ตอนที่ 181 บุตรบิดาตระกูลเว่ยเข้าเขาล้อมหยก

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 181 บุตรบิดาตระกูลเว่ยเข้าเขาล้อมหยก

เรื่องที่มังกรเฒ่าเล่านับว่าเป็นครั้งแรกในช่วงนี้ที่จี้หยวนได้รู้ว่าผู้ฝึกเซียนคนอื่นออกมือช่วยเหลือ โดยเฉพาะยังเป็นเขาล้อมหยกของรัฐจีแห่งต้าเจินด้วย

ทว่ามังกรเฒ่ากังวลอยู่บ้างเกี่ยวกับสถานการณ์โดยรอบเนื่องจากเหตุการณ์มารแท้ก่อนหน้านี้ เรื่องราวเป็นอย่างไรแลกเปลี่ยนทั้งสองฝ่ายถึงจะเข้าใจ หากไม่เหนือความคาดหมาย เขาไม่มีทางติดต่อกับเขาล้อมหยกเอง

“ท่านจี้ ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ท่านต้องติดต่อทางเขาล้อมหยกสักครั้งหรือไม่ อย่างไรเสียข้าผู้ชราก็ไม่มีทางติดต่อ ‘ท่านเซียน’ กลุ่มนั้น”

มังกรเฒ่าจงใจเน้นเสียงคำว่า ‘ท่านเซียน’ บางครั้งเขาก็มักจะล้อเล่นไม่สุภาพต่อหน้าจี้หยวนเช่นนี้

สีหน้าของจี้หยวนกลับไม่ได้ผ่อนคลายเท่ามังกรเฒ่า

“คำทำนายคลุมเครือของหอความลับสวรรค์รั่วไหล ต้าเจินดึงดูดความสนใจได้บ้าง ส่วนเขาล้อมหยกไม่เป็นเช่นนั้น หากจัดการไม่ดีก็จะติดอยู่ใจกลางปัญหา”

มังกรเฒ่ามองจี้หยวน อดไม่ได้ที่จะกล่าว

“จับตาดูให้ดี หากคำทำนายของหอความลับสวรรค์เป็นจริง และเขาล้อมหยกคว้าวาสนามรรคที่จะทำให้ต้าเจินรุ่งเรืองได้ในครั้งนี้ ไม่แน่ว่าจะมีชื่อเสียงไปทุกสิบทิศทั่วหล้า อย่างไรเสียยังมีรายละเอียดบางอย่างเกี่ยวกับเขาก้อนหยก ยันต์บัญชาในคำเล่าลือมีเรื่องนี้อยู่จริง อีกทั้งเป็นยันต์ภูเขาซึ่งระบุได้ว่าเป็นเทพภูเขา ไม่มีบุคคลใดที่สามารถสั่นคลอนยันต์ได้ ทำได้เพียงปรามประตูภูเขาไว้”

“เอ๋? มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ”

จี้หยวนประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง เป็นยันต์ภูเขาจริง คำพูดของมังกรเฒ่าเชื่อถือได้ ทว่าคำพูดนี้ก็ยังทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะถามต่อ

“ท่านจี้ไม่รู้หรอกหรือ ข้าคิดว่าท่านอยู่ที่รัฐจีได้พักใหญ่แล้ว น่าจะรู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วเสียอีก”

จี้หยวนส่ายหน้า

“ข้าคนแซ่จี้พูดกับผู้อาวุโสเมื่อนานมาแล้ว ข้ารู้เรื่องในโลกของการฝึกตนในปัจจุบันน้อยนัก นั่นไม่ใช่คำพูดล้อเล่น”

มังกรเฒ่ามุ่นคิ้ว คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอีก

“เขาล้อมหยกกลับมียันต์ภูเขา ความจริงแล้วกลุ่มคนที่เขาล้อมหยกแห่งนี้ฉลาดมาก เนิ่นนานแล้วไม่ได้เปิดเผยความลับในเรื่องนี้และจงใจคอยผสมโรง กลับทำให้ผู้รู้เรื่องล้วนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความจริง ทว่าเป็นเขาล้อมหยกต้องการเพิ่มแรงผลักดัน”

“เช่นนั้นท่านอิงรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร”

“ฮ่าๆ ข้าน่ะหรือ ข้าเคยมีเรื่องบาดหมางกับเขาล้อมหยกตอนแปลงกายเป็นมังกร ครั้นแปลงกายเป็นมังกรแท้ได้สำเร็จเคยคิดไปหาเรื่องพวกเขาที่เขาล้อมหยก หากไม่ใช่เพราะยันต์ภูเขาควบคุมอานุภาพภูเขาของเขาหยกเขียวไว้ ก้อนหยกเล็กๆ นั่นคงถูกหางมังกรของข้าตวัดยอดเขาหักไปแล้ว!”

จี้หยวนจนใจอยู่บ้าง มังกรคบหาง่ายแต่หาเรื่องไม่ได้จริงๆ ทว่ายังต้องพูดสักหน่อยเพื่อความยุติธรรม

“ตอนนั้นผู้อาวุโสแปลงกายเป็นมังกรเดินน้ำนำน้ำท่วมใหญ่มาสู่รัฐจี ผู้ฝึกเซียนเขาล้อมหยกเดินทางมาหยุดยั้งนับว่ามีคุณธรรมอันดี ในเมื่อท่านประทานฝนให้รัฐจีมาได้ถึงสองร้อยปี แล้วยังผูกความแค้นกับเขาล้อมหยกอีกหรือ”

มังกรเฒ่าแยกเขี้ยวมองสหายตนเอง

“ท่านจี้รู้ว่าข้าไม่ใช่คนหยาบคายไร้เหตุผล เขาล้อมหยกแค่ออกมาหยุดยั้งตอนที่น้ำท่วมเต็มที่ก็เท่านั้น เช่นเดียวกับเทพหลักเมืองจังหวัดตู้หมิงในอดีต แม้สิ้นชีวิตไปนานแล้ว ข้าก็ยังคงเกรงใจ แต่ลูกหลานกลุ่มนั้น ข้าจำเจ้าตัวขนหัวโจกนามว่าจื่ออวี้ได้ ภายหลังเมื่อข้าลงแม่น้ำมุ่งหน้าสู่ทะเลแล้ว คิดว่าข้าเหนื่อยล้าจึงต้องการตัดขาดหนทางของข้า แล้วข้าจะทนได้อย่างไร!”

มังกรเฒ่าพูดพลางพ่นลมโทสะออกมาจากปาก ทำเอากิ่งไม้ใบไม้บนต้นพุทราสั่นไหวเบาๆ

เอาล่ะ จี้หยวนไม่พูดแล้ว

ตามหลักแล้วเรื่องการหลีกเลี่ยงวิกฤติก่อนค่อยลงมือนั้นมีเหตุผลอย่างแน่นอน แต่เรื่องพรรค์นี้สุดท้ายแล้วก็เป็นเรื่องที่ต้องพูดกันทั้งสองฝ่าย และปีนั้นเทพหลักเมืองจังหวัดตู้หมิงทำลายร่างทองสั่นคลอนมังกรเจียว เขาล้อมหยกไม่อาจไม่รู้ หลังจากนั้นมังกรเจียวใช้พลังมากยิ่งขึ้นในการยับยั้งและเปลี่ยนเส้นทางอย่างเห็นได้ชัด เมื่อลงแม่น้ำแล้วเกิดเรื่องนั้นขึ้นไม่อาจพูดว่าผิด แต่กลับเลี่ยงให้มังกรเฒ่าโมโหไม่ได้

มิน่าเล่าหลังจากลงแม่น้ำกลายเป็นมังกรแท้แล้ว มังกรเฒ่าถึงได้ไปหาเรื่อง ส่วนภายหลังอาศัยอยู่ที่แม่น้ำเทียมฟ้าแล้วก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“เอาล่ะ เขาห้ามข้าครั้งหนึ่ง ข้าตอบแทนครั้งหนึ่ง นับว่าเจ๊ากันแล้ว เรื่องในอดีตนั้นไม่ต้องพูดถึงอีก”

ความจริงแล้วจี้หยวนรู้สึกว่ามังกรเฒ่าก็รู้ว่าตอนนั้นตนเองเป็นต้นเหตุให้เกิดน้ำท่วม ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยของเขาแล้ว ไปหาเรื่องแค่ครั้งเดียวแล้วจะพอใจได้อย่างไร

“เรื่องติดต่อกับเขาล้อมหยก ให้ข้าเป็นคนจัดการก็แล้วกัน…”

“ตกลงตามนั้น!”

มังกรเฒ่าพลันยิ้มขึ้น ราวกับรอจี้หยวนพูดคำนี้อยู่แล้ว จากนั้นพูดเสริมอีกว่า

“พูดตามตรง ข้าผู้ชราเพียงรู้สึกว่าถ้าเรื่องของหอความลับสวรรค์เกี่ยวข้องกับเขาล้อมหยก จะเป็นการดีกว่าบอกว่าเกี่ยวข้องกับท่านจี้ หึๆ เขาล้อมหยกนั่นยังมีคุณสมบัติไม่พอ!”

จี้หยวนรู้เรื่องของตนเองดี เพียงยิ้มไม่พูดจา

เรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันหลังจากนั้นส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับหอความลับสวรรค์ ดังคำกล่าวที่ว่าจะแก้กระดิ่งที่ผูกก็ต้องใช้คนที่ผูกกระดิ่ง ความจริงแล้วหอความลับสวรรค์ต่างหากที่เป็นตัวการสำคัญ คนที่ให้ความสนใจทางนั้นไม่น้อยกว่าผู้ที่สนใจฝั่งต้าเจิน ทว่าเรื่องที่อยู่นอกเหนือพื้นที่นั้นตอนนี้เหนือบ่ากว่าแรง

ตระกูลเว่ยแห่งจังหวัดเต๋อเซิงในเวลานี้เคลื่อนไหวอย่างลับๆ ทว่าไม่รู้เรื่องโลกภายนอก

เหตุผลหลักคือเว่ยอู๋เว่ยทำอะไรค่อนข้างเงียบเชียบเป็นความลับ ทุกตระกูลที่ติดต่อกับเขาล้วนเป็นตัวละครสำคัญที่มีประโยชน์กับตระกูลตนเอง จึงไม่มีใครแพร่งพรายอะไรออกมา จึงไม่มีใครรู้ว่าตระกูลเว่ยกำลังทำอะไรอยู่

ความจริงแล้วตั้งแต่ท่านเซียนมาเยี่ยมจวนตระกูลเว่ยครั้งนั้น เว่ยอู๋เว่ยไปพบผู้อาวุโสอีกครั้ง จากนั้นตัดสินใจออกเดินทางให้เร็วขึ้น

ก่อนหน้านี้ไม่แน่ใจว่าเว่ยอู๋เว่ยจะเข้าเขาล้อมหยกได้หรือไม่ จึงเป็นการดีกว่าหากจะชะลอไว้ก่อน เปลี่ยนเป็นเตรียมการให้เสี่ยวหยวนเซิงแทน แต่ในเมื่อมีท่านจี้ผู้ลึกล้ำอย่างหยั่งคาดรับประกัน เรื่องที่ต้องตัดสินใจเด็ดขาดนี้ย่อมช้าอีกไม่ได้

วันนี้เป็นวันที่เก้าเดือนห้า เทศกาลแข่งเรือมังกรหรือเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างเพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วัน รัฐจีเรียกว่าเทศกาลแข่งเรือมังกร แม้เรียกว่าเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้วคนอื่นพอฟังเข้าใจอยู่ แต่มีคนเรียกเช่นนั้นน้อยนัก

ประวัติศาสตร์โลกนี้ไม่มีชวีหยวน ที่มาของเทศกาลแข่งเรือมังกรจึงขาดเรื่องเล่าในส่วนนี้ไป สาเหตุหลักมาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ของการบูชาธรรมชาติในสมัยโบราณไปจนถึงต้นตอดวงดาวบนท้องฟ้า แต่กลับมีบ๊ะจ่างเช่นเดียวกัน

มีนักขี่ม้าสองคนขี่ม้ากลับมาถึงหน้าจวนตระกูลเว่ยตั้งแต่เช้าตรู่ ครั้นลงจากม้าแล้วพูดกับคนเฝ้าประตูไม่นานก็รีบร้อนเข้าไปในจวน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ภายในห้องหนึ่งในจวน เว่ยอู๋เว่ยถือจอกชาฟังข้ารับใช้สองคนรายงาน

“ท่านจี้รับบ๊ะจ่างและขนมที่เจ้าตระกูลมอบให้แล้ว โดยเฉพาะเห็นสุราวสันต์พันวันหลายไหแล้วดีใจมาก ทั้งบอกอีกว่าเจ้าตระกูลใส่ใจนัก!”

เว่ยอู๋เว่ยฟังแล้วยิ้มแก้มปริ

“เจ้าตระกูล ในเมื่อท่านให้ความสำคัญกับท่านจี้ขนาดนี้ เหตุใดไม่ไปหาเขาด้วยตนเองเล่าขอรับ”

ข้ารับใช้สองคนได้รับความไว้ใจจากเว่ยอู๋เว่ยอย่างเห็นได้ชัด ถึงได้กล้าถามออกมาเช่นนี้

เว่ยอู๋เว่ยส่ายหน้า ดื่มชาก่อนคำหนึ่งถึงค่อยตอบ

“พวกเข้าไม่เข้าใจ ทำแบบนี้แหละดีแล้ว ไม่ทำอะไรเกินขอบเขตแต่ก็ยังแสดงน้ำใจ ไม่หาเรื่องให้อีกฝ่ายด้วย จริงสิ ท่านจี้พูดอะไรอย่างอื่นอีกหรือไม่”

“ไม่มีแล้วขอรับ”

“อืม ดีแล้วล่ะ พวกเจ้าไปเถอะ”

“ขอรับ!”

“ขอรับ!”

ข้ารับใช้สองคนประสานมือถอยหลังไป ทว่าเดินไปได้ครึ่งทางเว่ยอู๋เว่ยพลันเรียกถามอยู่ข้างหลัง

“จริงสิ ต้นพุทราต้นนั้นออกดอกแล้วกระมัง”

“เรียนเจ้าตระกูล ทั้งตรอกเทียนหนิวมีแต่กลิ่นหอมสดชื่นอบอวล”

เว่ยอู๋เว่ยพึมพำว่า “เป็นเช่นนั้นจริง” จากนั้นโบกมือบอกให้พวกเขาออกไป

แม้ว่าเขาจะลังเลว่าควรรอให้ต้นพุทราออกผลก่อนค่อยจากไปหรือไม่ แต่เว่ยอู๋เว่ยไม่อยากมอบความทรงจำใดให้จี้หยวนมากเกินไป สุดท้ายเขาเลือกพาบุตรชายออกเดินทางในวันที่สิบห้าเดือนห้า

คนที่ติดตามไปด้วยมีลุงของเว่ยอู๋เว่ย ไปจนถึงข้ารับใช้และยอดฝีมือตระกูลเว่ยกลุ่มหนึ่ง คืนก่อนออกเดินทางฮูหยินเว่ยร้องไห้หนักจนถึงค่อนคืน มองแล้วเหมือนเป็นการจากเป็นจากตายอย่างไรอย่างนั้น

จังหวัดเต๋อเซิ่งห่างจากเขาล้อมหยกประมาณแปดเก้าร้อยลี้ นับว่าข้ามรัฐจีเกือบครึ่งหนึ่ง นี่ถือเป็นเส้นทางตรง ระหว่างทางยังต้องอ้อมไปมาอีกทั้งผ่านเขาหยกเขียว ตระกูลเว่ยคาดการณ์ไว้ว่าจะต้องใช้เวลาประมาณครึ่งเดือน

ความเป็นจริงใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ไว้ หลังจากนั้นประมาณสิบวัน คนตระกูลเว่ยทิ้งรถม้าไว้ที่หมู่บ้านตรงตีนเขาชั่วคราว จากนั้นพากันเดินเท้าขึ้นเขาไป

นอกจากเด็กอย่างเว่ยหยวนเซิงแล้ว ทุกคนล้วนมีวิชายุทธ์ติดตัว ข้ามยอดเขามากมายกลางเขาหยกเขียวได้ห้าวัน ในที่สุดก็มาถึงรอบนอกของเทือกเขาเมฆาหมอกแล้ว

หลายวันนี้พวกเขาเก็บผลไม้ป่าและล่าสัตว์ประทังชีวิต เจอแมลงพิษกัดทรมานเป็นวันๆ จนสุดท้ายก็มาถึงจุดหมายปลายทางเสียที

ตอนนี้คนตระกูลเว่ยยืนอยู่บนสันเขา จนตรอกอย่างเห็นได้ชัด ขณะเดียวกันก็มองไปยังทิศทางที่มีเมฆหมอกลอยวนเวียน เว่ยหยวนเซิงฟุบอยู่บนหลังของข้ารับใช้คนหนึ่งอย่างสงบ

“เอาล่ะ พวกเราพักกันตรงนี้ ข้างหน้ามีเพียงข้าและหยวนเซิงที่เข้าไปได้”

เว่ยอู๋เว่ยพูดเหมือนไม่รู้สึกอะไร ทว่าในใจเกิดความรู้สึกเครียดเกร็งขึ้นมาบ้าง พอจับกระเป๋าผ้าไหมในอกเสื้อตามจิตใต้สำนึกถึงค่อยสงบจิตใจได้บ้าง ในนั้นคือนกกระเรียนกระดาษที่ท่านจี้มอบให้

“หยวนเซิง มาขึ้นหลังพ่อ”

“อืม…”

ข้ารับใช้อุ้มเว่ยหยวนเซิงขึ้นหลังเว่ยอู๋เว่ยด้วยความระมัดระวัง เจ้าตัวเล็กกอดคอบิดาตนเองอย่างว่าง่าย

“เจ้าตระกูล…หากมีเรื่องไม่ชอบมาพากลก็กลับมานะ! พวกข้าจะรออยู่ที่นี่สองเดือน!”

เว่ยอู๋เว่ยประสานมือให้ผู้อาวุโสหนึ่งเดียวพลางยิ้ม

“ท่านลุง ท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนตระกูลเว่ยมีเทพคอยช่วยเหลือ ไม่น่าถึงกับล้มเหลว ในเขาลำบากอยู่บ้าง ทุกท่านโปรดระวังตัว รักษาตัวด้วย!”

“เจ้าตระกูลรักษาตัวด้วย! นายน้อยรักษาตัวด้วย!”

“เจ้าตระกูลรักษาตัวด้วย! นายน้อยรักษาตัวด้วย!”

ข้ารับใช้ทั้งหมดพากันโค้งคำนับ วินาทีนี้ในใจเว่ยอู๋เว่ยเกิดความรู้สึกตื้นตันอยู่บ้าง มือของเสี่ยวหยวนเซิงยิ่งกอดคอแข็งแรงของบิดาแน่นไม่ยอมปล่อย ทว่าไม่ได้ร้องไห้เช่นกัน

“ไปเถอะ!”

สิ้นเสียงเว่ยอู๋เว่ย เขาสำแดงท่าร่างกระโจนไปข้างหน้า ไม่นานนักก็หายไปในหมอกแล้ว