าใครจะเป็นคนไปไหว้”
หลี่ฮ่าวพยักหน้าเบาๆ ยิ้มตอบ “ไม่เป็นไร ผมแค่สงสัย คิดว่าญาติเพื่อนผมคนไหนกลับมาหรือเปล่า…ถ้าไม่รู้ก็ช่างเถอะครับ”
ว่าแล้วหลี่ฮ่าวก็ขอบคุณอีกครั้งแล้วหมุนตัวเดินจากไป
เมื่อกี้อารมณ์ขึ้นไปหน่อยเลยเผลอทำลายรูปภาพไปด้วย
คนธรรมดาอย่างตนไม่ได้ขุดหลุมศพสักหน่อย อยู่ดีๆ จะไปทำลายป้ายหลุมศพทำไมกัน
หลี่ฮ่าวข่มอารมณ์โกรธและความอาฆาตไว้ในใจ
ความโกรธความไม่พอใจไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น มีแต่จะทำให้ศัตรูรู้เบื้องลึกของคุณมากขึ้น หวังว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจเรื่องนี้นัก
‘สักวันจะฆ่าให้หมดไม่เหลือสักชีวิตเลย!’
หลี่ฮ่าวก่นด่าในใจนับครั้งไม่ถ้วน รอดูเถอะ
……
จากนั้นก็รีบสับขาเดินไปทางกองตรวจการณ์อีกครั้ง
หลี่ฮ่าวพยายามปรับอารมณ์เพราะไม่อยากให้เรื่องนี้มากวนใจ พอในใจคิดเช่นนั้น ใบหน้าก็เริ่มสงบลงช้าๆ แต่ไฟในใจยังปะทุขึ้นไม่หยุด กระทั่งพร้อมจะแผดเผาทุกคนอยู่ทุกเมื่อ
ศพของพ่อแม่หายไป ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรย่อมรู้ดี
ถูกเผาไปแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็ถือว่าเผาศพ…แต่อีกฝ่ายใช้วิธีเผาศพทั่วไปหรือเปล่าล่ะ
ต้องเก็บเลือดของคุณพ่อไปแล้วแน่ๆ!
ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห ไฟคุกรุ่นก็ยิ่งลุกโชนขึ้นเรื่อยๆ!
ลุกโชนจนหลี่ฮ่าวรู้สึกเหมือนกลอนล็อกพลังเหนือธรรมชาติของตนปรากฏ เขาถึงระงับไฟกองนั้นไว้ได้โดยไม่แสดงออกมาให้เห็น
……
เพิ่งกลับมาถึงกองตรวจการณ์ หลี่ฮ่าวก็เจอคนคุ้นหน้าคนหนึ่ง
ดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังรอเขาอยู่
หวังหมิง!
หลี่ฮ่าวส่งยิ้มจอมปลอมไปให้ เขายืนห่างไม่กี่ก้าวจึงเป็นฝ่ายสาวเท้าเข้าไปหา “ผู้กำกับหวัง!”
“อย่าเลย!”
หวังหมิงทำท่าเคอะเขินเล็กน้อย ฟังดูแปลกๆ นิดหน่อย เขามองหลี่ฮ่าวแวบหนึ่งพลันเอ่ยปากว่า “เรียกชื่อผมเถอะ!”
“อย่างนั้นไม่ดีหรอก!”
หลี่ฮ่าวยิ้มกล่าว “ผู้กำกับเป็นหนุ่มมากความสามารถของผู้พิทักษ์รัตติกาล ผมได้ยินอาจารย์ผมบอกมาว่าผู้กำกับความสามารถไม่ธรรมดา ไม่ด้อยไปกว่าหัวหน้าทีมของผมเลย ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่ควรเรียกชื่อโต้งๆ สักนิด!”
หวังหมิงทำท่าเก้ๆ กังๆ เล็กน้อยแล้วถามหยั่งเชิงว่า “เอ่อ…ผู้เฒ่า…ผู้เฒ่าหยวนบอกอะไรกับคุณบ้างหรือเปล่า”
อย่างเช่นเขารับศิษย์ในนามไปไม่กี่คนอะไรทำนองนั้น
…………………………………………………………………………………..