ตอนที่ 48 มังกรอำพราง (3)
หลี่ฮ่าวทำหน้าซื่อ “อ้อ มีๆ อาจารย์ผมบอกว่าผู้กำกับหวังเป็นอัจฉริยะ สักวันคงเอาชนะเขาได้…”
หวังหมิงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก!
เอาเถอะ เห็นทีหยวนซั่วจะไม่ได้บอก ถ้าอย่างนั้นก็ดี ไม่อย่างนั้นต้องอึดอัดแน่ๆ
เขาเรียกหลี่ฮ่าวว่าศิษย์พี่หรือ
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยเรียกว่าพี่ฮ่าวแล้ว แต่ตอนนั้นเขารู้ว่าตนกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่จึงไม่ได้รู้สึกแปลกเท่าไร แต่ตอนนี้…กลับรู้สึกแปลกจริงๆ เขาไม่อยากเรียกคนนี้ว่าศิษย์พี่เลย
หวังหมิงก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก รีบพูดขึ้นว่า “ผมไปก่อนนะ!”
หลี่ฮ่าวพยักหน้า “สมควรแล้ว เมืองหยินเป็นแค่เมืองเล็กๆ คนอย่างผู้กำกับไม่ควรอยู่นานกว่านี้!”
หวังหมิงทำท่าอึกอักจะพูดแต่ก็ไม่พูด ครุ่นคิดสักพักก็กล่าวว่า “คุณก็รู้เรื่องผู้พิทักษ์รัตติกาล รู้เรื่องพลังเหนือธรรมชาติแล้ว! ครั้งนี้ศาสตราจารย์หยวนได้รับพลังลี้ลับไปมาก คุณเป็นลูกศิษย์ของเขา ผมคิดว่าคุณน่าจะลองขอสักหน่อย จะได้ก้าวสู่ขอบเขตพลังเหนือธรรมชาติในเร็ววัน!”
หวังหมิงทำหน้าจริงจังขึ้นไม่น้อย “เรื่องแปดตระกูลใหญ่ของเมืองหยินยังไม่จบหรอก! ชาดจันทราทุ่มเทขนาดนี้ วางแผนมาหลายปีสุดท้ายกลับไม่สำเร็จ คุณยังเป็นเป้าหมายที่พวกเขาต้องการเอาชีวิตอยู่ดี! ในฐานะที่คุณเป็นผู้สืบทอดแปดตระกูลใหญ่เพียงหนึ่งเดียว ผมว่าพวกเขาคงไม่ยอมรามือง่ายๆ แน่นอน!”
“ความจริงไม่ควรอยู่ที่เมืองหยินต่อไป ในเมื่อที่นี่ห่างไกลเกินไป ต่อให้เป็นศาตราจารย์หยวนก็ไม่มีทางอยู่ที่นี่ตลอดไปได้ ก่อนหน้านี้ยังพอไหว แต่ตอนนี้เขาก้าวสู่ลำดับพันยุทธ์แล้ว ถ้าอยู่ที่นี่ต่อไปเกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดี”
หลี่ฮ่าวพยักหน้า ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ผมรู้ แต่ว่า…”
“คุณไปพัฒนาต่อที่เมืองไป๋เยวี่ย ผมคิดว่าจากความสามารถของอาจารย์คุณน่าจะขอตำแหน่งผู้พิทักษ์รัตติกาลให้คุณได้ ผู้พิทักษ์รัตติกาลใช่ว่าจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทุกคน เรามีแผนกดูแลความเรียบร้อย คอยจัดการเอกสารข้อมูลบางส่วน งานฝ่ายนี้มีตำแหน่งที่เหมาะกับคุณเยอะมาก”
“ไหนคุณจะเป็นเกิดมาในครอบครัวที่ดี เริ่มต้นทำงานที่กองตรวจการณ์ ครั้งนี้ผมได้ยินมาว่าเบื้องบนเลื่อนตำแหน่งให้คุณด้วย อาจจะเป็นผู้บังคับการตรวจตรา…แต่ต่อให้ไปเป็นผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วถูกลดตำแหน่ง คุณก็ยังเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับหนึ่ง…นับว่าตำแหน่งงานก็ดีไม่หยอกเลยนะ”
ตอนนี้หวังหมิงกลับให้คำแนะนำบางส่วน พูดต่ออีกว่า “คุณไปเมืองไป๋เยวี่ยอาจจะไม่คุ้นเคยเท่าไร ทำตัวไม่ถูก…แต่คนเราต้องพัฒนาขึ้น คุณยังอายุน้อยค่อยๆ ปรับตัวไปก็ได้! ยังไงซะเราก็เคยร่วมงานกันมาก่อน และเคยร่วมต่อสู้มาด้วยกัน ไปที่นั่นถ้าลำบากตรงไหนก็มาหาผมได้เหมือนกัน…แน่นอนว่าผมเป็นแค่ผู้พิทักษ์รัตติกาลตัวเล็กๆ อาจช่วยอะไรคุณไม่ได้มากนักหรอก”
เขาพูดทิ้งท้ายสื่อความหมายประมาณว่าเรื่องเล็กมาหาฉันได้ แต่เรื่องใหญ่อย่ามาหาฉันเชียวนะ
จากนั้นก็พูดเสริมไปอีก “แล้วก็หลี่เมิ่ง หูฮ่าว ถ้าคุณลำบากอะไรก็ไปหาพวกเขาได้เหมือนกัน พวกเขาสองคนเป็นคนมีน้ำใจ ผมคิดว่าคงไม่ปฏิเสธเหมือนกัน”
หลี่ฮ่าวแอบข้องใจและรู้สึกคาดไม่ถึง พูดดีด้วยขนาดนี้เลยหรือ
มีเรื่องอะไรที่ตนยังไม่รู้หรือเปล่านะ
อย่างไรเสียก็คิดว่าต้องมีส่วนเอี่ยวกับอาจารย์ของตนแน่นอน ไม่อย่างนั้นผู้พิทักษ์รัตติกาลอย่างหวังหมิงไม่จำเป็นต้องมาพล่ามอะไรกับคนทั่วไปอย่างตนมากหรอก
หลี่ฮ่าวคิดก็ส่วนคิด แต่ก็ขอบคุณไปอย่างไว “ขอบคุณผู้กำกับหวังด้วย!”
“อย่าเรียกอย่างนี้เลย…ช่างเถอะ ตามใจคุณแล้วกัน!”
หวังหมิงรอหลี่ฮ่าวไม่ใช่เพื่อคุยเรื่องพวกนี้อย่างเดียว ไม่นานก็พูดเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า “ถ้าคุณกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่เมืองไป๋เยวี่ยได้จะดีที่สุด! ถ้าอยู่เมืองหยินแล้วไม่สามารถกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ…ผมอาจจะช่วยหาทางสร้างโอกาสดึงพลังเข้าสู่ร่างกายให้คุณได้!”
หลี่ฮ่าวทำหน้าสงสัย “ดึงพลังเข้าสู่กายเหรอ ทีมล่าปีศาจของเราก็ทำได้…”
“เหลวไหล!”
หวังหมิงด่ากลับทันที “ที่พวกคุณทำเหมือนเล่นพ่อแม่ลูก ล้อเล่นกันมากกว่า! พวกหลิวหลงเคยดึงพลังเข้าสู่ร่างกายไปหนึ่งครั้งแล้ว ถ้าทำอีกย่อมไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณไม่เหมือนกัน คุณไม่เคยดึงพลังเข้าสู่ร่างกายมาก่อน มันต่างจากผู้พิทักษ์รัตติกาล เพราะไม่ใช่แค่ดูดซับพลังลี้ลับอย่างเดียว แต่ยังมีขั้นตอนอื่นๆ ที่จะช่วยให้เลื่อนขั้นง่ายขึ้นกว่าเดิม”
“มิเช่นนั้นทำไมพวกคนรวยถึงไม่ยอมเสียเงินซื้อพลังลี้ลับทั้งๆ ที่ใช่ว่าจะหาซื้อไม่ได้ แต่เลือกที่จะแข่งกันเอาโควต้าผู้พิทักษ์รัตติกาลกันล่ะ”
หลี่ฮ่าวคิดแล้วก็เหมือนอีกฝ่ายจะพูดถูก
ส่วนความต่างระหว่างนี้เขาก็ไม่ได้ถาม แค่ยิ้มตอบกลับไปว่า “งั้นก็ขอบคุณผู้กำกับด้วย แต่แค่ฟังก็รู้แล้วว่ารายชื่อนี้ต้องมีค่ามากแน่ๆ…ช่างเถอะ ผมไม่ขอเปลืองโควต้าพวกนี้แต่ขอลองเองก่อนแล้วกัน! ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็เหมือนอาจารย์ เดินตามสายปรมาจารย์นักรบ ผมคิดว่าผมคงอยู่ไม่ไกลจากขอบเขตสิบสังหารแล้ว”
หวังหมิงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “คุณยังไม่เข้าใจและยังเห็นโลกน้อยเกินไป! ปรมาจารย์นักรบแข็งแกร่งก็จริง ถ้าไปถึงระดับศาสตราจารย์หยวนก็ถือว่าแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ…แต่คุณจะตีกรอบคุณไว้แค่นี้ไม่ได้ คุณต้องรู้ว่าพลังเหนือธรรมชาติเพิ่งพัฒนาได้ยี่สิบปี ตอนนี้ก็มีระดับเหนือกว่าไตรสุริยาแล้ว และหากยังพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ ขีดจำกัดในอนาคตอยู่ที่ไหน ใครก็พูดไม่ถูก! แต่ปรมาจารย์นักรบ…กลับมีขีดจำกัด!”
หลี่ฮ่าวหยักหน้ารับ เรื่องพวกนี้เขารู้ อาจารย์ก็เคยบอกแล้ว
แต่เขาไม่คิดอะไรมาก
อาจารย์บอกว่าทางที่ดีอย่าเพิ่งพยายามลองจะเลื่อนขั้นแต่ให้ฝึกวิชายุทธ์ก่อน งั้นก็เชื่อฟังตามที่อาจารย์ว่าแล้วกัน
อย่างน้อยหลี่ฮ่าวก็รู้อย่างหนึ่งว่าอาจารย์ไม่มีทางบอกแบบนี้อย่างไร้เหตุผล เพราะต้องมีเหตุผลของเขาแน่ๆ
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ไม่จำเป็นต้องบอกหวังหมิง
หวังหมิงพูดเยอะขนาดนี้ก็ถือว่ามีน้ำใจมากพอแล้ว ถึงขั้นบอกว่าจะขอโควต้าให้ตนอีกต่างหาก หลี่ฮ่าวเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง “ขอบคุณผู้กำกับหวัง! ผมจำขึ้นใจแล้ว ถ้าไม่ได้จริงๆ ถึงตอนนั้นผมค่อยบากหน้าไปหาถึงที่!”
“ตามใจคุณแล้วกัน!”
หวังหมิงเห็นว่าเขาเหมือนจะไม่อยากไปจากเมืองหยินก็คร้านจะเกลี้ยกล่อมต่อ โบกมือไปมากล่าว “ผมจะกลับไปวันนี้แล้ว! สุดท้ายก็ขอพูดอีกประโยคว่าเมืองหยินเล็กเกินไปจริงๆ ประชากรล้านคน…เมืองไป๋เยวี่ยลำพังแค่จำนวนประชากรก็สามสิบล้านแล้ว! คนที่อยู่ระดับทะลวงร้อยอย่างหัวหน้าหลิวอาจจะมีน้อยจนนับได้ที่เมืองหยิน แต่ที่เมืองไป๋เยวี่ยกลับเห็นได้ทั่วไป! ไม่ว่าจะด้วยโอกาส เวลาอันเหมาะสม สมบัติ ตำรา เคล็ดวิชาลับ ล้วนไปไกลกว่าทางนี้ทุกอย่าง!”
“อืม ผมรู้! ขอบคุณนะ!”
หลี่ฮ่าวก็โบกมือตอบกลับแล้วยืนส่งหวังหมิงจนจากไป
ผู้พิทักษ์รัตติกาลผู้นี้มาเยือนเมืองหยินในครั้งนี้จนทำภารกิจเสร็จสิ้น ดูท่าทางจะได้ผลเก็บเกี่ยวไปไม่น้อย
เขาไปแล้ว คิดว่าเฮ่อเหลียนชวนก็ใกล้จะไปแล้วสิท่า
หรือกลับไปแล้วกันนะ!
พอคิดถึงเรื่องนี้ อยู่ดีๆ หลี่ฮ่าวก็เลือกหันหลังเดินไปทางกู่ย่วน เขาชวนอาจารย์ไปจัดการเงาโลหิตก่อน ส่วนทำไมถึงเรียกอาจารย์ไปด้วยนั้น…หลี่ฮ่าวเอากระบี่จิ้มเงาโลหิต เงาโลหิตก็จะเปิดเผยรูปร่างที่แท้จริงให้เห็น ถ้าอาจารย์ไม่อยู่แล้วเงาโลหิตเกิดโจมตีตนขึ้นมาจะทำอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าถูกใครพบเห็นเข้าจะทำอย่างไร
หากมีอาจารย์อยู่ ไม่แน่อาจจะช่วยสังเกตการณ์ไปด้วยได้ ดูว่าเงาโลหิตประกอบจากอะไรบ้าง เอาเป็นว่าหลี่ฮ่าวไม่คิดจะปิดบังว่าตนสามารถมองเห็นเงาโลหิตได้อยู่แล้ว ส่วนอาจารย์เองก็เดาได้ตั้งนานแล้วแต่คร้านจะแฉก็เท่านั้น
…………………………………………………………………………………..