ตอนที่ 50 เห่อตำแหน่งใหม่ (2)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 50 เห่อตำแหน่งใหม่ (2)

การตกแต่งบ้านไม่ได้ดูใหม่ทั้งหมด ดูทรงน่าจะมีคนเคยอยู่มาก่อน แบบนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะหลี่ฮ่าวไม่ต้องทำอะไรหรือตกแต่งอะไรเพิ่มอีก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีเงินอยู่แล้ว

สิ่งที่ควรมีก็มีครบครัน ส่วนสิ่งที่หลี่ฮ่าวต้องทำก็ง่ายมาก เขาแค่เอาเสื้อผ้ามาใช้ผลัดเปลี่ยนไม่กี่ชุดก็พอแล้ว

ยิ่งดู เขาก็ยิ่งชอบ

เขายังไม่ถึงขั้นพวกหลิวเยี่ยนจึงยังมีความต้องการในเรื่องสิ่งของอยู่บ้าง หมู่บ้านก่อนหน้านี้แค่เขาปล่อยกระบวนหมัดสักท่าก็โดนด่าแล้ว หลี่ฮ่าวเองก็รู้สึกแย่เหมือนกัน

ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว!

ลานหน้าบ้านและหลังบ้านใหญ่จนน่าตกใจ พันกว่าตารางเมตร ทำอะไรได้ตามใจชอบสักที!

เวลานี้หลิวเยี่ยนนอนอยู่บนโซฟาชั้นหนึ่ง พอเห็นหลี่ฮ่าวลงมาจากข้างบนก็เอ่ยพลางยิ้มสดใสว่า “บ้านหลังใหญ่มาก กลางคืนคงเหงา อยู่คนเดียวกลัวไหม ให้พี่สาวมานอนด้วยเป็นไง”

“……”

หลี่ฮ่าวมองซ้ายทีขวาทีด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “พี่ พี่ว่าผมจัดงานฉลองขึ้นบ้านใหม่อะไรหน่อยดีไหมครับ”

“เอาตามนายว่าเลย!”

หลิวเยี่ยนเผยสีหน้าไม่พอใจ เจ้าเด็กนี่กล้าเมินใส่อย่างนั้นเหรอ

หลี่ฮ่าวยิ้มพออกพอใจและไม่ได้ถกประเด็นเรื่องไร้สาระเหล่านั้นด้วย เอ่ยต่อขึ้นว่า “พี่ครับ ครั้งนี้เบื้องบนส่งผู้พิทักษ์รัตติกาลมาด้วยสามคน อีกทั้งอยู่ในขั้นจันทราทมิฬกันทั้งนั้น หากลองๆ คำนวณดูแล้วทีมของพวกเรามีทะลวงร้อยและจันทราทมิฬตั้ง 6 คนแหนะ”

ยังไม่รวมเขาอีกต่างหาก

หากนับเขาเข้าไปด้วย ทั้งหมดก็จะมี 7 คน

ความจริงศักยภาพเช่นนี้ไม่ธรรมดาเลย

ตอนนี้ในมณฑลหยินเยวี่ยถือว่าเมืองหยินเป็นหน่วยสาขาย่อยแห่งที่สิบ นอกจากขาดขั้นสุริยะพรายแล้ว เมืองหยินกลับมีขั้นทะลวงร้อยและจันทราทมิฬถึง 7 คน ซึ่งนับว่าไม่ด้อยไปกว่าเมืองอื่นๆ ด้วยซ้ำ

“อืม พอได้แหละ!”

หลิวเยี่ยนเองก็ไม่ได้มีแรงกดดันอะไรอีก เธอเลื่อนขั้นเป็นทะลวงร้อยแล้ว ไม่เช่นนั้นคงรู้สึกกดดันอยู่บ้างจริงๆ

“หากรวมพวกเราเข้าไปด้วยก็เก้าคน หาอีกสักคนก็เกือบครบตามเงื่อนไขขั้นพื้นฐานแล้ว”

หลิวเยี่ยนเอ่ยต่อ “ความหมายของลูกพี่ก็คือฉันเป็นหัวหน้าทีมปฏิบัติการ ส่วนสามคนที่เบื้องบนส่งมา นอกจากรองหัวหน้าคนนั้น คนที่เหลืออีกสองคนก็จะเข้าทีมปฏิบัติการด้วย หากไม่มีความสามารถถึงขั้นทะลวงร้อยคงข่มพวกเขาไม่ได้แน่นอน!”

“ทางฝั่งทีมปฏิบัติการ ลูกพี่อยากจัดเป็นกลุ่มเล็กๆ 5 คน อู๋เชา เฉินเจียน เป็นสายสืบคนหนึ่ง เป็นเกราะกำบังคนหนึ่ง ฉันเป็นฝ่ายรุก ส่วนผู้มีพลังเหนือธรรมชาติสองคนนั้นรอดูความสามารถก่อนค่อยแบ่งแล้วกัน”

ทีม 5 คน ถือว่าครบตามเงื่อนไขขั้นพื้นฐานบ้างแล้ว

หากคนมากเกินไปก็ต้องมีพลังสั่งการที่แข็งแกร่งกว่า ซึ่งหลิวเยี่ยนยังจัดการไม่ได้

หลี่ฮ่าวเอ่ยถามอย่างข้องใจ “งั้นผมละครับ”

“พวกนายก็เป็นข้าราชการไปสิ!”

หลิวเยี่ยนฉีกยิ้ม “หัวหน้าหนึ่งคน รองหัวหน้าสองคน วันหลังพวกนายสามคนก็จะได้นั่งดื่มชาอ่านหนังสือพิมพ์รอฟังรายงายเฉยๆ แล้ว! ทำไมเหรอ ฉันคาดหวังจะให้คนนั่งทำงานในกองตรวจการณ์อย่างพวกนายมาเป็นทัพแนวหน้าได้ด้วยเหรอ”

หลี่ฮ่าวหมดคำพูด แต่ก่อนหน้านี้หลิวหลงเป็นหัวหน้านะ

ครั้นหลิวเยี่ยนเห็นเขาเงียบไป ไม่นานก็เอ่ยยิ้มๆ “ล้อเล่นน่า ในเวลาปกติพวกนายไม่จำเป็นต้องออกภารกิจพร้อมกับพวกฉัน หากเจอเรื่องอันตรายย่อมต้องลุยด้วยกันอยู่แล้ว! ความหมายของลูกพี่ก็คือนายดูแลพวกงานเอกสารโดยรวมก่อน พอคนในทีมมากขึ้นเลยต้องจัดทำโครงสร้างที่เป็นทางการขึ้น อีกทั้งจำเป็นต้องจัดการเอกสารบางส่วนและจัดเก็บเอกสารแบ่งเป็นหมวดหมู่…รวมถึงรายงานสถานการณ์ที่ได้รับ วันหลังงานพวกนี้จะให้นายเป็นคนจัดการไป”

“แล้วก็เรื่องผลงาน ภารกิจ การจัดสรร ทรัพยากรสำรอง โกดังเก็บของ สิ่งเหล่านี้ต้องการให้นายมาวิเคราะห์ทำสถิติ นายจะยุ่งมากเลยล่ะ!”

งานเบื้องหลังไม่ได้สบายขนาดนั้น

เพียงแต่ความปลอดภัยจะสูงกว่าหน่อย

เมื่อก่อนเพราะเป็นคนกันเอง เรื่องผลงานและภารกิจเลยให้หลิวหลงเป็นคนจัดสรรปันส่วน แต่หากเข้าหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้วก็ควรทำตามกฎระเบียบ เพราะบางทีอาจทำให้คนนอกที่เพิ่งมาใหม่ไม่พอใจได้ ดังนั้นเรื่องนี้ต้องให้หลี่ฮ่าวเป็นคนจัดการ

หลี่ฮ่าวได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พูดอะไร งานเบื้องหลังก็งานเบื้องหลัง ความจริงเขาก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว

หลายวันมานี้หลี่ฮ่าวเองก็กำลังจัดเก็บเอกสารอยู่…ซึ่งเป็นเอกสารของหยวนซั่ว แถมเป็นเอกสารที่อ่านไม่เข้าใจโดยต้องบรรจุเก็บไว้ในสมองอีกต่างหาก หลี่ฮ่าวรู้สึกว่าตอนนี้สมองของตัวเองด้านชาเต็มทีแล้ว

แต่ทุกๆ วันอาจารย์จะให้เขาท่องจำหลายสิ่งหลายอย่างเต็มไปหมด เขาเองก็จนใจเลยทำได้แค่ฝืนท่องไปอย่างนั้น

ถ้าต้องออกภารกิจข้างนอกด้วย หลี่ฮ่าวรับไม่ไหวแน่นอน

เวลานี้หลิวเยี่ยนลุกขึ้นยืน “ดูเสร็จแล้วก็กลับกันเถอะ! ตอนสายๆ มีเอกสารเข้ามาแล้ว ประสิทธิภาพการทำงานของผู้พิทักษ์รัตติกาลถือว่าเร็วใช้ได้เลย ตอนบ่ายคนพวกนั้นก็น่าจะมาถึงแล้ว พวกเราต้องไปต้อนรับเขาหน่อย ส่วนเรื่องคำสั่งอย่างเป็นทางการของนายเองก็น่าจะมาถึงตอนบ่ายวันนี้เช่นกัน”

หลี่ฮ่าวพยักหน้า จากนั้นพวกเขาสองคนก็เดินออกประตูไป

หลี่ฮ่าวไม่มีรถ ถึงแม้บอกว่ารถของโจวเฮ่อจะแบ่งให้เขาแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังจอดอยู่ที่กองตรวจการณ์

ทว่าหลิวเยี่ยนมีรถ…แต่เป็นของกองตรวจการณ์

ส่วนเรื่องที่ว่ามีเป็นของตัวเองไหม…หลี่ฮ่าวก็ไม่รู้เหมือนกัน

ออกประตูมา รถจอดอยู่ตรงปากประตูทางเข้า พวกเขาไม่ได้ขับเข้าไปทั้งๆ ที่ความจริงก็ขับเข้าไปได้

สภาพแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงแถวนี้ดีไม่หยอก ใช่ว่าบ้านละแวกนั้นจะอยู่เพียงครัวเรือนเดียวแต่มีบ้านหลังอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ระยะห่างอยู่ไกลกันพอสมควร บ้านที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ห่างออกไปสองสามร้อยเมตรแล้วเพราะต้องการให้สภาพแวดล้อมมีความเป็นส่วนตัวกับผู้พักอาศัยให้มากที่สุด

ขณะที่หลี่ฮ่าวกับหลิวเยี่ยนกำลังจะขึ้นรถ รถคันเล็กสีดำเงาคันหนึ่งก็จอดลงตรงหน้าพวกเขา

กระจกรถถูกเปิดออก จากนั้นก็มีคนคนหนึ่งโผล่ศีรษะออกมาจากรถพร้อมรอยยิ้มแต้มใบหน้า “รองหัวหน้าหลิว! บังเอิญจริงๆ ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอกันที่นี่ด้วย”

เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดูจากอายุแล้วยังไม่มากนักราวๆ 30 กว่าได้ หน้าตาดูดีกิริยามารยาทงดงามเหลือเกิน

หลี่ฮ่าวไม่รู้จักจึงเหลือบมองหลิวเยี่ยนแวบหนึ่ง

หลิวเยี่ยนเองก็คลี่ยิ้ม หลี่ฮ่าวผงะไป เพราะรอยยิ้มนี้…ช่างสดใสเปล่งประกายมากจริงๆ

ไม่รอให้หลี่ฮ่าวเอ่ยถาม หลิวเยี่ยนก็เดินมุ่งหน้าไปทางนั้นพร้อมรอยยิ้มเปล่งประกายบนใบหน้า หลี่ฮ่าวทำได้แค่เดินตามไป ความจริงเขารู้สึกตงิดใจอยู่บ้าง หล่อนจะกระตือรือร้นอะไรขนาดนั้นเชียว

เขาไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับหลิวเยี่ยน เพียงแต่เขาเป็นผู้ชาย คุณทำดีกับผมได้ แต่หากทำดีกับคนอื่นด้วยแบบนี้…เขาก็ชักไม่ชอบใจขึ้นมาแล้ว

ขณะที่เขากำลังขบคิดอยู่นั้น หลิวเยี่ยนก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากด้านหลัง วินาทีต่อมากุญแจข้อมือก็ถูกคล้องเข้ากับข้อมือที่ยื่นออกมาของอีกฝ่าย ฉับพลันรอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป “คุณสะกดรอยตามฉัน!”

“หลิวเยี่ยน คุณ…”

ชายคนนั้นแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดใส่ “ผมอยู่ที่นี่ต่างหาก แค่เผอิญเจอกันเท่านั้น คุณทำอะไรของคุณ”

“คุณสะกดรอยตามฉัน!”

ทว่าหลิวเยี่ยนกลับเผยสีหน้าเย็นยะเยือก “บังเอิญขนาดนั้นเชียว เผอิญเจอกันอย่างนั้นเหรอ ตอนนี้ฉันกำลังสงสัยว่าคุณมีการติดต่อกับพวกองค์กรผิดกฎหมาย ไปกองตรวจการณ์กับฉัน ด้วยสถานะของคุณแล้วคงน่าจะรู้ว่าหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลสาขาย่อยใกล้จัดตั้งขึ้นแล้ว ดังนั้นฉันจึงมีสิทธิ์ข้องใจ ตอนนี้เพื่อตามสืบความเคลื่อนไหวของผู้พิทักษ์รัตติกาลถึงขั้นกล้าสะกดรอยตามผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้ว ครั้งนี้คุณตายแน่!”

“หลิวเยี่ยน คุณใส่ร้ายผมแล้ว!”

ผู้ชายคนนั้นคำรามด้วยความโมโห “คุณอย่ามาใช้ลูกไม้นี้กับผมนะ หลิวเยี่ยน ผมบอกแล้วไงว่าแค่บังเอิญ…”

หลิวเยี่ยนแค่นเสียงเย็นชาใส่ “ใช่หรือไม่เข้าไปที่หน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลก่อนค่อยว่ากัน! ถ้าคุณรอดมาได้ค่อยมาคุยกับฉัน หลี่ฮ่าว มานี่ มาจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยไปไต่สวนที่หน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลที!”

หลี่ฮ่าวเองก็ฉงนไม่น้อย ความคิดเมื่อครู่หายวับไปจนเกลี้ยง

ส่วนความคิดเดียวในเวลานี้ก็คือต้องขนาดนี้เลยเหรอ

แค่ขู่ให้กลัวก็พอแล้ว เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังตามจีบหลิวเยี่ยนแต่หลิวเยี่ยนดูไม่ชอบใจนัก แต่หากส่งตัวไปที่กองตรวจการณ์จริงๆ ก็เหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรมั้ง

คิดไปคิดมา สุดท้ายเขาก็รุดหน้าขึ้นไปคว้ากุญแจมือไว้อย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยเสียงขรึม “ลงรถ!”

“นายกล้าเหรอ!”

ผู้ชายคนนั้นเกรี้ยวโกรธจ้องหลี่ฮ่าวตาเขม็ง ความสง่างามเมื่อครู่มลายหายไปจนสิ้น

หากถูกหลิวเยี่ยนจับในข้อหาตามสืบความเคลื่อนไหวของผู้พิทักษ์รัตติกาลจริงๆ ต่อให้เขาไม่ตายก็หนักเอาเรื่องเหมือนกัน

“หลิวเยี่ยน คุณอย่าทำเกินไปกว่าเหตุนักเลย…”

“คุณลองปากแข็งอีกครั้งดูสิ”

หลิวเยี่ยนเผยสีหน้าเย็นยะเยือก “ถ้ายังปากแข็งอีก ฉันจะถือว่าคุณขัดขืนการปฏิบัติภารกิจแล้วฆ่าทิ้งซะ”

ผู้ชายคนนั้นปิดปากทันที คนฉลาดต้องรู้จักดูสถานการณ์ เขาข่มอารมณ์โกรธไว้กัดฟันเอ่ย “ได้ ผมผิดไปแล้ว! ผมไม่ได้มาสอดแนมพวกคุณ ผมแค่ผ่านมาเท่านั้น บ้านของผมอยู่ตรงหน้านี้เองคุณก็รู้ อีกอย่างสาขาย่อยของผู้พิทักษ์รัตติกาลก็ยังไม่ได้จัดตั้งขึ้นสักหน่อยจะให้ผมมาสอดแนมเรื่องอะไรล่ะ!”

“คุณดูเอาเถอะ เพิ่งประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาคุณก็รู้หมดแล้ว ถ้าคุณไม่ได้สอดแนมแล้วมาทำอะไร”

เวลานี้ผู้ชายคนนั้นปิดปากแน่นไม่พูดอะไรสักอย่าง

หากพูดต่อไปกลับไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นเลย

หลิวเยี่ยนยิ้มเยาะทีหนึ่งเอ่ยเสียงเรียบ “หลี่ฮ่าว ปลดกุญแจมือให้เขาแล้วจับตามองเจ้าหมอนี่ไว้ให้ดี หากวันหน้ากระทำการอุกอาจเช่นนี้อีกก็ปลิดชีวิตได้เลย!”

“รับทราบครับ!”

หลี่ฮ่าวขานรับแล้วช่วยไขกุญแจมือออกให้ ไม่นานก็เดินตามหลิวเยี่ยนขึ้นรถของกองตรวจการณ์ไป ส่วนผู้ชายคนนั้น พอมองจากกระจกหลัง เวลานี้กลับเห็นเขากำลังเผยสีหน้าเกรี้ยวโกรธออกมาพลางจับจ้องพวกเขาตาเขม็ง

……

บนรถ

หลี่ฮ่าวเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “พี่ครับ คนเมื่อกี้ใครเหรอครับ”

“เฉียวเผิง!”

หลิวเยี่ยนขับรถพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ “เขาอยู่เลยบ้านนายขึ้นไปอีก จับตาดูเขาไว้ให้ดี! เจ้าหมอนี่ยังมีอีกสถานะหนึ่งด้วย เขาเป็นรองประธานของกิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ป พ่อของเขาเป็นเจ้าของ!”

กิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ป!

หลี่ฮ่าวนึกออกขึ้นมาทันที เขาถามขึ้นอย่างเหนือคาดว่า “ผู้ประกอบการบริษัทยักษ์ใหญ่ของเมืองหยิน คนรวยนี่นา ว่ากันว่าทรัพย์สินของกิจการเหมืองแร่เฉียวกรุ๊ปมีเป็นพันๆ ล้านเลย…จริงหรือเปล่าครับ”

อีกอย่างทำไมเจ้าหมอนี่ถึงมีปมแค้นกับหลิวเยี่ยนได้นะ

“เฉียวกรุ๊ปไม่ธรรมดา!”

………………………………………………………………………..