ตอนที่ 50 เห่อตำแหน่งใหม่ (1)

STARGATE ปริศนาประตูแห่งดารา

ตอนที่ 50 เห่อตำแหน่งใหม่ (1)

หน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลสาขาย่อยของเมืองหยินใกล้จัดตั้งขึ้นแล้ว

วันที่ 28 เดือนกรกฎาคม มณฑลหยินเยวี่ยป่าวประกาศลงมาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการว่าจะเริ่มจัดตั้งสาขาย่อยในเมืองหยิน

ทันทีที่ข่าวนี้แพร่งพรายออกไป เมืองต่างๆ ก็พากันอิจฉาตามร้อนไปตามๆ กัน

มณฑลหยินเยวี่ยแบ่งออกเป็น 32 เมือง แต่เวลานี้หน่วยงานผู้พิทักษ์รัตติกาลสาขาย่อยมีเพียงแค่ 9 เมืองเท่านั้น

เมืองหยินเป็นเมืองป้อมปราการที่ก่อตั้งหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลเป็นแห่งที่ 10

ผู้พิทักษ์รัตติกาลมีจำนวนจำกัดและส่วนมากจะอัดกันอยู่ในเมืองใหญ่ๆ ประชากรเมืองไป๋เยวี่ยมีสามสิบล้านคน ประชากรเมืองเย่ากวงมีทะลุสิบล้านคน ส่วนเมื่อก่อนเมืองอื่นๆ โดยรวมจะมีประชากรราวห้าล้านคนถึงจะจัดตั้งสาขาย่อยขึ้นมาได้

ประชากรเป็นหนึ่งเป้าหมายสำคัญที่ไว้ใช้พิจารณาเลยทีเดียว

หากจำนวนไม่ถึง โดยทั่วไปก็จะไม่ให้จัดตั้งสาขาย่อยของผู้พิทักษ์รัตติกาลขึ้น เพื่อป้องกันการกระจายตัวของผู้มีพลังเหนือธรรมชาติแล้วถูกองค์กรอื่นถล่มใส่จนย่อยยับ

ดังนั้นการก่อตั้งสาขาย่อยในเมืองหยินถือว่าเป็นการแหกกฎครั้งแรก

แต่พอพิจารณาถึงหยวนซั่ว รวมถึงแปดตระกูลใหญ่เมืองหยินที่แสนลึกลับนั่นแล้ว สุดท้ายสาขาย่อยก็ได้กำเนิดขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้นเพราะครั้งนี้ถือว่าเมืองไป๋เยวี่ยก็ให้ความสำคัญเช่นกันจึงมีคำสั่งส่งตัวผู้มีพลังเหนือพลังธรรมชาติมาให้สามคน

อีกทั้งไม่ใช่พวกมือใหม่ด้วย!

พวกเขาทั้งสามอยู่ในขั้นจันทราทมิฬ เล่าลือกันว่าส่งผู้แข็งแกร่งจันทราเต็มดวงมาด้วยหนึ่งคน

……

วันที่ 28

เบื้องบนส่งเอกสารลงมาแล้ว แต่หลี่ฮ่าวกลับไม่ได้ใส่ใจนัก

เขาในเวลานี้กำลังเดินวนไปวนมาในเรือนสี่ประสานซึ่งเป็นที่พักอาศัยขนาดกว้างขวาง พื้นที่ก่อสร้าง 400 กว่าตารางเมตร สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือมีลานกว้างขนาดพันกว่าตารางเมตรด้วย

แถมพักคนเดียวอีกต่างหาก!

หลี่ฮ่าวมองพลางสูดหายใจเข้าลึก

เขาอดหันไปมองหลิวเยี่ยนไม่ได้ “พี่สาว พี่ประเมินผมสูงไปหน่อยหรือเปล่าครับ”

หลิวเยี่ยนกระตือรือร้นรั้นจะช่วยหาบ้านให้เขาให้ได้

หลี่ฮ่าวเปลี่ยนความคิดหล่อนไม่ได้จริงๆ เลยทำได้แค่ให้หล่อนช่วยหาไป

ช่างเป็นคนดีเสียเหลือเกิน!

เราให้หาแค่ห้องชุดที่มีสักสองห้องก็พอ ทางที่ดีอยู่ชั้นหนึ่ง หากไม่ได้อยู่ชั้นหนึ่งก็หาห้องที่เก็บเสียงดีหน่อยก็ได้แล้ว

ทว่าสุดท้าย…หลิวเยี่ยนรับตัวเขามาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่

ที่นี่ตั้งอยู่ในเขตตะวันออกของเมืองหยิน ซึ่งถือว่าเป็นย่านของคนรวย

คนฐานะดีบางส่วนในเมืองหยินแทบจะอาศัยที่นี่กันทั้งสิ้น

หลี่ฮ่าวรู้สึกตงิดใจตั้งแต่ตอนมาแล้ว บ้านที่นี่ราคาสูงลิ่ว ปกติบ้านในเมืองหยินราคาอยู่ที่ 3000 กว่า แต่ที่นี่ทะลุ 5000 ไปแล้ว

ตอนที่หลี่ฮ่าวเป็นผู้ตรวจการณ์ระดับสามทำงานในกองตรวจการณ์ได้รับเงินเดือนแค่ 2000 เหรียญดาราเท่านั้น

ความจริงในเมืองหยินก็นับว่าใช้ได้แล้ว

หากประหยัดกินประหยัดใช้ปีหนึ่งก็คงเก็บเงินได้สักสองสามหมื่น แต่ที่สำคัญเพราะเป็นข้าราชการเลยมีหลายอย่างที่สามารถขอเบิกเงินคืนได้ รวมถึงมีโบนัสให้บ้าง ดังนั้นเงินที่ได้ หากในหนึ่งปีจะเก็บเงินสักสองสามหมื่นจึงไม่ใช้ปัญหาใหญ่โตอะไร

เพราะเหตุนี้หากคิดจะซื้อบ้านขนาด 100 ตารางเมตร ปกติต้องมีเงินสามแสนขึ้นไป หากทำงานสิบปีโดยไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเลยคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่

แน่นอนว่าตอนนี้หลี่ฮ่าวเลื่อนขั้นแล้วย่อมง่ายขึ้นกว่าเดิม

แต่อยู่บ้านสวนที่มีลานกว้างส่วนตัวแบบนี้คงต้องใช้เงินสี่ห้าแสนขึ้นไปเลยไม่ใช่เหรอ

หลี่ฮ่าวไม่กล้าประเมินไว้สูงขนาดนั้น!

เพราะขั้นต่ำก็แพงขนาดนี้แล้ว!

เขาไม่มีเงินทองมากมายอะไร ส่วนเรื่องขายพลังเหนือธรรมชาติ หากขายให้ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติคนอื่นก็ผิดกฎหมาย แต่หากขายให้คนกันเอง…พวกเขาก็ไม่มีเงินอีก

หลิวเยี่ยนมองซ้ายทีขวาที มองทางฝั่งตะวันออกทีฝั่งตะวันตกทีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม จากนั้นก็เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก “ประเมินสูงอะไรกัน นายใกล้ได้เป็นรองหัวหน้าหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาลแล้ว ในเมืองหยินถือว่าเป็นบุคคลลำดับต้นๆ เชียวนะ! แล้วจะให้นายไปอยู่ตึกซอมซ่อเช่นนั้นเหรอ ส่วนบ้าน…นายเป็นถึงผู้บังคับการตรวจตราแล้วยังกลัวไม่มีที่อยู่อีกเหรอ”

พอหลี่ฮ่าวได้ยินประโยคนี้ก็เอ่ยอย่างตกใจ “ทุจริตเหรอ”

“ชิ!”

หลิวเยี่ยนมองอย่างดูแคลน “รู้แต่เรื่องทุจริตอะไรนี่หรือไง นี่คือรางวัลหลังสงครามต่างหาก! เข้าใจไหม ตามกฎของหน่วยผู้พิทักษ์รัตติกาล หากรางวัลหลังสงครามถูกส่งให้เบื้องบนแล้ว จากนั้นก็จะทำการจัดสรรปันส่วนตามกฎ! บ้านหลังนี้คือรางวัลหลังสงครามของพวกเราครั้งก่อน!”

รางวัลหลังสงครามเหรอ

หลี่ฮ่าวผงะไป

“นายลืมโจวเฮ่อนั่นไปแล้วเหรอ”

“อ๋อๆ จำได้สิครับ!”

หลี่ฮ่าวจำบุคคลนี้ได้ เพราะเป็นคนแรกที่ตนซัดจนตาย…ไม่สิ เขาเป็นปรมาจารย์นักรบที่ตายในขณะที่ถูกหัวหน้าสอบปากคำต่างหาก

“นี่คือของที่เขาซื้อทิ้งไว้เหรอ!”

หลิวเยี่ยนยิ้มอย่างสบายอารมณ์ “ใช่แล้ว แถมมีรถอีกหนึ่งคันด้วยนะ นายเคยเห็นมันมาก่อน ตอนนี้จอดอยู่ในโรงรถของกองตรวจการณ์ เดี๋ยวนายเอาไปแล้วกัน! นายเป็นคนจับตัวโจวเฮ่อมา ตอนนี้นายเองก็เลื่อนขั้นแล้ว เพราะฉะนั้นบ้านและรถของเขานายเอาไปก่อนเลย!”

เวลานี้หลี่ฮ่าวถึงรู้ประวัติความเป็นมาของบ้านหลังนี้แล้ว

เขาอดถามไม่ได้ว่า “โจวเฮ่อเป็นแค่มือสิบสังหารคนหนึ่ง เขามีเงินมากขนาดนี้เชียวเหรอ”

“เหลวไหล เขาเป็นปรมาจารย์นักรบ แถมเป็นมาตั้งหลายปีขนาดนั้น เขาจะหาเงินสักล้านไม่ได้เลยเหรอ นายเองก็ไม่ลองคิดดูบ้างว่าหากนายเต็มใจเอาพลังลี้ลับที่ได้หลังจากสงครามครั้งนี้ขายทิ้ง นายก็เกือบเป็นมหาเศรษฐีแล้วนะ!”

สำหรับพวกเขาแล้ว เรื่องหาเงินเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก

แต่เงินทองพวกนั้นมีประโยชน์อะไรเหรอ

ของชั้นดีที่แท้จริง ต่อให้คุณมีเงินก็ยากจะซื้อมาได้

อย่างเช่นโจวเฮ่อผู้นี้ หากให้เขาเอาเงินมาสักสามถึงห้าล้านอาจหามาได้ แต่เขาสามารถใช้เงินเหล่านี้ซื้อพลังลี้ลับสามถึงห้าลูกบาศก์ได้ไหมล่ะ

คงยาก!

อีกอย่างต่อให้ซื้อมาและดูดซับไปแล้วก็ใช่ว่าจะเห็นประโยชน์อะไรมากมาย

หลิวเยี่ยนหมดคำจะพูดกับคนที่ผ่านโลกมาน้อยอย่างหลี่ฮ่าวเหลือเกิน ถึงแม้หล่อนเองจะไม่มีเงิน แต่หลิวเยี่ยนกลับไม่กลุ้มใจเรื่องเงินเลยจริงๆ ใครจะเหมือนหลี่ฮ่าวที่วันๆ เอาแต่จะขอขึ้นเงินเดือนกัน!

หากเรื่องนี้ถูกแฉออกไปจะไม่ให้คนอื่นรู้สึกเป็นเรื่องน่าขันได้เช่นไร

ก่อนหน้านี้ที่เขาอยากเลื่อนขั้นก็เพราะอยากขึ้นเงินเดือน เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องน่าขันมากเช่นกัน

หลี่ฮ่าวยิ้มแหยทีหนึ่ง เขาผ่านโลกมาน้อยนี่นา ตั้งแต่เด็กจนโตตอนที่มีเงินมากที่สุดก็คือตอนที่ได้เงินเดือนจากกองตรวจการณ์นี่แหละ เดือนก่อนเขาลองดูแล้วก็เห็นว่าตนเก็บเงินได้ราวๆ หมื่นสองแล้ว!

สุดท้าย…ก็ไม่ได้พูดออกไป

เขามองลานกว้างตรงนี้อีกครั้งแล้วเดินเข้าไปดูในตัวบ้านอีกรอบ ด้านนอกตกแต่งแนวโบราณแต่ด้านในกลับตกแต่งเป็นแนวสมัยใหม่อย่างหรูหรา

ทั้งหมดมีสองชั้น รวมถึงโรงรถชั้นใต้ดินด้วย

ตรงนี้เป็นลานหน้าบ้าน ส่วนด้านหลังมีสระว่ายน้ำซึ่งไม่ได้แตกต่างจากบ้านหลังอื่นๆ เลย อีกทั้งการจัดสวนก็ยิ่งเข้ากับรสนิยมของหลี่ฮ่าวมากด้วย

“ใหญ่มากจริงๆ!”

หลี่ฮ่าวงึมงำเสียงเบา จังหวะที่หันกลับไปหาหลิวเยี่ยนก็เห็นหล่อนจับจ้องตนอยู่ ฉับพลันก็ฉีกยิ้มกล่าว “คิดได้แล้วเหรอ”

ขณะที่พูดก็ยืดอกหลังตรง

รู้จักเยินยอคนอื่นด้วย!

สายตาเฉียบแหลมใช้ได้นี่!

พอหลี่ฮ่าวเข้าใจความหมายที่สื่อก็หมดคำพูดขึ้นมาทันที เขาเบี่ยงเบนสายตามองไปยังทิศทางอื่นแล้วเอ่ยอย่างคิดไปเองว่า “พี่สาว ที่นี่…คนอื่นๆ ไม่เอาเหรอ แบ่งให้ผมแบบนี้ได้เหรอครับ”

“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาใส่ใจเลย!”

หลิวเยี่ยนไม่สนใจจริงๆ “ความจริงเวลาส่วนใหญ่ของพวกเรามักอยู่ที่กองตรวจการณ์! นายยังเด็ก อีกอย่างเพิ่งเข้าทีมมาได้ไม่นาน ดังนั้นนายยังเคยชินกับการเข้าออกงานเป็นเวลา แต่พวกเราไม่เหมือนกัน พวกเราเข้าทีมมาหลายปีแล้ว ส่วนมากพอมีเวลาก็หมกตัวอยู่แต่ที่กองตรวจการณ์นั่นแหละ”

พวกเขาไม่ค่อยกลับบ้าน…เพราะกลับไปก็ว่างเปล่าอยู่อย่างโดดเดี่ยว

บ้านคืออะไร

ก็แค่ห้องๆ หนึ่งเท่านั้นแหละ!

บ้านที่แท้จริงได้อันตรธานหายไปนานแล้ว

หลิวหลงเคยบอกว่าสมาชิกในทีมล่าปีศาจล้วนมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยได้ยินใครพูดถึงว่ามีครอบครัว มีภรรยา หรือมีลูก…

อู๋เชากับเฉินเจียนเหมือนว่าจะอยู่แต่ห้องใต้ดินมาตลอด

ส่วนอวิ๋นเหยาก็ด้วย ทุกครั้งที่หลี่ฮ่าวเจออวิ๋นเหยาก็มักอยู่ที่นั่นเสมอ

ทว่าหัวหน้ากลับหายตัวบ้างเป็นครั้งคราว…ส่วนว่ากลับบ้านหรือไปไหน ความจริงเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่แน่บางทีอาจไม่มีบ้านด้วยซ้ำ เขาอาจแค่ออกไปเดินเตร็ดเตร่เล่นก็เป็นได้

หลิวเยี่ยนก็เช่นกัน!

เพราะคนพวกนี้เห็นทีมเป็นครอบครัวแล้ว

หลี่ฮ่าวไม่ได้พูดอะไรอีก ความจริงเขาอย่างไรก็ได้ แต่เขาต้องดูดซับพลังลี้ลับและฝึกซ้อมวิชายุทธ์ มีเคล็ดวิชาลับบางส่วนที่เปิดเผยไม่ได้ นี่คือสิ่งที่อาจารย์ถ่ายทอดให้ นอกเสียจากอาจารย์จะยอม

มิเช่นนั้นหากฝึกซ้อมวิชายุทธ์หรือฝึกวิธีการหายใจที่ห้องใต้ดินก็อาจหลุดทำให้คนอื่นเห็นได้

แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด!

หลี่ฮ่าวไม่พูดอะไรอีกแต่เดินเข้าประตูไปดูบ้านต่อ

ชั้นแรกมีห้องอาหาร ห้องรับแขก ห้องน้ำ นอกจากห้องพวกนี้แล้วยังมีห้องออกกำลังกายด้วย ชั้นสองมีห้องนอนใหญ่ ห้องหนังสือและห้องเด็กเล็กต่างๆ

มีหลายห้องที่หลี่ฮ่าวใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ

……………………………………………………………………….