ตอนที่ 257 เทพธิดาชุดขาว

เซียนหมากข้ามมิติ

ตอนที่ 257 เทพธิดาชุดขาว

ก่อนหน้านี้กินอิ่มท้องพร้อมพักผ่อนครู่หนึ่ง กอปรกับหลับช่วงกลางวันมาตลอด ตอนนี้ถือว่าหวังลี่สดชื่นแจ่มใสไม่หยอก ยามเล่าเรื่องนับว่าเปี่ยมพลังยิ่ง

วาสนากวางขาวนี้เขาหวังลี่มีเอกสิทธิ์เพียงผู้เดียว ทั้งเคยเล่าตอนอยู่เมืองหลวงและงานส่วนตัวบางจังหวัดแค่ไม่กี่ครั้ง ไม่ใช่เรื่องซึ่งผู้คนคุ้นหูและเล่าได้ ทั้งยังกล้ายืนยันว่าไม่มีนักเล่าเรื่องคนอื่นแฝงตัวเป็นแขกมา ‘ขโมยเรื่อง’

ดังนั้นเรื่องนี้นักเล่าเรื่องคนอื่นไม่มีทางได้ฟัง ทั้งผลตอบรับของเรื่องนี้ล้วนไม่เลวทุกครั้ง กอปรกับเรื่องนี้เทพเซียนถ่ายทอดผ่านฝันจริง ตอนนี้หวังลี่จึงมั่นใจเป็นพิเศษ

พรึ่บ…

พัดกระดาษในมือคลายออก หวังลี่ซึ่งจิตใจนิ่งสงบหยิบไม้ปลุกสติขึ้นมา ตบลงบนโต๊ะเต็มแรง

ปึง…

เสียงชัดกระจ่างดังขึ้น หญิงสาวด้านข้างบรรเลงเครื่องดนตรีในมือ เสียงฉินเส้อผีผาสอดประสาน ตอนนี้เสียงหวังลี่คลุมเครือเล็กน้อย

“เล่าลือว่าเมื่อหลายปีก่อน อำเภอห่างไกลแห่งหนึ่งของต้าเจินเรา มีบัณฑิตแซ่โจวคนหนึ่ง…”

หวังลี่เล่าเรื่องเก่งมากจริงๆ ดนตรีบรรเลงประสานและทักษะการเล่าเรื่องอันโดดเด่นของเขาเปลี่ยนเป็นสอดคล้อง สร้างบรรยากาศจนผู้ฟังเหมือนเจอเรื่องนั้นกับตัว ถอดจิตวิญญาณนักเล่าเรื่อง เลียนเสียงผู้อาวุโสตระกูล เสียงหัวเราะเย้าของหญิงสาวเสมือนจริง

เดิมแขกเหรื่อคิดว่าเป็นเรื่องเดินทางไปสอบแสวงหาชื่อเสียง ถึงอย่างไรตอนนี้คุณชายตระกูลเกาเพิ่งสอบขุนนางผ่าน เรื่องเช่นนี้ก็เหมาะกับสถานการณ์ดี แต่เมื่อดำเนินเรื่องคล้ายมีม่านโปร่งบางถูกคลายออกทีละชั้น สีสันตำนานเทพเริ่มเปิดเผยออกมาทีละน้อย

จี้หยวนฟังจนเพลิน แต่บังเอิญแบ่งสมาธิมาสนใจเรื่องอื่น พบว่าแขกหน้าหลังซ้ายขวาใกล้ไกลล้วนจริงจังและตื่นเต้น แทบไม่มีใครขยับตะเกียบหรือดื่มสุรา

เขาเองถือว่าเคยฟังนักเล่าเรื่องเล่านิทานมาบ้าง บางส่วนนับว่าฝีมือร้ายกาจ อย่างน้อยก็สามารถดึงดูดเขาคนแซ่จี้ได้ แต่นักเล่าเรื่องมือฉมังอย่างหวังลี่มีน้อยมากจริงๆ

หากกล่าววิจารณ์ตามความเป็นจริง ตอนนี้หวังลี่ทักษะยอดเยี่ยมยิ่งกว่าตอนอยู่งานเลี้ยงส่งท้ายปีเก่าของจวนจิ้นอ๋อง เห็นชัดว่านอกจากมีเรื่องวัตถุสื่อจิตของจี้หยวนคอยช่วยแล้ว พรสวรรค์ของตัวหวังลี่ยังเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนา

“อี๊ด…”

เสียงกวางร้องอย่างประหลาดและว่างเปล่าดังขึ้นมาจากหลังฉากกั้น แขกเหรื่อทั่วโถงล้วนคว้ากางเกงกำหมัดแน่น หลายคนรู้สึกหนังศีรษะชาวาบขนลุกชัน พวกเราต่างรู้จักเสียงปีศาจนี้

เสียงกวางร้องซึ่งหวังลี่เลียนแบบคล้ายว่าด้านหลังฉากกั้นไม่มีคน แต่เปลี่ยนเป็นปีศาจกวางตัวหนึ่ง

พึ่บพั่บ… พึ่บพั่บ… พึ่บพั่บ…

หน้าต่างสองสามบานถูกลมพัดเปิดออก

วู้ม… วู้ม…

ลมเย็นยามค่ำคืนพัดผ่านหน้าต่างทุกบานบนชั้นสองของหอร่มเย็นเข้ามา ทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวเยือกยิ่งกว่าเดิม

บ่าวตระกูลเการีบปิดหน้าต่างใหม่อีกครั้ง แต่ความรู้สึกจากการฟังเรื่องราวของทุกคนกลับไม่ลดลง

หากไม่ใช่ว่าด้านในมีตะเกียงกันลมสะท้อนเงาบางส่วนบนฉากกั้น สามารถมองเห็นรูปร่างคุณชายที่ยังถือพัดกระดาษ ไม่แน่ว่าอาจมีบางคนถูกทำให้ตกใจจนลุกขึ้นแล้ว

แววตาจี้หยวนเรียบเฉย หวังลี่เล่าเรื่องดีมาก แต่ ‘โครงเรื่อง’ เหมือนมีตัวแปรอื่น สายตาเขากวาดมองไปตรงหน้าต่าง

เมื่อลมหนาวเย็นระลอกหนึ่งพัดมา ข้างโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งเดิมว่างเปล่า มีหญิงสาวชุดขาวแต่งหน้าบางคนหนึ่งปรากฏตัว กำลังมองไปทางฉากกั้น

‘น่าสนใจ แสงเทพไม่ชัดแต่มีกำยานห้อมล้อม หรือว่าเป็นเทพธิดา’

จี้หยวนไม่แสดงสีหน้า แต่มุมปากกลับเผยรอยยิ้มเสี้ยวหนึ่ง

ปึง…

ไม้เคาะกระทบปลุกทุกคนโดยรอบ

“อยากรู้ว่าต่อมาเป็นอย่างไร อีกหนึ่งถ้วยชาค่อยฟังบรรยาย!”

เมื่อหวังลี่กล่าวประโยคนี้จบ คนไม่น้อยค่อยผ่อนลมหายใจ ท่านเกาลุกขึ้นกล่าวทันที

“ทุกท่านกินอาหารดื่มสุราสักหน่อยก่อน อาหารใหม่มาส่งยังไม่ทานเลย มาๆๆ ทุกท่านกินก่อน กินก่อน!”

เมื่อครู่คนส่วนใหญ่ล้วนฟังเพลินเกินไป ไม่สนใจการรับประทานอาหารโดยสิ้นเชิง ตอนนี้การเล่าเรื่องปิดฉากชั่วคราว ทุกคนค่อยเริ่มกินดื่มใหม่อีกครั้ง แต่ส่วนใหญ่ยังกินพลางพูดคุยถึงเรื่องเล่า

จี้หยวนก็เช่นกัน จับตะเกียบคีบเนื้อห่อข้าวเหนียวที่เพิ่งมาใหม่ จุ่มน้ำจิ้มที่อยู่ด้านข้างเล็กน้อย นำเข้าปากลิ้มรสชาติ

“โอ้โห นักเล่าเรื่องที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองหลวงโดดเด่นเหนือธรรมดาดังคาด!”

“ถูกต้องที่สุด เมื่อครู่ข้าฟังจนขนลุกชันไปทั้งตัว”

“เจ้าด้วยหรือ ข้าก็ด้วย!”

“โอ้ บังเอิญนัก”

“ทักษะเล่าเรื่องของคุณชายหวังร้ายกาจดังคาด ก่อนหน้านี้ข้าเคยฟังนักเล่าเรื่องครั้งสองครั้ง ไม่มีใครเก่งเท่าเขาเลย”

“อืม เรื่องวาสนากวางขาวดีขนาดนี้แต่กลับไม่เคยฟัง คุณชายเป็นผู้แต่งเองจริงหรือ”

เมื่อฟังถึงตรงนี้คุณชายรุ่นเยาว์โต๊ะเดียวกับจี้หยวนดูตื่นเต้นมาก

“เขาบอกว่าเทพเซียนถ่ายทอดผ่านฝัน ข้าได้ยินว่าคุณชายหวังลี่คนนี้ เดินทางทั่วทิศตามหาเรื่องอัศจรรย์นานัปการ ถือว่าเป็นยอดบุคคล”

จี้หยวนแค่กินอาหาร หากด้านข้างมีคนคุยกับเขาย่อมคล้อยตามสองประโยค จากนั้นค่อยมองตรงฉากกั้นเป็นพักๆ มองเงาบนฉากกั้นซึ่งสะท้อนจากแสงตะเกียงกันลมด้านใน หวังลี่ฉวยโอกาสนี้ดื่มชาดับกระหาย ยังมีหญิงสาวดีดผีผาเมื่อครู่ลุกขึ้นนำพัดมาโบกให้เขา

ภายในฉากกั้นตอนนี้หวังลี่พยายามพักผ่อนเต็มที่ ดื่มชาเสร็จแล้วหลับตาบำรุงจิต ผ่านไปราวครึ่งเค่อค่อยลืมตาขึ้น ประสานมือขอบคุณหญิงสาวด้านข้าง

“ขอบคุณแม่นางท่านนี้มาก เจ้ารีบพักผ่อนหน่อยเถอะ อีกเดี๋ยวยังต้องดีดผีผาอีก”

“อืม!”

หญิงสาววางพัดก่อนก้าวออกจากฉากกั้น กลับไปนั่งตรงตำแหน่งของตน ด้านข้างมีพวกพ้องพูดคุยอะไรกับนางทันที ทั้งยังชี้ฉากกั้นพลางปิดบังใบหน้าแอบยิ้ม

เมื่อเวลาผ่านไปจี้หยวนรับรู้อย่างชัดเจนว่าจิตใจของแขกเหรื่อไม่จดจ่อกับอาหารแล้ว ด้วยไม่นานหวังลี่จะเริ่มเล่าเรื่อง เมื่อมองหญิงสาวชุดขาวซึ่งมาตามลมอีกครั้ง ท่าทางนางไม่ต่างกันนัก

ตรงโต๊ะซึ่งจี้หยวนนั่งอยู่ มีแค่เขาคนเดียวที่กินไม่หยุด อาหารของหอร่มเย็นรสชาติไม่เลวจริงๆ หลายปีนี้ส่วนใหญ่เขากินแต่อาหารทั่วไป บางครั้งเปลี่ยนรสชาติบ้างย่อมเป็นสิ่งที่เทพเซียนลุ่มหลง

ปึง…

ไม้ปลุกสติตบลงมา หวังลี่ลุกขึ้นสะบัดพัดกระดาษ เสียงเปี่ยมพลังดังขึ้นอีกครั้ง เวลานี้แขกทั่วโถงไม่มีใครกินอาหารอีก ทั้งหมดล้วนเงียบฟังอย่างจดจ่อ

“คราวก่อนกล่าวถึงคุณหนูแซ่ไป๋ ที่แท้เป็นกวางขาวสำเร็จภูตตัวหนึ่ง แปลงร่างเป็นหญิงสาวแรกแย้มปรากฏตัวตรงหน้าคุณชายโจว…”

หวังลี่เริ่มเล่าอีกครั้ง ด้วยตอนนี้เรื่องราวพัฒนามาถึงขั้นหนึ่ง เรื่องบัณฑิตพากเพียรอ่านตำราหวังเป็นขุนนางน้อยลง เริ่มมีสีสันตำนานเทพรวมถึงความรักอัศจรรย์มากขึ้น

ระหว่างนี้มีเรื่องภูตผีปีศาจ ทั้งมีอันตรายบางส่วน บางตอนถูกหวังลี่วางกับดักใส่จนไม่มีความแน่นอน

จี้หยวนจำต้องทอดถอนใจอีกครั้งว่าหวังลี่เป็นอัจฉริยะ บัณฑิตโจวซึ่งเดิมควรปราณหยางอ่อนแอเพราะโดนปราณปีศาจยามท่องราตรีแล้วเจอผี กลับถูกหวังลี่ปรับแก้เป็นเรื่องอัศจรรย์ชวนตระหนก ผีร้ายนักพรตล้วนออกโรง แม่นางกวางขาวช่วยสามี…

แม้แต่จี้หยวนยังฟังสนุกเหมือนติดละครเมื่อชาติก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบรรดาแขกเหรื่อ ลุ่มหลงลืมตัวกันนานแล้ว

สุดท้ายเมื่อเล่าถึงตอนกวางขาวตามสามีซึ่งแก่ตายเข้าขุมนรกขอร้องเทพหลักเมืองจนถูกดึงวิญญาณจองจำพร้อมกัน บรรดาแขกหญิงสาวส่วนใหญ่ล้วนหลั่งน้ำตา

“นับจากนั้นแม่นางกวางขาวถูกขังอยู่ศาลมืด ใช้ชีวิตร่วมกับท่านโจวในปรโลก ทุกปีเมื่อครบรอบวันตายของท่านโจว ย่อมเป็นวันที่ศาลมืดลงโทษแม่นางกวางขาวด้วยการเฆี่ยนแส้ บนโลกความรักแท้จริงหายากยิ่ง คนปีศาจครองรักนิรันดร์ ทำให้ผู้คนไม่วายทอดถอนใจ…”

หวังลี่เล่าถึงตรงนี้ก่อนเคาะไม้เบาๆ ส่งเสียงลุ่มลึก

“อี๊ด…”

เสียงกวางร้องแผ่วเบาดังมาจากด้านหลังฉากกั้นอีกครั้ง

แขกเหรื่อด้านนอกได้ยินแล้วรู้สึกเหมือนไฟฟ้าสถิต แต่ความหวาดกลัวน้อยลงไปมาก ความซาบซึ้งพลุ่งพล่านกว่าเดิม

หลายคนนวดแขนและต้นขาตามจิตใต้สำนึก ช่วงท้ายเรื่องทำเอาขนลุกชันไม่น้อย

แปะๆๆๆ…

“ยอดเยี่ยม!”

“เล่าได้ดี เล่าได้เยี่ยม!”

แปะๆๆๆ…

“ถูกต้องที่สุด ยอดเยี่ยมมาก…!”

“คุณชายหวังมีความสามารถจริงๆ!”

“ใช่แล้ว เล่าได้ดีนัก”

แขกเหรื่อทั่วโถงปรบมือกู่ร้องยินดี ยิ้มพลางกล่าวชมนักเล่าเรื่องหวังลี่ว่าทักษะล้ำเลิศ

เรื่องราวมีทั้งหมดสี่ตอน เล่าเกือบสองชั่วยามถึงจบ ฉากกั้นสองบานถูกคนรับใช้ยกลงไป เผยตัวหวังลี่ซึ่งเหงื่อบนใบหน้ายังไม่เหือดหาย

ท่านเกาและคุณชายเกาลุกขึ้นพร้อมกัน ประสานมือกล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณคุณชายหวังที่นำถ้อยคำเลิศล้ำมาบอกเล่ากลางดึก ขอบคุณคุณชายมาก”

หวังลี่รีบลุกขึ้นคารวะตอบ ปากกล่าวถ่อมตัวอย่างต่อเนื่อง

จี้หยวนปรบมือเช่นเดียวกัน แต่ความสนใจแน่นอนว่าจดจ่อตรงหน้าต่างมากกว่า เห็นหญิงสาวคนนั้นจ้องมองหวังลี่ด้วยสายตาเยียบเย็น สะบัดแขนเสื้อยาวสองข้าง

วู้ม… วู้ม…

หน้าต่างซึ่งก่อนหน้านี้ปิดอยู่ถูกพัดจนเปิดออก ลมแรงกว่าก่อนหน้านี้อยู่บ้าง ทั้งแปลกยิ่งกว่า ลมจำนวนมากเหมือนเปลี่ยนทิศทางได้ หมุนวนเข้าตัวครอบตะเกียงบางส่วน ทำให้แสงไฟพวกนั้นส่ายสั่นรุนแรง

ภายในหอร่มเย็นเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง แขกบางส่วนถูกการเปลี่ยนแปลงประหลาดนี้รบกวนจนกระสับกระส่ายอยู่บ้าง คนตระกูลเกาสั่งบ่าวปิดหน้าต่าง แต่กลับพบว่าหน้าต่างหลายบานปิดไม่ได้

ลมแรงขึ้นเรื่อยๆ แสงเทียนในตัวครอบตะเกียงมอดดับต่อเนื่อง

“อ๊าก…”

“เกิดอะไรขึ้น!”

“นายท่าน…”

ทุกคนตื่นตระหนกอยู่บ้าง หวังลี่โซซัดโซเซมึนงงอยู่กลางโถง…

แต่พริบต่อมาลมล้วนสงบลง หน้าต่างซึ่งดันไม่ไปก่อนหน้านี้พลันเสียแรงต้าน ทำให้พวกบ่าวซวนเซชนหน้าต่าง

หญิงสาวชุดขาวคนนั้นมองซ้ายมองขวาทั้งมองนอกหน้าต่างอย่างตกตะลึงบอกไม่ถูก สะบัดสองมือแต่พบว่าโดยรอบไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อย

“หึ…”

จี้หยวนหัวเราะแผ่วเบาคราหนึ่ง นิ้วชี้ออกห่างจากโต๊ะ ข้างถ้วยเขามีคราบสุราเหลืองเขียนว่า ‘ลมสงบ’

—————————-