ตอนที่ 54 อาจารย์ลูกศิษย์ร่วมวางแผนกันอีกครั้ง (5)
หลังจากคืนวันฝนตก สถานะในฐานะผู้สืบทอดแปดตระกูลใหญ่ของเขาหลี่ฮ่าวก็ถูกเปิดเผย ก่อนหน้านี้อาจมีเพียงชาดจันทราที่ล็อกเป้ามายังเขาผ่านวิธีบางอย่าง ส่วนตระกูลเฉียว เกรงว่ายังไม่รู้เรื่องพวกนี้
หยวนซั่วพยักหน้ารับ สุดท้ายก็กล่าวว่า “เสี่ยวฮ่าว คนนอกยังไงก็เป็นคนนอกวันยังค่ำ การฝึกของเธอจะล่าช้าอีกไม่ได้แล้ว! ฉันกำลังทำการเปลี่ยนพลังลี้ลับห้าธาตุ ถ้าได้มันมาเธอก็รีบฝึกจะได้รีบเลื่อนขั้น!”
หลี่ฮ่าวในตอนนี้พัฒนาการดีไม่หยอก ไม่นานก็ก้าวสู่ทะลวงร้อยแล้ว
แต่ในยุคนี้หลี่ฮ่าวกลับพัฒนาช้ากว่าคนอื่นไปหลายปี เพราะผู้มีพลังเหนือธรรมชาติในยุคแรกๆ ต่างฝึกกันมาตั้งยี่สิบปีแล้ว
คิดจะไล่ตามให้ทันมันก็ยากพอสมควร
เขาต้องหาทุกวิถีทางให้เลื่อนขั้นให้ไวที่สุดถึงจะสามารถประคับประคองตัวเองให้ยืนหยัดอยู่ในโลกอันว้าวุ่นนี้ได้
หลี่ฮ่าวยิ้ม “อาจารย์วางใจเถอะครับ ช่วงนี้ผมดูดซับพลังเงาโลหิตอยู่ตลอด พัฒนาขึ้นอีกนิดแล้ว ไม่ต้องอาศัยสองพลังซ้อนก็ปล่อยพลังภายในออกมาได้! ปล่อยพลังภายในผ่านแขนขาสี่ข้าง ตอนนี้ผมปล่อยพลังภายในผ่านแขนทั้งสองข้างได้แต่ยังอยู่ในช่วงพัฒนา”
เขาไม่เคยอู้และไม่เคยละการฝึกเลย
ระยะแรกของทะลวงร้อยก็คือปล่อยพลังภายในผ่านแขนขาทั้งสี่ข้าง เขาสามารถปล่อยผ่านแขนทั้งสองข้างได้แล้ว แน่นอนว่าเงาโลหิตมีส่วนช่วยในตรงนี้
แต่ตอนนี้พลังของเงาโลหิตก็ผลาญไปเกือบหมดสิ้นแล้วเช่นกัน
หากหลี่ฮ่าวคิดจะพัฒนาให้ไวต้องรีบหาของดีให้มากกว่าเดิม ทางอาจารย์เปลี่ยนพลังลี้ลับก็ไม่รู้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน
“ได้ทั้งสองข้างเลยเหรอ”
หยวนซั่วก็ตกใจเช่นกัน เร็วซะจริง
แม้ดูเหมือนยังอยู่ในช่วงแรกของทะลวงร้อยยังไม่ถึงขั้นสูงสุดของระดับเริ่มต้น เพราะต้องปล่อยผ่านแขนขาทั้งสี่ข้างได้ถึงจะนับ
แต่ประเด็นคือนี่เพิ่งกี่วันเอง
ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปและพลังเงาโลหิตมีมากพอ บางทีเพียงครึ่งเดือนเจ้าหมอนี่ก็อาจจะสามารถปล่อยพลังผ่านแขนขาทั้งสี่ข้างได้แล้ว
“ไม่ชะล่าใจก็พอ!”
หยวนซั่วพยักหน้ากล่าวต่อ “ก่อนที่จะมีการพัฒนาอย่างอื่น เธอควรฝึกตำราเก้าหลอมแรงปราณเยอะๆ ตอนนี้เธอเพิ่งได้แค่สามพลังซ้อนสินะ”
“ครับ”
“ใช้ไม่ได้!”
หยวนซั่วด่าประโยคหนึ่ง “หมาตัวนี้ ก่อนหน้านี้ฉันเห็นว่าใช้สามพลังซ้อนได้แล้ว! ทะลวงร้อย โดยทั่วไปต้องเริ่มจากสี่พลังซ้อน!”
หลี่ฮ่าวหมดคำจะโต้เถียง
อาจารย์ ทำไมฟังดูเหมือนกำลังด่าผมอยู่เลย
‘หมาตัวนี้’ ฟังเหมือนกำลังด่าเราอยู่อย่างไรอย่างนั้น
เจ้าเสือดำข้างๆ ได้ยินว่าหยวนซั่วพูดถึงตนก็เหมือนอยากจะอวดหรือแสดงให้เห็นประโยชน์ของตนอยู่บ้าง จู่ๆ มันก็กางกรงเล็บมาทางหลี่ฮ่าวตะปบจนเห็นเงากรงเล็บสามครั้งซ้อน!
ไม่เพียงเท่านี้ ถึงขั้นเห็นเงาที่สี่ได้รำไรแล้วด้วยซ้ำ
หลี่ฮ่าวชะงักไป ให้ตายเถอะ!
นี่ใกล้จะปล่อยสี่พลังซ้อนได้แล้วเหรอ
“อาจารย์ เจ้าเสือดำอยู่ระดับสูงสุดของสิบสังหารแล้วเหรอครับ”
อย่างมากสิบสังหารจะปล่อยได้สามครั้งซ้อน ทะลวงร้อยถึงจะปล่อยได้มากกว่าสามครั้งซ้อน หมาตัวนี้…เก่งขึ้นอีกแล้วหรือ
หยวนซั่วหัวเราะพยักหน้าไปพลาง “ประมาณนั้น! หมาตัวนี้ฉันว่าใกล้จะเข้าสู่ขอบเขตทะลวงร้อยแล้ว แต่ถ้าไปถึงทะลวงร้อยเมื่อไรก็คงจะช้าลง เจ้าโง่ น้ำแช่จี้หยกกระบี่ครั้งแรกถูกมันซัดไปหมด พลังกระบี่ปิดผนึกไปหลายปีพลังก้อนแรกย่อมเห็นผลดีกว่าอยู่แล้ว อาจจะถึงขั้นมีพลังพิเศษอื่นๆ แฝงด้วย สุดท้ายเธอดันถูกหมาตัวหนึ่งเอาเปรียบเสียได้!”
เขาอดด่าประโยคหนึ่งไม่ได้
พลังจี้หยกกระบี่ที่ปล่อยออกมาครั้งแรกต้องประสิทธิภาพดีกว่าอยู่แล้ว เสียดายที่ถูกเจ้าเสือดำดื่มไป ทำให้หลี่ฮ่าวต้องดื่มน้ำแช่จี้หยกกระบี่รอบสอง
หลี่ฮ่าวกลับอารมณ์ดีไม่หยอก ยังคงมองโลกในแง่ดีมาก “อาจารย์ ไม่เหมือนกัน! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าเสือดำสังเกตเห็น ผมก็คงไม่ทันสังเกตเช่นกัน ไม่แน่ผมอาจจะยังไม่รู้คุณสมบัติพิเศษของจี้หยกกระบี่ด้วยซ้ำ ถึงตอนนั้นอาจารย์ก็ยังเป็นทะลวงร้อย ผมก็ยังเป็นแค่คนธรรมดา ไม่แน่เราอาจจะตายไปตั้งแต่คราวก่อนแล้วก็ได้”
หากไม่มีการค้นพบของเจ้าเสือดำ หลี่ฮ่าวคงไม่มีวันรู้เรื่องพลังจี้หยกกระบี่
หากไม่รู้หยวนซั่วก็ไม่มีทางถ่ายทอดวิชาคายรับห้าปาณภูตแก่เขา เนื่องจากยังไม่ได้ก้าวสู่ขอบเขตสิบสังหารด้วยซ้ำ ถ่ายทอดไปก็ไร้ประโยชน์!
หากเป็นเช่นนี้ หยวนซั่วก็ไม่สามารถก้าวสู่ขอบเขตพันยุทธ์ได้เช่นกัน…
ต่างได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย แล้วจะหาว่าใครเอาเปรียบได้ใครได้หรือ
เจ้าเสือดำที่อยู่ข้างๆ เชิดหน้าขึ้นเหมือนกำลังโอ้อวดอยู่ เขาเป็นคนค้นพบจุดพิเศษของจี้หยกกระบี่ รีบชมฉันเร็วเข้า!
หลี่ฮ่าวหัวเราะพลางยกเท้าเตะมันไปทีหนึ่ง “รีบๆ เข้าสู่ทะลวงร้อยสิดี สิบสังหารใช้งานไม่ได้! ยังคาดหวังให้แกมาช่วยฉันอยู่แหนะ แต่สุดท้ายดันช่วยอะไรไม่ได้เลย”
“โฮ่ง!”
เจ้าเสือดำเสียใจหน่อยๆ มันเก่งมากๆ แล้ว แต่คนที่หลี่ฮ่าวเจอเก่งขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
พอคุยกับหยวนซั่วอีกไม่กี่ประโยค กระทั่งมั่นใจว่าต้องชิงลงมือก่อน หลี่ฮ่าวก็ขอตัวกลับก่อนอย่างเร่งรีบ
ไปหาหัวหน้าดีกว่า!
ถือโอกาสนี้อ้างว่าอีกฝ่ายสมคบคิดกับยมราช หวังว่าจะสามารถกำจัดตระกูลเฉียวได้อย่างเงียบเชียบโดยไม่สะเทือนถึงผู้อื่น
ส่วนตระกูลเฉียวจะลงมือกับตนหรือไม่นั้น…ช่างปะไร!
หลี่ฮ่าวไม่ได้คิดอะไรมาก พลังเหนือธรรมชาติที่ปกปิดตัวไม่ยอมลงทะเบียน ต่อให้เฉียวเฟยหลงเป็นคนดีจริงๆ ฆ่าก็ฆ่า…แต่ความจริงไม่มีทางเป็นคนดีได้
……
พอหลี่ฮ่าวไปหยวนซั่วก็หุบยิ้มทันที
เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
ไอ้บ้าเอ้ย!
ฉันเข้าสู่ขอบเขตพันยุทธ์ได้จนถึงขั้นสู้กับไตรสุริยาได้ แต่เจ้าหมอนี่กลับก่อเรื่องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เมืองหยินยากที่ช่วยให้ตนพัฒนาได้อีกแล้ว เห็นทีตนจะต้องไปยังพื้นที่ทางภาคกลางสักหน่อย
ปรมาจารย์นักรบไม่พัฒนาขึ้นจากการรบ สักวันก็จะกลายเป็นเพียงคนธรรมดา
เขาสามารถเลื่อนขั้นเป็นพันยุทธ์ได้ ในช่วงเวลาที่อยู่ในขอบเขตทะลวงร้อยก็ประกาศศักดาไปทั้งสี่ทิศ แถมต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน
แต่ตอนนี้มรดกที่สั่งสมเอาไว้ก็ผลาญจนหมดสิ้นแล้ว
‘เมืองหยินไม่ใช่ที่ที่ควรอยู่นาน…ต่อให้ต่อจากนี้จะมีการสู้รบ แต่อย่างมากก็แค่ลำดับไตรสุริยา…’
เหนือกว่าไตรสุริยา!
หยวนซั่วคาดหวังที่จะได้เจอะเจอคนระดับนี้ ไม่เพียงเท่านี้ เขาหวังว่าจะได้ไปพื้นที่ทางภาคกลางเพื่อหาปรมาจารย์นักรบคนอื่นๆ มากกว่า
เขาเป็นอันดับหนึ่งของปรมาจารย์นักรบประจำมณฑลหยินเยวี่ย แต่ไม่ได้หมายความว่าโลกนี้จะไม่มีปรมาจารย์นักรบที่เก่งกาจอีกแล้ว
ช่วงที่เขาอยู่ในขอบเขตทะลวงร้อยก็ถือว่าประกาศศักดาไปทั่วทั้งมณฑลหยินเยวี่ยแล้ว
เมื่อออกไปจากมณฑลหยินเยวี่ยคราวนั้นมีปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์โลดแล่นอยู่ไม่น้อย หลายปีมานี้เขาไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า และยังท่องผจญพิชิตศัตรูอยู่หรือไม่
เพราะโอกาสที่ยังมีชีวิตอยู่สูงมาก!
ในเมื่อปรมาจารย์นักรบพันยุทธ์เทียบเคียงกับสุริยะพรายได้ตั้งแต่อดีต เมื่อนั้นพลังเหนือธรรมชาติเพิ่งผงาดขึ้น ซึ่งคุกคามต่อทะลวงร้อยอย่างมากแต่ไม่ส่งผลต่อพันยุทธ์เท่าไร กลับกันพวกเขายังสามารถดูดซับพลังลี้ลับได้เช่นกัน ไม่แน่อาจจะมีคนบุกเบิกทางที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมแล้วก็ได้
‘สะสางเรื่องทางนี้เสร็จ เราก็ควรไปได้แล้ว!’
หยวนซั่วถอนหายใจแอบเป็นห่วงหลี่ฮ่าวหน่อยๆ แต่ถ้าไม่ไปเอาแต่หมกตัวอยู่ที่นี่ก็มีแต่จะอ่อนแอลงเรื่อยๆ เพราะพลังเหนือธรรมชาติพัฒนาไวเกินไป
จากนั้นหยวนซั่วก็ฮึกเหิมขึ้นมา!
งั้นก็เริ่มลองจากตระกูลเฉียวแล้วกัน!
‘เฉียวเฟยหลง…ฉันดูถูกแกเกินไปแล้ว!’
ฉับพลันในหัวเขาก็ผุดใบหน้าเหมือนเสือหน้ายิ้มของเฉียวเฟยหลงขึ้นมา เมื่อก่อนเขาดูไม่ออกเลยจริงๆ
……………………………………………………………………………………..